โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

The CEO Blogger : Blog เปลี่ยนชีวิต: เปิดใจ 1 ปี The CEO Blogger และรายได้ 6 หลัก

Blog เปลี่ยนชีวิต: เปิดใจ 1 ปี The CEO Blogger และรายได้ 6 หลัก

ผมใช้ Blogspot มานาน 2-3 ปีแม้ใจจะอยากเปลี่ยนไปเป็น WordPress self-host แต่กลัวการเริ่มต้นใหม่และกลัวทำไม่เป็น ยอมอยู่กับ Blogspot ไปเรื่อยๆโดยที่ผมก็มองไม่เห็นอนาคตของ Blog ตัวเอง ทั้งจำนวนผู้ติดตามที่ขยายตัวอย่างเชื่องช้าและอีบุ๊คที่ขายไม่ออก จู่ๆเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อบัญชี Gmail ที่โยงใยกับ Blogspot ของผมถูก Hack และทำให้ Google ต้อง Freeze บัญชีของผมและบัญชี Blogspot ที่เชื่อมต่อกันทำให้ผมไม่สามารถ Log-in เข้าไปใช้บล็อกของตัวเองได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการถูกบังคับให้หันมาใช้ WordPress self-host และเกิดเป็น The CEO Blogger

ความสำเร็จเกิดจากความล้มเหลว

The CEO Blogger เป็น Blog แรกโดยการใช้ WordPress Self-Host ของผม มีผลงานเติบโตเร็วมาก ผมไม่ได้อาศัยการทำ SEO แต่ใช้กลยุทธ์การตลาดต่างๆที่ผมเรียนรู้มาไม่ว่าจะเป็น Webboard marketing, Social marketing, Facebook ads และ market research ที่เรียนรู้ผ่านความล้มเหลวในการทำ Blog ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผลลัพธ์ของ The CEO Blogger คือมีการเติบโตของฐานผู้ติดตามสูงกว่า Blog เก่าเป็น 100 เท่าตัว

อาจกล่าวได้ว่า ความสำเร็จในการ Blog ในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะผมเป็น Blogger ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน แต่เพราะผมเป็น Blogger ที่ประสบความล้มเหลวแต่ไม่ท้อถอยที่จะพัฒนาต่อไปโดยเรียนรู้จากความผิดพลาดมาพัฒนาเป็นแผนงานใหม่ๆ

Get your ass off the comfort zone! กล้าแตกต่าง, และทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ

ในวงการ Blog เป็นที่พูดกันเสมอว่า ต้องทำบล็อกคุณภาพ ต้องทำบทความคุณภาพ ถึงจะอยู่ยาวแต่ในทางปฏิบัติจริงหลายคนทำตรงกันข้าม หลายคนทำบทความลวกๆ ก็อปปี้บทความ และปั่นเว็บไซต์

ทุกคนอยากทำเว็บคุณภาพ แต่แทบไม่มีใครทำเว็บคุณภาพ?!…อยากทำ แต่ไม่ทำ สาเหตุคือ ขี้เกียจ มันไม่สบายกายและไม่สบายใจที่จะทำ กลัวทำแล้วโง่!

ในที่สุดคนจึงตัดสินใจทำตามคนอื่น โดยเฉพาะสูตรตายตัวและเครื่องมือเดียวกันจะชอบมากเพราะการทำตามคนอื่นอย่างน้อยก็ทำให้เราเป็นคนที่ร่วมกระแส หรือ In-trend หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็ไม่ต้องโทษว่าตัวเองโง่เพราะถือว่าพลาดกันหมดทั้งตลาด ดังนั้นในตลาดจึงเต็มไปด้วยคนทำเว็บพิมพ์เดียวกันและวิธีทำเงินเหมือนๆกัน ซึ่งคนส่วนน้อยจริงๆทีได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ที่เดินตามเขาทุก step เลียนแบบทุก tools กลับไม่ได้เงิน แต่ก็ยังทำต่อไปเพราะถือเอาความสบายอกสบายใจ

แต่การทำเว็บคุณภาพ, การสร้าง Brand ให้ Blog, และ การสร้างธุรกิจ, สินค้า, และบริการของตัวเอง ให้เกิดขึ้นบน Blog นั้นเป็นงานหนักที่ตัวคุณต้องลงไปจัดการด้วยตัวเองและใช้เวลาในการสร้างฐานผู้อ่านเป็นเวลานาน ตลอดเวลาที่คุณสร้างไม่มีหลักประกันใดๆทั้งสิ้นว่าสิ่งที่คุณทำจะได้ผล

ตอนผมเริ่มทำ Blog สายคุณภาพ ผมเดินคนเดียวบนเส้นทางที่โครตมืดมัวของวงการ Blog ไทย… ผมจะจี๊ดหัวใจเสมอเวลาที่คนโชว์ยอดเว็บปั่น Amazon ที่รับกันเป็นร้อยเป็นพันเหรียญ, คนรู้จักก็มองว่าผมทำบ้าอะไรอยู่, แม้แต่ผมเองก็รู้สึกว่าผมมาถูกทางแล้วหรือวะเนี่ย!? บางครั้งผมก็รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรลมๆแล้งๆ, ถ้าตอนนั้นผมคิดแต่เรื่องเงินผมคงเลิกบล็อกไปนานแล้ว แต่ผมไปได้ด้วยศรัทธา ผมเชื่อในสิ่งที่ผมทำจะสร้างความแตกต่าง  มันใช้เวลาเป็นปีๆทีเดียวกว่าจะมาถึงจุด Break even

ระยะเวลา 8 เดือนและรายได้ 6 หลัก Passive Income

The CEO Blogger เปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือน กุมภาพันธ์ 2013 และออก Ebook ชุดแรกในเดือน เมษายน 2013 และตามมาด้วยชุดอื่นๆ ตามลำดับดังนี้ The Art of Blog, Epic Blogger Pat Flynn, How to Become a Freelance Translator (ENG), The Freedom Hacker, How to Become a Freelance Translator (THA)

  • วันแรกขายได้ 15,000 บาท
  • อีกสองเดือนต่อมา ยอดขายสะสมทะลุ 50,000 บาท
  • ต้นเดือนธันวาคม 2013 ที่ผ่านมา ยอดขายสะสมวิ่งสู่ 120,000 บาท

อีบุ๊คขายดีอันดับหนึ่งคือ The Art of Blog
อันดับสอง The Freedom Hacker
อันดับสาม Epic Blogger Pat Flynn

