จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
28 เมษายน 2555
 
All Blogs
 

ล่องกัลปาลัย By หมอกมุงเมือง



ล่องกัลปาลัย
By หมอกมุงเมือง



ล่องกัลปาลัย นิยายชื่อแปลกเรื่องนี้ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าแปลว่าอะไรนะคะ
แต่ถ้าดูรูปจากปกแล้วแน่นอนมันต้องมีความเป็นแฟนตาซีในเรื่อง โดยปกติแล้ว
นิยายของ ณ บ้านวรรณกรรม ถึงอ่านปกหลังไปก็ไม่รู้ว่าเรื่องย่อมันเป็นยังไงอยู่ดี
เพราะมักจะตัดแค่คำพูดในเรื่องหรือฉากในฉากหนึ่งมาลง แต่....เล่มนี้หลังปกอ่านแล้ว
รู้เรื่องล่ะค่ะ พอจะจับแนวทางของเรื่องได้แล้ว วู้ปี้ไชโย!


ล่องกัลปาลัยเปิดเรื่องมาด้วยภาษาอลังการ ทำเอาเจ้าแก้วชะงักไปเล็กน้อย
เพราะไม่ใช่ศัพท์ประเภทคุ้นตานัก แต่หลังจากนั้นเรื่องราวก็ตัดเข้าสู่ยุคปัจจุบัน
ตัวละครร่วมสมัยกับคนอ่าน เริ่มด้วยปริศนา..จากนวนิยายฆาตกรรมยอดฮิต
มาสู่ฆาตกรรมในโลกจริง ที่ทำให้ทั้งตำรวจและฆาตกร ต่างสงสัยว่าผู้เขียน
รู้เรื่องได้ยังไง ทั้งที่ตัวจริงแล้ว "ปีระกา" เป็นผู้หญิงจอมเฮี้ยว ซ่า และหัวแข็ง
อีกต่างหาก ไม่ได้มีวี่แววของผู้รอบรู้ ช่างสังเกตหรือเคี่ยวจัดอย่างนักสืบนัก
ในทางกลับกัน หล่อนเป็นผู้หญิงรั้นๆ ร่าเริงแจ่มใสเสียด้วยซ้ำ


ไม่มีใครรู้ความลับของเธอ แม้แต่ "ผู้กองคมจักร" ที่เฝ้าติดตาม ว่าเธอรู้อย่างไร
นิยายของเธอนำทางตำรวจเฉลยคดีฆาตกรรมมา 5 เรื่องติดต่อกันแล้ว
ความจริงแล้วปีระกามีพรายกระซิบค่ะ เป็นเพื่อนที่มีแต่เสียงซึ่งเธอได้ยินเสียง
ของเขามาตั้งแต่เล็ก เพื่อนผู้ไร้ร่างคนนี้ชื่อ "ธาม" ค่ะ เขามักจะชักพาวิญญาณ
ที่โดนฆาตกรรมมาให้เธอสัมภาษณ์ ก็อปซิปวงในขนาดนี้ปีระกาก็เลยรู้ลึกรู้จริง


แต่ก่อนที่คดีฆาตกรรมตระกูลใหญ่จะไปถึงไหน ก็มีอันต้องค้างเติ่งเพราะปีระกา
หยุดเขียนเอาดื้อๆ โดยอ้างว่าป่วย คมจักรจึงติดตามเธอไปจนพบว่าจริงๆ แล้ว
นักเขียนสาวได้รับมรดกจากปู่ทวดที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน เธอจึงเดินทางไปที่
ปางงิ้วดำ แล้วก็พบว่าเธอได้รับปราสาทยุโรปหลังใหญ่กลางป่าเป็นมรดก
ทำเอาปีระกาตกใจ เพราะนึกว่าจะเป็นที่ดินห่างไกลความเจริญเสียอีก


ปราสาทฝรั่งมาอยู่ตรงนี้ แถมยังมีบัตเลอร์อีกต่างหาก ทำให้ปีระกาและเพื่อนสาว
ที่พกมาด้วย อยากรู้ความเป็นมาของคุณทวดเสียแล้ว ที่สำคัญคือคุณปู่ของเธอ
ไม่ได้ติดต่อคุณทวดเลยราวกับตัดขาดกันไป แต่มรดกก็เป็นของเธอจริงๆ ไม่ได้ฝัน
"ภูไท" ทนายความรูปหล่อเป็นพยานได้ นอกจากผู้กองคมจักรที่พยายามตามเธอ
มาถึงที่นี่แล้ว ฆาตกรก็ตามเธอมาเช่นกัน


