โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

จากทุ่งแสงตะวัน สู่ ร้าน Hand Room ณ เชียงใหม่ เสื้อผ้าเด็ก

จากการทำงานสารคดีเกี่ยวกับเด็ก ทุ่งแสงตะวัน ก่อเกิดความผูกพันกับเด็ก 

จึงเกิด ร้าน Hand Room ณ เชียงใหม่ ร้านเสื้อผ้าเด็ก น่ารักๆ 

ของคุณนก-สมศิริ ธนสารวัฒนา ค่ะ :-)

ขอบคุณข้อมูลจาก //www.iurban.in.th/design/hand-room/




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2557 13:20:11 น.   
Counter : 732 Pageviews.  

Stay-brella : ร่มที่ยืนได้ด้วยตัวเอง

ร่ม ธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา แปลก แตกต่าง 


ก็ สร้างเงิน สร้างงาน ได้ นะจ๊ะ :-)

Be Think Be Difference :-)

ขอบคุณไอเดียดีๆ จาก StayBrella : ร่มที่ยืนได้ด้วยตัวเอง


และ ร่มรูปทรงเรขาคณิต เหมือนงานพับกระดาษ Origami เบากว่า แข็งแรงกว่า สวยแปลกตา




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2557 12:58:28 น.   
Counter : 536 Pageviews.  

ทำครึ่ง-แจกครึ่ง (Buy-One-Give-One Model)

มีคำถามเข้ามาเรื่องแนวคิดการทำกิจการที่ทำเพื่อสังคมควบคู่กันไป ผมตอบคำถามไปเรียบร้อยนะครับ และขอนำตัวอย่างกิจการหนึ่งที่น่าสนในมาเล่าให้ฟังเพิ่มครับ ...นั่นก็คือ รองเท้าTOMS นั่นเอง 
.
.
ปี2006 หลังจากที่ Blake Mycoskie ได้เดินทางไปยัง Argentina แล้วพบว่า รองเท้า alpargata (รองเท้าพื้นเมือง ที่พบในประเทศอาร์เจนตินา) มีเอกลักษณ์ และใส่สบายๆ บวกกับเขาพบว่าเด็กๆหลายคนในประเทศด้อยพัฒนาหลายที่ที่เขาเดินทางไป ..ขาดแคลนรองเท้าในชีวิตประจำวัน และเขาจึงอยากชักชวน คนทั่วไปมาร่วมทำรองเท้าแจกด้วยกัน
.
.
ด้วยการเริ่มต้น ผลิตรองเท้า250คู่ ขายonline // แต่บวกไอเดียดีๆในการ นำรองเท้าอีก 250คู่ ไปแจกให้แก่น้องๆด้อยโอกาสเหล่านั้น
.
.
กลายเป็นTalk of the town ชั่วข้ามคืน ..
หลายสื่อให้ความสนใจ กับรองเท้าdisignเก๋ และ การตอบแทนสู่สังคมของBlake
.
.
หลังจากเริ่มตั้งบริษัท 6เดือน Blakeได้ขายรองเท้าได้ถึง10,000คู่ และ แจกรองเท้าในจำนวนเท่าๆกันนั้น ให้แก่เด็กๆเช่นกัน
.
.
ปัจจุบัน รองเท้า TOMS ขายได้ไปมากกว่า15ล้านคู่ นอกจากเด็กๆจะได้รับรองเท้าดีๆไปใช้แล้ว Blake ยังเพิ่มlineการผลิตแว่นตา เพื่อนำแว่นตาแจกจ่ายให้เด็กที่มีปัญหาทางสายตาอีกด้วย ... อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ Blakeยังเริ่มต้นธุรกิจใหม่คือ TOMS Roasting Co., (TOMS Coffee) เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือด้านการหาน้ำดื่มที่สะอาดในถิ่นธุรกันดาร
.
.
การจุดกระแสการขายสินค้า ด้วยModel Buy-one Give-one นี้ทำให้ใครๆในอมเริกาต่างก็ใช้วิธีการแนวนี้ในการสร้างinvolvementของลูกค้า ให้เกิดsocial value จากการช่วยเหลือสังคม
.
.
หากเราจะนำไอเดียแบบนี้ไปใช้กับธุรกิจของเรา ก็ควรพิจารณาถึงความเหมาะสมให้ดีเช่นกันครับ / เพราะมีสินค้าหลายๆประเภท ที่failจากการใช้ modelแบบนี้เช่นกัน เนื่องจากการสื่อสารmessage ออกไปเน้นหนักการแจก One give one ทำให้productเราขาดจุดเด่น และภาพจำที่ลูกค้ามีต่อสินค้าและ brand ของเราอาจถูกมองแค่ว่า เราคงไม่ได้แตกต่างอะไรจากยี่ห้ออื่น เพียงแต่ซื้อแล้วได้ทำบุญแค่นั้น 
.
.
Key Success ของTOMS ไม่ได้มาจากแค่เรื่องbusiness modelแบบเน้นการแจกจ่ายทำบุญ แต่ตัว Product ที่เจ๋งกว่า และมีความเป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้ TOMS success มากกว่าใคร (ลองเข้าไปชมรองเท้า style alpargata ของTOMS ได้นะครับว่ามันมีdesgin ที่แตกต่างจากรองเท้าอื่นๆอย่างไร และทำไมมันถึงไปอยู่บนcatwalkได้หลายเวที กับdesignerระดับโลกได้)
.
.
การใช้กลยุทธ์ใดๆ ที่เรามองว่ามันเป็นความสำเร็จที่คนคนหนึ่งใช้แล้วประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ใช่ทางสำหรับเราก็เป็นได้ … ใจความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่วิธีการเพียงอย่างเดียว .. แต่มันอยู่ในวิธีคิด ด้วยว่าเขาเหล่านั้นทำไปเพราะอะไร แล้วคิดอะไรถึงได้วิธีการนั้นๆออกมา … / ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ของคนคนหนึ่ง ที่สะท้อนวิธีคิดออกมา อาจเปลี่ยนชีวิตเราไปเลยก็ได้ครับ
.
.
**ผมมีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจอันหนึ่งจากStanford Social Reviewเกี่ยวกับ model buy-one-give-one หากเพื่อนท่านใดทำธุรกิจแนวนี้อยู่ หรือมีความสนใจemailมาหาผมได้นะครับ จะส่งไปให้ลองอ่านกันครับ PenArsia@gmail.com 