8 เดือนสู่ Six-Figure Passive Income หากเทียบกับศักยภาพการทำเงินของเว็บปั่นแล้วสายคุณภาพคงยังเทียบกันไม่ได้ในปีแรกๆ แต่ในแง่ของ คุณค่า, การเติบโต, และการต่อยอดในอนาคต ผมมองเห็นว่าแนวทางนี้มั่นคงกว่าและกินยาวตลอดชีวิตไปสู่ Full-time entrepreneur

ที่สำคัญ การเดินเส้นทางที่แตกต่างส่งผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ตลาดอีบุ๊คเป็นที่สงสัยว่าจะสามารถสร้างรายได้ได้จริงไหม จะมีตลอดหรือไม่ แต่เมื่อทำออกมาแล้วก็พบว่ามันมีตลาด และเป็นตลาด Blue Ocean เสียด้วย คุณไม่ต้องแข่งกับใคร คุณแข่งกับตัวเอง Positioning ตัวเองให้เป็นที่สุดใน Niche นี่แหละครับ Value แท้จริงที่ใครเอาไปจากคุณหรือแบนคุณไม่ได้ Value นี้เกิดขึ้นได้จากการ Blog สายคุณภาพเท่านั้น


ก้าวสู่ปี 2014 กับโครงการใหม่ๆ

Passive income เป็นรายได้ที่มาจากการทำงานของระบบ แต่ Passive income ไม่ได้เกิดจากการไม่ทำอะไรเลย หลายคนพลาดพลั้งล้มเหลวเพราะเข้าใจผิดเรื่อง Passive income จนทำให้หลงทิศหลงทาง สำหรับผมไม่จะไม่ยึดติดกับ Passive income แต่เพียงอย่างเดียวแต่จะพัฒนางานในส่วน Active income ด้วยเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ผม Busy กับการเป็น Blogger

BUSYNESS is the only way to turn blog into BUSINESS — Paul Kridakorn

Blog ของผมจะต้องยุ่งมากพอที่จะทำเงินให้เพียงพอต่อการเป็น Blogger แบบ full-time นั่นหมายความว่าผมจะต้องป้อนงานลงไปใน Blog ให้มากขึ้น และงานนั้นจะต้องมีส่วนของ Active income เข้ามาร่วมด้วย โดยโครงการในปี 2014 ที่ผมวางแผนไว้ได้แก่

1) โครงการสร้าง Community นักเขียนออนไลน์:

ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมายจากการเป็นนักเขียน Ebook และสิ่งที่ผมเรียนรู้มีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ ในโลกนี้มีคนจำนวนมากอยากเป็นนักเขียนและมีผลงานเขียนของตัวเอง พวกเขาเชื่อว่าเส้นทางของนักเขียนต้องผ่านทางสำนักพิมพ์เท่านั้นและนั่นเป็นสาเหตุให้คน 99% ที่อยากเป็นนักเขียนไม่ได้เป็นนักเขียนไปตลอดชีวิต ผมค้นพบช่องทางเป็นนักเขียนผ่านโลกอินเตอร์เน็ตและประสบการณ์ของผมในครั้งนี้จะนำมาสอนผู้คนให้สร้างผลงานของตัวเองผ่านอินเตอร์เน็ตและไม่ต้องเฝ้ารอความหวังจากสำนักพิมพ์อีกต่อไป

โครงการนี้ทำให้ผมสามารถคิด Platform เว็บไซต์ได้ถึงสองเว็บ:

a) เว็บแรก คือ Niche site สอนเป็นนักเขียนอีบุ๊ค รายได้ของเว็บ คือ Live Course 

b) เว็บที่สอง คือ เว็บกลางสำหรับ Guest post’s content สำหรับนักเขียนได้มาลงบทความต่างๆ เพื่อแสดงความรู้ควบคู่ประชาสัมพันธ์ผลงานของตัวเอง รายได้ของเว็บ คือ Ads และ Ebook

2) โครงการ Product ใหม่ๆของ The CEO Blogger:

สำหรับ The CEO Blogger จะเน้นไปที่เรื่องราวของนักธุรกิจอินเตอร์เน็ตและ Business mindset ผลิตภัณฑ์ของ The CEO Blogger จะเป็น Paid content ต่างๆ แน่นอนว่าผมจะมี Ebook เล่มใหม่ๆออกมา โดยผมอาจจะเริ่มมี Ebook ที่มุ่งเน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการวาง Mindset เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีเครื่องมือมากมาย แต่ดูเหมือนการวาง Mindset ให้พร้อมกับการทำ Blog สายคุณภาพยังคงเป็นเนื้อหาที่ขาดแคลน

โดยใจจริงผมอยากที่จะพัฒนาให้มีส่วนของ Membership site ที่มีความเป็น Multi media ที่มี Video training และมีการเปิด Affiliate program และนี่แหละครับคืองานที่โหดและหนักที่สุด ซึ่งหากไม่ได้ลงไปทำ Full-time ผมก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าจะทำสำเร็จ เพราะงานนี้ผมต้องเริ่มจ้างทีมงานเข้ามาช่วยซึ่งอาจอยู่ในรูปของ Outsource

คำตอบสุดท้ายของการทำ Blog สายคุณภาพ… แล้วอะไรล่ะคือ คุณภาพ?

ถึงวันนี้ผมได้คำตอบในมุมของผมเองแล้วว่าอะไรคือคำว่า คุณภาพ?

ขอให้คุณลืม Google ไปได้เลย เพราะทุกวันนี้ผมก็แทบไม่ได้คิดถึง Google เท่ากับช่วงแรกๆที่ผมเริ่มทำบล็อก หยุดถกเถียงว่าอะไรคือคุณภาพสำหรับ Google เพราะมันการถกเถียงที่ไร้สาระและไม่มีจุดจบ Google เป็นเพียงโปรแกรมหนึ่งๆ ไม่ใช่มนุษย์

เนื้อหาคุณภาพ ที่เกิดจากประสบการณ์ของผมใช่พวกนี้หรือไม่?

บทความ Rewrite จนไม่เหลือซากเดิม… ไม่ใช่
บทความเขียนสด… ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
บทความเขียนเอง… ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
บทความเค้นสมองเขียน… ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

เนื้อคุณภาพ คือ เนื้อหาที่มีประโยชน์มากพอที่จะ ยกระดับความคิดและชีวิตผู้อื่น หากบทความที่คุณเขียนมีประโยชน์คนเอาไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้, ทำงานหาเงินได้, ประสบพบรักแท้ได้ ฯลฯ นั่นคือบทความคุณภาพ

แล้ว Blog คุณภาพล่ะ คืออะไร?

