จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
ผู้เสกทราย By ลวิตร์



ผู้เสกทราย
By ลวิตร์



เจ้าแก้วนึกดีใจว่านิยายที่มีคำว่า "ทราย" อยู่ในเรื่องเล่มนี้
เหตุไม่ได้เกิดในทะเลทราย ไม่มีชีคผู้คลั่งรัก ไม่มีการตบจูบ
เกิดขึ้นในเรื่อง และดีใจที่มันยังคงเป็นนิยายแฟนตาซีตาม
ความเข้าใจเมื่อเห็นชื่อผู้เขียน "ลวิตร์" อาจเป็นนามปากกา
ที่ไม่คุ้นหูสำหรับนักอ่านทั่วไป แต่สำหรับนักอ่านในอินเตอร์เน็ต
แล้วชื่อนี้ขลังพอๆ กับ ชื่อจริงของผู้เขียนอันเป็นที่รู้จักกันดี
ในโลกของวรรณกรรมเยาวชนอย่าง "พัณณิดา ภูมิวัฒน์"


หนังสือเล่มนี้หนา...แต่ก็ไม่น่าเบื่อ เพราะมีอะไรให้ค้นหา
ในเรื่องไปเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเจ้าแก้วเคยเห็นคอมเม้นท์ของ
คุณ"สาวไกด์ใจซื่อ" กล่าวไว้ว่านักเขียนท่านนี้ชะรอยจะ
เป็นนักเขียน "มีของ" เจ้าแก้วไม่รู้ว่าคำว่ามีของนั้นหมายถึง
มีพรสวรรค์หรือเปล่า หรือว่ามีมนต์สะกดคนอ่านทุกครั้ง
ที่อ่านนิยายของเธอกัน? มันถึงรู้สึกอินและตื่นเต้นที่จะอ่านต่อไป



เจ้าแก้วไม่ใช่คนที่อ่านนิยายแฟนตาซีมากนัก และการเขียนนิยาย
แฟนตาซีสำหรับเจ้าแก้วก็เป็นเรื่องยาก เพราะเราต้องสร้างโลกอีกใบ
ที่คนอ่านไม่รู้จักไม่คุ้นเคยและพาเขาเข้าไป ไม่เหมือนนิยายสามัญ
ซึ่งดำเนินเรื่องในโลกใบเดียวกับที่เราทุกคนหายใจอยู่จึงง่าย
ต่อการเข้าใจ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายนัก แต่นิยายของลวิตร์
ไม่ทำให้เจ้าแก้วรู้สึกหลงทางระหว่างอ่าน มองเห็นภาพโลกใบนั้น
ตามที่ผู้เขียนนำทางเข้าไป มองเห็นได้ชัดเจนเช่นเดียวกับที่
ตัวละครมองอยู่ไม่ผิดเพี้ยน


ลวิตร์เป็นนักเขียนที่ให้ความสำคัญกับจุดเล็กจุดน้อยในเรื่องพอๆ
กับการมีจินตนาการดีๆ จึงทำให้เรื่องของเธอลึกมีมิติและสัมผัสได้
เจ้าแก้วคิดว่านักเขียนนิยายส่วนมักจะมีของแบบนี้ นั่นคือ จินตนาการ
โดยเฉพาะแฟนตาซีจำเป็นมาก และพวกเขาก็ให้ความสำคัญกับมัน
มากที่สุด บางทีมากกว่าตัวละครเสียด้วยซ้ำ แต่ลวิตร์มีของมากกว่านั้น
เธอมีของ 3 อย่าง คือมีพล็อต มีความลึกของตัวละคร แล้วก็...สาร์น
ที่แนบเข้าไปในภาษา ทำให้นิยายออกมา “ใหญ่-ลึก-กว้าง” กว่าคนอื่น


สาร์นที่แนบเข้าไปในภาษาเป็นอย่างไร? ถ้าเอาแบบที่เจ้าแก้ว
คิดนะคะ ในการเขียนภาษามันมีสองลักษณะที่เราใช้ในการสื่อสาร
บางทีเราใช้มันเป็นแค่น้ำมันหล่อลื่นเท่านั้น แต่น้ำมันหล่อลื่น
ก็มีหลายระดับ เอาไว้ขับเคลื่อนเรื่องราวเฉยๆ กับใช้ภาษาสวยๆ
น้ำมันคุณภาพดีขึ้น แต่ว่า... มันอาจจะเป็นแค่น้ำมัน ถ้ามันมี
คุณสมบัติแค่หล่อลื่นขับเคลื่อนเท่านั้น บางสิ่งที่เราอยากแฝงเข้าไป
ในเรื่อง อยากบอกกับคนอ่าน อยากสื่อความคิดของเรา บางสิ่ง
ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง แต่เกี่ยวกับความคิด หรือมันเป็นการแสดง
ความคิดเห็นของเราที่มีต่อตัวละครในมุมมองของพระเจ้า
และไม่ใช่ว่าคนเขียนทุกคนจะใส่มันลงไปด้วย