เมื่อมาถึงที่นี่ปีระการับรู้ถึงความแปลกประหลาด เพราะเธอไม่สามารถติดต่อ "ธาม"
พรายกระซิบประจำตัวได้ หนำซ้ำยังสัมผัสถึงวิญญาณผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พยายามไล่เธอ
ให้กลับไป ยิ่งอยู่ไปยิ่งรับรู้ถึงความแปลกประหลาด คุณหลวงอนุรักษ์วนาดร
คุณปู่ทวดนั้นไม่ได้ตายแต่หายสาปสูญไป ระหว่างนั้นเธอก็พบกับความลับบางอย่าง
ปริศนาที่คุณหลวงหายไปนั้น เขาไม่ได้ถูกผู้ก่อการร้ายฆ่าในป่าอย่างที่ใครๆ ลือกัน
แต่เป็นเพราะ....เขาหายไปเข้าในหนังสือเล่มหนึ่งที่เรียกว่า "กัลปาลัย"


"กัลปาลัย" เล่มนี้เป็นหนังสือที่คุณหลวงอนุรักษ์วนาดร ได้มาสมัยไปเรียนต่อที่อินเดีย
ได้จากการช่วยชีวิตพราหมณ์ผู้หนึ่งจึงได้ให้หนังสือเล่มนี้ตอบแทนมา แล้วนั่นก็นำมา
ซึ่งความมหัศจรรย์ เมื่อโลกในหนังสือกับโลกความเป็นจริงได้มาบรรจบพบกัน
คุณหลวงหลุดเข้าไปในหนังสือ ในขณะเดียวกันตัวร้ายในนั้นกลับหลุดออกมา
สู่โลกภายนอก และก่อเรื่องเอาไว้จนกระทั่งมาปีระกามาถึง เรื่องทั้งหมดเหมือนได้กลับมา
สานต่อกันอีกครั้ง



จะเรียกได้ว่าการเนื้อเรื่องแบ่งออกเป็นสามองก์ คือ องก์ของคุณหลวงในยุคอดีต
องก์ของโลกในกัลปาลัย และองก์ปัจจุบันของปีระกา ซึ่งทั้งสามองก์นี้มาอยู่ร่วมกันแล้ว
เจ้าแก้วรู้สึกว่ามันเป็นพล็อตที่ใหญ่มากกกก..ก สามารถหั่นมันออกเป็นสองเรื่องได้สบายๆ
โดยแบ่งเป็นองก์ของคุณหลวงกับกัลปาลัยไว้ด้วยกัน ปีระกาไปอีกเรื่องได้เลยล่ะค่ะ
หรือจะให้ดี ซอยออกเป็นสองภาคเลยก็ได้ เพราะเมื่อมาอยู่รวมกันแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่า
อารมณ์ของแต่ละองก์มันมีความเป็นตัวของตัวเองมาก จนแยกออกจากกันได้
แต่เมื่อมาอยู่รวมกันแล้ว อารมณ์ไม่ค่อยกลืนกันน่ะค่ะ พออ่านแล้วต้องตั้งฟีลใหม่



ในช่วงกัลปาลัยภาษาจะศัพท์แสงจะเยอะหน่อย ให้อารมณ์เหมือนดูหนังเรื่อง
The never ending story ภาคไทยแลนด์ (เนื้อหาไม่เหมือนกันนะคะ แต่ให้อารมณ์
ประมาณนั้น คือเฝ้าดูคนในหนังสือจนในที่สุดก็ได้ป๊ะกัน) ซึ่งเจ้าแก้วชอบพล็อตนะคะ
แต่อารมณ์สะดุด เมื่อมาเจอองก์ปัจจุบันที่นางเอกก๋ากั่นกำลังเถียงๆ แนวนิยายสอบสวน
แนวกิ่งฉัตร ก็เลย...



ไม่ได้คิดว่าคนเขียนคุมไม่อยู่ หรือต่อฉากระหว่างกันแล้วไม่สนิท แต่คาดว่า
เป็นเพราะผู้เขียนอยากจะแบ่งองก์ทั้งสามให้ชัดเจน จึงมีเจตนาใช้ภาษาที่แตกต่าง
เพื่อให้ชัดในเรื่องของเวลา มันเลยรู้สึกว่าอารมณ์ไม่ต่อเนื่องกันระหว่างเปลี่ยนองก์น่ะค่ะ
เลยคิดว่าถ้าเกิดเล่าเรื่องด้วยภาษาเดียวกันทั้งสามองก์ แต่คำเจรจาของตัวละคร
ในแต่ละโลกน่าจะเป็นการบอกมิติอยู่แล้ว ความต่อเนื่องทางอารมณ์น่าจะลื่นไหลกว่า