การเขียนบทความที่เขียนสดขึ้นเองไม่ลอกใครแต่เขียนไปเรื่อยๆ เป็นร้อยๆ เป็นพันๆ บทความ โดยไม่มีจุดหมายปลายทางก็ไม่ใช่บล็อกคุณภาพ

บล็อกคุณภาพต้องมี Vision ผมขอยืม ปรัชญา การใช้ชีวิตของ Tony Hsieh จาก Zappos คือ Delivering Happiness, A Path to Profit, Passion, and Purpose – นี่คือ Vision การทำ Blog ของผม มีรายได้จากการทำสิ่งที่รักโดยมีเจตนารมณ์เพื่อจะพัฒนา Value ในตัวผู้คนจากสิ่งที่คุณรู้

วันนี้ผมเชื่อเลยว่าการเติบโตของคนเรามาจากสองอย่าง 1) ความรู้ และ 2) ขอบเขตการแชร์ความรู้ คนที่เก็บความรู้ไว้กับตัวแม้จะรู้มากแต่ไม่เติบโต แต่คนที่เติบโตคือคนที่ออกแชร์ ออกสอน ออกไปบอกต่อ ยิ่งความรู้แผ่ไปไกลแค่ไหนเขาก็ยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น อาทิ:

Tim Ferriss – 4-Hour Work Week
Pat Flynn – Let Go
Chris Guillebeau – $100 Startup
Tony Hsieh – Delivering Happiness
MJ Demarco – Millionaire Fastlane
Brendon Burchard – Millionaire Messenger

บุคคลเหล่านี้เป็นคนทำงานที่ประสบความสำเร็จใน Niche ของตนเองแต่โลกไม่เคยรู้จักพวกเขาจนกระทั่งพวกเขาเริ่มแชร์ Content ผ่านงานเขียน ไม่ว่าจะ เขียนบล็อก หรือ เขียนหนังสือ และสองสิ่งนี้นำพาไปสู่อิสรภาพทางการงาน คือ ทำงานบนสิ่งที่รักก็รู้สึกว่าไม่ได้ทำงานเลยสักวันเดียว เดินทางไปขึ้นพูด ขึ้นสอน อบรม และให้ความรู้ อย่าง Tim Ferriss และ Chris Guillebeau เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกที่เรียกว่า Book Tour!

Blog คุณภาพเปลี่ยนชีวิตคุณได้

ผมใช้ชีวิตอย่างคน No name มา 30 ปีจนกระทั่งเปิด Blog The CEO Blogger ขึ้นมา ตอนนี้ The CEO Blogger กลายเป็นแบรนด์ที่มีคนกลุ่มหนึ่งรู้จัก ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมาผมได้รับการติดต่อจากสำนักพิมพ์ 3-4 ครั้ง (แม้จะไม่ได้ deal งานกันต่อ) และออก Event 1 ครั้ง ถ้าผมไม่มี Blog ทุกวันนี้ชีวิตผมก็ No name อยู่อย่างนั้น แนวทางข้างหน้าที่ผมคิดไว้นั้นสุดจะจินตนการจริงๆว่าถ้าหากผมทำสำเร็จชีวิตผมจะเปลี่ยนไปอีกมากแค่ไหน แน่นอนว่าเมื่อถึงจุดที่ผมมีผลงานออกมามากพอ การเข้าสู่ระบบสำนักพิมพ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในที่สุด และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้น Book tour หรืออะไรสักอย่างของผมก็เป็นได้!

สุดท้ายผมขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับทุกๆการสนับสนุน และผมจะพัฒนา Blog ให้เกิดประโยชน์กับผู้ติดตาม เพื่อให้หลายๆคนในประเทศไทยได้เชื่อมั่นว่า Blog คุณภาพสัญชาติไทยก็โตได้และคุ้มค่าคุ้มเวลาที่จะพัฒนา

ขอบคุณข้อมูลดีๆ มีประโยชน์ จาก

//www.theceoblogger.com/1-year-the-ceo-blogger/


Note

เนื้อคุณภาพ คือ เนื้อหาที่มีประโยชน์มากพอที่จะ ยกระดับความคิดและชีวิตผู้อื่น หากบทความที่คุณเขียนมีประโยชน์คนเอาไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้, ทำงานหาเงินได้, ประสบพบรักแท้ได้ ฯลฯ นั่นคือบทความคุณภาพ


บล็อกคุณภาพต้องมี Vision ผมขอยืม ปรัชญา การใช้ชีวิตของ Tony Hsieh จาก Zappos คือ Delivering Happiness, A Path to Profit, Passion, and Purpose – นี่คือ Vision การทำ Blog ของผม มีรายได้จากการทำสิ่งที่รักโดยมีเจตนารมณ์เพื่อจะพัฒนา Value ในตัวผู้คนจากสิ่งที่คุณรู้

วันนี้ผมเชื่อเลยว่าการเติบโตของคนเรามาจากสองอย่าง

1) ความรู้ และ 2) ขอบเขตการแชร์ความรู้

คนที่เก็บความรู้ไว้กับตัวแม้จะรู้มากแต่ไม่เติบโต แต่คนที่เติบโตคือคนที่ออกแชร์ ออกสอน ออกไปบอกต่อ ยิ่งความรู้แผ่ไปไกลแค่ไหนเขาก็ยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น





 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 13:05:08 น.   
Counter : 793 Pageviews.  

