จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
ในวารวัน - ตะวันเบิกฟ้า By ปิยะพร ศักดิ์เกษม


เขียนโดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม







ในวารวัน
เขียนโดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม


ช่วงนี้เจ้าแก้วอ่านนิยายเยอะค่ะ สะสมจากงานหนังสือ
แต่เยอะจนขี้เกียจรีวิว แถมพักนี้ก็ยุ่งจนไม่ได้อัพเดทบล็อก
เสียนาน ไหนๆ รีวิวแล้วก็เอาสองเรื่องซ้อนเลยนะคะ นี่เอา
เล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบค่ะ ที่เลือกเล่มนี้เพราะว่าเจ้าแก้วชมชอบ
นิยายย้อนยุคของคุณปิยะพรเป็นพิเศษค่ะ ชอบมากกว่านิยาย
ที่มีฉากเป็นปัจจุบัน เพราะรู้สึกว่านิยายย้อนยุคจะมีความหวาน
ละมุนละไม ความรักของคนโบราณมีแง่มุมที่น่ารักน่าถนอม
ค่อยเป็นค่อยไป อ่านแล้วเขินอายหวานล้ำอิ่มเอมกว่าความรัก
ในแบบยุคปัจจุบัน

แต่ไม่ใช่ว่านิยายที่มีฉากเป็นปัจจุบันของคุณปิยะพร จะเขียน
ไม่ดีนะคะ เขียนได้ดีสละสลวยเหมือนงานศิลปะตามสไตล์
ผู้เขียนเลยล่ะค่ะ แล้วก็มักจะมีฉากเป็นต่างประเทศให้คนอ่าน
ได้รู้สึกเหมือนไปเที่ยวกับคู่พระนางด้วยค่ะ เท่าที่อ่านรีวิว
จากหลายๆ บล็อกนั้นมีผู้อ่านจำนวนมากที่ชอบนิยายโรแมนติก
แบบฉากปัจจุบันของคุณปิยะพรมากกว่านิยายย้อนยุคค่ะ
เพราะว่ามันมีความโรแมนติกสูงกว่า สร้างฝันให้คนอ่านผู้หญิง
รู้สึกประหนึ่งได้เป็นนางเอกของเรื่องที่ไปเจอกับรักในต่างแดน
ด้วยค่ะ

ของแบบนี้ต่างจิตต่างใจต่างรสนิยมค่ะ ส่วนตัวเจ้าแก้วรู้สึกว่า
นิยายที่ใช้ฉากเป็นเวลาปัจจุบันของคุณปิยะพรนั้น มีรูปแบบ
และรสชาติของการเป็นนวนิยายสูงกว่าจะเป็นมนุษย์จริงๆ
ที่เห็นชัดๆ ก็คงเป็น “พัทธ์ พระเอกเรื่องใต้ร่มไม้เลื้อย(เรื่องที่มี
คำว่า อย่างชาญฉลาด และ อย่างประณีตเยอะมากกก..ก)
”
เขาเฟอร์เฟ็คเกินไป...เกินจะเป็นชายในโลกแห่งความเป็นจริง
แต่ก็ถือว่าเติมฝันให้สาวๆ หลายคนเทียวล่ะค่ะ หรือจะเป็น
“ใต้เงาตะวัน” ที่คนขายเชียร์ให้ซื้อ เล่มนี้เป็นเล่มโปรดของ
ใครหลายคน มีครบทั้งโรแมนติก ทั้งฆาตกรรม และธรรมะ
ทว่าพอถึงฉากโรแมนติกเจ้าแก้วดันเปิดๆๆ แบบว่าอยากรู้เรื่อง
ฆาตกรรมมากกว่าซะงั้น กลายเป็นว่ากลับไปชอบนิยาย
ข้ามเวลาย้อนยุคเรื่อง “สะพานแสงคำ” ที่ซื้อมาพร้อมๆ กัน
มากค่ะ ตื่นเต้นเร้าใจกับพล็อตอันซับซ้อน ในขณะที่บาง
บล็อกรีวิวว่ารู้สึกเหมือนสะพานแสงคำเล่มนี้ไม่ดีเท่าเล่มก่อนๆ
เพราะหวานน้อยไปคงต้องใช้คำว่านานาจิตตังจริงๆ นั่นแหละค่ะ
เพราะเจ้าแก้วชอบคุณปิยะพรจากสะพานแสงคำ จึงได้
หาเรื่องอื่นๆ ของผู้เขียนคนเดียวกันมาตะลุยอ่านค่ะ