นอกจากนั้นแล้วรู้สึกว่าคนเขียนมีสิ่งที่อยากเล่าอยากทำในนิยายเรื่องเดียวเยอะมาก
ทั้งอยากเล่าจินตนาการ อยากแต่งกลอน(ซึ่งตรงนี้เป็นความสามารถของผู้เขียน
กลอนไพเราะและงดงามมากค่ะ)...แต่เนื่องจากอย่างที่บอกค่ะ มันหลายอารมณ์
และเล่าจากหลายมุม กว่าเรื่องจะดำเนินมาถึงจุดร่วมกัน ทำให้ต้องอ่านเป็นพักๆ
อารมณ์ไม่ได้ดำเนินต่อเนื่องรวดเดียว เหมือนเรื่องอื่นๆ ของนักเขียนคนเดียวกันนี้



จุดติอีกที่หนึ่ง...จะบอกว่ามักจะเป็นจุดอ่อนของนักเขียนที่เป็นผู้ชายเลยก็ว่าได้
ไม่ว่าจะเป็น พงศกร หรือ หมอกมุงเมือง หรือนักเขียนชายท่านอื่นๆ (เว้นพนมเทียน
ท่านหนึ่งที่เขียนบทรักได้กุ๊กกิ๊กมาก) คือนักอ่านต้องการน้ำตาลบ้างค่ะ แต่ว่า...
น้ำตาลนั้นต้องมีการปรุงแต่งกันให้คนอ่านเชื่อก่อน แล้วอาการกัดหมอน บิดผ้าเช็ดหน้า
จะตามมา แต่ว่า..ยัยปีระกาเธอเพิ่งเห็นหน้า "เขา" แล้วจึงรู้สึกว่าเออนะ..เขาเป็นผู้ชายนิ
คงเขินเนอะกว่าจะดำเนินความสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน กลายมาเป็นแฟน
มันคงต้องใช้เวลามากกว่านี้สักนิด เลยรู้สึกว่าเขาและเธอรักกันเร็วไปเกินกว่าจะเชื่อว่า
มันจะแน่นแฟ้นต้องรอกันครึ่งชีวิตได้ ในขณะเดียวกันคู่ของคุณหลวงฯกับเจ้าหญิง
นี่น่าเชื่อกว่านะคะว่าเขารักกันลึกซึ้ง เพราะเหมือนต่างเป็นความฝันที่จับต้องได้
ของกันและกัน



ถ้าให้เน้นความรู้สึกผูกพันระหว่างพระ-นางมากกว่านี้ เจาะลงไปถึงความรู้สึกนางเอก
ว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะเชื่อมั่นได้เท่าเขา ผู้ชายคนไหนก็แทนไม่ได้ถึงไม่สามารถรักใครได้
นอกเขา จะบิ้วท์อารมณ์นักอ่านหญิงได้มากขึ้นค่ะ หลายๆ ครั้งความรักมันแสดงความรู้สึก
เหนือกว่าการกระทำ ถ้าเจาะอารมณ์รักได้เหมือนตอนเจาะฆาตกรจะฆ่ากันตายได้นี่
จะเพิ่มอารมณ์ของเรื่องมากกว่านี้อีกค่ะ



ดูเหมือนจะติเสียเยอะ ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ ปกติเจ้าแก้วอ่านนิยายของหมอกมุงเมือง
แทบทุกเล่มเป็นนักเขียนที่ชอบมากคนหนึ่ง เล่มนี้ชอบไอเดียของเรื่องเป็นพิเศษค่ะ
รู้สึกว่าสามารถเขียนต่อ หรือมีแฟนฟิคเกิดขึ้นได้เลยนะคะ มันสามารถต่อยอดไอเดีย
ออกไปได้อีก ใครจะรู้...ถ้ากัลปาลัยไม่ได้มีเล่มเดียว







 

Create Date : 28 เมษายน 2555
7 comments
Last Update : 3 มกราคม 2558 23:26:32 น.
Counter : 1194 Pageviews.

 

เพิ่งแวะเข้ามาอ่านโดยบังเอิญ เขียนแนะนำหนังสือได้ดีค่ะ ขออนุญาต อธิบายคำว่า องค์ ที่คุณใช้หน่อยนะคะ องก์ ต้องใช้ตัวนี้ค่ะ เพราะองก์ ตัวนี้ แปลว่า ฉากหนึ่ง หรือตอนหนึ่ง ค่ะ เช่น ละครเรื่องนี้ มี 3 องก์ เป็นต้น

 

โดย: อาจารย์สุวิมล IP: 27.130.132.111 28 เมษายน 2555 10:54:37 น.  