มันจึงเป็น “สารที่ซ่อนในสาร์น “ ซึ่งคนเขียนทำไปโดยที่ไม่รู้ตัวหรอก
แต่เป็นเพราะว่าเราเห็นตัวละครที่เราเขียนมีชีวิต เหมือนคนๆ หนึ่ง
บางทีเราก็แสดงความคิดของเราที่มีต่อเขาน่ะค่ะ ถ้าไม่ได้เห็น
เขามีชีวิต ผู้เขียนอยากเล่าเรื่องเฉยๆ ก็อาจจะไม่ได้แสดงความคิด
เห็นอะไร นอกจากเรื่องที่ตัวละครไม่รู้เช่นอีกตัวตามหาเขาอยู่


สาร์นเหล่านั้นบอกเล่าผ่านตัวละครของลวิตร์ ตัวละครของเธอ
"มีแผล" ไม่ใช่แค่ตัวเอกแต่ตัวละครทุกตัวมีแผลบางคนก็แผลเล็ก
บางคนก็แผลใหญ่ บ้างก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยมีแผล หรือแม้แต่
บางคนที่แผลยังกลัดหนองไม่เคยหาย


"การมีแผล" อาจไม่ใช่เรื่องเท่ ไม่ใช่เครื่องหมายแสดงความเก่งกาจ
แต่เป็นการยืนยันว่าพวกเขาเหล่านั้นเคยหกล้ม และลุกขึ้นยืน
แผลนั้นเป็นเครื่องยืนยัน และทำให้มุมมองของพวกเขาที่มี
ต่อแผลนั้นไม่เหมือนกัน เพราะบางคนมองแต่แผลที่เกิดขึ้น
บางคนมองสาเหตุที่ทำให้ตนเองหกล้มแผลพวกนั้นทำให้
พวกเขารู้สึกเจ็บ และความเจ็บปวดนี้เองที่ทำให้ตัวละคร
มีชีวิตจนสัมผัสได้ รู้สึกได้เหมือนที่คนอ่านรู้สึกและพลอยมี
ความเห็นใจกับที่มาของแผลพวกนั้นไปด้วย เช่นเดียวกับที่
ผู้เขียนอดแสดงความคิดของตนเองที่มีต่อตัวละครเข้าไป
เยียวยาความเจ็บปวดผ่านตาคนอ่าน ให้ความหวังให้มุมมอง
ที่เปิดกว้างออกไป ทำให้ผู้อ่านคล้อยตามหรือแสดงความคิด
ของตนเองระหว่างอ่าน จนบางทีไม่อาจเกลียดตัวร้ายได้ลงคอ
พอๆ กับที่อาจจะไม่สามารถรักตัวเอกได้เต็มหัวใจ


แต่ที่แน่ๆ ตัวละครมีทิศทางความคิดของตนเองชัดเจน แม้
บางครั้งจะสับสนไปบ้างแต่เป็นการสับสนในฐานะมนุษย์
ที่อาจมึนงงต่อชะตากรรมของตนเอง ไม่ใช่สับสนในการเขียน


ระหว่างอ่านบางเหตุการณ์บางตอนในเรื่อง ก็ทำให้เจ้าแก้ว
รู้สึกเจ็บแผลตามตัวละครไปด้วย เหมือนจำได้ว่าเราเคยมีแผล
แบบนี้เหมือนกันนะ แต่เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งลืม หรือไม่ได้
คิดถึงมันอีกเพราะแผลมันอยู่ภายในใจไม่ใช่แผลที่เห็นได้ภายนอก


