โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

แกะดำ : คนเราต้องมี "เหตุแห่งการดำรงอยู่" ของชีวิต

คนเราต้องมี "เหตุแห่งการดำรงอยู่" ของชีวิต

เหตุแห่งการดำรงอยู้ไม่ใช่เงิน นั่นเป็นผล

เหตุแห่งการดำรงอยู่ทำให้คนคนนั้นยินดีตื่นนอนก่อนคนส่วนมาก

ทำงานอาทิตย์ละเจ็ดวัน โดยไม่มีความเหน็ดเหนื่อย

เพราะความที่เขาสนุกกับสิ่งที่เขาทำ

เหตุแห่งการดำรงอยู่เป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้คนคนนั้นไม่มีคำว่าท้อถอยเมื่อเจออุปสรรค ทำให้เขาลุกขึ้นทุกครั้งที่ถูกคู่แข่งชกล้มลงกับพื้นเวที

เหตุแห่งการดำรงอยู่เป็นเครื่องมือที่เราใช้ชักจูงผู้คนที่มีแนวคิดเหมือนกันมาอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ เพื่อสานฝันของผู้นำให้เป็นจริง

พลังของเหตุแห่งการดำรงอยู่ดึงดูดให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของคุณ เพราะเหตุแห่งการดำรงอยู่มันทำให้แบรนด์ของคุณมีแสง Aura รอบตัว

วันนี้คุณมีเหตุแห่งการดำรงอยู่ของตัวเองแล้วหรือยังครับ

ผมมีความเชื่อว่าคนเราต้องอย่าใช้ชีวิต

เพียงแค่เกิดมา

เรียนหนังสือ

หาเงินหาทอง มีความสุข

แล้วค่อย ๆ จากโลกใบนี้ไปอย่างเงียบ ๆ





 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:14:17 น.   
Counter : 621 Pageviews.  

บ้าหุ้น : คิดจะทำอะไรสักอย่าง ให้ตั้ง "ความสุข" เป็นหลัก แล้วค่อยมองย้อนกลับมาว่าวิธีการคืออะไร

ชีวิต คือ การลงทุน

หากพูดถึงคำว่า "การลงทุน" ในมุมมองของผมจะหมายถึง

"การกระทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างน่าพอใจ ไม่ว่าผลตอบแทนนั้นจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม"

คนส่วนใหญ่มักจะมองที่ผลตอบแทนในรูปแบบของ "เงิน" เป็นหลัก 
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผลตอบแทนหลักที่ดีจริงๆ ควรเป็น "ความสุข" ต่างหาก

การไปเที่ยวพักผ่อน คือการลงทุน เพราะคุณต้องไป ถึงจะได้ความสุข ได้ประสบการณ์ ได้ความสนุกกลับมาจากทริปนั้น

การอ่านหนังสือ การสะสมของ การทำงาน การออกกำลังกาย การไปเรียน การฟังอบรม .......
ทุกๆอย่างคือการลงทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนอะไรสักอย่างกลับคืนมา

ทุกๆการกระทำ จะได้รับผลตอบแทนกลับมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายแข็งแรง รูปร่างดี ฉลาดขึ้น พูดได้เพิ่มอีกหนึ่งภาษา มีรายได้เสริม เป็นที่รู้จักมากขึ้น .........

สุดท้ายแล้วทุกๆผลตอบแทนนั้นล้วนแล้วแต่เพื่อตอบโจทย์ของคุณคือ เพื่อ "ความสุข"

ประเด็นที่ผมอยากจะบอกก็คือ

คิดจะทำอะไรสักอย่าง ให้ตั้ง "ความสุข" เป็นหลัก แล้วค่อยมองย้อนกลับมาว่าวิธีการคืออะไร เพราะนั่นจะทำให้คุณรู้ตัวอยู่ตลอดว่า ขนาดไหนที่เรียกว่า หย่อนเกินไป หรือ ตึงเกินไป

สุดท้ายแล้วพอคุณมีความสุขกับสิ่งที่คุณทำ คุณรักในสิ่งที่ทำ คุณก็จะสามารถทำสิ่งนั้นได้ดี และจะดีขึ้นไปเรื่อยๆอีก เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ผลตอบแทนอื่นๆ จะทยอยตามมาเองโดยอัตโนมัติ

ตอนนี้ผมมีความสุขมากกว่าเดิม ทั้งๆที่ผมตัดสินใจปฏิเสธเงินเดือนครึ่งแสน มารับเพียง 15,000 บาท เพราะงานในตอนนี้ทำให้ผมมองเห็นความก้าวหน้าและพัฒนาการที่ดีได้

