โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

ท่านพุทธทาส : คุณค่าของ "ไม่ประสบความสำเร็จ" (ล้มเหลว)

"...เมื่อประสบความสำเร็จ


สิ่งแรกก็คือดีใจ จนลืมตัว และโง่ลงไปบางอย่าง

สำหรับจะประมาท หรือสะเพร่าในอนาคต

ความสำเร็จ เป็นครูที่ดีน้อยกว่า ความไม่สำเร็จ

ความไม่สำเร็จ แต่มีเสน่ห์จนคนทั่วไป เกลียดความไม่สำเร็จ


...เมื่อไม่ประสบความสำเร็จ

เราจะได้อะไร ที่มีค่ามากกว่า เมื่อประสบความสำเร็จไปเสียอีก

ถ้าเป็นจิตนิยม แต่เราไม่รู้-ไม่รู้สึก ถือเอาไม่ได้

แต่คนทั่วไป มองมันในแง่ลง เห็นเป็นความเสียหาย

และเกิดทุกข์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก เป็นโชคร้ายไปเสียโน่น

...ถ้าต้อนรับความไม่สำเร็จ อย่างถูกต้อง

มันจะมอบความรู้ ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ถึงที่สุดในกาลข้างหน้า

จนกลายเป็นผู้ทำอะไร สำเร็จไปหมด..."

ท่านพุทธทาส








 

Create Date : 12 ธันวาคม 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:07:02 น.   
Counter : 3058 Pageviews.  

Boy : "ความสำเร็จ" กิน "ความล้มเหลว" เป็นอาหาร

"ความสำเร็จ" กิน "ความล้มเหลว" เป็นอาหาร
ถ้าอยากได้ความสำเร็จใหญ่ๆ
เราต้องป้อน "ความล้มเหลว" ให้มันสองเท่า
แล้วความสำเร็จจะโตไวจนคาดไม่ถึ

แทบจะเป็นสูตรสำเร็จของหนังตลาดเลยก็ว่าได้
ที่ตัวละครหลักจะต้องพบกับความล้มเหลวซ้ำซาก
แล้ววันนึงเค้าก็ค้นพบเคล็ดวิชาหรือบทเรียนอะไรบางอย่าง
หลังจากนั้นก็พัฒนาตัวเอง จนเอาชนะอุปสรรคได้ในที่สุด

ฟังดูเป็นพล็อตที่น้ำเน่าน่าเบื่อนะครับ
แต่ผมอยากจะบอกว่าชีวิตจริงมันเป็นแบบนั้นเป๊ะเลย

ชีวิตจะประเคนบททดสอบให้เราซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดูสิว่าเราจะอึดแค่ไหน
ระหว่างนั้นเราจะเหมือนเห็นลำแสงอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ทำให้เราเข้าใจว่า

มันไม่ใช่ความล้มเหลว
แท้จริงมันเป็นเพียง "ผลตอบรับ" ของสิ่งที่เราทำลงไป
ว่าเราต้องปรับปรุงอะไรตรงไหน อย่างไร

ใครบางคนบอกไว้ว่า
ถ้าเอากล้องจุลทรรศน์มาส่องความสำเร็จดู
เราจะพบความล้มเหลวอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

หลายครั้งโอกาสก็แปลงร่าง
มันมาในรูปของความล้มเหลว "ชั่วคราว"
ครับ! มันแค่ชั่วคราว
อย่าเอามันไปค้างคืน

ถ้าวันนั้นผมปล่อยมือให้ไหลลู่ร่วงดิ่งลงเหว
ไม่อยากจะคิดเลยครับว่าวันนี้ชีวิตผมกับครอบครัวจะเป็นอย่างไร
มองย้อนกลับไปถึงเพิ่งจะเข้าใจวันนี้นี่เอง
ใช่ครับ วันนั้นผมยังล้มเหลวไม่พอ

ถ้าวันนี้เรากำลังล้ม แล้วมีคนเดินมาบอกเราว่า "ทำไม่ได้หรอก"
ขอให้มันเป็นเพียงความคิดเห็นของเค้าเท่านั้น
อย่ายอมให้มันเป็นความคิดเห็นของเรา

บอกเค้าไปเลยครับว่า
เรากำลังป้อนอาหารยี่ห้อ "ความล้มเหลว" อยู่
เดี๋ยวความสำเร็จโต ก็จะได้รู้กัน

เอ้า! ได้เวลาป้อนอาหารเช้าให้ความสำเร็จแล้วครับ
มามะ ออกไปล้มเหลวกัน







 

Create Date : 12 ธันวาคม 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:07:32 น.   
Counter : 979 Pageviews.  