นอกเรื่องไปเสียยาว มาพูดถึง “ในวารวัน” กันดีกว่าค่ะ
เรื่องเริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 “วัน” คือชื่อของเด็กหญิงที่
อาภัพในโชคชะตา ก่อนลืมตาดูโลกพ่อก็สิ้น หลังจากเกิด
ได้ไม่นานแม่ก็เสีย เด็กหญิงจึงถูกผู้เป็นย่าเลี้ยงดูมา โดยย่าวง
นั้นก็ถูกแม่พริ้งลูกติดสามีโกงทรัพย์สมบัติในส่วนที่เป็นของ
ลูกชายตนไปจนหมดสิ้น จากที่เคยมีฐานะเป็นคุณนายบ้าน
เศรษฐีจึงต้องลดฐานะมาเป็นผู้อาศัยอยู่ในเรือนน้อย แล้ว
ทำงานรับจ้างหาเลี้ยงชีพตนเองและหลานสาวไปวันๆ จึงอบรม
หลานสาวไม่ให้หยิบโหย่งและขยันอดทนอีกทั้งมองโลกในแง่ดี
ทั้งที่ถูกรังแกจากป้าแท้ๆ และลูกๆ ของป้าอยู่เนืองๆ แม่วันก็
ยังโตมาเป็นคนดีเป็นที่ชื่นใจของย่า ทว่าโชคชะตาก็เล่นงานเธอ
อีกเมื่อย่างเข้าวัยรุ่นย่าวงก็จากเธอไปอีกคน แถมเครื่องทอง
เมืองลาวอันเป็นปริศนาถึงชาติกำเนิดของมารดาเด็กหญิงวันก็
ถูกป้าพริ้งขโมยไปจนหมด วันจึงต้องอยู่อย่างแร้นแค้นตามเดิม

จะมีก็แต่ “พ่อเทิด” ชายหนุ่มรูปงามลูกชายนายอากรซ้ง
ซึ่งเอ็นดูเธอมาแต่เด็ก มองผ่านความยากไร้ไปถึงตัวตน
อันดีงามดังทองเนื้อแท้ของแม่วัน เรื่องนี้ทำให้ “พิศ”
ลูกสาวของป้าซึ่งหมายตาพ่อเทิดไว้เช่นกันเห็นวันเป็นศัตรู
ที่ต้องกำจัด โดยลืมสิ้นยางอายลูกผู้หญิง ในขณะที่เทิด
ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองดูพิศเลย เพราะมีประสบการ
จากการที่แม่ของตนซึ่งเป็นภรรยาหลวง ถูกแม่ชั้นภรรยาน้อย
ของบิดาทำคุณไสยฯใส่เสียชีวิต เทิดจึงไม่ชอบผู้หญิง
หยิบโหย่งเจ้ามารยา ก็พารังเกียจพิศไปด้วย

แต่ด้วยความเป็นชะนี...เอ้ย ความอยากเอาชนะ เพราะถูกใจ
ในความรูปงามและร่ำรวยของเขา ประกอบกับพ่อแม่เห็นดี
เห็นงามด้วยจึงวางแผนทำให้วันเสียหายคาวโลกีย์ ด้วยการ
แสร้งเดินทางไปธุระที่บางกอก แล้วให้ลูกชายพร้อมเพื่อน
สาระเลวมาข่มขืนวันที่บ้าน เพื่อจะได้ใส่ร้ายว่ามั่วผู้ชาย
แต่นางเอกก็เป็นนางเอกวันยังค่ำค่ะ ประเด็นนี้คนเขียน
ไม่ทำร้ายจิตใจคนอ่านเกินไปนัก

