โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

ร้านหนังสือ & ร้านกาแฟ : หนังสือ...กับกาแฟ (ประวัติของร้านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ)

โพสต์5 ก.ค. 2554 00:41โดยTheeraparb Tputti   [ อัปเดต 8 ก.ค. 2554 01:18 ]

การจิบกาแฟไปพร้อมๆ กับการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ เป็นพฤติกรรม ที่มนุษย์ทั่วโลก ปฏิบัติมาเป็นเวลานานช้า เมื่อ 50-60 ปีก่อน ร้านกาแฟ หรือร้านโกปี้ของอาโก อาเฮีย ทั่วประเทศจะต้องมีหนังสือพิมพ์ วางประจำร้าน อย่างน้อย 1 หรือ 2 ฉบับเสมอๆ หลังจากจิบกาแฟแล้ว อ่านหนังสือพิมพ์


จบแล้ว...ลูกค้าในร้านกาแฟมักจะนั่งคุยกันต่อ และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องราวที่พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ ประจำวันนั่นแหละ จึงเป็นที่มาของ “สภากาแฟ” หรือการพูด การคุย การอภิปราย เรื่องการเมืองในร้านกาแฟในยุคโน้น ที่ต่างประเทศนั้นระบบการพูดคุยเป็นกลุ่ม หรือเป็นหมู่ทั้งร้านอาจไม่มีเหมือนในบ้านเรา... แต่ก็มีการคุยในโต๊ะระหว่างกลุ่มเดียวกัน และมีการอ่านหนังสือพิมพ์คนเดียวเงียบๆ

ร้านกาแฟเมืองนอกจึงมักมีหนังสือพิมพ์ วางขายด้วย ส่วนร้านอาหารเช้าในโรงแรม ซึ่งเสิร์ฟกาแฟด้วยนั้น ก็นิยมที่จะเอาหนังสือพิมพ์เช้ามาแจกฟรีเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า เป็นอันสรุปได้ว่า การจิบกาแฟกับการอ่านหนังสือพิมพ์ หรือการอ่านอื่นๆ เป็นพฤติกรรมสากลของมนุษย์ทั่วโลก


ทุกวันนี้แม้ร้านกาแฟทันสมัยทั่วโลกโดยเฉพาะร้านดังๆอย่าง สตาร์บัคส์ ก็ยังเน้นการอ่านควบคู่การจิบ โดยจะเตรียมหนังสือพิมพ์ และนิตยสารไว้ให้ลูกค้าอ่านเป็นจำนวนมาก ที่ญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึงละ ที่นั่นเขาเป็นชาตินักอ่านตัวฉกาจอยู่แล้ว จึงมีหนังสือวางไว้ทุกแห่ง ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงร้านกาแฟ

ไม่เพียงแต่ร้านกาแฟเท่านั้น ที่จับจุดได้ว่ามนุษย์เราชอบอ่านหนังสือระหว่างจิบกาแฟ จนต้องเอาหนังสือมาวางให้อ่าน บรรดาร้านหนังสือก็จับจุดนี้ได้เช่นกัน จึงมักจะเปิดเคาน์เตอร์เล็กๆขายกาแฟในร้านหนังสือ เพื่อให้คอหนังสือได้ดื่มกาแฟไปด้วย และธรรมเนียมนี้ก็แพร่มาถึงเมืองไทยเราด้วย จะเห็นได้จากร้านหนังสือแทบทุกร้าน ตามห้างใหญ่ๆวันนี้ มักจะมีโต๊ะกาแฟ และร้านกาแฟเล็กๆไว้บริการ

แต่การผสมผสานการอ่านที่ยิ่งใหญ่และประทับใจทีมงานซอกแซกมากที่สุด อยู่ที่เมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา โน่นครับ ร้านสตาร์บัคส์ ราชาร้านกาแฟยุคใหม่นี่แหละไปจับมือกับ บาร์นส์ แอนด์ โนเบิลส์ ราชาร้านหนังสือตลอดกาลของเมืองลุงแซม เปิดร้านหนังสือ+ร้านกาแฟ มหึมาภายใต้หลังคาเดียวกัน

แม้ว่าต่างฝ่ายยังคงยึดมุมหลักไว้คนละด้าน แต่ เขาก็จะมีอาณาบริเวณตรงกลางที่เปรียบเหมือน จุดร่วมที่คนกินกาแฟจะไปหยิบหนังสือมาพลิกๆดูได้ หรือคนที่ตั้งใจมาซื้อหนังสือก็อาจจะสั่งกาแฟมาจิบให้ชื่นใจเสียก่อนก็สามารถทำได้ในบริเวณนี้ หัวหน้าทีมซอกแซกแวะไปครั้งล่าสุด ก่อนเหตุการณ์ถล่มตึกเวิลด์เทรด วันที่ 11 เดือนกันยายนปี 2001 สัก 4-5 วัน ก็เลยติดใจกลายเป็นลูกค้าประจำแวบไปอ่านหนังสือที่ร้านนี้เกือบทุกวันที่ไปอยู่เมืองนี้