ตอนนี้ผมมีความสุขมากกว่าเดิม แม้ว่างานปัจจุบันผมต้องทำงานแทบจะไม่มีวันได้หยุดเลยก็ตาม 

เหตุผลคือ งานส่วนใหญ่ที่ผมทำ มันคือ การพักผ่อนในแบบของผมนี่เอง ไม่ว่าจะเป็น การเขียนบทความการลงทุนให้คอลัมน์ใน magazine(ผมชอบเขียน ชอบอ่าน เลยทำให้สนุก), การคิดไอเดียงานที่แปลกใหม่ให้ลูกค้า(ผมชอบใช้ความคิด เหมือนเล่นเกมฝึกสมอง), การแต่งเพลง(แน่นอน ผมหลงรักในดนตรี), การลงทุน(แทบจะหลงรักเข้าเส้นเลือด)
และงานอื่นๆอีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึงเช่นกัน

จะเห็นว่าผมทำงานหลายอย่างมาก แต่ทุกอย่างที่ผมเลือกทำ เป็นงานที่ผมรักและมีความสุขกับมัน 

ผมเลือก "ความสุข" มาก่อน "เงิน" 

อ่านมาถึงตรงนี้ อยากจะบอกว่าผมไม่ได้จะมาโลกสวย และไม่ได้บอกว่าเงินไม่สำคัญ แต่ที่ยกตัวอย่างให้เห็นคือ นอกจาก"เงิน"แล้ว ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามันยังมีรูปแบบอื่นอีกมากมาย เพียงแต่คุณจะมองเห็นมันรึเปล่า

และตอนนี้ผมก็มีความสุขมากกว่าเดิม เพราะ เดิมทีจาก "เงิน" ที่ผมให้ความสนใจเป็นรอง ตอนนี้มันกำลังกลับมาหาผมเองโดยอัตโนมัติจากสิ่งที่ผมเลือกทำทั้งหมด

เงินมันวิ่งเข้าหาคนที่มีปัญญา และเงินมันจะคงอยู่และงอกเงยต่อไปได้เมื่ออยู่กับคนที่มีปัญญาเช่นกัน ดังนั้นจงเลือกทำในสิ่งที่จะพัฒนาปัญญาและความสามรถของตัวเองได้ เดี๋ยวเงินมันก็ตามมาเอง ลองคิดดีๆนะครับ

แหม่ พูดซะดูดี เชื่อผมมั๊ย? ....................ไม่เชื่อ!!! ทำไงหล่ะ 

ก็ต้องลองทำดูสิครับ พูดมาได้ 555 เพราะผมลองมากแล้วนี่ไง ถึงเอามาเล่าให้ฟัง ถ้าไม่ลองจะรู้ได้ไง จริงมั๊ย?


//baahoon.blogspot.com/2013/10/blog-post_1412.html




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:15:16 น.   
Counter : 541 Pageviews.  

Boy : งานไม่ประจำ...ไม่ใช่งานเสริม...แต่มันคืองานหลักอีกงาน

ก่อนที่คนๆ นึงจะลาออกมาทำงานไม่ประจำได้
ผมคิดว่าช่วงเวลาสำคัญคือ
ตอนที่เราทำควบคู่กันไป
ระหว่าง "งานประจำ" กับ "งานไม่ประจำ"

ตรงจุดนี้แหละคือสิ่งที่คนพลาดกันเยอะ คือ
หนึ่ง งานประจำเละ เพราะมัวแต่ทำงานไม่ประจำ
สอง งานไม่ประจำเละ เพราะมัวแต่ทำงานประจำ

ไม่ง่ายนะครับที่จะทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน

เรื่องงานประจำเละ อันนี้ผมว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
เป็นเพราะเราจัดเวลาไม่ถูกนั่นเอง
แต่เรื่องงานไม่ประจำเละ
ผมว่าน้อยคนจะเข้าใจว่าทำไม?

เรื่องของเรื่องก็คือ
คนมักจะคิดว่างานไม่ประจำที่ทำ มันคืองานเสริม
สุดท้ายมันก็เลยเป็นงานเสริมจริงๆ
และไม่มีทางที่จะได้ออกมาทำ "งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า"

สิ่งที่ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ก็คือ

เราต้องเข้าใจให้ถูกครับว่า

"งานไม่ประจำไม่ใช่งานเสริม แต่มันคืองานหลักอีกงาน"

เราต้องทุ่มเทกับมันเหมือนงานหลักที่เราทำ


ผมจึงไม่แปลกใจที่มีคนน้อยกว่าน้อย
ที่สามารถออกมาทำงานไม่ประจำได้
นั่นเพราะ
เค้าเอาเวลา "เหลือๆ"
มา "ลอง" ทำงานไม่ประจำ
"เผื่อ" มันจะรุ่ง

