โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

ร้านหนังสือ & ร้านกาแฟ : โจทย์ชีวิตคืออยากอยู่โคราช จึงมี'เฟื่องนคร'

โจทย์ชีวิตคืออยากอยู่โคราช จึงมี 'เฟื่องนคร' ให้ตกหลุมรัก : คอลัมน์คุยนอกกรอบ

                เราทุกคนล้วนมีความฝัน…แต่บ่อยครั้งที่ความฝันกับความจริงมักสวนทางกัน

               หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านการถ่ายภาพและภาพยนตร์ 'บุรุษ ไชยรัตน์ หนุ่มโคราช จึงไปทำงานเบื้องหลังวงการภาพยนตร์ ต่อมาเปลี่ยนมาสังกัดกองบรรณาธิการนิตยสารแวดวงการแพทย์ ทว่า เขาก็ยังรู้สึกไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวง

               ความที่ชื่นชอบฟุตบอล ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ หากนัดไหนมีเตะในจังหวัดหรือใกล้เคียง เขาจะตามไปเชียร์ทีมฟุตบอลโคราช ทำให้ได้พบกับเพื่อนใหม่ซึ่งคอเดียวกัน

               "เพื่อนที่เชียร์บอลโคราช เป็นครูที่โรงเรียน ทำงานราชการ เคเบิลท้องถิ่น คิดว่าถ้าอยู่บ้าน ก็มีความสุข โหยหา อยากกลับบ้าน จึงเปลี่ยนโจทย์ใหม่ ก่อนหน้านี้มาเรียนภาพยนตร์อยากทำหนัง"  

               "แต่ก่อนตีโจทย์ชีวิตว่าอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร มาก่อนว่าอยู่ที่ไหน ตอนหลังคิดว่าอยากอยู่ที่ไหนแล้วค่อยหางานทำ มาอยู่โคราชบ้านเกิดตัวเอง เป็นจังหวะที่ได้มาทำ ตกหลุมและลุ่มหลงไปกับมัน ตอนแรกจะสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในโคราช เสาร์อาทิตย์จะได้ดูบอล มีเพื่อน คิดว่าอยู่ที่นี่ก่อนและทำงานอะไรสักอย่างที่เลี้ยงตัวเองได้"


               จุดเปลี่ยนของชีวิตอยู่ที่เย็นวันหนึ่ง ขณะที่เขาและเพื่อนกำลังจะไปกินอาหารญี่ปุ่น ย่านทองหล่อ น้องสาวโทรศัพท์มาหาบอกว่า หม้อแปลงไฟที่บ้านหาย

               "เราเป็นห่วง ได้คิด เราเที่ยวกับเพื่อนเฮฮา แล้วแม่เรา น้องเราอยู่ที่โน่น บ้านก็ย้ายไม่ได้ ก็อยากมาดูแลใกล้ๆ อยู่กับเขา เป็นวันที่ฉุกคิด แม่เป็นข้าราชการเงินเดือนไม่มาก ผมมาอยู่กรุงเทพฯ ก็ใช้เงินฟุ่มเฟือย"

               เบื้องแรกเขาคิดว่าจะสมัครเป็นพนักงานในมหาวิทยาลัย แต่ในที่สุดมาทำร้านหนังสือในร้านกาแฟ โดยตั้งชื่อร้านว่า "คาโมเมะ" เพราะดูหนังเรื่องคาโมเมะ โชกุโด ซึ่งเป็นหนังญี่ปุ่น และซีกัล เรสเตอรองต์ แล้วชอบ ชอบตัวละครที่เป็นคนทำร้านว่าเป็นคนน่านับถือในการให้บริการลูกค้า


