โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

ลมใต้ปีก



เพลง: ลมใต้ปีก
ขับร้องโดย: ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว
คำร้อง: ประภาส ชลศรานนท์
เรียบเรียงและทำนอง: จักรพัฒน์ เอี่ยมหนุน

......................................................
เมื่อเธอยังเล็กและเริ่มที่จะหัดบิน
แม้เธอจะมีแค่เพียงปีกน้อย
ฝืนสู้ลม หลายครั้งที่บินขึ้นไป
และบางครั้งไร้เรี่ยวแรงบิน
ขอให้เธอรู้ว่าฉันเฝ้าดู

ต่อให้มันสูงลิบไกลมากมายเท่าใด
ถ้าเธอจะไปอย่าเลยหวั่นไหว
ฉันจะเป็นให้เหมือนลมใต้ปีกเธอ
ส่งให้เธอสูงลอยขึ้นไป
ขอเพียงเธอขยับปีกโบยบิน

*มองกลับไปในวันวาน ผ่านมาเรื่องราวมากมาย
ความสุขความทุกข์คล้ายเป็นดั่งครู
ไม่ว่าจะบินไปไหนให้เธอโปรดจงรับรู้
ฉันจะเป็นแรงลมและเป็นแรงใจ

และมาวันนี้เมื่อเธอพร้อมที่จะบิน
ด้วยรักที่มาจากใจดวงนี้
ขอให้เธอเก็บไว้เป็นแรงผลักดัน
เพื่อจะบินสูงจนเท่าทัน
ฝันของเธอที่อยากบินให้ถึง


..........................................................


เพลงนี้คือเพลงจากครูแด่ศิษย์ที่กำลังเรียนจบไปทำงาน
เพลงนี้คือเพลงจากครูแด่ศิษย์ทีกำลังไปสอบเข้าต่อ
เพลงนี้คือเพลงจากพ่อแม่ที่ลูกกำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
....
ผมแต่งเพลงนี้ด้วยการแต่งท่อนสองก่อนเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว เป็นเพลงสั้นๆที่ร้องโดยคุณปานธนพร แวกประยูร ดนตรีโดยสุรชัย บุญแต่งใช้ประกอบละครเหมือนแม่ครึ่งหนึ่งก็พึงใจ
ผมตั้งใจมาแต่งต่อให้จบโดยเขียนท่อนแรก ท่อนฮุค และท่อนสุดท้าย จนจบในปีที่แล้ว คราวนี้ทำดนตรีโดยจักรพัฒน์ เอี่ยมหนุนและบันทึกเสียงใหม่โดยพี่ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว
.....
ไม่ได้คิดทำขายที่ไหน แค่เพียงรู้สึกว่าเพลงมันยังไม่จบ
พี่ปั่นก็ใจดีเหลือเกินมาบันทึกเสียงให้
พ่อแม่คนไหนจะนำไปใช้ ครูคนไหนสถาบันใดจะนำไปใช้ เพราะใกล้เทศกาลเรียนจบกันแล้ว
ด้วยความยินดี
.....





 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 25 พฤษภาคม 2557 14:32:21 น.   
Counter : 4289 Pageviews.  

แง่งาม :: ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว




แง่งาม :: ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ;

คำร้อง :: ประภาส ชลศรานนท์ ;
อัลบั้ม :: เปลี่ยนฉาก;

เคยมีดังหวัง เคยนั่งยอมแพ้ มีเปลี่ยนแปรผันไปทุกปี
ผ่านทั้งร้อนหนาว ข่าวทั้งร้ายดี ทุกคนต่างมีชีวิตของตัวเอง

เคยวิ่งตามฝัน เคยหวั่นลมฝน ได้หม่นได้หมองได้ร้องเพลง
หมื่นพันเรื่องราว เศร้าและครื้นเครง ทุกที่ต่างมีความงดงามอยู่

ชีวิตไม่เคยมีทางตัน มันอยู่ตรงจะเห็นเป็นมุมใด
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป สุขมันอยู่ข้างในทุกตัวคน

เดินขึ้นภูเขา ใช่มองแต่จุดหมาย เมฆหมอกดอกไม้ก็ใกล้กัน
สิ่งที่สวยงาม เกิดขึ้นทุกวัน สำคัญที่เราได้หันไปมองดู

ชีวิตต้องดำเนินต่อไป สุขมันอยู่ข้างในทุกคืนวัน




 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 25 พฤษภาคม 2557 14:21:56 น.   
Counter : 1157 Pageviews.  

เคยเป็นคนมองโลกในแง่ดี

เคยเป็นคนมองโลกในแง่ดี

แต่พอผิดหวังแรงๆจากการถูกหักหลัง
ก็กลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย คิดมาก โมโหง่าย
จะกลับไปเป็นคนมองโลกในแง่ดีเหมือนเดิมได้อย่างไร?