บทสัมภาษณ์ The CEO Blogger – บล็อกเกอร์สายคุณภาพ

บทสัมภาษณ์ The CEO Blogger – บล็อกเกอร์สายคุณภาพ


Posted by อั้ม-สุรเดช in สัมภาษณ์ บล็อกเกอร์

ผู้สร้างบล็อก The CEO Blogger (www.theceoblogger.com) เป็นบล็อกเกอร์ชาวไทย ที่น่าสนใจมากอีกคนหนึ่ง ในการทำ Blog คุณภาพ อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นแนวทางที่ยั่งยืนและมั่นคงกว่าการทำเว็บปั่นเยอะ โดยผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ติดตามผลงานการเขียนบทความและเผยแพร่เนื้อหาของ The CEO Blogger ซึ่งแต่ละบทความนั้น ต้องบอกได้เลยว่า ได้ความรู้เน้นๆทั้งนั้น



ซึ่งแน่นอนครับว่า ผมเองก็อยากพัฒนาวงการของการทำ Blog สายคุณภาพในกลุ่มคนไทยให้แผ่หลายมากยิ่งขึ้น ผมจึงได้โอกาสส่งบทสัมภาษณ์ ไปหาเจ้าของบล็อก The CEO Blogger เพื่อศึกษาแนวทางและเผยแพร่เทคนิคต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่เริ่มสนใจในการสร้าง Blog คุณภาพ ได้เห็นถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่จะสร้างรายได้จากทำการ Blog คุณภาพ ในเรื่องที่เราชอบอยู่เป็นทุนเดิม ลองมาดูบทสัมภาษณ์ที่ The CEO Blogger ได้แชร์เรากันครับ



บทสัมภาษณ์ The CEO Blogger


1.ทำความรู้จักเกี่ยวกับผู้เขียน The CEO Blogger

ตอบ ผมชื่อ พรพรหม กฤดากร (พอล) ปีนี้ 33 ปีครับ ผมทำงานในสายค้าปลีกและการนำเข้ามา 8 ปีเริ่มจากระดับพนักงานหน้าร้านแล้วเติบโตมาเป็นผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายจัดซื้อครับ



2.เข้าสู่วงการการเขียน Blog ได้อย่างไร

ตอบ เริ่มจากเมื่อประมาณปี 2008 ผมเริ่มแชร์เทคนิคการทำงานในสาขาจัดซื้อ เทคนิคการพัฒนาอาชีพ และการบริหารธุรกิจทั่วไปผ่านทางเว็บบอร์ดแล้วปรากฏว่ามีคนติดตามมากขึ้นเรื่อยๆแล้วกลายมาเป็นแฟนประจำ ผมเขียนกระทู้อยู่สองปีมีบทความประมาณ 500-600 บทความมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง แล้วปรากฏว่ามีคนส่งข้อความมาบอกว่าเขาได้งานเพราะใช้ข้อมูลจาก Content ที่ผมแชร์ไว้ในเว็บบอร์ด ตอนนั้นมันจุดประกายว่า “เฮ๊ย! สิ่งที่เรารู้ช่วยคนได้ด้วย” แล้วสมาชิกบอร์ดอีกท่านหนึ่งก็บอกว่า ผมจำเป็นต้องมี Blog เป็นของตัวเอง ผมจึงตัดสินใจเปิด Blog โดยเริ่มจาก Platform ของ Blogger.com เมื่อปี 2010 เว็บชื่อ Career-Alive.com ก่อนจะย้าย Platform มาเป็น WordPress กับ TheCEOBlogger.com ในปี 2013 ระยะเวลา Blog ทั้งหมดถึงปัจจุบันคือ 3 ปีครับ



3.มุมมองที่มีเกี่ยวกับอาชีพ Blogger ในประเทศไทย และ Blogger ชาวไทยที่มีชื่อเสียงที่แนะนำ

ตอบ ผมเชื่อว่าอาชีพ Blogger ในไทยเป็นไปได้เพียงแต่ขาดผู้สื่อสารข้อมูลที่ชัดเจนว่า Blog คืออะไร แล้วมันทำอะไรให้คุณได้ Blog ส่วนมากยังเป็น Blog ไดอารี่กันอยู่ ที่เหลือจำนวนมากเป็น Blog ร้าง แล้วก็ Spam

ส่วน Blogger ในไทยถ้าไม่นับสาขา Internet marketing ผมชอบของคุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม จาก PawawitStockComment.com กับ Blog ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร (//www.settrade.com/blog/nivate/) ด้านการลงทุนในหุ้น สองท่านนี้ให้ความรู้เยอะมาก อีกท่านชื่อ บล็อกภาษีข้างถนน (//tax.bugnoms.com/)  เป็นสาย Personal finance ทำออกมาสวยงามมีคนติดตามเยอะมากๆ



4.ความเป็นไปได้ในสายอาชีพ Blogger Full-Time ในประเทศไทย

ตอบ เป็นไปได้แน่นอนครับ แต่คุณจำเป็นต้องพัฒนา Core business ขึ้นบน Blog โจทย์คือคุณจะขายอะไร? หากคุณจะไม่พึ่ง 3rd party อย่าง CPC และ Affiliate สิ่งที่คุณจะขายได้บน Blog มีสามอย่าง สินค้า, บริการ, และ Sponsorship อาทิ Ads ต่างๆ แต่ทั้งหมดนี้ต้องเกิดผ่าน Blog คุณภาพ


ที่ผ่านมาผมเจอคนที่สนใจ Blog คุณภาพเยอะมากขึ้นเรื่อยๆและอยากจะผันตัวมาสร้าง Professional platform ของตนเองผ่าน Blog สร้าง Brand สร้างผลงาน ฯลฯ แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ยกตัวอย่างที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่มีพนักงานเกือบ 200 คน หากไม่นับ Director of IT ผมเป็นคนเดียวที่ทำ Blog และมีรายได้ผ่าน Blog แบบ Passive income อัตราส่วนผมขอเดาเอาเองว่าอาจมีคนไทยเพียง 10% ที่เข้าถึงความรู้ด้านการสร้าง Business platform ผ่าน Blog แบบจริงๆจังๆ แต่เวลาผมแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟังทุกคนมีความสนใจและอยากทำกันมากเพราะทุกวันนี้คนวัย 30 ขึ้นไปเบื่องานประจำกันแทบทุกคน แต่ก็ส่วนมากอีกที่กลัวและไม่กล้าเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ เหตุผลหลัก ทำไม่เป็น และ ไม่มีเวลา ทั้งที่จริงผมและเขาก็มีเวลาเท่ากัน เขาทำงานประจำ ผมก็ทำงานประจำ!