ผ่านจากจุดนี้ไปได้ชีวิตของวันเหมือนจะดีขึ้น เมื่อได้แต่งงาน
กับพ่อเทิดอย่างถูกต้องและสูงค่ายิ่งในพิธีของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
นั่นคือรางวัลชีวิตชิ้นแรกของเธอ แต่ว่าชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป
ความสุขกับความโชคร้ายยังดาหน้าสลับกันมาหาแม่วัน แต่
ด้วยความมีสติและใช้ชีวิตอยู่ในศีลธรรม แม่วันพาชีวิตและ
ครอบครัวผ่านกาลเวลามาได้อย่างงดงามนักจนถึงปั้นปลายชีวิต
ก็ผ่านไปแล้วถึง 4 แผ่นดิน

นี่คือเนื้อเรื่องย่อๆ ค่ะ แต่ขอบอกว่าเรื่องนี้หวานมากกกก
อ่านแล้วมีความสุข นุ่มละมุนเหมือนได้กินของหวานที่
แกะสลักขึ้นมาด้วยความประณีตยิ่ง โดยเฉพาะฉากรัก
เจ้าแก้วงี้เขินแทนนางเอก ขอยกตัวอย่างฉากที่พ่อเทิดเด็ด
ดอกจำปีที่บ้านแม่วันมาดอมดม แล้วเอ่ยว่า... “หากมีจำปี
ดอกนี้แล้ว พี่ไม่ต้องการดอกไม้อื่น”
กรี๊ดค่ะกรี๊ดขอบอก...
อย่าว่าแต่เจ้าแก้วเขินเลยค่ะ แม่วันนางเอกของเรื่องเขิน
แล้ววิ่งหนีเข้าบ้านไปเลยค่ะ ในขณะที่พ่อเทิดมาดแมน
ของเรายืนยิ้ม....วี๊ดดดด...ด

คือฉากรักของคนโบราณ ไม่ต้องมีถูกเนื้อต้องตัว ไม่ต้องมี
XXX ไม่ต้องมีความเร่าร้อนหื่นกระหายอะไรนักหนา ก็ทำให้
ผู้อ่านแทบจะละลายลงไปตรงนั้นเลยค่ะ อีกทั้งคุณปิยะพร
เป็นคนที่เขียนฉากได้ชัดเจน เห็นรูปแบบการดำเนินชีวิต
บ้านเรือน และวิถีชีวิตของผู้คนสมัยนั้น รวมทั้งเกร็ด
ประวัติศาสตร์ต่างๆ อย่างละเอียดลออ ไม่ต้องมานั่งสร้าง
จินตนาการเองเหมือนนิยายที่ใช้อีโมติค่อนบรรยายแทนการ
แสดงอารมณ์ หรือผู้เขียนใส่วงเล็บเอาดื้อๆ ว่าอธิบายไม่ถูก
ดังคนสิ้นมุกหรือไม่ไว้หน้าตัวเองลงในนิยายเลย

นอกจากเกร็ดประวัติศาสตร์และความหวานอันอิ่มเอิบที่
มอบแด่คนอ่านแล้ว ก็ยังมีแง่คิดและเจาะลึกลงในอาชีพ
ประมงด้วยค่ะ แต่มีข้อสงกะสัย 1 เรื่องแทรกขึ้นมาระหว่าง
อ่าน คือ แม่วันเปรียบเทียบตัวเองเป็นหนู พ่อเทิดเป็น
ราชสีห์ แล้วหนูก็ช่วยกัดเชือกปล่อยราชสีห์.......เอิ่ม...มัน
นิทานอีสป แล้วแม่วันซึ่งไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ แต่หนัก
ทางเรียนบัญชีค้าขาย ยกขึ้นมามันดูแปลกไปสักนิด เพราะ
ไม่ใช่ยุคที่หนังสือนิทานต่างประเทศหาง่ายอย่างในปัจจุบัน
เสียด้วย ความแร้นแค้นของแม่วันก็คงไม่อำนวยให้ซื้อ
หนังสือนิทาน อีกทั้งยุคนั้นยังไม่ค่อยมีการแปลนิทาน
มาเป็นภาษาไทยมากเท่าไร แต่ถ้าไม่คิดมากอุปมาไปว่า
อาจจะมีคนอื่นเล่านิทานให้แม่วันฟังอีกทีก็ได้ค่ะ มันไม่ใช่
จุดสำคัญของเรื่องที่จะทำให้อารมณ์ของการอ่านสะดุดไป