Wibool Jung : คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่

ถ้าจะให้ผมฟันธงถึงสาเหตุอันดับหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดทางการเงินของตัวเองได้ ผมก็จะขอบอกว่า คนส่วนใหญ่เป็น "ผู้รับ" ที่แย่ เขาอาจเป็นผู้ให้ที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือ พวกเขาเป็นผู้รับที่แย่ และเพราะพวกเขารับได้แย่ พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่รับ!

คนเรามีปัญหากับการเป็นผู้รับด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรกเลยคือ หลายคนรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือไม่คู่ควร อาการของโรคนี้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในสังคมของเรา

ผมขอเดาว่ากว่า 90% ของประชากรโลกต่างมีความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่ดีพอวิ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือด

แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องตระหนักไว้ว่า ความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างฐานะและจากมุมมองทางการเงิน มันอาจเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ

ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่าหรือไม่ ล้วนเป็น "เรื่องราว" ที่เราสร้างขึ้นเอง ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดมีความหมายหรอก นอกจากความหมายที่เรามอบให้มันเอง

ไม่มีใครเดินเข้ามาประทับตรา "มีค่า" หรือ "ไร้ค่า" บนตัวคุณได้หรอก คุณเองนั่นแหละที่เป็นคนทำ คุณสร้างมันขึ้นมาเอง คุณเป็นคนตัดสินเอง คุณคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดว่าคุณจะมีค่าหรือไม่ มันเป็นมุมมองของคุณ

ถ้าอย่างนั้น ทำไมคนเราถึงทำกับตัวเองอย่างนี้? ทำไมคนเราต้องสร้างเรื่องขึ้นมาว่าตัวเองไร้ค่า? มันเป็นธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ ซึ่งมีระบบป้องกันตัวเองที่จ้องแต่จะหาสิ่งผิดปกติ คุณสังเกตุไหมว่าพวกกระรอกไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้เลย? คุณพอจะนึกภาพกระรอกบอกกับตัวเองว่า "ฉันจะไม่สะสมลูกนัทเตรียมไว้สำหรับหน้าหนาวในปีนี้ให้มากนักเพราะฉันมันไร้ค่า" ได้ไหม คงเป็นไปได้ยากหน่อย

เพราะสัตว์ที่มีระดับสติปัญญาต่ำไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง มีแต่สัตว์โลกที่มีวิวัฒนาการล้ำหน้าอย่างมนุษย์เท่านั้นแหละที่สามารถตั้งข้อจำกัดให้กับตนเองได้

หนึ่งในคติพจน์ของผมคือ "ถ้าต้นโอ๊กสูงร้อยฟุตมีความคิดและจิตใจเหมือนมนุษย์ มันก็คงจะสูงได้เพียงสิบฟุต!"

คำแนะนำของผมก็คือ เนื่องจากการแต่งเรื่องของคุณขึ้นมาใหม่นั้นง่ายกว่าการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จงเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนเรื่องราวของคุณแทน มันได้ผลรวดเร็วและแน่นอนกว่ากันมาก ลองสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ที่ส่งเสริมตัวคุณเองและดำเนินชีวิตไปตามนั้น

โลกนี้มีเงินอยู่มากมาย นับล้านล้านดอลลาร์ มันมีอยู่ล้นเหลือและต้องไหลไปที่ไหนสักแห่ง และเมื่อมีคนไม่เต็มใจรับส่วนแบ่งของเขาหรือเธอ เงินส่วนนั้นก็ต้องตกไปเป็นของคนที่เต็มใจจะรับ

ผมจะสอนบทสวดภาวนาพิเศษที่ผมคิดขึ้น มันอาจดูเหมือนเรื่องเล่นๆ ก็จริง แต่บทเรียนที่ได้รับนั้นสำคัญยิ่ง บทสวดมีดังนี้