.
.
อรุณสวัสดิ์..เช้าวันสุขนะครับ
# อาเสี่ย
22/8/2557

ขอขอบคุณ https://www.facebook.com/penarsia?fref=ts




 

Create Date : 04 กันยายน 2557   
Last Update : 4 กันยายน 2557 21:52:38 น.   
Counter : 831 Pageviews.  

เรื่องราวของ สาวยาคูลท์

#ยาคูลท์ #ธุรกิจ ที่ช่วยให้ #ผู้หญิง มี #โอกาส ในชีวิตมากขึ้น


การเลือกช่องทางการขาย สำหรับสินค้าอายุสั้น

ยาคูลท์ หรือ บีทาเก้น หรือนมเปรี้ยวพร้อมดื่มกลุ่ม Cultured Drink เป็นอีกหนึ่งกลุ่มสินค้าที่มีการกำหนดช่องทางการขายที่ต่างกันตามวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร

ทุกคนคงคุ้นเคยกับนมเปรี้ยวสีไข่ไก่ขวดเล็กที่มาพร้อมกับผู้หญิงใส่ชุดฟอร์มสีครีม/น้ำตาลสะอาดตา กับประโยคที่คุ้นหูในโฆษณาว่า อยากรู้ว่าจุลินทรีย์แลคโตมาซิลัสคืออะไร ถามสาวยาคูลท์สิคะ?

ยาคูลท์คือผู้มาก่อนในประเทศไทย ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว โดยยึดมั่นในปรัชญาของการขายและการขายสินค้าแบบดั้งเดิมจากประเทศญี่ปุ่น และถือเอาเรื่องผลตอบแทนทางธุรกิจเป็นเรื่องรอง

ระบบการขายของยาคูลท์แบบดั้งเดิมจากญี่ปุ่นเรียกว่า ขายตรงถึงตัว และคนขายเป็นผู้หญิงเท่านั้น (Yakult Ladies System of Door to Door Distribution) เพราะกลุ่มเป้าหมายหลักคือแม่บ้านและเชื่อว่าการให้ผู้หญิงขายผู้หญิงด้วยกันจะทำให้ผู้ซื้อเกิดความสบายใจที่จะซักถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและสุขภาพได้ง่ายขึ้น