ความคิดเห็นส่วนตัวอีกเรื่องค่ะ คือ แม่วันเธอช่างดีงาม
ผิดมนุษย์มนา และมีความอดทนอดกลั้นเกินวัย มีความ
เป็นผู้ใหญ่ในคราบเด็กหญิงมาแต่แต่ยังมัดผมจุกไปเสียหน่อย
ในขณะที่ภาคต่อมาแม่วันผู้ซึ่งกลายเป็นคุณย่าวันไปแล้ว
ในตะวันเบิกฟ้า ดูจะมีความเป็นมนุษย์มากกว่าค่ะ อย่างไร
ก็ดีเจ้าแก้วชอบนิยายเรื่องนี้ค่ะ เป็นอีกเล่มที่แนะนำให้อ่าน
รับรองว่าไม่ผิดหวัง







ตะวันเบิกฟ้า
เขียนโดย ปิยะพร ศักดิ์เกษม


ตะวันเบิกฟ้าเป็นภาคต่อของในวารวัน เป็นเรื่องพีเรียตย้อนยุค
ไปในราวยุค พ.ศ. 2498 ช่วงยุคที่แฟชันผมตีโป่ง หรือตัดสั้นแล้ว
ดัดเป็นลอนวงใหญ่แนบศีรษะกำลังฮิต ควบคู่มากับ เสื้อผ้าสีแป๋น
สดใส รองเท้าส้นเตารีด เป็นแฟนชันในยุคของหนัง มิตร – เพชรา
น่ะค่ะ เรื่องราวความรักความหวือหวาในช่วงนั้นจึงยุคที่ถูก
กำหนดให้เป็นฉากของนิยายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ปริศนา
รัตนาวดี เจ้าสาวของอานนท์ วนิดา วนาลี ใครกำหนด มนต์รัก
ลูกทุ่ง เมฆขลา และ บลาๆๆ ฯลฯ

งานเขียนของคุณปิยะพร มักจะใช้ตัวละครชุดเดิมมาเรียงร้อย
แตกแขนงยอดอ่อนออกไป เป็นสายเครือหรือญาติวงศ์กับ
ตัวละครชุดแรก เรียกว่าสร้างมาทั้งทีขอใช้ให้คุ้มหน่อย หลายๆ
ครั้งที่ผู้อ่านอย่างเจ้าแก้วอยากจะทราบความเป็นไปของตัวละคร
ที่เราได้อ่านจบไปแล้วจากนิยายเรื่องนั้นๆ ว่าพวกเขามีชีวิต
เปลี่ยนไปอย่างไร ก็จะได้เห็นจากงานของคุณปิยะพร หรือ
คุณกิ่งฉัตร เพราะมีนักเขียนไม่มากนักที่จะมีอิทธิพลพอจะฝากฝัง
ตัวละครของเขา ให้ลงรากลงในใจของผู้อ่าน จึงยินดีต้อนรับการ
กลับมาของเขาในนิยายเรื่องอื่นๆ ค่ะ สิ่งเหล่านี้เป็นตัววัด
ความนิยมในงานเขียนของนักเขียนคนนั้นๆ ได้เช่นกันนะคะ