"ข้าแต่สวรรค์เบื้องบน...หากใครมีโอกาสได้รับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะรับ โปรดส่งมันมาให้ฉันแทนด้วยเถอะ! ฉันเปิดกว้างและยินดีรับพรทุกประการจากท่าน ขอบคุณ"

ถ้าคุณมีวิธีหาเงินให้ได้มากๆ ก็จงมีเงินให้มากๆ เข้าไว้ สร้างฐานะให้ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสเหมือนอย่างคุณ ซึ่งนั่นฟังดูมีเหตุผลมากกว่าการเป็นคนถังแตกและไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลย

เมื่อคุณเปิดกว้างต่อการรับอย่างแท้จริง ชีวิตในด้านอื่นๆ ของคุณก็จะเปิดกว้างไปด้วยโดยปริยาย หลักการอีกข้อที่ผมใช่บ่อยๆก็คือ "วิธีที่คุณจัดการกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คือวิธีที่คุณจัดการกับทุกๆ เรื่อง"

เมื่อคุณกลายเป็นผู้รับเงินที่ยอดเยี่ยม คุณก็จะเป็นผู้รับที่ดีในทุกด้าน...และเปิดรับทุกอย่างที่สวรรค์ประทานมาให้ในทุกๆ ด้านของชีวิต

สิ่งเดียวที่คุณต้องจำไว้ก็คือ การกล่าวคำว่า "ขอบคุณ" ทุกครั้งที่คุณได้รับพรอันประเสริฐทั้งหลาย

ขอบคุณแนวคิดดีๆ จาก คุณวิบูลย์ จุงค่ะ




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:08:03 น.   
Counter : 651 Pageviews.  

ดังตฤณ : เป้าหมายชีวิต

• ชีวิตคน
ลาดลงสู่ความลุ่มลึก
ของสิ่งที่ตัวเองทำมากขึ้นทุกที
แต่ถ้าไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ชีวิตก็ลาดลงสู่เหวลึก
ของความไร้สาระแก่นสารเข้าไปทุกวัน

• ถ้าจะใช้ชีวิตให้คุ้ม
ต้องทุ่มเทกับการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่ "ใช้ชีวิตซ้ำอยู่ในหัว"
และไม่ใช่ "ใช้ชีวิตล่วงหน้าอยู่ในฝัน"
แล้วไปพบที่จุดจบว่า
ชีวิตนี้ไม่มีอะไรให้จับต้องได้จริงสักกี่เดือนกี่ปี

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• วิธีทำชีวิตให้ดีที่สุด
คือจัดการกับวันนี้ ก่อนวางแผนถึงวันหน้า
ไม่ใช่เอาแต่พะวงถึงวันหน้า ก่อนจัดการกับวันนี้

• วางแผนไปข้างหน้า
เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย
กังวลไปล่วงหน้า
เรียกว่าจมอยู่กับชีวิตที่สูญเปล่า

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• จะเชื่อ หรือคิดฝัน
เกี่ยวกับความสำเร็จอย่างไรก็ได้
แต่คุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จเลย
หากไม่ลงมือทำจริง
ในสิ่งที่ตัวเองรักจะทำให้สำเร็จ

• อนาคตของคุณ
มีโอกาสเกิดขึ้นตามคำทำนาย
น้อยกว่าเกิดขึ้นตามการทำเอง

• คนเลือกเส้นทาง หนทางพิสูจน์คน

#ดังตฤณ
 //www.facebook.com/dungtrin




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:08:31 น.   
Counter : 895 Pageviews.  

Boy : "ยุคแห่งความรู้"

ยุคนี้คือ "ยุคแห่งความรู้" อย่างแท้จริง
ความรู้ในโรงเรียนกำลังถูกท้าทาย
และคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
กำลังถูกทิ้งห่างออกไปทุกทีๆ
เพราะเราอยู่ในยุคที่ผมอยากจะเรียกมันว่า
"ยุคศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง"

ทุกวันนี้ถ้าเราอยากรู้อะไรสักเรื่อง
เรามีทั้งอาจารย์กู (เกิ้ล) อาจารย์ยู (ทูบ) อาจารย์วิ (กิพีเดีย)
ความรู้แทบจะทะลักทลายเป็นเขื่อนแตก
เด็กฝรั่งนั้น สามารถเรียนสิ่งที่อาจารย์สอนทุกระดับชั้นจากโรงเรียนและมหาลัยดังๆ ผ่าน app ที่ชื่อ iTunes U