แล้วเจ้าแก้วก็ต้องเสียน้ำตาให้กับนิยายเรื่องนี้ ไม่ใช่เนื้อเรื่อง
มันเศร้า แต่เสียน้ำตาเพราะ...ตัวละครค่ะ ตัวเอกของเรื่องนี้
เป็นเด็กผู้ชายผมแดงอายุแค่ 10 ขวบ เขาเป็นเด็กที่มีแผลจาก
สิ่งแวดล้อม ด้วยคุณสมบัติด้อยที่ตนเองมีอยู่ เขาไม่รู้วิธีแก้ไข
ความแตกต่างที่ทำให้ตนเองไม่เท่าเทียมคนอื่น “คาซี” มีแผล
จากการถูกมองข้าม เมื่อเขาพาตัวเองไปสู่สังคมซึ่งต่างกับ
ที่เคยมีมาเด็กน้อยพบคนที่ดีกับเขามากมายหลายคน แม้ว่า
คนพวกนั้นจะไม่ใช่คนที่ดีกับทุกคน หรือได้ชื่อว่าคนดีจริงๆ
ก็ตาม...แต่เขาดีกับคาซี สำหรับเด็กที่ไม่ใช่เด็กแก่แดด
จึงเปิดกว้างมองเห็นแต่สิ่งดีที่หยิบยื่นมาให้


แต่...นั่นล่ะค่ะจุดที่ทำให้สลดตรงที่ว่าที่สุดแล้วทุกคนก็คิดว่า
ยัดสิ่งที่ดีที่สุดให้เด็ก แต่เด็กยังไม่ได้มีวุฒิภาวะในการกรอง
สุดท้ายเราก็เสียเด็กใสๆ ไป กลายเป็นเด็กที่ถูกบีบให้โตกว่า
วัยของเขา แล้วเด็กแยกแยะไม่ออก เพราะว่าทุกคนดีกับเขาหมด
เขาเห็นส่วนดีของทุกคน จึงเห็นใจแต่ไม่เข้าใจ เหมือนเวลาที่
เรามีเพื่อน เราเห็นส่วนดีของเพื่อนเราแม้คนข้างนอกจะบอกว่า
เพื่อนนิสัยไม่ดีก็ตาม แต่พวกเราโตแล้ว...เรารู้ว่าเพื่อนทำอะไร
นั่นมันคือเหตุผลของเพื่อน เพื่อนต้องรับไปเองหามีอะไรที่เป็นผล
จากการกระทำของเขา แต่เด็กแยกตรงนี้ไม่ได้...มันจึงส่งผล
ให้เห็นชัดเจนโดยเฉพาะด้านจิตใจ แล้วเจ้าแก้วก็เสมือนถูก
ย้ำเตือนระหว่างอ่านโดยความไม่ตั้งใจของผู้เขียน ว่าเรื่องนี้
เป็นวรรณกรรมเยาวชนจริงๆ นะ!(เออนั่นสิจริงด้วยเนอะ )


บอกเล่าความคิดตัวเองมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อนๆ อาจจะคิดว่า
มันเป็นเรื่องชีวิตเหรอฟะเนี่ย? ก็ไม่เชิงนะคะยืนยันว่ามันเป็นเรื่อง
แฟนตาซีเช่นเดิมค่ะ งั้นสปอยล์เนื้อเรื่องหน่อยดีกว่า...


โลกในเรื่องนี้...เป็นยุคสมัยที่ยังมีอัศวิน มีพระราชา มีเจ้าหญิง
เจ้าชาย พ่อมด สัตว์ประหลาด ผู้กล้า มีทุกอย่างครบตามสูตร
นิยายแฟนตาซีควรจะมีค่ะ แต่สิ่งที่มีเพิ่มเข้าไปคือ..หัวใจ
ของความเป็นเด็ก และหัวใจที่มีแผลของตัวละคร โลกที่ดูเผินๆ
จะสุขสงบกลับถูกขีดเส้นแบ่งคนออกเป็นสองจำพวก พวกหนึ่ง
คือคนธรรมดาสามัญ กับอีกพวกหนึ่งคือคนที่มีพลังเวทมนต์
อยู่ในตัว บางคนสืบสายจากพ่อมดแม่มด แต่ก็มีอีกหลายคน
กลายพันธุ์อยู่ๆ ก็เกิดมีพลังเวทขึ้นในตัว คนมีพลังเหล่านี้เหมือน
คนมีกรรม เพราะนอกจากไม่รู้ว่าวันดีคืนร้ายพลังในตัวจะถึง
ขีดสุดและระเบิดออกจากร่างเขาเมื่อไรเมื่อนั้นความตายก็มาเยือน
กับถูกมนุษย์ผู้หวาดกลัวคนมีพลังก็ออกตามล่าพวกเขาอย่าง
เลือดเย็นจนเป็นสงครามมาหลายร้อยปี