สิ่งนี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ของยาคูลท์ไปทั่วโลก

ยาคูลท์ให้ความสำคัญกับสาวยาคูลท์มาก ประกอบกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่ต้องการส่งเสริมให้ผู้หญิงทุกคนมีรายได้ สามารถดูแลตัวเองด้วยการประกอบอาชีพสุจริต ยาคูลท์ถึงกับเลือกที่จะไม่วางขายในร้านสะดวกซื้อทุกแห่งทั้งๆที่มีโอกาส เพราะถือว่าเป็นการตัดโอกาสทางการขายของสาวยาคูลท์ ถ้ามองในแง่ธุรกิจถือว่าเสียโอกาสทางธุรกิจชนิดประเมินมูลค่าไม่ได้ แต่ในแง่ของการสร้างคุณค่ากลับคืนสู่สังคม ยาคูลท์ขนะใจผู้บริโภคเต็มๆ

หลายปีก่อน นายประพันธ์ เหตระกูล เจ้าของบริษัทยาคูลท์ ในประเทศไทยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “ผมมีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 4,500 คน โดยเฉลี่ยแล้วพนักงานของเราประมาณ 70% ครอบครัวแตกแยก สามีทิ้ง สามีตาย สามีไม่สมบูรณ์ รายได้ของครอบครัวไม่ดี สิ่งที่ผมภูมิใจและดีใจกับพวกเขาคือ กิจการของผมสามารถทำให้ผู้หญิงเหล่านั้นมีงานทำ สามารถส่งเสียลูกๆ ให้เรียนจนจบปริญญาได้”

ปัจจุบัน มีสาวยาคูลท์มากกว่า 6-7,000 คน ออกส่งสินค้าและแนะนำเรื่องสุขภาพให้กับทุกๆคนและยิ่งในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี เราจะเห็นสาวยาคูลท์มากเป็นพิเศษ สาวยาคูลท์เป็นอาชีพอิสระ ไม่มีเงินเดือน มีกำไรจากการขายขวดละ 1 บาท ขายได้วันละ 800-900 ขวดต่อคน ทำงานตั้งแต่ 6-7 โมง ไปจนเที่ยงก็ขายหมดแล้ว

ในขณะที่ผู้ท้าชิง บีทาเก้น มาคนละแนว บีทาเก้นเลือกเส้นทางการกระจายสินค้าแบบขายเข้าร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ตทุกที่ที่สามารถขายสินค้าเข้าไปได้ แล้วรอให้ผู้บริโภคมาหยิบ และด้วยการกระจายสินค้าแบบนีเอง ทำให้ยอดขายของบีทาเก้น จึงมากกว่ายาคูลท์หลายเท่าตัวเพราะลำพัง นับแค่ 7-eleven รายเดียว จำนวนสาขาก็แทบจะมากกว่าสาวยาคูลท์แล้ว

บีทาเก้นเริ่มขายในปี 2534 หลังยาคูลท์ประมาณ 30 ปี ได้ประโยชน์จากการบุกเบิกตลาดและการวางพื้นฐานความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้ามายาวนาน ทำให้ไม่ต้องเน้นการให้คำแนะนำมากนัก และเพื่อเป็นการเลี่ยงที่จะปะทะกับผู้มาก่อน บีทาเก้นจึงเลือกเน้นเข้าขายในช่องทางอื่นแทน และนี่เป็นข้อดีที่ช่วยให้ผู้บริโภคที่อยู่ห่างไกล ในพื้นที่ที่สาวยาคูลท์เข้าไม่ถึง สามารถหาซื้อนมเปรี้ยวแบบนี้ทานได้

แต่ใช่ว่าบีทาเก้นจะได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ต้องไม่ลืมว่า สินค้าประเภทนมพาสเจอร์ไรซ์ เป็นสินค้าอายุสั้นมาก การเข้าวางขายในห้างแล้วสินค้าหมดอายุก่อนขายหมดนั้น มีโทษสถานเดียวคือเก็บคืน และที่สำคัญที่สุดคือ หลายๆห้างที่มีการกระขายสินค้าผ่านส่วนกลาง เค้าจะคิดค่าเก็บคืนด้วย! เรียกว่าเสีย 2เด้ง ทั้งขนเข้าและขนออก

เป็นอีกบทพิสูจน์ว่า ขายได้เยอะ ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดเสมอไปเพราะเมื่อคุณขายไปแล้วยังต้องมาคอยเก็บคืน มันเป็นภาระอันมหาศาล ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือก คุณต้องชัดเจนในเรื่องวิสัยมัศน์ นโยบาย และเข้าใจในธรรมชาติของสินค้าให้ดีด้วย