5.ประเภทของเนื้อหาใน The CEO Blogger เกี่ยวกับเรื่องใด

ตอบ The CEO Blogger ให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างธุรกิจอินเตอร์เน็ตที่มุ่งเน้นที่การมี Product และ Service ของตนเองนอกเหนือจากการอาศัย 3rd Party อย่าง AdSense และ Affiliate รวมไปถึงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจอินเตอร์เน็ตโดยการคิดอย่าง CEO (ผู้บริหาร), การผลิต Content ที่มีคุณภาพ, และการสื่อสารการตลาดสำหรับ Blogger ครับ



6.คิดอย่างไรที่ได้สร้าง Information Product ของตนเองขึ้นมา

ตอบ


ข้อแรก) คือผมต้องการแสดงให้คนเห็นว่า Internet business มีอะไรที่มากกว่า CPC และ Affiliate program


ข้อสอง) คือผมถนัดการเขียนและการนำเสนอ และ


ข้อสาม) สื่อการเรียนรู้ เป็นรูปแบบธุรกิจที่มีความมั่นคงสูงมาก ผมจึงเดินในสายของการผลิต Information product ร่วมกับการรุกในส่วนของ Social media marketing ครับ



7.ความคาดหวังและการตอบรับจาก Information Product ที่ The CEO Blogger ได้สร้างขึ้นมา

ตอบ ผมอยากให้ Product ของผมช่วยคนให้ได้มากที่สุด อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า สิ่งที่ผมแชร์ในเว็บบอร์ดเมื่อหลายปีก่อนทำให้คนได้งานทำ ผมจึงคาดหวังว่า Content ทุกชนิดที่ผมสร้างไม่ว่าจะเป็น Free content และ Premium content จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นไปในทางที่ดีได้ และนั่นเองคือสิ่งที่จะทำให้ผมได้รับผลตอบรับที่ดีจากตลาดครับ



8.ข้อแนะนำในการสร้าง Information Product

ตอบ สิ่งสำคัญคือ ความรู้ การสร้าง Information Product ไม่ใช้ทุนในรูปของเงินสดเฉพาะหน้า แต่ใช้ทุนในรูปของความรู้เยอะมาก ก่อนที่ผมจะสามารถเขียน Content ได้มากมาย ผมผ่านการอ่านหนังสือมาเป็นจำนวนมากโดยโฟกัสที่แนว พัฒนาตัวเอง, พัฒนาอาชีพ, และแนวธุรกิจและการลงทุน ความรู้ที่ได้จากหนังสือที่อ่านมาหลายปีทำให้ผมมีวันนี้ ฉะนั้นคนที่จะผลิต Information Product ขอให้ศึกษาให้มากๆ ความรู้มันแปลงเป็นเงินได้จริงๆครับ


ต่อมาคือความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์จะสะท้อนลงในคุณภาพของเนื้อหาและอันที่จริงมันจะสะท้อนกันตั้งแต่ในคุณภาพของ Free content เลยทีเดียว ผมเคยได้ยินคนบ่นว่า E-Book บางเล่มแพงมากแต่เนื้อหาไม่มีประโยชน์ คัดลอกมาจากในเว็บบอร์ด ฯลฯ คนผลิตงานต้องคิดถึงใจผู้บริโภคให้มากๆ


สุดท้ายความเพียร การสร้าง Information product กำไรแทบจะ 100% แต่เหนื่อยมาก มันไม่ Plug& Play เหมือน Google AdSense หรือ Amazon affiliate นอกจากต้องสร้าง Product เองแล้วต้องทำการตลาดเอง ฯลฯ ขอบอกว่า Information product อาจใช้กับ SEO ไม่ค่อยได้ผล เพราะมันไม่ได้ต้องการ Traffic สูงๆในการ Convert เหมือนสาย CPC และ Affiliate แต่มันต้องการ Relationship กับ Audience ตัวเป็นๆที่เข้ามายังเว็บของคุณครับ



9.มีความคิดเห็นอย่างไรกับตลาดคนไทยกับ E-Book ในวงการอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้อหาเกี่ยวกับการหาเงินออนไลน์

ตอบ ผมเชื่อว่าถ้ามีคนทำแนวอื่นออกมาก็มีคนสนับสนุน อาทิ Content แนวสุขภาพ, แนวออกกำลังกาย, หรือแม้แต่ แนวจิตวิทยาจีบผู้หญิงนี่ผมก็คิดว่าต้องไปได้ แนวเหล่านี้ฝรั่งทำแล้วเขาก็ขายดี มีคนบอกผมว่าแนวพวกนี้ขายในไทยไม่ได้หรอกเพราะไม่มีคนทำกัน… ก็นั่นล่ะครับเพราะไม่มีคนทำมันเลยไม่มีคนซื้อ ทุกวันนี้คนเขาก็ต้องไปซื้อของฝรั่งมาอ่าน ผมเองก็ซื้อ E-Book แนวอื่นเช่น เรื่องการเป็นนักแปล, เรื่องการเป็นนักเขียน, และเรื่องจิตวิทยามนุษย์ มาอ่านครับแต่ต้องไปซื้อของฝรั่งเพราะคนไทยไม่ค่อยทำ สาเหตุหลักๆ คือลังเลใจว่าทำแล้วจะเวิร์คหรือไม่แค่นั้นเอง เหมือนของผมตอนแรกผมก็กลัวเพราะในตลาดมีแต่ E-Book สอนปั่น Amazon, สอนทำ AdSense, สอนทำ ClickBank แล้วโชว์ยอดรายได้สูงๆมาเป็นจุดขาย ส่วน E-Book ของผมเป็นด้านบริหารธุรกิจอินเตอร์เน็ตแล้วชูจุดขายว่าผมไม่เชื่อเรื่อง Get-rich-quick ซ้ำลงไปอีกแต่ปรากฏว่าขายดีเกินคาด



10.แนวทางในอนาคตของ The CEO Blogger จะไปในทิศทางใด

ตอบ The CEO Blogger จะมุ่งเน้นที่การให้ความรู้สำหรับผู้คนไปสร้างธุรกิจอินเตอร์เน็ตแบบยั่งยืนหรือการมี Real business เกิดขึ้นบนอินเตอร์เน็ตจริงๆ อาทิ การพัฒนาเว็บ E-Commerce, การทำงาน Freelance, การสร้าง Personal branding ส่วนรูปแบบของ Information product ผมจะมีลูกเล่นใหม่ๆมาให้แฟนๆมากขึ้น แน่นอนว่าหนึ่งในความฝันของผมคือการมี Video content และการทำ Live workshop ครับ



ข้อเสนอแนะอื่นๆเพิ่มเติม

ตอบ อยากให้คนใช้ Blog เป็นเวทีในการเชื่อมต่อกับโลกและตลาด คุณทำอะไรได้มากมายบน Blog อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันนี้คุณสามารถเป็นนักเขียน(Content publisher), เป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุ(Podcaster), และเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ (Video content) ทั้งหมดบนเว็บบล็อก ธุรกิจมากมายเกิดขึ้นบนบล็อก เพียงแต่คุณต้องเปลี่ยนมุมมองและหันมาปฏิบัติต่อบล็อกเสมือนการทำธุรกิจและสร้างคุณค่าส่งออกไปยังตลาด 


สุดท้าย Blog ก็ดี Internet business ก็ดี ไม่ใช่ Get-rich-quick ธุรกิจต้องใช้เวลาสร้าง ฉะนั้นอย่าช้า คิดได้ ทำเลย ทำแบบงูๆปลาๆก็ขอให้ทำ ก้าวแรกสำคัญมาก!