ส่วนใหญ่ ถ้าพลิกจากมองดีมาเป็นมองร้าย
ก็มักมีรูปชีวิตเหมือนๆกันครับ
คือ พื้นฐานครอบครัวดี อบอุ่น เส้นทางเรียบง่าย
ไม่มีอะไรพลิกไปพลิกมา

ซึ่งข้อดีคือเป็นสุข
แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยมีภูมิคุ้มกันความเจ็บปวดเท่าไหร่
พอเจออะไรกระทบกระแทกแรงๆขนาดโลกพลิกได้
ก็มองต่างมุมจากวันวานเป็นตรงข้าม
กลับขาวเป็นดำ กลับหัวเป็นเท้าได้เช่นกัน


หากเห็นภาพรวมของชีวิตที่ผ่านมา
เพื่อศึกษาและเริ่มชีวิตใหม่ดีๆ
จะพบว่า เดิมทีมุมมองของเรา ‘เกิดจากคนอื่น’
ชีวิตเราเคยอยู่ในช่วงแปรผันไปตามสิ่งแวดล้อม
ยังไม่ได้อยู่ในช่วงทำให้สิ่งแวดล้อมแปรผันตามตัวเราได้


เป้าหมายคือเราจะมีใจคอเป็นตัวของตัวเอง
เป็นอิสระจากสิ่งแวดล้อมให้ได้


ผมรู้จักคนคนหนึ่ง
พ่อแม่นิสัยแย่ พี่น้องแย่
แต่อยู่ๆก็คิดขึ้นมาเองตั้งแต่เด็กๆว่า ‘เราจะไม่แย่ตามคนอื่น’
อันนี้แหละเรียกว่ามีบุญเก่าคุ้มตัวจริง

แม้บาปบางประการจะส่งมาอยู่ในครอบครัวไม่ดี

แต่บุญเก่าก็ตามมาให้กำลังใจ บันดาลให้คิดดีเองได้


ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน
เมื่อใจปักหลักอยู่กับความดีงาม
ความรู้สึกดีงามย่อมถูกบันดาลให้เกิดขึ้นเป็นสมบัติติดตัว


แม้บางครั้งอาจถูกกิเลสถ่วงใจให้คิดว่า
จะทนเป็นคนดีอยู่ตามลำพังในโลกไปทำไม?
ใจก็พร้อมจะตอบว่า "เพื่อให้รู้สึกดีกับตัวเอง"
ตอบตัวเองแค่นั้นได้ก็พอแล้ว คุ้มแล้ว


การมองโลกในแง่ดี ไม่ใช่เชื่อใจใครไปหมด
คติอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน เป็นสิ่งที่ควรยึดถือไว้อยู่
เพียงแต่ใจเราตั้งไว้ในมุมมองแบบพุทธ
คือ พร้อมจะให้โอกาส พร้อมจะให้อภัย
แล้วดูเอาตามจริงว่าใครเป็นยังไง

ถ้าดีมาก็ดีตอบ ถ้าร้ายมาก็อภัยเสีย ทิ้งเขาไปจากใจเสีย
จะต้องสะสางเอาความตามบทบาทอย่างไรก็ทำไป
แค่สละความรู้สึกผูกพัน
ทำใจไว้ว่าไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีกเท่านั้น


ขอให้ระลึกว่า
ที่จะสละความทุกข์ สลัดมุมมองแง่ร้ายออกจากตัวได้จริง
เราต้องมีความสุขเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว
เช่น ที่จะไม่หวงทุกข์อันเกิดจากความคิดแค้น
เราต้องยินดีในสุขอันเกิดจากการอภัย

เมื่อรู้จักความสุขจากการอภัยครั้งหนึ่ง

ให้จำว่ารสของการอภัยนั้นเบา โล่งหัวอก

ความรู้สึกนึกคิดสว่าง ใจว่างจากทุกข์กันแบบไหน
ให้ย้ำจำ ย้ำระลึกถึงไว้ให้มาก
เมื่อใดความแค้นย้อนกลับมาเล่นงานใจอีก
ก็จะได้หวนกลับไปนึกถึงง่ายๆ
ซึ่งเท่ากับแทนที่ความแค้นได้ง่ายๆเช่นกัน


เมื่อมีความสุขกับจิตอันเป็นกุศลของตัวเอง
คุณจะเป็นคนหงุดหงิดยาก
ความสว่างทางใจจะแหวกม่านหมอกมืดมัว
เปิดให้เห็นโลกจากจุดยืนของตัวดีๆที่เราอยากเป็น
ไม่ใช่เห็นโลกจากฐานที่ตั้งของตัวร้ายๆที่คนอื่นเป็นกันครับ


@ ดังตฤณ


https://www.facebook.com/dungtrin?fref=nf






 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 10:09:39 น.   
Counter : 883 Pageviews.  