 

คุณหมอกมุงเมืองเหมือนจะเคยอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับแมลงค่ะ
เห็นด้วยเรื่องผู้ชายที่เขียนนิยายรักค่ะ
"ส่วนใหญ่" บทโรแมนติกกุ๊กกิ๊กจะบรรยายสู้ผู้หญิงไม่ได้
อ่านแล้วจะรู้เลยว่านี่ผู้ชายเขียน
มันจะเป็นมุมมองของผู้ชายที่บางครั้งสัมผัสได้ถึงอารมณ์ดิบๆ
อย่างเพชรพระอุมาของคุณพนมเทียนเราก็รู้สึกได้ค่ะ
สิ่งที่รพินทร์คิดหรือทำกับผู้หญิงในเรื่องรวมทั้งคุณหญิงดารินด้วย
บางครั้งเราก็ตกใจ แต่พอดีมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชาย ก็เชื่อว่าผู้ชายคิดอย่างนี้จริงๆ
ถ้าเป็นผู้หญิงความอ่อนหวานละเมียดละไมจะมากกว่านี้

 

โดย: cercut IP: 58.8.113.171 28 เมษายน 2555 14:03:45 น.  

 

เคยอ่านของผู้เขียน 2 เรื่อง บทโรแมนติคเห็นด้วยว่าสู้นักเขียนหญิงไม่ได้ แต่สัมผัสได้ถึงความสุภาพ ไม่ดิบหยาบเหมือนนักเขียนชายบางท่านที่เคยอ่าน เลยไม่ติดใจในความไม่กุ๊กกิ๊กค่ะ

ชอบในแง่ไอเดียเช่นกัน แต่เล่มนี้ยังไม่ได้อ่าน

 

โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ 28 เมษายน 2555 20:23:05 น.  

 

อาจารย์สุวิมล : ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ เดี๋ยวจัดการแก้ไข ณ บัดนาว

cercut : เพชรพระอุมาบู๊หน่อย ลองอ่านเรื่องกุ๊กกิ๊กของพนมเทียนสิคะ น่ารักใช่ย่อย
ของคุณหมอกฯ เรื่องกีฎมนตราเรื่องนั้นค่อนข้างเครียดและสลดค่ะ ถ้าเป็นเรื่องอื่น
จะเน้นลึกลับมากกว่า ส่วนตัวชอบเรื่อง "พิมานภูติ" ค่ะ

พุดน้ำบุศย์ : นักเขียนชายอาจจะเขียนเรื่องรักไม่ลึกซึ้งเท่านักเขียนหญิง แต่เวลาเขียนอีโรติก
หรือเลิฟซีนกลับไม่หยาบเท่านักเขียนหญิงบางคนที่เขียนเรื่องเน้นขายเซ็กซ์ ไปอ่านเจอมา
อ่านแล้วอย่างกะหนัง AV ก็มีค่ะ อ่านแล้วเหวอ เล่นเอานักเขียนชายอายไปเลยล่ะค่ะ


 

โดย: แก้วกังไส 28 เมษายน 2555 23:03:55 น.  

 

เล่มนี้ยังไม่ได้ซื้อเลยค่ะ ไม่ทราบว่ามีงานใหม่ของคุณหมอกมุงเมืองออกมา ชอบงานของคุณหมอกฯตรงเรื่องราวลึกลับ ชวนค้นหาค่ะ ส่วนเรื่องกุ๊กกิ๊กนี่ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะส่วนอื่นๆมันกลบจนลืม

 

โดย: กล้ายางสีขาว 29 เมษายน 2555 16:02:55 น.  

 

เล่มนี้หวานเย็นยังไม่ได้เริ่มอ่านอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลยค่ะ แตอ่านผลงานของอาจารย์มาหลายเรื่องแล้ว ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ แบบว่า...พล็อตน่าสนใจ แนวการเดินเรื่องน่าติดตาม อานแล้วไม่อยากวางเลยค่ะ

 

โดย: หวานเย็นผสมโซดา 29 เมษายน 2555 20:58:02 น.  

 

กล้ายางสีขาว : เรื่องนี้มันมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักด้วยค่ะ แต่ว่าอ่านแล้วไม่ค่อยรู้สึกว่า
จะรักกันขนาดรอคอยกัน 50 ปีได้น่ะค่ะ เลยอยากให้เพิ่มฟิลเลิฟซีนเข้าไป

หวานเย็นผสมโซดา : ใช่ค่ะ จุดเด่นอยู่ตรงพล็อตเด่น

 

โดย: แก้วกังไส 1 พฤษภาคม 2555 2:34:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.