มาถึงเนื้อเรื่องของตะวันเบิกฟ้ากันดีกว่า ในเรื่องกล่าวถึงชีวิต
ในปั้นปลายของแม่วัน หรือ คุณวัน หญิงชราผู้ผ่านชีวิตมา
หลายรูปแบบทั้งตรากตรำและแสนสุข ผ่านกาลเวลามาถึง 4
รัชกาล เธอจึงมากทั้งเครือญาติ ลูกหลาน อีกทั้งทรัพย์สมบัติ
ที่เธอและคุณเทิดสามีผู้ล่วงลับสะสมมาตลอดชีวิต ด้วยความ
ขยันหมั่นเพียรและทำมาหากินอย่างซื่อสัตย์สุจริต ทว่าทรัพย์
สมบัติจำนวนมากนี้เองนำมาความริษยายากลำบากมาสู่ครอบครัว
คุณวันเป็นมีน้ำใจและปรารถนาจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางญาติมิตร
เนื่องด้วยวัยเด็กเป็นกำพร้าจึงต้องชดเชยปมข้อนี้ของตนเอง
ทว่าญาติมิตรใจคดเหมือนงูกลับใช้ความดีประการนี้มาสร้าง
ความเดือดร้อนลำบากให้แก่ครอบครัวของเธอ ตามประสามากคน
ก็มากความและยังมีเหลือบฝูงใหญ่ที่เกาะกิน อีกทั้งยังทำตัวเป็น
บ่างช่างยุอีกด้วย

“ตะวันวาด” หลานย่าของแม่วันผู้เป็นนางเอกของเรื่องนี้ เป็น
จุดกำเนิดให้เกิดเรื่องราว แต่กลับมิใช่ตัวเด่นเสียทีเดียว เพราะ
นี่คือชีวิตของคนครอบครัวใหญ่ไม่ใช่ชีวิตของใครคนหนึ่งคนใด
สรุปแล้วหลานสาวก็แย่งความเด่นไปจากคุณย่าวันไม่ได้ตามเคยค่ะ
คุณย่ายังเกาะบทเด่นเหนียวแน่น เรื่องราวไม่ได้มีการผจญภัย
ใหญ่โต ไม่ได้มีความรักอันโลดโผน ไม่มีการฆาตกรรม หรือ
พินัยกรรมลับให้ค้นหา ไม่ได้มีท่านหญิงท่านชายให้พาฝันเหมือนดัง
เรื่องอื่นๆ ที่เกิดในยุคเดียวกัน แต่ยังคงรักษาความเข้มข้นให้เจ้าแก้ว
วางไม่ลง และอ่านรวดเดียวจบภายในเวลาไม่นาน ทั้งที่เล่มหนา
มากเลยค่ะ

ตะวันเบิกฟ้า กินนัยสองความหมาย ทั้งหมายถึงชื่อของนาเอก
ในตอนนี้ และยามที่แสงตะวันเบิกฟ้าจะส่องถึงบัวใต้น้ำ ที่เอา
ทิฐิและความดื้อรั้นมาบดบังสติปัญญาที่มีเสียจนหมด นอกจากนั้น
พึงจะมี เนื่องด้วยมีตัวละครในเรื่องมากพอที่จะนำมาใช้รับบทได้
ไม่ว่าจะเป็นคุณนายแม่ผู้เห็นแก่เงินมากกว่าเกียรติ และศักดิ์ศรี
ความดีงามของผู้หญิงที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ อย่าง “เกยูร” ที่ขอให้
ลูกสะใภ้เป็นใครก็ได้ที่มากด้วยทรัพย์และอำนาจ ถึงขั้นมาสู่ขอ
ตะวันวาดหลานสาวคุณย่าวันให้ลูกชายแล้วถูกปฏิเสธก็เลย
แก้เกี้ยวขอทวินันท์ลูกสาวคุณย่าแทน เวลาอ่านทีอ่านเจ้าแก้ว
ก็...วุ้ย! คนอย่างนี้ก็มีด้วย ในเกมชีวิตจริงคงจะเก็บเงียบและ
แนบเนียนกว่านี้เป็นแน่ค่ะ แต่เนื่องจากเป็นนิยายการเปรียบเทียบ
จึงแสดงออกให้เห็นชัดเจน ในขณะที่ลูกชายของคุณนายเกยูร
ก็ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองทำตามประสงค์คุณแม่ทุกประการ
ด้วยเสน่หาทรัพย์สินของว่าที่ภรรยามากกว่าเจ้าตัว