ระหว่างขายเยอะแต่มีของคืน กับขายน้อย แต่หมดเกลี้ยง

คุณเลือกได้ครับ

หมายเหตุ
เมื่อก่อนจะมีนมเปรี้ยวอีกยี่ห้อนึงคือ Omeg ทำโดย โฟร์โมสต์ แต่ปัจจุบัน บริษัทแม่คือ Campina ซึ่งเป็นเจ้าของบีทาเก้นที่เนเธอร์แลนด์ ได้ควบรวมกับ บริษัท Friesland ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของโฟร์โมสต์ในประเทศไทย แล้วเลิกขาย Omeg ไป เหลือแต่บีทาเก้นไว้เพียงแบรนด์เดียว

ขอขอบคุณ https://www.facebook.com/trickofthetrade




 

Create Date : 04 กันยายน 2557   
Last Update : 4 กันยายน 2557 21:48:56 น.   
Counter : 3894 Pageviews.  

หนทางสู่การเป็น เศรษฐีเงินล้าน

พอดีอ่านเจอ articleของ Dharmesh Shah ,Founder Hubspot., ตอนหนึ่งเกี่ยวกับ หนทางสู่การเป็น Millionaire เขียนไว้ตรงใจหลายข้อ .ผมขอเอามาสรุปสั้นๆให้นะครับ
.
.
1.เลิกคิดแต่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว … ทำธุรกิจด้วยใจและ ทำตามสิ่งที่มันควรจะเป็น (แล้วเงินจะตามมาเอง)
.
.
2.เป็นผู้ผลักดันความสำเร็จให้กับคนรอบข้าง .. คนที่จะสำเร็จได้อย่างแท้จริง คือคนที่นำพาคนรอบข้างสำเร็จก่อน
.
.
3.มองหาการแก้ปัญหา ให้คนจำนวนมาก ดีกว่า ที่จะมองหาวิธีหาเงินจากพวกเขา (หลายคนชอบโฟกัสที่ลูกค้าน้อยราย แต่ฟันราคาทีละมากๆ แต่เขาจะมองการตอบโจทย์ลูกค้าเป็นแสนราย แต่ละคนแค่ให้ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ แต่ก็สามารถได้ผลตอบแทนที่มากกว่า และมั่นคงกว่า)
.
.
4.ทำสิ่งเดียวให้ดีที่สุด (เอาจุดแข็งที่เราคิดว่าเราดีกว่าคนรอบๆข้าง นำมาต่อยอด จะดีกว่าการทำหลายๆอย่างในเวลาเดียว)
.
.
5.ทำ list idolของเรา เช่น ถ้าเราเป็นนักร้อง เราอาจจัดอันดับจากคนsuccess ใน Itune Top download ก็ได้ / หรือถ้าเป็นนักเขียน ก็จัดอันดับจาก Bestsellerในหมวดหมู่ของเรา .. นำlistบุคคลตัวอย่างเหล่านั้นมาวิเคราะห์ว่า Key success ของพวกเขาคืออะไร แล้วนำมาเป็นแนวทาง
.
.
6. หมั่น เช็คผลงานของเรา เป็นระยะๆ อาจมองจากสิ่งรอบข้างก็ได้เช่น จำนวนคนที่เราช่วยเหลือ / ความสำเร็จในแต่ละจุด ที่จะนำเราไปสู่เป้าหมาย ซึ่งจะทำให้เห็นภาพตัวเองชัดขึ้น ว่าเราเข้าใกล้เป้าเพียงใด
.
.
7. สร้าง Routine ที่จะนำไปสู่เป้าหมายขึ้นมา เช่น ถ้าเราต้องการเขียนหนังสือให้ครบ200หน้า หากเรามีงานประจำอื่นอยู่แล้ว เราอาจจะต้องแบ่งว่าวันหนึ่งจะต้องเขียนให้ครบ5หน้า ในช่วงเวลาเท่าไหร่ และที่สำคัญ คือ ทำมันให้เป็น routineต่อเนื่อง หรือจริงๆก็คือการมีวินัยนั่นเองครับ
.
.
เพื่อนๆมีแนวทางสู่ความสำเร็จของเราเองอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กันนะครับ
.
.
สุขสันต์วันสุขนะครับ
#อาเสี่ย
29/7/2557


ขอขอบคุณ https://www.facebook.com/penarsia




 

Create Date : 04 กันยายน 2557   
Last Update : 4 กันยายน 2557 21:37:19 น.   
Counter : 627 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]