เป็นยังไงกันบ้างครับ กับการสัมภาษณ์ The CEO Blogger บล็อกเกอร์ชาวไทย สายคุณภาพล้วนๆ ที่ปัจจุบันมี Information Products เป็นของตัวเองแล้วถึง 2 ชิ้นด้วยกัน นั่นก็คือ


ซึ่งถ้าใครอยากชมผลงานจากทาง The CEO Blogger ก็สามารถติดต่อเจ้าของบล็อกได้โดยตรงเลยนะครับ ซึ่งผมเองก็เป็นลูกค้าคนหนึ่งของ The CEO Blogger อยู่เหมือนกันและก็ได้อุดหนุน E-book ทั้ง 2 เล่มเลย บอกได้คำเดียวว่าคุ่มค่ากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอนเลยครับ


ซึ่งในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ The CEO Blogger เป็นอย่างมากที่เสียสละเวลาในการตอบบทสัมภาษณ์ในครั้งแรกจาก Asuradech.com หวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบบทความนี้กันครับ



“ฟังเทปสัมภาษณ์ กรณีศึกษา การทำเงินแสน จาก The CEO Blogger วิเคราะห์บทสัมภาษณ์ ในการทำเงินแสน กว่า 1 ชั่วโมง”



- See more at: //www.asuradech.com/the-ceo-blogger-interviews/#sthash.Kn8OAnNQ.dpuf






 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 11:32:10 น.   
Counter : 1191 Pageviews.  

ไอเดีย 20 ช่องทางการทำเงินกับ Blog

เมื่อมี Blog แล้วจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆก็ยังไงอยู่ บทความนี้ผมจึงเสนอแนวทางในการทำเงินจาก Blog ทั้ง 20 ไอเดีย ดังนี้ครับ


1. Google Adsense – เป็นการติดโฆษณาของ Google โดยรับค่าโฆษณาเมื่อมีคนคลิกโฆษณาบน Blog ของเรา โดยที่ Blog ที่เราสร้างขึ้นมานี้ จะต้องมีเนื้อหาที่ดีและตรงตามความต้องการของผู้ลงโฆษณา Adwords เพื่อให้ได้ค่าโฆษณาที่สูงขึ้น เป็นหนทางการทำเงินที่ง่ายมาก เพราะขอให้มีเนื้อหาที่ดีอย่างเดียว เป็นอันเพียงพอ แต่ก็ต้องทำตามกฎกติกาที่ Google วางไว้ เพราะถ้าหากผิดกฎแล้วจะไม่สามารถสมัครได้อีกตลอดไป ต้องระวังให้มาก ณ จุดนี้ แต่ถ้าผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ Google จะส่งอีเมลล์เตือนก่อนที่จะแบน เพราะฉะนั้นควรเช็คอีเมลล์อยู่เสมอ



2. ให้เช่าพื้นที่โฆษณา – เป็นการหาเงินแบบโบราณแต่ยังคงเห็นมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งสำคัญในการเรียกความสนใจจากนายทุนเพื่อให้มาลงโฆษณากับ Blog เราก็คือ เราจะต้องมี Traffic ที่มากและตรงกลุ่มเป้าหมาย จะสามารถทำให้เรียกค่าโฆษณาได้สูงยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นให้เน้นไปที่ปริมาณคนเข้า Blog และตรงกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ จากนั้นทำ Report นำเสนอต่อผู้ที่สนใจลงโฆษณา



3. Affiliate – เป็นนายหน้าในการขายสินค้าอย่างเช่น Amazon, ClickBank หรือ Affiliate Network เจ้าต่างๆ ซึ่งเป็นการช่วยขายและรับค่าคอมมิสชั่นเป็นการตอบแทน โดยหน้าที่ของเราก็คือช่วยโปรโมทสินค้าหรือบริการ จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ แต่ถ้าให้มีคุณภาพก็ต้องเขียน รีวิวสินค้า (ในปัจจุบัน Affiliate ของไทย ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมอันเนื่องมาจาก ค่าคอมมิสชั่นยังไม่ค่อยดึงดูดใจนัก Affiliate เท่าที่ควร และ คนไทยยังไม่ค่อยนิยมซื้อของออนไลน์เท่าที่ควร)



4. สร้างสินค้าเป็นของตัวเอง – วิธีการนี้เราจะต้องมีความรู้ลึกในเรื่องนั้นๆอยู่พอสมควร ซึ่งสามารถก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่ต้องการซื้อ ซึ่งสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ ศึกษาในเรื่องนั้นๆให้กระจ่างแจ่มแจ้ง และควรจะต้องช่วยในการแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้ โดยหลักในการสร้างสินค้าขึ้นมาก็คือ

  • ช่วยแก้ไขปัญหาของลูกค้าได้
  • ปัจจัย 4
  • เพื่อสร้างรายได้
  • เพื่อต้องการความรู้
  • เพื่อทดแทนสิ่งที่เสียหาย
  • ความรัก
  • ความกลัว
  • การได้เงินโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย (ส่วนใหญ่ก็วิธีหาเงินออนไลน์นี่แหละ)
  • ทำฝันให้เป็นจริง



5. เขียน eBook – เป็นช่องทางที่ดีกว่าหนังสือแบบรูปเล่มด้วยซ้ำไปเพราะไม่ต้องรอขั้นตอนจากสำนักพิมพ์ เพียงแค่มีคนติดตาม Blog ของเรา ถ้าของเราดีจริงผู้เยี่ยมชมก็ยินดีจ่าย เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ที่ผู้เขียน eBook นั้นถ่ายทอดออกมา และถ้าเขียนภาษาอังกฤษได้ก็สามารถนำลงขายบน Amazon หรือ Clickbank ได้อีกด้วย