กลับมาเมืองไทยนึกว่าจะมีร้านไหนทำบ้างจะได้ไปอุดหนุนตามประสาคนที่ชอบกินกาแฟ และอ่านหนังสือ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเป็นการผสมแบบเล็กๆ คือ แค่มีร้านกาแฟเล็กๆอยู่ในร้านขายหนังสือเท่านั้น

ต่อมาร้านกาแฟของตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ติดกับห้องสมุดเที่ยงคืนของตลาดฯ พยายามจะทำอยู่ บ้าง โดยมีร้านกาแฟกับร้านขายหนังสืออยู่ด้วยกัน แต่ก็ไปอยู่คนละชั้นเสียอีก ดูแล้วยังไม่ ประทับใจเหมือนที่แอตแลนตา

จนกระทั่งเมื่อ 2-3 วันนี่เอง หัวหน้าทีมซอกแซกโผล่ขึ้นจากรถใต้ดิน ที่สถานีหน้าโรงแรมดุสิตธานี ไปเจอร้าน โอบองแปง สาขาใหม่...ที่ทำได้ใกล้เคียงเมืองนอกที่สุด...คือเอาร้านกาแฟกับร้านขายหนังสือมาอยู่ด้วยกัน ใต้หลังคาเดียวกัน โอบองแปงความจริงเป็นร้านของว่างมากกว่าร้านกาแฟ ทีเด็ดของเขาอยู่ที่แซนด์วิชกับสลัด แต่ก็มีกาแฟเสิร์ฟด้วย

จุดเด่นของร้านนี้ก็คือ ไม่ไล่ลูกค้า ใครจะนั่งคุย จะอ่านหนังสือ หรือจะทำการบ้านเลยก็ยังได้...กี่ชั่วโมงก็ได้ ยกเว้นเวลาคุยต้องคุยเบาๆ อย่าไปรบกวนคนอื่น ยี่ห้อนี้มาเมืองไทยหลังสตาร์บัคส์ แต่ก็ขยายได้เร็วพอใช้ สาขาที่หน้าดุสิตธานีแห่งนี้นัยว่าเป็นสาขาที่ 30 กว่าเข้าไปแล้ว น่าเสียดายที่ร้านหนังสือที่มาจับมือด้วยได้แก่ร้าน บุ๊คกาซีน เป็นร้านขายหนังสือฝรั่งหรือหนังสือนอกเพียงอย่างเดียว เห็นขายอยู่แถวๆสีลมและสยามสแควร์อยู่ 2-3 ร้าน 

ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ร้านหนังสือกับร้านกาแฟและของว่างหันมาจับมือกัน ตราบใดที่การจิบกาแฟกับการอ่านยังเป็นของคู่กันอย่างนี้...ต่อไปอาจมีร้านหนังสือไทยๆ จับมือกับแฟรนไชส์กาแฟดังๆ ทั้งไทยและสากลเปิดร้านหนังสือ+ร้านกาแฟ อย่างเต็มยศแบบเมืองนอกจนได้แหละ

เขียนมาถึงช่วงนี้นึกขึ้นได้ว่า นิตยสารต้าเจี่ยห่าว เล่มล่าสุด เขาเพิ่งไปสำรวจมา พบว่าร้านกาแฟดังๆ เชื้อสายจีนอย่าง “เอี๊ยะแซ” และ “เอ็กเต็งผู่กี่” ยังคงเปิดร้านอยู่ที่ถนนพาดสายเยาวราช ขายดิบขายดีเหมือนสมัยก่อนอย่างไรอย่างนั้น 

เอ้อ...นี่ถ้า 2 ร้านนี้จับมือกับสยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย เจ้าตำรับหนังสือกำลังภายใน ซึ่งมี น.นพรัตน์ เป็นนักเขียนประจำ เปิดร้านกาแฟแบบจีนโบราณกับร้านหนังสือกำลังภายในอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน... ทดลองตลาดสักร้านสองร้าน

อาจจะประสบความสำเร็จแบบสตาร์บัคส์ กับบาร์นส์ แอนด์ โนเบิลส์ ที่อเมริกาก็ได้...ใครจะไปรู้ล่ะ.

https://sites.google.com/site/mrsavebook/ran-khay-hnangsux/hnangsuxkabkafaeprawatikhxngranhnangsuxthikeiywkhxngkabkafae

 




Create Date : 27 กรกฎาคม 2557
Last Update : 27 กรกฎาคม 2557 16:26:18 น. 0 comments
Counter : 703 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]