ขอยกตัวอย่างวิชาเดียว คือ วิชาสุขศึกษา ทุกคนต้องเคยผ่านบทเรียนที่ว่าด้วยเรื่องวิธีปฏิบัติเพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เช่น การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ / นอนพักผ่อนให้เพียงพอ / หลีกเลี่ยงอาหารหรือพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ฯลฯ
เราท่องจำและตอบข้อสอบได้ แต่น้อยมากที่จะนำมาบทเรียนเหล่านั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิต ประหนึ่งว่า การเรียนรู้หยุดลงในวันประกาศผลสอบ
หรือบางคนอาจเร็วกว่านั้น คือหลังออกจากห้องสอบ พร้อมกับวางหนังสือเรียนคืนให้คุณครูในบัดเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่พอมีลูกหลาน เราก็สอนให้พวกเขาท่องจำเพื่อตอบข้อสอบให้ผ่าน แล้วใช้ชีวิตตามกระแสที่ถูกกำหนดไว้แล้วโดยรัฐบาลและสื่อโฆษณาสำเร็จรูปของนายทุน ซึ่งแตกต่างจากเนื้อหาในหนังสือเรียนอย่างสิ้นเชิง
ทำไมบทเรียนที่เกิดขึ้นในห้องเรียนจึงมีอายุแสนสั้น?
ถ้าไม่ใช่บทเรียนจากห้องเรียน แล้วเราใช้ชีวิตจากบทเรียนไหนกัน?
======
ช่วงเวลาที่เราเกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง คือ ช่วงเวลาที่เราได้ลงมือทำบางอย่าง ที่ต้องใช้ศักยภาพความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ภายใต้สภาวะที่พึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ เราเรียกการเรียนรู้เช่นนี้สั้น ๆ ว่า `ประสบการณ์´
ประสบการณ์ที่เกิดจากการผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยอุปสรรคความยากลำบาก หรือความผิดพลาดล้มเหลว มีคุณค่าและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตค่อนข้างมาก
เวลาแห่งความยากลำบากของชีวิตแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกัน
- ความยากลำบากในวัยเด็ก อาจจะเป็นการตื่นไปโรงเรียนตอนเช้าเพื่อที่จะไปเจอกับคู่อริที่ชอบแกล้งเราให้อับอาย
- ความยากลำบากในวัยรุ่น อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ถูกเพื่อน ๆ ในกลุ่มปฏิเสธ อกหัก สอบเรียนต่อไม่ได้ พ่อแม่หย่าร้าง
- ความยากลำบากของคนวัยทำงาน อาจจะเป็นการงานล้มเหลว ธุรกิจล้มละลาย แยกทางกับคู่รักหรือหย่าร้าง ลูกเกเรดื้อรั้น
- ความยากลำบากของคนสูงวัย อาจจะเป็นความเหงา ความรู้สึกไร้ค่า ลูกหลานทะเลาเบาะแว้งกัน และความเจ็บป่วย
อาจจะ
อาจจะ
======
อาจกล่าวรวม ๆ ได้ว่า ความผิดพลาดด้านการเรียนหรืองาน ความผิดพลาดด้านความสัมพันธ์ การพลัดพรากจากสิ่งที่รักหรือคนที่รัก และความเจ็บป่วย คือ ความทุกข์ยากอันเป็นสากลของชีวิตทุกช่วงวัย แต่ต่างกันที่บริบทและความซับซ้อนที่มักจะเพิ่มขึ้นตามอายุ
การเผชิญกับช่วงเวลาเหล่านี้ โรงเรียนไม่ได้สอนว่าเราควรทำอย่างไร (บางทีโรงเรียนเองก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของความยากลำบากด้วยก็ได้)