               ร้านแรกไปได้สวยทั้งยอดขายกาแฟและหนังสือ แต่มีปัญหาบางประการทำให้เขาต้องย้ายร้านใหม่ ร้านที่สอง-ตั้งอยู่ในย่านคอมมูนิตี้มอลล์ เป็นแหล่งวัฒนธรรม ชื่อ "ตลาด 100 ปีเมืองย่า" ตอนไปจองพื้นที่ทำร้าน คิดว่าจะบูมเหมือนตลาดสามชุกปรากฏว่าการณ์กลับตรงกันข้าม


               พอออกจากร้านที่สองแล้วขาดทุน บุรุษคิดว่าจะหยุดและไปสมัครทำงานอื่น ลูกค้าก็ให้เช่าที่ราคาไม่แพง บ้านสวย แต่ทำเลไม่เหมาะสำหรับร้านหนังสือ เพราะอยู่ในซอย เขาทำได้เจ็ดเดือน จึงย้ายมาตั้งในที่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นร้านที่สี่ และว่าเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าไม่โทรมาถามทาง

               นับจากร้านที่สองเป็นต้นมา เขาตั้งชื่อร้านหนังสือว่า "เฟื่องนคร" ซึ่งเป็นชื่อที่อยากใช้ตั้งแต่แรก ครั้นปรึกษาแม่ แฟน เพื่อนสนิท ก็บอกว่าเหมือนก๊อบปี้ชื่อจากที่อื่น เพราะเฟื่องนครเป็นชื่อถนนในกรุงเทพฯ และชื่อฟังดูเชยๆ


               ทว่า เฟื่องนครในความหมายเขาคือ อยากให้โคราชกลับมาเฟื่องฟู เหมือนสมัยที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี


               "โคราชเป็นเมืองที่เคยบูม คึกคัก มีโรงหนัง โบว์ลิ่ง ไอซ์สเกต ร้านหนังสืออิสระก็เยอะ อยู่มาวันหนึ่งผมไปเรียนมหาวิทยาลัย ทำงาน นานๆ กลับมาบ้านที รู้สึกว่าเมืองเปลี่ยนไป สองทุ่มเงียบแล้ว โรงหนัง ร้านหนังสือก็ปิดไป ร้านดวงกมล-เหมือนโกดังหนังสือเรียน ไม่ค่อยมีที่ไป พออยากทำร้านกาแฟ คุยกับหลายคนว่าทำร้านกาแฟอย่างเดียว ไม่มีอะไรแตกต่างจากร้านอื่น เป็นคนชอบอ่านน่าจะลอง เป็นคนชอบอ่าน หาข้อมูล เริ่มศึกษา ไปร้านหนังสือเดินทาง ก็องดิด ร้านเล่า เลยคิดว่าบ้านเรายังไม่มี ไม่มีคนริเริ่มทำแบบนี้ มาทำดีกว่า เริ่มทำด้วยความไม่รู้" 


               "พอมองย้อนกลับไป เราทำร้านเร็วไป ทำร้านตอนอายุ 25 ปี เพิ่งทำงานสามปีประสบการณ์ยังน้อย ลาออกจากงานประจำเร็วไป เหตุที่ออกเพราะอยากหาอะไรทำที่บ้านมากกว่า ช่วงนั้นบอลไทยลีกกำลังบูม ทีมฟุตบอลไปเตะแข่งขันตามจังหวัดต่างๆ คิดว่าถ้าทุกจังหวัดมีคนมาทำแบบนี้เหมือนที่ฟุตบอลบูม คนไม่ต้องอยู่กรุงเทพฯ ก็ได้ อย่างเพื่อนๆ นักอ่านที่โคราช รอซื้อหนังสือจากงานสัปดาห์หนังสือที่กรุงเทพฯ หรือเสาร์อาทิตย์เข้ามากรุงเทพฯ เราได้กลุ่มนี้มาบ้าง แต่ไม่มาก"


               ส่วนลูกค้าประจำมี 50 คน แวะมาทุกสัปดาห์ ไม่เคยทิ้งเราไปไกล ห่างสุดสองเดือนครั้ง รอให้เราอัพเดทหนังสือ มีหลายคนไปร้านทั้งสี่แห่ง