จนกระทั่งมีผู้กล้าอย่าง “อมารอค” ปรากฏตัวขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน
อมารอคมีเวทมนต์แต่เขาไม่ได้ต่อต้านคนธรรมดา และการ
อุทิศชีวิตของเขานั้นนำความสงบสุขมาให้แผ่นดินทั้งสองพวก
แต่ในความสงบนั้นความเกลียดชังซึ่งกันและกันก็ยังปะทุอยู่เสมอ
“คาซี” เด็กชายตัวน้อยเกิดมาอย่างมนุษย์ผู้ไร้เวทในครอบครัว
ขุนนาง เมื่อแรกเด็กชายถูกคาดหวังว่าฉลาดกว่าผู้ใด เพราะเขาคิด
เลขเป็นก่อนจะเข้าโรงเรียนเสียอีก แต่เอาเข้าจริงคาซีเรียนรู้ช้ามาก
จนหลายคนคิดว่าเขาปัญญาอ่อน ทำให้เด็กชายหมดความมั่นใจ
ไม่กล้าพูดจนกลายเป็นติดอ่าง แต่เขามีพี่ชายที่แสนเก่งอย่าง
“เคอร์รัน” ยิ่งทำให้ปมด้อยของเด็กชายชัดเจนขึ้น


เคอร์รันไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนเก่ง แต่ไม่เก่งไม่ได้เพราะบิดามารดา
เสียชีวิตบ้านก็กำลังจะถูกยึด ทางเดียวที่จะได้ทุกอย่างคืนมา
นั่นคือต้องมีความสามารถ เขาจึงเป็นทหารชั้นยอดจนไม่มีผู้ใด
ติเตียนได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่โลกนี้กระด้างเกินไปบีบให้หนุ่มน้อย
กลายเป็นผู้ใหญ่ผู้มีความรับผิดชอบเต็มมือ ทำให้เคอร์รันไม่มี
เวลาใส่ใจน้องที่อายุห่างกันมากนัก อีกทั้งเขายังใช้วิธีการของ
ทหารซึ่งได้ผลดีกับเขามาใช้กับน้อง แต่เคอร์รันหลงลืมไปว่า
น้องไม่ใช่เขา...จึงทำให้คาซีมีปัญหามากขึ้น


วันหนึ่งคาซีได้พบคนทำน้ำตาลชื่อ “ฟิลัน” ในงานเทศกาล
เด็กชายชอบเขาเพราะฟิลันเป็นคนแรกที่ไม่พูดว่าเขาโง่
หรือมีปัญหาคาซีจึงมาดูฟิลันปั้นน้ำตาลทุกวัน แล้วโชคชะตา
ก็ทำให้คาซีต้องเดินทางไปกับฟิลันโดยบังเอิญ ไปรู้จักโลก
ที่แตกต่างกับโลกของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นโลกของสงคราม
ระหว่างคนไร้เวทกับผู้มีเวท แต่ชะตาไม่หยุดล้อเล่นกับเด็กน้อย
แค่นั้น เมื่อลูกแก้วแห่งอมารอคเลือกคาซีเป็นเจ้าของ...


เรื่องจะเป็นยังไงต่อไปหาอ่านเองนะคะ โฮะ โฮะ ไม่เสียดายเงิน
กับเล่มนี้แน่นอนค่ะรับรองเลย นอกจากเรื่องสนุกแล้วยังมีตรรกะ
ให้โต้เถียงกับตัวละครในเล่มได้ตลอด เรื่องแถม...ในเล่มก็..อืม
หวานค่ะ...และเร่าร้อนเสียด้วย แม้จะไม่มีบทตบจูบก็เถอะ
แต่อ่านแล้วแอบกรี๊ดกับเลิฟซีนค่ะ...ไม่น่าเกลียดไม่อนาจาร
แต่รู้สึกร้อนแรงค่ะ ชนิดไม่คิดว่า...ลวิตร์จะเขียนเรื่องรักได้
รุมร้อนแบบนี้ เอาเป็นว่าเชียร์เล่มนี้แล้วกันค่ะ


Ps.เล่มนี้เป็นภาค 1 นะคะ ทั้งหมดจะมี 2 ภาคค่ะ(ภาค 2 ยังไม่ออก)








Create Date : 10 ตุลาคม 2552
Last Update : 3 มกราคม 2558 23:15:42 น. 11 comments
Counter : 746 Pageviews.