การอยู่ร่วมกับคนมองโลกในแง่ร้าย

อยู่กับคนมองโลกในแง่ร้าย

คุณต้องเอาโลกแง่ดีมานำเสนอให้ทันๆกัน
กี่ครั้งที่เขามองแง่ร้ายมา
ก็ควรเป็นทุกครั้งที่คุณมองแง่ดีไป


การเอาแต่มองแง่ร้ายของโลกทั้งวันทั้งคืน
จัดเป็นโรคทางใจชนิดหนึ่ง
เหมือนขังตัวเองอยู่ในคุกมืด
ไม่ยอมเปิดหน้าต่างรับแสงสวยๆบ้าง

ไม่มีทางลัดในการรักษา
ถ้าอยากช่วย ก็ต้องทำใจช่วยในระยะยาว
และต้องช่วยอย่างมีศิลปะ
ช่วยอย่างมีความเข้าใจภาพรวมทั้งหมด


ทุกคนมีโทสะ คุณเองก็เช่นกัน
และโทสะก็คือพื้นฐานของการมองโลกในแง่ร้าย
ฉะนั้น การนำเสนอโลกแง่ดี
ต้องมีความนุ่มนวลเป็นตรงข้ามกับโทสะ

ถ้าเขาเสียงแข็งมา คุณต้องเสียงอ่อนไป
ถ้าเขาเลือกคำร้อน คุณต้องเลือกคำเย็น
ถ้าเขาคิดแตกหัก คุณต้องคิดประสาน
ถ้าเขาพูดใส่สีตีไข่ให้เกลียดกัน คุณต้องพูดตรงไปตรงมาให้รักกัน

ถ้าเขาพร่ำพูดยืดยาว คุณต้องกระชับคำพูดให้สั้น
ถ้าเขาเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้จุดหมาย คุณต้องคัดประเด็นสรุปให้จับใจ
ถ้าในหัวเขาเต็มไปด้วยเสียงด่า ในหัวคุณต้องเต็มไปด้วยเสียงชม


เมื่อตั้งความเชื่อไว้ว่าทุกสิ่งมี ‘อีกด้านให้เห็น’
และพยายามฝึกที่จะเห็น คุณจะเห็นเสมอ
กับทั้งคิดได้ พูดได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

ช่วยเขาแต่ละครั้ง ก็คือฝึกคุณไปในตัว
ตอนแรกอาจเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม
เพราะมุมมองร้ายๆของเขา
จะแพร่มากระตุ้นอารมณ์ร้ายๆในคุณไปด้วย

แต่ยิ่งฝึกนานไป ใจคุณจะยิ่งชินกับการคิดเป็นตรงข้าม
รู้เองว่าพูดด้วยน้ำเสียงแบบใด มองเขาด้วยแววตาแบบไหน
จะช่วยให้รู้สึกว่าไม่ได้ถกเถียงหรือทะเลาะกัน
แต่เป็นการนำเสนอที่ชวนให้เต็มใจสนอง


มุมมองโลกแง่ดีสักร้อยสักพัน
ขอเพียงมีหนึ่งเดียวที่ช่วยให้เขาคลิก
จุดชนวนให้รู้จักหัดมองโลกแง่ดี
รู้สึกดีกับการมองด้านดี 

ไม่รู้จะมองด้านร้ายให้รู้สึกร้ายไปทำไม


ครั้งต่อๆไปจะเริ่มง่ายขึ้น

คุณจะสัมผัสใจที่ดีขึ้นได้จากเสียงที่อ่อนลง
ตลอดจนบรรยากาศความสว่างที่ต่างไป

ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหน
ถึงจะเปลี่ยนคนมองโลกแง่ร้ายมาเป็นคนมองโลกแง่ดีเต็มตัว
คำตอบคือ นานหน่อย

คนเราตกมาอยู่ในหลุมมืดให้เห็นโลกด้านร้ายได้ทั้งชีวิต
ก็ควรต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการเอาตัวออกมามิใช่หรือ?


คิดอย่างนี้ เผื่อใจอย่างนี้ ใจเย็นอย่างนี้
แล้วในที่สุดจะพบว่า คุณทำสำเร็จเร็วกว่าที่คิดมาก


@ ดังตฤณ 19/5/57

https://www.facebook.com/dungtrin?fref=nf






 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 14:33:35 น.   
Counter : 971 Pageviews.  

อดทน...ด้วยปัญญา...และกำลังใจที่เข้มแข็ง




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 13 พฤษภาคม 2557 13:26:52 น.   
Counter : 3302 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]