               เปิดร้านมาสี่ปี ต้องย้ายร้านทุกปี ไม่คิดไปทำอย่างอื่น? บุรุษตอบว่า

               "ทำครั้งแรกด้วยความไม่รู้ คนกินกาแฟประมาณนี้เขาคงต้องอ่านหนังสือ เราต้องสร้างผู้อ่านหน้าใหม่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ร้านอื่นอาจมีนักเขียนเป็นเจ้าของ แต่ผมเป็นใครก็ไม่รู้ เพื่อนที่เรียนมัธยม หรือประถมก็อยู่ กรุงเทพฯ กันหมด การกลับมาทำร้านหนังสือที่บ้าน ต้องต่อสู้กับบางอย่างเยอะมาก" 


สรุปคือทำด้วยความไม่รู้ ?

               "ครั้งแรกอาจดูว่ามีโอกาสมากกว่า เพราะไม่เคยมีใครทำ และเจอเพื่อนในกลุ่มที่ต้องการ ทุกวันนี้ยังมีคนอยู่ในเมือง ชอบอ่านหนังสือแนวนี้ แต่เขาเพิ่งรู้จักร้าน หลังจากมีการประชาสัมพันธ์งาน สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติ เขาอาจเห็นข่าวจากสื่อท้องถิ่น ส่วนกลาง มีคนเพิ่งรู้จักร้านเรามากขึ้น"


               อย่างไรก็ดี เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา โดยเทียบเคียงจากประสบการณ์ของตนเองว่าเคยถามเพื่อนถึงร้านหนังสือเล็กๆ เช่น ถามเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่ว่ารู้จักร้านเล่า หรือร้านบุ๊ก รีพับลิก ไหม เพื่อนตอบว่าไม่รู้จัก

               "ก็โอเค ร้านแบบนี้ไม่ใช่คนในรัศมีมาแบบร้านก๋วยเตี๋ยวใกล้บ้าน..อาจมีลูกค้าจากที่อื่นมาสองเดือนครั้ง"


               สำหรับร้านปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมถนน ทำเลค่อนข้างดี แต่ค่าเช่าก็แพงเช่นกัน

 เจ้าของร้านเฟื่องนครบอกว่า เดิมเขาตั้งใจว่าจะทำร้านหนังสือสักสี่ปี เพราะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกิจกรรม


               "ถ้าทำร้านครบสี่ปี ต่อให้มันจะล้ม เจ็บ ดี หรือจะได้ทำต่อไป ก็พอใจแล้ว ผมเริ่มเปิดร้านครั้งแรก 1 กรกฎาคม 2552 นี่อีกเดือนเดียวจะครบสี่ปีแล้ว คิดว่าไปต่อได้ไหม ผมพยายามไม่สร้างกรอบให้ตัวเองมากไป ผมเคยเจอนักอ่านหลายท่านมาที่ร้าน ได้พูดคุยหลายๆ คน พบว่ามีอุดมคติในใจ โดยเฉพาะสายซีเรียส เช่น ผมเอานิยายโรมานซ์ อีโรติกวางจำหน่าย เขาจะรู้สึกว่าเฟื่องนครเปลี่ยนไป รับไม่ได้ ทำไมถึงมีหนังสือแบบนี้มาขาย...


                "ผมพยายามขายหนังสือให้หลากหลาย กาแฟ เบเกอรี่ ก็ให้หลากหลายเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำเงินมากกว่าคือขายกาแฟ ผมไม่ซีเรียสตรงนี้ แต่อยากหลุดพ้นความเป็นร้านหนังสือขนาดเล็ก อยากให้เป็นขนาดกลาง (หัวเราะ) ไม่ได้อยากมีแฟรนไชส์หรือสาขา แต่อยากให้พื้นที่กว้างขึ้น มีพื้นที่วางหนังสือมากขึ้น มีหนังสือหลากหลายแนว ให้กว้างขวางครอบคลุม ให้คนมีโอกาสอ่านหนังสือไม่จำกัดแนวใดแนวหนึ่ง และอยากให้ร้านหนังสือเป็นพื้นที่ของครอบครัว เช่น ขณะที่พ่อซื้อวรรณกรรมคลาสสิก ลูกก็ดูหนังสือเตรียมความพร้อมภาษาไทยสำหรับ ป.4 อยากให้มีการเติบโตขึ้นไป ไม่ได้อยากให้ยิ่งใหญ่อะไร"