เราเรียนรู้จากการเผชิญหน้ากับมัน ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง โดยอาจจะมีผู้ฝึกอย่างพ่อแม่หรือกัลยาณมิตรอยู่ข้าง ๆ
เมื่อเราผ่านประสบการณ์การลองผิดลองถูกครั้งหนึ่งในชีวิต เราจะเกิดการเรียนรู้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว เราอาจจะไม่ได้ใส่ชื่อรายวิชาว่าเป็น วิชาการแก้ปัญหาครอบครัว วิชาเทคนิคการล้มละลายทางธุรกิจ หรือวิชายามคนรักเปลี่ยนใจ แต่เราก็ผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้
คนที่สามารถให้คะแนนและตัดเกรดได้ยุติธรรมที่สุด คือ ตัวเราเอง แต่เรามักจะให้อำนาจคนอื่นตัดสินอยู่เสมอ ซึ่งบ่อยครั้งก็เป็นคำตัดสินที่ค่อนข้างกดหรือปล่อยคะแนนเกินความเป็นจริง
และถ้าเรายังก้าวข้ามบทเรียนนี้ไม่ได้ ก็ถือว่าสอบไม่ผ่าน ยังต้องเจอปัญหาในลักษณะนี้ในรูปแบบใหม่ไปจนกว่าจะก้าวข้ามไปได้ จึงจะเลื่อนขั้นไปเจอบทเรียนที่ยากขึ้น
======
ถ้าอย่างนั้น เราก็อยู่ที่เดิมกับปัญหาเล็ก ๆ ในระดับเดิมอย่างที่คุ้นชินไม่ดีกว่าหรือ จะผ่านมันไปเพื่อเจอปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าให้ยุ่งยากทำไม?
ย่อมทำได้
หากเราพอใจ
มันเหมือนกับการที่เรารู้ว่ากลไกของอวัยวะภายในร่างกายของเรา ทำงานอย่างไร ต้องการการหล่อเลี้ยงอย่างไรจึงจะมีสุขภาพดีแข็งแรง แต่เราก็ยังอยากจะกินแต่ข้าวบดหรือโจ๊ก เพราะว่ามันง่ายดี
เราก็จะใช้ชีวิตอย่างข้าวบดหรือโจ๊กต่อไป เมื่อต้องกินอาหารที่หยาบและแข็ง เราก็จะพยายามขย้อนมันออกมา แม้ว่ามันจะอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายก็ตาม
เราควรให้คุณค่ากับบทเรียนที่มาจากความยากลำบากค่อนข้างมาก เพราะมันเหมือนผักรสขมที่มีสารอาหารและกากใย ช่วยบำรุงสมอง หัวใจ และสายตา (แม้บางครั้งเราอยากจะคายมันทิ้งใจจะขาด แต่ก็ทำไม่ได้)
ความยากลำบากจะช่วยขัดเกลาความคิดอ่านให้แหลมคม มีมุมมองที่กว้างไกล และมีหัวใจที่แข็งแรง
======
แน่นอนว่า เราไม่สามารถกินแต่ผักรสขมอย่างเดียวไปตลอดได้ จะต้องมีอาหารประเภทอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติมในชีวิตให้สมดุลด้วย
มีใครปฏิเสธรสชาติอันหอมหวานของความสุขได้บ้างล่ะ
อาหารที่เราแสวงหามาป้อนให้กับร่างกาย ก็เหมือนกับการแสวงหาประสบการณ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อบดเคี้ยวกลั่นกรองผ่านกระบวนการคิดใคร่ครวญ เป็นบทเรียนหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้เติบโตขึ้นนั่นเอง
และนี่เองที่เป็นบทเรียนที่เราได้รับการถ่ายทอดมาจากครูผู้ฝึกในแต่ละช่วงชีวิต ซึ่งเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ลูกหลานของเราก็จะเข้ามาลงทะเบียนเรียนกับเราด้วยเหมือนกัน
ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก บางครั้งพวกเราอาจจะกำลังเรียนวิชาเดียวกันอยู่ก็ได้!
======
Credit : มะลิ ณ อุษา | คอลัมน์ มองย้อนศร | โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน 2556
#Life101Page #LiveToLearn #LearnToLive