 
น่าอ่านจังค่ะ ปกสวยด้วย


โดย: thezircon IP: 125.24.229.221 วันที่: 10 ตุลาคม 2552 เวลา:11:53:13 น.  

 
น่าอ่าน่ะค่ะแต่ ราคาพาอึ้งนิดหน่อย อิอิ


โดย: ลอยละล่อง IP: 124.120.239.137 วันที่: 10 ตุลาคม 2552 เวลา:19:50:37 น.  

 
ซื้อมาแว่ววแต่รอเล่มต่อ่กอนอ่านฮะ กลัวขาดตอน


โดย: Boyne Byron วันที่: 12 ตุลาคม 2552 เวลา:16:24:26 น.  

 
ได้ติดตามอ่านในพันทิปค่ะ

เข้มข้น สมเป็นพี่ปัน อ่านแล้วอึ้ง ทึ่ง ไปเลย (ฮา)



โดย: ฑาม (ThaMN ) วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:11:25:50 น.  

 
หุๆ มีการกล่าวอ้างถึงเล็กน้อย

อย่างที่บอกแหละค่ะ รู้สึกว่านักเขียนคนนี้เป็นนักเขียนมีของจริงๆ

เล่มนี้ ขนาดพันทิปบอกแจก เรายังไม่เอาเลย ขอซื้อน่ะ อยากทำยอดให้ (ทั้งที่น่าจะไม่มีผลต่อนักเขียน ยกเว้น อาจจะมีส่วนทำให้ต้องพิมพ์ครั้งทีสอง 555+)

ถ้าชอบแนวนี้ ลองหาไมรอนมาอ่านนะคะ เล่มนั้นเราก็ชอบมากๆ ค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:12:44:02 น.  

 
อยากอ่านมากมายเลยค่ะเล่มนี้


โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:15:59:11 น.  

 
thezircon : เห็นด้วยค่ะ ปกสวยจริงด้วย

ลอยละล่อง : ราคาทำให้ต้องตัดสินใจนิดหนึ่ง แต่ถ้าอ่านไปแล้วจะไม่เสียดายเงินค่ะ

Boyne Byron : อยากให้เล่ม 2 ออกเร็วๆ เหมือนกันค่ะ

ฑาม : ตอนลงในพันทิปไม่ได้อ่านค่ะ ไม่ค่อยอ่านนิยายในเน็ตเพราะตาไม่ค่อยดี เลยรออ่านรวมเล่มเอาทีเดียว

สาวไกด์ใจซื่อ : วาทะอันลือลั่นค่ะ เลยต้องยื้อมาหน่อย ส่วนไมรอนอ่านไปนานแล้วค่ะ นี่ไปงานหนังสือได้ปกใหม่มาด้วยล่ะ

หวานเย็นผสมโซดา : ลองอ่านดูสิคะ รับรองติดใจ เชียร์ให้อ่านค่ะ คุณหวานเย็น


โดย: แก้วกังไส วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:12:59:11 น.  

 
ซื้อมาแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้อ่าน
กะจะเก็บเอาไว้ละเลียดอ่านในเวลาเหมาะๆ ค่ะ


โดย: แมวแก่ IP: 125.24.21.167 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:16:22:46 น.  

 
อ่านจบตั้งแต่ซื้อมาวันแรกเลยครับ กินใจมาก
รอเล่มสองอยู่นะครับภาษาดีมาก


โดย: น้องอาร์ต IP: 203.144.144.164 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:43:55 น.  

 
เล่ม2 ออกตอนไหนอะคับ

กลัวขาดตอน


โดย: jeab IP: 202.149.25.225 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:22:20:54 น.  

 
ยังไม่ได้อ่านค่ะ แต่ของนักเขียนไทยคนนี้ เคยอ่าน ไมรอน มาโอฯ แล้วก็ ฯพณฯ แห่งกาลเวลา ค่ะ ชอบมาก โดยเฉพาะ มาโอฯ เล่ม2 ประทับใจมากๆ อ่านซ้ำหลายครั้ง ตอนท้ายของเล่ม อ่านกี่ครั้งก็ร้องไห้นะ ฮ่าๆๆ


โดย: หง่าว IP: 223.206.244.186 วันที่: 11 เมษายน 2554 เวลา:11:57:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.