6. เขียนหนังสือ – ในเมื่อเขียน eBook ได้ ก็สามารถเขียนหนังสือรูปเล่มขายได้เช่นกัน แต่ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของสำนักพิมพ์ ว่ามีระเบียบและขั้นตอนยังไง เพราะ Blog ของเราก้เปรียบเสมือนเครดิตที่ดีทางหนึ่งอยู่แล้ว



7. เขียนบทความ – เนื่องจาก Blog จะขับเคลื่อนไปด้วยบทความแทบทั้งสิ้น ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มเขียนบทความลง Blog นั่นหมายถึงคุณก็เริ่มปูทางการหาเงินออนไลน์แล้ว เพราะบทความจะค่อยๆดึงดูดผู้คนเข้ามายัง Blog ของเรา



8. การทำ E-Learning – เมื่อเรามีบทความที่ดีและผู้คนเยี่ยมชมและติดตามมากเพียงพอ เราก็เริ่มจะมีความชำนาญในเรื่องนั้นๆที่เราเขียนลง Blog เราก็สามารถเปิดคอร์สอนในส่วนของสำหรับสมาชิกที่ลงทะเบียนเรียนโดยเฉพาะ โดยที่เนื้อหาเราต้องแน่นกว่าการเขียนบทความใน Blog ปกติของเรา เพราะคนที่ลงเรียนคาดหวังที่จะได้อะไรมากกว่าการอ่านเนื้อหาตามปกติ



9. สัมมนา – เมื่อเรามีความชำนาญในเรื่องนั้นๆมากยิ่งขึ้นและมีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ และมีเสียงตอบรับที่ดีจากการเขียนบทความลง Blog จะทำให้เรามีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น สิ่งที่จะต้องเตรียมก็คือเนื้อหาพิเศษที่จะพูดในงานสัมมนาและการลงมือปฏิบัติ



10.สัมมนาออนไลน์ – เมื่ออินเตอร์เน็ตมีความเร็วที่สูงขึ้นและมีใช้กันทุกๆบ้าน จะสามารถเปิดสัมมนาออนไลน์ได้ โดยที่ข้อดีของมันก็คือ จะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้ในจำนวนมาก เพราะขอให้มีแค่คอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงก็เพียงพอแล้ว หรือจะใช้ในกลุ่มอย่าง Google Hangout ก็สามารถพูดคุยได้พร้อมกันถึง 10 คนเลยทีเดียว



11.ให้คำปรึกษา – และเมื่อเขียน Blog จนเป็นกูรูในด้านนั้นๆแล้ว สามารถสร้างรายได้ โดยที่รับเป็นที่ปรึกษาจาก บริษัท ห้างร้านต่างๆ ได้อย่างสบายๆ และโดยส่วนมากรายได้นับกันเป็น ชั่วโมงกันเลย และมีรายได้ค่อนข้างสูงซะด้วย



12.รับจ้างออนไลน์ – ในกรณีนี้ เรามีความชำนาญเฉพาะด้านมากขึ้น เราสามารถเปิดบริการให้ผู้คนภายนอกมาจ้างเราทำงานได้ โดยอาจจะคิดค่าแรงเป็นงานๆไป เช่น รับออกแบบ, รับเขียนบทความ, รับจัดงานนอกสถานที่ เป็นต้น



13.บทความสำหรับสมาชิก – ซึ่งต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าอ่านบทความที่ลับเฉพาะที่คนทั่วไปไม่สามารถอ่านได้ สิ่งที่ต้องเตรียมก็เช่นกัน นั่นคือ บทความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคเฉพาะหรือความรู้เฉพาะทางที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทะเบียน



14.เว็บบอร์ดลับ – สำหรับสมาชิกที่ต้องจ่ายค่าลงทะเบียน เพื่อเข้าไปยังเว็บบอร์ดปิด เพื่อรับข้อมูล ข่าวสาร ต่างๆที่พิเศษกว่าการโพสลงหน้า Blog ปกติ นั่นเอง



15.E-mail Marketing – เป็นหนทางที่ทำเงินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่นับว่าเป็นวิธีที่เก่าแก่แต่ใช้งานได้นานที่สุดและได้ผลดีเรื่อยมา โดยการที่เมื่อเราเริ่มโพสบทความลง Blog จะทำให้ดึงดูดผู้คนเข้ามายังเว็บ และเราก็สามารถให้ผู้ที่สนใจ เข้าลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อแลกกับข้อมูล E-mail เพื่อเอาไว้ติดต่อหรือส่งข้อเสนอพิเศษในภายหลังได้อีก



16.หน้ารับสมัครงาน – ในกรณีที่มีผู้เข้าเยี่ยมชม Blog ของเราเป็นจำนวนมาก เราสามารถสร้างหน้ารับสมัครงาน โดยเก็บค่าลงประกาศจากบริษัทต่างๆ ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน Blog ของเรา



17.หาสปอนเซอร์ลงโฆษณา – นำ Blog รวมกับ Youtube จะสามารถสร้าง ช่องทีวีออนไลน์ได้ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้คนเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น //www.spokedark.tv/ ที่เป็นเว็บของไทย มีทั้ง วีดีโอและบทความมากมาย และจากเว็บนี้ จะสร้างรายได้จากการหาสปอนเซอร์มาลงโฆษณานั่นเอง



18.ขายเสียง – ไม่ได้เกี่ยวกับการเลือกตั้งนะครับ แต่เป็นการอัดเสียงเพื่อไว้ออนไลน์อย่างเช่นฟังวิทยุ แต่เสียงที่เราอัดนี้ จะเป็นเรื่องที่มักจะมาคู่กับหนังสือเสียง ซึ่งบางคนขี้เกียจอ่านหนังสือ เลยฟังเสียงเอาแทน ก็สามารถสร้างรายได้ในอีกรูปแบบหนึ่งครับ



19.การขอรับบริจาค – ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในเมืองไทย เพราะส่วนใหญ่แล้ว ต้องใช้ paypal หรือบัตรเครดิต ในการรับบริจาค แต่ถ้าไอเดียสำหรับผมแล้วนั้น สามารถเอามาประยุกต์หาเงินได้ครับ เช่น ใช้ Blog ระดมทุน เพื่อบริจาคกับมูลนิธิต่างๆ เช่น ถ้าเขียน Blog เกี่ยวกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ก็สามารถนำเงินไปช่วยผู้ยากจนในการรักษาพยาบาบได้ครับ



20.ขาย Blog – ในกรณีที่ Blog ของเราเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เราอาจจะประกาศเพื่อขายหรือนำไปประมูล เพื่อให้ได้เงินก้อนมาได้อีกเช่นกัน

และนี่ก็คือ 20 ไอเดียการทำเงินจาก Blog ของเราเอง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำเงินจาก Blog ก็คือ ใช้เวลาในการทำงานน้อยมาก เมื่อเทียบกับรายได้ที่เข้ามา หวังว่า ไอเดียการทำเงินด้วยวิธีต่างๆจาก Blog จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆครับ



- See more at: //www.asuradech.com/20-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-blog/#sthash.cc2EsdC7.dpuf






 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 11:18:16 น.   
Counter : 619 Pageviews.  