   ร้านหนังสือในร้านกาแฟ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ผ่านการพูดคุยกับผู้ที่มีประสบการณ์แล้วพบว่า หากขายแต่หนังสืออย่างเดียว อยู่ไม่ได้แน่นอน !


บุรุษบอกว่าคราวที่ยังทำงานประจำและได้ไปสัมภาษณ์ คุณหมอนิล หรือ "มารุต เหล็กเพชร" เจ้าของนามปากกา "นฆ ปักษนาวิน"  ที่ร้านหนัง (สือ) 2521 ในจังหวัดภูเก็ต คุณหมอบอกว่าต้องเอาเครื่องดื่มและเบเกอรี่นำคนเข้าสู่หนังสือ สัดส่วนการขายของในร้านหนังสือถ้าเป็นต่างจังหวัด ต้องวางสินค้าอื่นๆ 70 เปอร์เซ็นต์ หนังสือ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขาเห็นว่าได้ผล


               แม้ว่ารายได้จากการทำร้านหนังสือจะไม่ดีนัก แต่ดูท่าเจ้าตัวก็มีความสุขใจไม่น้อย เพราะได้สร้าง 'นักอ่านหน้าใหม่' บางครั้งยังชี้ทางสว่างให้ โดยใช้หนังสือเป็นเพื่อน ดังที่เขาเล่าว่าลูกค้าคนหนึ่งเป็นหมอนวด ชีวิตค่อนข้างเศร้า ปกติอ่านแต่นิตยสารแนวบันเทิงดารา วันหนึ่งมาดื่มกาแฟในร้าน เขาจึงแนะนำให้อ่านวรรณกรรมแปลญี่ปุ่น หนังสือสารคดี และอื่นๆ ที่คิดว่าเหมาะกับเจ้าตัว


               "เขาไม่มีกรอบ ไม่เคยอ่าน เราประเมินและเลือกให้เขาไป ตอนหลังอ่านหนังสือเหล่านี้มากกว่านิตยสารดารา เขารู้สึกว่ามันดีขึ้น มีพลังชีวิตมากขึ้น เพื่อนอีกคนเป็นพนักงานบริษัท เบื่องาน ตกเย็นก็ไปสังสรรค์ตามประสาคนทำงาน เหนื่อยก็พักผ่อนสุดเหวี่ยง ใช้เงินซื้อของแพง วันหนึ่งเขามากินกาแฟที่ร้าน เขาก็ เออ มีหนังสือแบบนี้ในโลกด้วยหรือ


               "เคยมีเพื่อนๆ แซวๆ ว่าเหมือนเป็นเภสัชกร บางคนบอกอกหัก อยากลาออกจากงาน เราดูแล้วถามว่ามีงบเท่าไร 500 บาท เอานี่ไป 3 เล่ม อะไรอย่างนี้ ก็เป็นสิ่งที่สนุกดี รู้สึกดีกับการทำงาน"


               ผ่านร้อนผ่านหนาวมาปีที่สี่ เขาเริ่มปล่อยวางมากขึ้น เข้าใจว่าไม่สามารถเปลี่ยนทุกคนให้เป็นนักอ่านได้ จึงทำเท่าที่ทำได้

