โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

สะสมความมั่งคั่งผ่านทองคำ

บุญเลิศ สิริภัทรวณิช"

สะสมความมั่งคั่งผ่านทองคำ

โดย สรวิศ อิ่มบำรุง



ทองคำมีลักษณะที่พิเศษ ทองไม่มีการปันผล แต่ด้วยคุณลักษณะที่พิเศษ ทองก็เลยเป็นสินทรัพย์ที่เป็นกลางที่สุดในจำนวนสินทรัพย์ทั้งโลก

ถ้าพูดถึงการทำธุรกิจค้าทองแนวใหม่ คงต้องนึกถึง "บุญเลิศ สิริภัทรวณิช" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าทองคำแท่งโดยนำลักษณะของการค้าแนวใหม่เข้าใส่ในธุรกิจ ทำให้การลงทุนในทองคำเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากขึ้น สามารถซื้อขายได้ง่ายขึ้น โดยมีสาขาให้บริการถึง 4 สาขา ได้แก่ เยาวราช ,พหลโยธิน ,อโศก และสีลม โดยมีการให้บริการด้วยรูปแบบใหม่ทั้งบริการจัดส่ง บริการส่งมอบทองคำที่ตู้นิรภัย หรือรับฝากทอง ในวันนี้เราจะได้มารู้จักเขาในแง่มุมของการออม และการลงทุนส่วนตัวกันบ้าง

บุญเลิศเองแล้ว มองว่า การออมเป็นการ Saving เพื่อประโยชน์ในอนาคต ประโยชน์ที่ว่าเป็นประโยชน์ในส่วนที่เราคิดอยู่ในกรอบวงที่ขยายไปเรื่อยๆ เช่น กรอบการลงทุนของตัวเอง เป็นครอบครัว เป็นบริษัท เป็นสังคมที่กว้างขึ้นไปเรื่อยๆ สำหรับการออมเห็นได้ชัดว่ามันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องรับผิดชอบ ปัจจุบันมีลูกแล้ว 4 คน เราพูดถึงว่าเวลาเราคิดๆ ถึงความมั่นคงในอนาคตของครอบครัว อย่างน้อย 30% ต้องออมในส่วนที่เป็นตัวเงินจริงๆ ในรูปของบัญชีเงินฝากแบงก์ไปเลย

ส่วนการลงทุนเป็นเรื่องของการ Invest ลงทุนเพื่อที่จะได้กำไรกลับมาในอนาคต ถึงวัยหนึ่งผมอายุ 40 กว่าปี มันเริ่มจะมีมุมมองเรื่องการเติบโตทางธุรกิจแล้ว ในแง่ของการลงทุนเราก็จะมองในเรื่องของตัวธุรกิจไปด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะไปเอากำไรจากเงินที่คุณสะสม เช่น ไปซื้อหุ้น แล้วก็หวังว่าหุ้นตัวนั้นจะได้กำไรกลับมา แทนที่จะคิดว่าไปลงทุนในหุ้นบริษัทคนอื่นก็มาคิดลงทุนในหุ้นบริษัทตัวเองให้มากขึ้น

ในขณะเดียวกันก็มองถึงการลงทุนระยะยาวในธุรกิจครอบครัวอย่างแท้จริง ซึ่งเราเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว ก็มองว่าเราน่าจะทำอะไรที่เป็นบริษัท แล้วก็เป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาลจริงๆ ดังนั้น แนวความคิดที่ว่าเราจะไปลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ แน่นอนว่าเขาเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลแล้วทำไมเราไม่มาลงทุนกับตัวเองแล้วทำตัวเองให้มันดีที่สุดไปเลย ดังนั้นในส่วนของการลงทุนส่วนตัวก็จะมีมุมมองในเชิงธุรกิจครอบครัวควบคู่กันไปด้วย

"เราเปิด ออสสิริส เราก็มองเรื่องโมเดิร์น แมเนจเมนต์ เราสามารถที่จะลงทุนบริหารตัวเองได้ ลงทุนด้วย Human Resourse ลงทุนด้วยการลงทุนที่เราคิดว่าเป็นแนวคิดที่ดีแล้วก็บริษัทที่ดีในอนาคตด้วย เนื่องจากตัวเองทำธุรกิจค้าทองพอร์ตส่วนใหญ่จึงเป็นการลงทุนในทอง โดยเป็นพอร์ตทองส่วนตัวประมาณ 30% อีก 20% เก็บในรูปของเหรียญทอง(Gold Coin) อีก 40% ลงทุนในทองคำจริงๆ"

บุญเลิศ อธิบายว่า เหตุผลที่ต้องมีพอร์ตทองเยอะ เพราะสามารถที่จะกระจายไปได้ง่าย เช่น ถ้าเอาไปช่วยธุรกิจบางส่วนที่ต้องการ เราก็สามารถนำทองของตัวเองไปช่วยเหลือในทางธุรกิจได้เช่นเดียวกัน อีกอย่างผมเห็น Performance ของทองมาตลอด ตั้งแต่ทองบาทละ 400 บาท จนปัจจุบันขึ้นมาสูงสุดที่บาทละ 13,000 บาท ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่สามารถที่จะลงทุนในระยะยาวได้ โดยเฉพาะผมอยู่ในธุรกิจทองคำต้องมองระยะยาวอยู่แล้ว เราไม่คิดว่าเราจะปิดร้านทอง ธุรกิจผมก็ 3 ชั่วอายุคนแล้ว ส่วนตัวก็คิดจะรักษาธุรกิจตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการมีทองอยู่ในพอร์ตของตัวเองเป็นเรื่องที่ถูกต้องไม่ถือว่าเสี่ยงแต่ประการใด