หรือ “อรอร”นางร้ายผู้ออกอาการชะนีหาผัวแบบพิมพ์นิยม
ในนิยายไทยทั่วๆ ไป ก็ไม่ได้ห่างหายไปจากนิยายเล่มนี้ค่ะ
อรอรเคยเป็นคู่รักเก่าของนภ(พระเอกของเรื่อง)แต่ระหว่างที่นภ
ไปเรียนเมืองนอก 7 ปี เธอก็แต่งงานกับผู้ชายแก่คราวอาทว่า
มากด้วยทรัพย์สิน ต่อมานภกลับมาหลังสามีเธอเสียพอดิบพอดี
เธอจึงต้องการกลับมาจับชายคนเดิมที่ครบสูตรพระเอก คือทั้งหล่อ
ทั้งรวย โชคดีที่นภไม่ใช่พระเอกผู้มากด้วยมารยาทแต่โง่งมไม่ทัน
เล่ห์มารยาผู้หญิงอย่างเรื่องอื่นๆ เขาจึงจัดการเรื่องนี้ได้ดี และ
อรอร เองก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคมากมายนัก บอกตามตรงเจ้าแก้ว
ออกจะรู้สึกว่าตะวันวาดนางเอกเรื่องนี้สบายกว่านางเอกเรื่องอื่นๆ
เสียด้วยซ้ำ

“ทวินันท์” บทนางร้ายของอรอรถูกทวินันท์ หรือ อานันท์ ของ
ตะวันวาด แย่งซีนไปเสียมากกว่า ยิ่งท้ายๆ เล่มด้วยแล้ว
ทวินันท์เป็นลูกสาวคนเล็กของคุณวัน ที่รูปสวยรวยทรัพย์
แต่ติดที่ว่าเย่อหยิ่งจองหอง กลัวการเสียหน้าเป็นที่สุดเลยทำให้
ความยโสนั้นบดบังสติปัญญาของเธอจนสิ้น ด้วยแรงยุของ
บ่างช่างยุอันเป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้ในละครไทยหลังข่าว

“ครอบครัวโรงเตา” ในจากภาคเดิม ครอบนี้สืบสายมาจาก
ภรรยาคนที่ 3 ของเจ้าสัวเจ้าตระกูลคนแรก ทว่าเป็นตัวร้าย
ทางพันธุกรรมมาตั้งแต่รุ่นทวด คือคุณชั้นซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของ
คุณเทิดสามีย่าวัน(หลายชั้นมากค่ะ) ตอนเจ้าสัวตายก็ได้แบ่ง
สมบัติกับลูกชายเจ้าสัวคนละครึ่ง ทว่าไม่สามารถรักษาทรัพย์
สมบัติที่มีได้ ด้วยความฟุ่มเฟือย ทั้งการพนัน เล่นยา สรุปว่า
ครบเครื่องของการนำความวิบัติมาสู่ชีวิตตนเองนั่นแหละค่ะ
เมื่อหมดตัวก็ขายบ้านแล้วมาอาศัยอยู่ในโรงเตาอันเป็นที่ดินส่วน
ของคุณเทิดกับแม่วัน ซึ่งเคยเป็นโรงครัวมาก่อน บ้านเดิมของ
พวกเขาคุณวันก็ไปไถ่ถอนมาปัจจุบันจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณวัน
และยังเมตตาเลี้ยงดูญาติงูพิษพวกนี้ไว้ โดยหารู้ไม่ว่าพวกเขา
จงเกลียดจงชังคุณวันและครอบครัว หาทางยุให้รำตำให้รั่วทำ
ทุกทางไม่ให้ครอบครัวผู้มีพระคุณมีความสุข ทั้งสิ้นเป็นไป
เพราะความอิจฉาริษยาล้วนๆ

แค่ยกตัวอย่างตัวละครพิมพ์นิยมละครข่าวออกมาเป็นชุดๆ แบบนี้
ก็คงบอกถึงความเข้มข้นถึงนิยายชีวิตเรื่องนี้ได้เป็นอย่างนี้แล้วนะคะ
คงต้องไปอ่านกันเองว่าใครจะได้ดีใครจะได้รับผลกรรมที่ตนเอง
ก่ออย่างไรกันได้ในเรื่องนี้ค่ะ และยังได้เห็นภาพชีวิตของคนใน
ยุคนั้นแบบชัดเจนด้วยค่ะ เมื่อผู้เขียนทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
ละเมียดละไมดังนิยายทุกเรื่องที่คุณปิยะพรสรรค์สร้าง