แย่ไปกว่านั้น
เค้ายังอดทนกับงานไม่ประจำได้น้อยกว่างานประจำ
เวลาเจอปัญหาก็มักจะยอมแพ้ง่าย

เพราะอะไรเหรอครับ?
ก็เพราะเวลาส่วนใหญ่ที่เอาไปทำงานไม่ประจำนั้น
มันคือเวลาที่เคยใช้พักผ่อน
พอเกิดปัญหาในงานไม่ประจำ
สมองก็จะเอาภาพปัญหาไปเทียบกับภาพที่เคยนอนดูละครอยู่บ้าน
ซึ่งอย่างหลังมันสบายกว่าเยอะ
สุดท้าย งานไม่ประจำก็เลยไม่ทำเงินกว่า

ที่เขียนมาทั้งหมด
ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานประจำดีหรือไม่ดีนะครับ
ผมหมายถึงคนที่อยากออกมาทำงานไม่ประจำ
ถ้าอยากสำเร็จในวงการงานไม่ประจ
คุณต้องเข้าใจว่า
"งานไม่ประจำไม่ใช่งานเสริม แต่มันคืองานหลักอีกงาน"

วันที่คุณเข้าใจ
"งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า" แน่นอนครับ

ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก


%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

หากวันนี้ คุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหา "งานไม่ประจำ"

ที่สามารถเปลี่ยนเป็น "งานหลักอีกงาน"

"ไอยรา แพลนเน็ต" ขายตรงสีขาว คือ คำตอบ

นัดเวลาเพื่อพูดคุยรายละเอียดด้วยกันซิคะ

โทร.08 5260 1555 
Line ID : boonthis
บุญ ไอยรา
สยามกุญชร เอราวัณทีม








 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:16:51 น.   
Counter : 1180 Pageviews.  

Boy : พอเพียง! หรือ ปกป้องตัวเอง!

"จะขับรถสปอร์ตหรืออยู่บนรถเมล์
เวลารถติด ก็ขยับไปไหนไม่ได้เหมือนกัน"


"ถ้าอยู่คฤหาสน์ แล้วครอบครัวแตกแยก
ขออยู่บ้านเช่าดีกว่า"

"คนรวยใช่จะมีความสุขกว่าคนจน"

"เงินไม่ใช่ทุกอย่าง"

"ใครจะมีสตางค์ก็มีไป
ขอแต่มีแต่เธอแต่เธอก็พอใจ เงินและทองอะไรก็ไม่เอา"
ฯลฯ

อ่านข้อความข้างบนนี้แล้วรู้สึกยังไงบ้างครับ?
ผมเชื่อว่าหลายคนเห็นด้วย พยักหน้าหงึกๆ ใช่! พอเพียง!

แต่ในความคิดของผม
นั่นคือ "การปกป้องตัวเอง" อย่างร้ายกาจ

ถ้าจะมีอวัยวะไหนสักชิ้นที่ปกป้องตัวเองเก่งที่สุด
มันก็น่าจะเป็น "สมอง" (ความคิด)

อะไรก็ได้ที่ทำให้เราไม่รู้สึกผิด สมองยินดีจะทำเสมอ
โดยเฉพาะเรื่อง "เงิน" คือหัวข้อแรกๆ ที่สมองจะป้องกันตัว

บางคนจึงเอา "เงิน" ไปโยงกับ "ความสุข"
ว่าฉันขอมีความสุขก็พอ

ทั้งที่มันทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวกัน แล้วแต่เราจะพูดแง่มุมไหน

"จะขับรถสปอร์ตหรืออยู่บนรถเมล์
เวลารถติด ก็ขยับไหนไม่ได้เหมือนกัน"

ถามจริงๆ ถ้าเลือกได้ ใครไม่อยากรถติดอยู่ในรถสปอร์ต

"ถ้าอยู่คฤหาสน์ แล้วครอบครัวแตกแยก
ขออยู่บ้านเช่าดีกว่า"
ผมว่าบ้านเช่าที่ครอบครอบแตกแยกก็มี
คฤหาสน์กับครอบครัวแตกแยกมันเป็นอะไรที่ไม่เกี่ยวกัน
ไม่รู้จะเอามาโยงทำไม

"คนรวยใช่จะมีความสุขกว่าคนจน"
คนรวยมีความสุขกว่าคนจนในด้านวัตถุแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องความทุกข์พื้นฐาน เรามีเหมือนกันทุกคน
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เพราะฉะนั้นจะพูดทำไมหว่า อันนั้นทุกคนก็ต้องเจออยู่แล้ว

"เงินไม่ใช่ทุกอย่าง"
นั่นสิครับ แล้วอะไรคือทุกอย่าง? ความสุขเหรอครับ?