"เนื่องจากผมมีธุรกิจมาซัพพอร์ตการลงทุนในทองของผมๆ จึงเสี่ยงต่ำสุด เพราะท้ายสุดการลงทุนในทองส่วนตัวสามารถมาซัพพอร์ตธุรกิจทองได้"

แต่ถ้าแนะนำกับนักลงทุนที่ลงทุนในทองคำโดยที่ไม่มีธุรกิจทองมาซัพพอร์ตการลงทุน ทองคำจะมีประโยชน์ช่วยให้พอร์ตการลงทุนของคุณมีสุขภาพดี(Healthy)ขึ้น ทั้งนี้ในพอร์ตควรจะมีทองคำอยู่ประมาณ 10-20% เพื่อให้พอร์ต มันมีสุขภาพที่ดีๆ อย่างไร เมื่อสินทรัพย์ประเภทอื่นมีเพอร์ฟอร์มแมนซ์ที่ดี ส่วนใหญ่ทองจะไม่ค่อยดี ถ้าสินทรัพย์ประเภทอื่นไม่ดี ทุกอย่างเกิดวิกฤตการณ์ หุ้นตก ทองจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในภาวะวิกฤติอย่างนี้ได้ ทำให้พอร์ตที่คุณขาดทุน 80% ทองช่วยคุณได้ค่อนข้างดี

เพราะฉะนั้นการมีทองคำในพอร์ต 10-20% เป็นสิ่งที่ดีสำหรับนักลงทุน อันนี้ไม่ได้พูดเพราะตัวเองทำธุรกิจค้าทองคำ แต่เพราะมองว่านี่เป็นกระแสสากลที่เราสามารถพูดถึงได้ทั้งโลก ที่ปัจจุบันคนเขามองว่าทองคำเริ่มจะเป็นภาษาสากลทั้งโลก ทองเริ่มจะเป็นสินทรัพย์ที่เป็นกระแสหลักมากขึ้นแล้ว

"เพราะทองคำมีลักษณะที่พิเศษ ทองไม่มีการปันผล แต่ด้วยคุณลักษณะที่พิเศษ ทองก็เลยเป็นสินทรัพย์ที่เป็นกลางที่สุดในจำนวนสินทรัพย์ทั้งโลก ทองคำกำหนดด้วยราคาเดียวกัน ทองคำไม่เคยด้อยคุณค่า คนเราพูดถึงทองคำเมื่อ 4,000-5,000 ปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยอียิปต์ ปัจจุบันเราก็ยังพูดถึงเรื่องทองคำ อนาคตอีก 4,000-5,000 ปี ก็คงจะพูดถึงทองคำเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพที่สุดในเรื่องของตัวทองคำเอง ตัวทองเองก็มีคุณสมบัติที่พิเศษมากๆ คือ ทองคำไม่ย่อยสลาย แล้วไม่มีอะไรทำลายมันได้ด้วย"

อย่างไรก็ตาม บุญเลิศ บอกว่า ถ้าลงทุนในทอง อย่าลงทุนด้วยมุมมองของการเก็งกำไร แต่ถ้าการเก็งกำไรเกิดมาจากการที่คุณได้กำไรโดยตัวมันเอง เนื่องจากคุณซื้อทองมาในต้นทุนเฉลี่ยที่ต่ำแล้วราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้น เกิดมีส่วนต่างของกำไร(Capital Gain) แล้วคุณขายทำกำไรออกมา ก็เป็นวิธีคิดที่ถูก แต่ตรงจุดเริ่มต้นของการลงทุนไม่ควรเริ่มมาจากจุดนั้น มันควรจะเริ่มมาจากประโยชน์ของทองคำคืออะไร คือ การให้พอร์ตคุณมีสุขภาพที่ดี แล้วพอร์ตโฟลิโอคุณโอเค เพื่อ Hedging against อะไรบางอย่างเช่น ยูเอสดอลลาร์ ถ้าลงทุนด้วยบทบาทแบบนี้ผู้ลงทุนก็จะมองการลงทุนในทองในลักษณะของการถือครองระยะกลางถึงยาว ซึ่งตอนนั้นถ้านักลงทุนซื้อในต้นทุนที่ถูกแล้วบางครั้งราคามันปรับตัวลง ก็ไม่ถือว่าเป็นสภาพแมลงเม่า

"ทองที่มันลงมามันไม่ถึงกับจะต้องตาย หมายถึงว่า มูลค่าของทองมันก็ลงไม่เกิน 10-15% มันก็เป็นด้วยมูลค่าของตัวทองคำเอง แต่ถ้าจะมาลงทุนทองในลักษณะเก็งกำไร มันจะรู้สึกว่าเดี๋ยวกำไรแล้ว เดี๋ยวขาดทุนแล้ว ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่ถูกต้อง ถ้าจะเก็งกำไร ไปลงทุนในตลาดหุ้นน่าจะเหมาะสมกว่า"

สำหรับผู้ที่สนใจจะลงทุนในทองคำ ควรจะสนใจกับการเคลื่อนไหวของราคาทอง และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำให้ดี แล้วควรจะมองการลงทุนในทองคำระยะกลางถึงยาว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวจะดีกว่า

//www.bangkokbiznews.com/


Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2550 19:56:04 น. 0 comments
Counter : 801 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]