เพียงแต่ว่าความหวานในเรื่องนี้จะน้อยสักหน่อยนะคะ หนักไป
ทางชีวิตครอบครัวมากกว่าค่ะ และน่าเสียดายที่ตอนจบอ่านแล้ว
ขาดๆ ไม่เต็มอิ่มไปสักนิด เพราะหากเป็นนิยายแล้วการ
เปรียบเทียบย่อมชัดเจนกว่าชีวิตคนจริงๆ เจ้าแก้วเลยอยากจะ
เห็นกลุ่มฝูงเหลือบครอบครัวโรงเตาได้รับกรรมที่ตัวเองก่อ
น่าเสียดายที่ไม่ได้มีเอ่ยถึงตรงนี้ค่ะ





Create Date : 08 พฤษภาคม 2551
Last Update : 8 พฤษภาคม 2551 5:05:42 น. 15 comments
Counter : 18124 Pageviews.

 
อยากอ่านในวารวัน
แต่เห็นขนาดเล่มแล้วท้อ
คงต้องรอเสร็จงานก่อนค่อยอ่านให้รางวัลตัวเอง

เพราะงั้นระหว่างนี้อ่านเล่มเล็กๆ บางๆ ไปพลางๆก่อนค่ะ


โดย: นกที่ไม่มีเสียง วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:59:29 น.  

 
ยังชอบรีวิวคุณแก้วเหมือนเดิมค่ะ

ชุดนี้ยังไม่ได้อ่านเลย เห็นด้วยว่า ผู้เขียนเขียนบทโรแมนติคยุคเก่าได้ละมุนค่ะ


โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:36:03 น.  

 
ขออ่านข้าม ๆ ค่ะ
ยังแช่สองเล่มนี้ไว้ในไหดอง

เห็นความหนาแล้วท้อทุกที


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:54:16 น.  

 
เหตุเพราะชอบ ในวารวัน มากก็เลยยังไม่อ่าน ตะวันเบิกฟ้า เสียทีทั้งๆที่ซื้อไว้นานแล้วค่ะ

ช่างสังเกตจังค่ะที่จับประเด็นเรื่องราชสีห์กับหนูได้ ตอนที่อ่านคิดไปไม่ถึงในเรื่องนั้นค่ะ ว่าไปแล้วก็จริงๆอย่างที่คุณแก้วฯว่านะคะ


โดย: กุลธิดา IP: 71.30.103.39 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:58:16 น.  

 
ยังดองไว้อยู่เลยค่ะ ...อ่านรีวิวแล้ว อยากกลับไปอ่านต่อให้จบซะที


โดย: นัทธ์ วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:02:05 น.  

 
สวัสดีครับ..แล้วจะแวะเข้ามาอ่านครับ..ยินดีที่ได้รู้จักครับ..เพิ่งเข้ามาหัดเขียนบล้อกเป้นครั้งแรก..ยังไม่เก่งครับ..


โดย: ชื่อหวาน IP: 118.173.107.240 วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:25:38 น.  

 
เป็นชุดโปรดเลยค่ะ ยิ่งเป็นคนชลด้วยยิ่งอิน^^


โดย: BoOKend วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:01:27 น.  

 
แอบกรี๊ดในวารวัน ตอนฉากนั้นเหมือนกันค่ะ

อ่านแล้วละลาย เขิน


โดย: piccy วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:56:52 น.  

 
หายไปนานเลยนะคะคุณแก้ว (แอบคิดถึงทั้งคุณแก้วและรีวิวหนังสือของคุณแก้ว )

นิยายของปิยะพรเพิ่งอ่านเรื่องกิ่งไผ่-ใบรักไปแค่เรื่องเดียวเองค่ะ เฉยๆนะคะ ไม่ได้ชอบมาก เข็ดกับความหนาของหนังสือ ทำให้ไม่ได้อ่านเรื่องอื่นต่อซะที


โดย: หมูย้อมสี วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:38:12 น.  