ป้าขายปลาทูในตลาดแถวบ้าน
แกไม่ยักกะยอมให้ผมใช้ความสุขซื้อปลาทู
ทั้งที่ผมอุตส่าห์บอกว่า "เงินไม่ใช่ทุกอย่างนะป้า!"

"ใครจะมีสตางค์ก็มีไป
ขอแต่มีแต่เธอแต่เธอก็พอใจ เงินและทองอะไรก็ไม่เอา"
เอ้า! ผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายแบบนี้ รักจริงแต่บ่อจี๊ ขอมือหน่อย?

ผมไม่ได้จะบอกให้ทุกคนมา "บ้าเงิน" นะครับ
แต่แค่จะ "จับผิด" สมองว่ามันร้ายกาจแค่ไหน
ในการเชื่อมโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน
ในการด่วนสรุปให้เหมือนที่ใจอยากจะเชื่อ
ทั้งหมดก็เพื่อจะได้บอกกับตัวเองว่า "กูไม่ผิดเฟ้ย!!!"

และข้อสรุปที่ร้ายกาจที่สุดก็คื
"ไม่ต้องมีเงินก็ได้ ขอแค่มีความสุขก็พอ"

เงินกับความสุขมันเหมือนวงกลมสองวงที่ทับกันบางส่วน
ไม่มีวงไหนใหญ่กว่าวงไหน
วงกลมความสุขไม่ได้อยู่ในวงกลมเงิน
และวงกลมเงินก็ไม่ได้อยู่ในความสุข

บางคนเลือกที่จะมีความสุข แต่ไม่มีเงิน มันดีจริงๆ เหรอ?

บางคนเลือกที่จะมีเงิน แต่ไม่มีความสุข มันสนุกเหรอ?

ทำไมเราไม่เลือกทั้งคู่

นั่นคือเลือกที่จะเป็นคนที่มีทั้งความสุขและมีเงินล่ะครับ?

เอ้า! ก็ไม่รู้สินะ ต่อให้ต้องไม่มีความสุข

ผมก็ยินดีจะนั่งร้องไห้ในรถเฟอร์รารี่
ดีกว่านั่งขยี้น้ำตาบนรถเมล์ล่ะวะ ฮ่าๆ






 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:17:16 น.   
Counter : 795 Pageviews.  

สมคิด : คำพูดเด็ดๆ ...ในการปลุกพลัง..คืออะไร...?

คำพูดเด็ดๆ ...ในการปลุกพลัง..คืออะไร...?

ผมใช้คำพูดของ...นักปราชญ์จีน...เขาบอกไว้ว่า...ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...
มันอยู่เลยความล้มเหลว...ไปนิดเดียว...พอเจอความล้มเหลว...
เร่งเครื่องให้เต็มที่...พอเลยความล้มเหลว...ปุ๊บคุณก็พบความสำ เร็จที่ยิ่งใหญ่...

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี่...มันได้มาง่ายขนาดนั้นเลยหรือ
ถ้าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...มันได้มาง่ายขนาดนั้น...
แล้วทำไมคนค่อนโลก...ถึงล้มเหลวล่ะ...?
ปราชญ์จีนตอบว่า...สาเหตุที่ทำให้คนค่อนโลก...ล้มเหลว
เพราะเมื่อเขาเจอความล้มเหลว...เขาตัดสินใจหยุด...ไม่เดิน ต่อ...
ชีวิตทั้งชีวิต...จมปลักอยู่กับความล้มเหลว...

นับจากวันนี้เป็นต้นไปทันทีที่คุณเจอความล้มเหลว...
ดีใจได้เลยว่า...คุณเดินมาถูกทางแล้ว...เร่งเครื่องให้เต็มที่...
เดินหน้าให้เต็มสูบ...พอคุณเลยความล้มเหลว...ปุ๊บ...
คุณก็จะพบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สูตรแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...มันง่ายแค่นี้เอง...แล้วมึงจะรออะไรอีก...?

นี่คือคำถาม...ข้อคิด...และ Model ...ไปสู่ความสำเร็จ...
จากหนังสือ...มึงสู้...จริงหรือเปล่า...?
ลายแทงที่จะพาคุณผู้อ่านทุกท่าน...
ไปพบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่...

สมคิด ลวางกูร
www.facebook.com/SomkidFanPage






 

Create Date : 30 ตุลาคม 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:17:53 น.   
Counter : 1967 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]