                "เมื่อก่อนแบกเยอะ ตอนอยู่ร้านคาโมเมะ ยังเด็กน้อยอยู่ มีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ พอลูกค้าไม่อ่านก็รู้สึกอย่างโน้น อย่างนี้ พอเราเข้าใจอะไรมากขึ้น เออ ปล่อยมันไป หรือเวลาชงกาแฟตามสูตรกาแฟที่ดีต้องมีความขมความเปรี้ยวซ่อนอยู่ แต่สุดท้ายก็ทำอย่างที่ลูกค้าอยากกิน บางคนสั่งหวานมัน เราก็ทำตามนั้น" 


สำหรับเกณฑ์ในการคัดหนังสือเข้าร้าน บุรุษตอบว่าสายส่งคัดมาระดับหนึ่ง แต่ใช้การจัดวางของตัวเอง ดูความต้องการของคนอ่านว่าคืออะไร เล่มไหนใหม่เล่มไหนเก่า เนื่องจากการหมุนเวียนของหนังสือในร้านอิสระมีน้อยกว่าร้านใหญ่ ก็ใช้วิธีเล่มนี้โชว์สัน เล่มนี้โชว์ปก สลับกัน ลูกค้ามาเห็นบอกหนังสือมาใหม่หรือ?

               "ไม่ได้มาใหม่ครับ มาพร้อมกัน มันเป็นเทคนิคในการดิสเพลย์ หมวดเดียวที่ไม่รับคือไสยศาสตร์"


               เฟื่องนครเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อเขาตอบรับเป็นหนึ่งใน 15 ร้าน ที่เข้าร่วมงาน "สัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติ ครั้งที่ 1"  ที่เครือข่ายธุรกิจหนังสืออิสระขนาดเล็กรวมตัวกันจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 22-29 มิถุนายน 2556 โดยแต่ละร้านขายหนังสือตามปกติ ส่วนกลางจะมีโปรโมชั่นให้ รวมทั้งจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อคืนกำไรให้แก่ลูกค้า 


               บุรุษมองว่าการจัดงานเช่นนี้เป็นงานที่ดี เพราะขนาดยังไม่ถึงวันงาน ก็มีคนเข้าร้านเพิ่มขึ้นแล้ว จากเครือข่ายสังคมออนไลน์

               "วันก่อนมีมารายหนึ่ง ขับรถมาจากอำเภอโชคชัย อยู่ห่างจากร้าน 30 กิโลเมตร เขาเจอเครือข่าย แล้วพีอาร์ว่าโคราชมีร้านเฟื่องนคร คิดว่าเป็นช่องทางที่ดี ทำให้วงการหนังสือพัฒนา เหมือนฟุตบอลมีสโมสรใหญ่ๆ เช่น แมนยู ลิเวอร์พูล บาร์เซโลนา แต่ต้องมีสโมสรเล็กๆ คอยปั้นเยาวชนมาซัพพอร์ท...หนังสือเครือใหญ่ก็ช่วยส่งหนังสือมาขาย การรวมตัวของเครือข่าย ไม่ได้รบราฆ่าฟันกับใคร ไม่ได้แบ่งทุนนิยมรายใหญ่-เล็ก แต่ทำอย่างไรให้ทุกคนมีที่ยืนของตัวเอง"


               ดูรายละเอียดกิจกรรมงานสัปดาห์ร้านหนังสืออิสระแห่งชาติ ครั้งที่ 1 และร้านหนังสือที่เข้าร่วมโครงการได้ที่ https://th-th.facebook.com/ThaiIndependentBookNetwork

               ว่าแต่อาทิตย์นี้คุณแวะอุดหนุนร้านหนังสือ (เล็กๆ) บ้างหรือยัง ?


//www.komchadluek.net/detail/20130615/161029/%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3.html#.Ub8Cv-dShXF



"ไล-บรา-รี่" กรุ่นกลิ่นกาแฟใน "ห้องสมุด"

//www.smesplannet.com/%E0%B9%84%E0%B8%A5-%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2-%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88-library-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99.html




Create Date : 27 กรกฎาคม 2557
Last Update : 27 กรกฎาคม 2557 15:22:59 น. 0 comments
Counter : 781 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]