อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
8 วิธีแก้ “เมื่อย” ได้ดีกว่าการ “นวด”

หลายคนติด “นวด” เพราะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวบ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่นั่งทำงานในออฟฟิศนาน ๆ หรือต้องทำงานในท่าเดิมนาน ๆ เช่น คนขับรถ พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานคิดเงิน ฯลฯ แต่หากมีอาการเมื่อยมาก ๆ คนต้องไปนวดบ่อย ๆ ก็อาจสิ้นเปลืองเกินไป หรือรู้สึกว่านวดเสร็จแป๊บเดียวก็กลับมาเมื่อยอีกครั้ง ปวดเมื่อยอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ต้องแก้กันที่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยน่าจะดีกว่า 
                            

                                               สาเหตุของอาการปวดเมื่อย 

สาเหตุของอาการปวดเมื่อยที่ชัดเจน คือการนั่ง ยืน หรืออยู่ในอิริยาบถเดิม ๆ โดยไม่เปลี่ยนท่าทางนานเกินไป หรืออยู่ในท่าเดิมมากกว่า 1-2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังขาดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้ร่างกายได้ขยับ เช่น นั่งทำงานทั้งวัน ออกจากออฟฟิศก็นั่งขับรถกลับบ้าน ดังนั้นไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยเฉพาะ คอ บ่า ไหล่ เอว หลัง ไม่ค่อยได้ขยับนาน ๆ จึงอาจเกิดอาการปวดเมื่อยได้

นอกจากการขาดกิจกรรมทางร่างกายแล้ว อาการปวดเมื่อยยังอาจเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป เช่น ยกของหนัก เกร็งกล้ามเนื้อท่าเดิมนาน ๆ น้ำหนักที่เกินมาตรฐาน และยังอาจเป็นผลข้างเคียงของยาบางชนิดได้อีกด้วย 
                                                 อันตรายจากอาการปวดเมื่อยที่ควรระวัง 
หากมีอาการปวดเมื่อยร่วมกับอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม และรีบทำการรักษา 

  • มีไข้ หรือ น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
     
  • ตัวบวม น้ำหนักขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
     
  • เวียนศีรษะ
     
  • นอนไม่ค่อยหลับ
     
  • สายตาพร่ามัว
     
  • เจ็บแน่นหน้าอก
     
  • หายใจถี่
     
  • หัวใจเต้นแรง หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ
     
  • ปวดท้อง ปวดท้องน้อย หรือปวดหลังอย่างรุนแรง
     
  • มีภาวะเลือดออก เช่น อาเจียนเป็นเลือด หรือเลือดออกทางทวาร
     
           .  ปัสสาวะน้อยมากผิดปกติ   
 
  • รู้สึกจะเป็นลม 

                            วิธีแก้อาการปวดเมื่อยโดยไม่ต้องไปนวด  

  1. หาเวลาปรับเปลี่ยนอิริยาบถทุก ๆ 30 นาที - 1 ชั่วโมง เช่น ลุกขึ้นยืน ลุกไปเข้าห้องน้ำ เดินไปหยิบน้ำดื่ม ฯลฯ
     
  2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้งานกล้ามเนื้อหนักจนเกินไป เช่น ยกของหนัก
     
  3. ปรับท่านั่งให้ถูกต้อง นั่งหลังตรง วางแขนไว้บนที่วางแขน ไม่ยกไหล่ขณะพิมพ์คอมพิวเตอร์ หรือใช้เมาส์ ปรับความสูงของเก้าอี้ให้ตั้งหน้าได้ตรงกับจอคอมพิวเตอร์เสมอ
     
  4. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน (สังเกตได้ว่าใน 1 วันต้องปัสสาวะอย่างน้อย ทุก ๆ 1-3 ชั่วโมง และปัสสาวะต้องเป็นสีใส หรือเหลืองอ่อนมาก ๆ สีต้องไม่เข้ม และกลิ่นไม่ฉุนจนเกินไป)
     
  5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
     
  6. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน หรือ 3-5 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที โดยเน้นการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น แอโรบิก
     
  7. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเพื่อพักผ่อนร่างกาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ
     
      8 .   ผ่อนคลายความเครียดด้วยกิจกรรมที่ชอบ เช่น ท่องเที่ยว ถ่ายรูป เดินเล่น ฯลฯ 
                                               ที่มา .  สนุกดอดคอม


Create Date : 03 เมษายน 2566
Last Update : 3 เมษายน 2566 12:48:01 น. 0 comments
Counter : 230 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.