 
วิฯ ซะเราอยากอ่านเลย

ชอบความเท่ของพระเอกสมัยก่อนน่ะ
เวลาจีบก็ตั้งอกตั้งใจ ทำให้เค้ารู้แต่ไม่เลยเถิด
ทำให้คำว่าสะเทิ้นอาย ผุดออกมาจากความคิดเลยล่ะ

ไม่ใช่แบบว่าชอบแล้วตามเกาะแกะเป็นลูกลิง หรือหาเรื่องทะเลาะ โหย แบบนี้ไม่แมงค์เลย


โดย: moji IP: 58.9.36.48 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:59:37 น.  

 
นกที่ไม่มีเสียง - เห็นขนาดเล่มแล้วท้อเหมือนกันค่ะ เพราะมันหนามาก
เลยดองไว้หลายเดือน แต่พออ่านแล้วก็ติดค่ะ ยังคิดว่าจำนวนหน้ามัน
น่าจะมากกว่านี้ หรือแบ่งเป็นสองเล่มจะพอดีกว่า เพราะเรื่องราวถึง
4 แผ่นดิน ช่วงหลังเลยดำเนินเรื่องเร็วหน่อย

~:พุดน้ำบุศย์:~ -

ยาคูลท์ - อ่านแล้วจะวางไม่ลงค่ะ ขอบอก แต่ส่วนตัวเจ้าแก้วชอบ
"ในวารวัน" มากกว่า ตะวันเบิกฟ้าค่ะ

กุลธิดา - บังเอิญเป็นพวกขี้สงสัยค่ะ อ่านแล้วชอบคิดตามติดนิสัยไปเสียแล้ว
บางทีนิสัยนี้ก็ขัดอารมณ์การอ่านเหมือนกันนะคะ ใครไม่รู้จะหาว่าชอบจับผิด

นัทธ์ - อ่านจบแล้วมาคุยกันนะคะ

ชื่อหวาน - ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ

BoOKend - ทำให้ภูมิใจกับการเป็นคนชลบุรีเพิ่มขึ้นด้วยนะคะเนี่ย

piccy - ใช่ค่ะ เขินแทนนางเอก ประหนึ่งโดนพ่อเทิดเกี้ยวเสียเอง

หมูย้อมสี - ยุ่งอยู่กับการย้ายบ้านค่ะ และอาการป่วยด้วย ช่วงนี้สุขภาพแย่มาก
เกือบได้ไปนอนโรงหมอแน่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้รีวิวอะไรเลย

moji - อ่านสิคะ อ่านแล้วคงชอบ ถ้าเจอกันจะเอาไปให้ยืมนา ว่าแต่ดองหนังสือของ Moji ไว้ยังไม่ได้เอาไปคืนเหมือนกัน แหะ แหะ


โดย: แก้วกังไส วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:12:37 น.  

 
เพิ่งอ่านจบเมื่อวานนี้ค่ะ สนุกมากจริงๆ ยิ่งตอนหลังเนี่ยซึ้งความรักของพ่อเทิดที่มีต่อแม่วันมากๆ


โดย: JinLi IP: 116.68.155.42 วันที่: 16 มีนาคม 2552 เวลา:10:24:18 น.  

 
กำลังอ่านอยู่พอดีเลยค่ะ หลงรักแม่วันกับพ่อเทิด เนื้อเรื่องสนุก ลึกซึ้ง ประทับใจ ชอบมากมาย ^ ^


โดย: แม่วัน IP: 115.67.55.232 วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:17:02:15 น.  

 
เคยอ่านที่ลงในสกุลไทยค่ะ แต่อยากได้เล่มมาไว้ครอบครอง อยากทราบว่าตอนนี้มีเหลือขายที่ไหนบ้างค่ะ


โดย: จุฑามาศ IP: 122.154.246.102 วันที่: 18 เมษายน 2557 เวลา:15:58:13 น.  

 
กำลังจะเริ่มอ่านรากนครา เดี้ยวจะหาในวารวัน กะตะวันเบิกฟ้ามาเพิ่ม มีเรื่องอื่นของคุณปิยะพร
เป็นแนวพีเรียดอีกม่ะครับ


โดย: จาย IP: 223.206.148.35 วันที่: 12 มิถุนายน 2558 เวลา:20:37:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.