The CEO Blogger : Entrepreneur คือความสามารถในการบริหารเวลา

อรุณสวัสดิ์ประเทศไทย...
ขณะที่ผมกำลังนั่งคิดโพสต์นั้เป็นเวลา ตี 5.45 ของวันอาทิตย์

คำถามคือ ผมตื่นมาทำบ้าอะไรตีห้าวันหยุด และ แล้วจะมาบอกทำไม 55+
อันนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่า "ทำ-ให้-ดู"

เพราะคำถามที่ถามบ่อย คือ สิ่งที่ทำอยู่นั้นทำได้อย่างไร ทำบล็อกอย่างไร ขายดิจิตัลโปรดักท์ได้อย่างไร ต้องเก่งขนาดไหน ฯลฯ -- คำตอบผมไม่เคยเปลี่ยน

คำตอบ...
คนที่ทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เทพครับ ทุกคนเริ่มต้นจากไม่รู้ทั้งนั้น ผมเองก็เริ่มจากไม่รู้ เอาง่ายๆ เมื่อ 3 ปีก่อน Blogspot ง่ายๆ ผมยังใช้ไม่เป็นเลยครับ

การเป็น Blogger ไม่ได้ใช้ Skill ไฮเทคอะไรเป็นพิเศษ เครื่องมือต่างๆในโลกออนไลน์บรรดา Software developer ใจดีเขาทำมาให้เสร็จแล้ว ทุกอย่างมาถึงคุณในรูปแบบ Plug& Play แค่จับมาประกอบกันคุณก็เป็น Blogger ได้แล้ว

ทุกอย่างต้องเรียนรู้ เรียนไปทำไป และลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ผมยืนยันว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ Software และโลกออนไลน์สามารถเป็น Blogger/ Internet marketer ที่ประสบความสำเร็จได้ภายใน 1-2 ปี

แต่ Feedback ที่ Fail ที่สุดคือคำว่า "ไม่มีเวลา"...
เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยใครได้นอกจากคุณต้องหาวิธีจัดการกับเวลาของตัวเอง ทุกคนทำงานประจำ ผมก็ทำงานประจำ และผมก็ได้แชร์เทคนิคสร้างเว็บไซต์ภายใน 30 วันคู่กับการทำงานประจำไปแล้วว่ามันเป็นไปได้

ผมตื่น 6 โมงเช้าเพื่อบอกว่า การตื่นเช้าขึ้นอีกนิดจะทำให้คุณมีเวลาขึ้นอีกมากอย่างเหลือเชื่อในการนำไปพัฒนา Blog, Site, และ Project ใหม่ๆของตัวเอง -- ตื่น 6 โมงเช้าทรมานไหม?... ก็ทรมานแหละครับ แต่แค่ 5-10 นาทีเดี๋ยวก็หายและตาสว่างแล้ว 5+

คุณสมบัติของ Entrepreneur คือความสามารถในการบริหารเวลา คนที่บริหารเวลาได้มีโอกาสไปได้ไกลกว่าในชีวิต ถ้าคุณอยากเป็นว่าที่ Entrepreneur ต้องบริหารเวลาให้ได้ ถ้าทำไม่ได้โอกาสในการมีอิสรภาพทางการงานและการเงินก็ริบหรี่







 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 10:35:45 น.   
Counter : 813 Pageviews.  

ดังตฤณ : อนาคตขึ้นอยู่กับการกระทำ ไม่ใช่คำทำนาย

• ถ้าดวงมีอยู่
ก็คือเส้นทางของวิบากกรรมแต่หนหลังนั่นเอง

: เราเลือกที่จะทอดหุ่ย
ไปตามกรรมเก่าซัดพาก็ได้
หรือเลือกกัดฟันสู้
เพื่อผ่อนหนักเป็นเบา
ด้วยกรรมใหม่ก็ได้

• ทุกอย่างในชีวิต "จะดีขึ้น"
เรื่องร้าย "จะบรรเทาเบาบางลง"
เมื่อสามารถหักห้ามใจ
เอาชนะสิ่งยั่วยุให้ผิดศีล 5 ได้ทุกข้อ
เป็นเวลาต่อเนื่องนานพอ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• กรรมเก่าบันดาลชีวิตนี้
มาให้ทำกรรมใหม่

ส่วนกรรมใหม่คือตัวกำหนดว่า
ปัจจุบันจะได้เป็นสุข
หรือเป็นทุกข์ ‘ทางใจ’
กับทั้งเป็นตัวตัดสินว่า

อนาคตจะต้องพบกับรูปชีวิต
ที่บีบคั้นให้เกิดสุขเกิดทุกข์ ‘ทั้งทางกายและทางใจ’
มากมายขนาดไหน

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• เคราะห์ร้าย มีสองทางเลือกให้ลงเอย
หนึ่งคือ ยอมให้บาปเก่าพาไปแพ้หมดรูป
สองคือ ทุ่มหมดใจสร้างบุญใหม่เอาชน

• ถ้าอยากมีชีวิตที่เลวลง..อย่างคิดไม่ถึง
คุณแค่หมั่นทำเลว
ที่ไม่เคยแม้จะอยู่ในความคิ

หากปรารถนาชีวิตที่ดีขึ้น..อย่างคิดไม่ถึง
คุณต้องทำดีมากกว่าที่คิดว่าตัวเอง..จะทำได้

• ความตั้งใจ
ที่จะทำบุญทำกุศลสม่ำเสมอไม่ขาดนั้น
ก็จะส่งผลดีอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ทำบุญมาก ช่วยให้ผ่านเคราะห์ร้ายง่าย
แต่ไม่ทำบาปเลย จะไม่เจอเคราะห์ร้ายเลย

บทความ #ดังตฤณ
 //www.facebook.com/dungtrin






 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 10:10:08 น.   
Counter : 2668 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]