ผมเจอวิดีโอความรู้ดีๆ ในยูทูบที่ดูทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด
ผมค้นหาคำความรู้ที่ต้องการ แล้วก็เจอกับเว็บไซต์เข้าท่ามหาศาล
หรือถ้าอยากได้หนังสือฝรั่งสักเล่ม ก็ไม่ต้องเดินออกไปซื้อ
แค่คลิกเดียว ไฟล์หนังสือก็มาอยู่ตรงหน้า

พูดตรงๆ ยุคนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ถูกสอนไว้
ขอเพียงแต่เรารู้ว่าเราอยากรู้เรื่องอะไรเท่านั้นเอง

แต่ทั้งหมดที่ว่ามา
ต้องอยู่ในเงื่อนไขว่าฟังหรืออ่านภาษาอังกฤษออกนะครับ
ผมถึงบอกว่าคนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง
คุณกำลังแย่แบบไม่รู้ตัว
เพราะคนทั้งโลกกำลังเรียนรู้ด้วยตนเอง
และมีคนจิตกุศลมากมายที่พร้อมจะแบ่งปันความรู้แบบฟรีๆ

คนที่ห้องสมุดใหญ่กว่า ยังไงก็มีโอกาสชนะสูง

ส่วนความรู้ในโรงเรียนบ้านเรานั้น
ผมไม่แน่ใจว่าทำไมถึงยังล้าหลัง
ผมงงมากที่ลูกสาวผม 8 ขวบ
ยังต้องเรียนภาษาไทยจากหนังสือ "ดรุณศึกษา"
ซึ่งมีอายุกว่า 100 ปีแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับเด็กเลย

ยังไม่นับที่โรงเรียนนั้นสอนนักเรียนให้กลัวครู
จึงไม่มีใครกล้าถาม
ผมยังจำประโยคที่พี่โจ้ คอมเมนเตเตอร์เดอะสตาร์
ผู้เป็นคุณครูของนักเรียนมาหลายสิบปี ได้ดี
พี่โจ้เล่าให้ผมฟังว่า
"ครูบางคนหลบซ่อนความไม่เก่งของเค้าไว้ในความดุ"
ผมว่ามีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย

ผมจึงสอนลูกเสมอว่าความรู้อยู่นอกห้องเรียน
ในห้องเรียน เรียนให้พอผ่าน
แต่นอกห้อง ความรู้เราต้องค้นหา
และภาษาอังกฤษสำคัญมาก

สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราๆ ท่านๆ
โลกนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล
แต่คนที่ไม่รู้ตัว
ก็จะไม่รู้ตัวต่อไปว่าวันนี้เรากำลังแข่งกับคนทั้งโลก
ไม่ใช่แค่คนไทย

เขื่อนความรู้กำลังแตกทะลัก
และ "ความรู้" ก็คือ "ทุน" ของยุคนี้
อย่างผมเองไม่มีปัญญาจะไปซื้อคอนโดหรูเป็นสิบๆ ห้อง
แต่ทุกวันนี้ผมก็มี passive income
เทียบเท่ากับคนที่มีคอนโดหรูให้เช่าเป็นสิบๆ ห้อง
เพราะผมมีทุนคือ "ความรู้" นั่นเอง

ย้ำอีกทีว่าเรากำลังอยู่ใน
"ยุคศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง"
ใครหยุดศึกษาหาความรู้
ไม่นานจะถูกทิ้งไว้จนไม่เห็นฝุ่น
หรือไม่ก็กลายเป็นแรงงานราคาถูก

ความรู้ที่เรียนในโรงเรียนมันอายุสั้นครับ
โลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน วันละหลายครั้งด้วย
อย่าให้หนังสือเล่มสุดท้ายที่อ่านคือวิชาสุดท้ายที่สอบตอนปี 4
เพราะความรู้นั้นมันล้าหลังไปนานแล้วครับ






 

Create Date : 12 ธันวาคม 2556   
Last Update : 31 ธันวาคม 2556 16:09:00 น.   
Counter : 536 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]