Group Blog
 
All blogs
 

We Bought a Zoo (2011): เซ้งให้ลูก หัวใจให้เธอ


We Bought a Zoo (2011) :
หลังจาก Elizabethtown (2005) ไม่ได้รับการตอบรับจากคอหนังเท่าที่ควร ผกก.Cameron Crowe เว้นวรรคทางการทำหนังไปซะหลายปีดีดักเลยทีเดียว ก่อนน้าแกจะรีเทิร์นกลับมาลุยงานอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ด้วยสารคดีเพลงสองเรื่องซ้อนและหนังดราม่าฟีลกู้ดที่สร้างจากเรื่องจริงเรื่องนี้นั่นเองจ้า

หนังฟีลกู้ดของ ผกก.Cameron Crowe
Benjamin Mee (เฮีย Matt Damon) พ่อหม้ายเรือพ่วง ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของเมียสุดรักเมื่อหกเดือนก่อน จนเมื่อถึงจุดหนึ่งเขาก็ตัดสินใจกระเตงลูกออกไปหาซื้อบ้านหลังใหม่อยู่ซะเลย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอหลังที่ถูกใจใช่เลย กระทั่งมาเจอะบ้านสวนไกลเซเว่นหลังหนึ่งเข้าซึ่งเขาปิ๊งมันแทบจะทันที ก่อนจะพบว่าต๊ายตายนี่มันสวนสัตว์เก่ารอเซ้งกิจการนี่หว่า แต่เอาวะเพื่อเห็นแก่ลูกรักเขาจึงพยายามเปิดสวนสัตว์แห่งขึ้นมาอีกครั้งซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย จนเกิดเรื่องราวสุดแสนประทับจิตตามมาเป็นคันรถ

หนังเรื่องนี้จะทำให้ท่านอยากไปสวนสัตว์ขึ้นมาเชียว
หากจะพิจารณาจากพล็อตและเรื่องราวความเป็นไปของหนังโดยรวมแล้วคงต้องบอกว่าหนังมาตามสูตรหนังฟีลกู้ดเป๊ะๆ คือทุกอย่างคลี่คลายลงอย่างง่ายดายไม่มีพลิกผันหรืออะไรที่เหนือความคาดหมายเลย แต่ถึงกระนั้นหนังก็สามารถมอบความฟีลกู้ดแก่คนดูได้เป็นอย่างดี ด้วยเรื่องราวที่ชวนซึ้งประทับใจ (โดยเฉพาะแง่มุมการโหยหาถึงผู้ซึ่งเป็นที่รักที่จากไป) บรรดานักแสดงที่มีเสน่ห์ (หนู Elle Fanning ที่เริ่มโตเป็นสาวสวยไม่แพ้พี่สาว Dakota) อีกทั้งการใช้เพลงประกอบแจ่มๆ ตามสไตล์หนังของ ผกก.แกก็ช่วยให้หนังฟีลกู้ดถึงอารมณ์หมายขึ้นไปอีกหลายขั้นบันไดเลยทีเดียว

ขอเลี้ยงสัตว์ไปเหล่สาวไปด้วยก็แล้วกัน
ดังนั้นถึงหนังจะตามสูตรแค่ไหน เล่นง่ายแค่ไหน (งูที่หลุดมาพร้อมใจกันไปนอนรอให้จับหน้าบ้านเนี่ยนะ?) และพยายามเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นอเมริกันมากแค่ไหน แต่ทำได้ถึงขนาดนี้ก็คงต้องยกผลประโยชน์ให้ ผกก.Crowe เขาแล้วล่ะ คอหนังที่ชอบดูหนังฟีลกู้ดชวนประทับใจ มีซึ้ง มีดราม่า ไม่ต้องคิดมาก แถมมีเพลงเพราะๆ มากมายให้ฟังตลอดงาน คงมีปลื้มกันไม่ใช่น้อยล่ะงานนี้ ซึ่งเราก็คือหนึ่งในนั้นด้วยจ้า ขอบอก ^^

เปรียบเทียบ Benjamin Mee ตัวจริงและในหนัง
  • + หนังฟีลกู้ดจาก ผกก.Cameron Crowe ที่ทำได้ดีมีซึ้ง แถมเพลงเพราะอีกต่างหาก
  • - มากับสูตรสำเร็จ เล่นง่ายไปนิด ไม่มีอะไรพิเศษเหนือความคาดหมายให้ต้องซูฮก




*ช่วงเพลงในหนัง*
jónsi แห่งวง Sigur Rós มาโชว์ฝีมือทำเพลงประกอบให้หนัง
คนที่ตามหนังของ ผกก.Crowe มาตลอดคงจะรู้อยู่เต็มหัวอกกันดีว่า แกมีเซ้นส์และรสนิยมในการเลือกเพลงเพราะๆ มาใส่หนังดีแค่ไหน ซึ่งก็รวมถึงเรื่องนี้ด้วย ที่เกณฑ์เอาเพลงโฟล์ค/ร็อค แจ่มๆ จากศิลปินต่างยุคสมัยมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นงานของ Bob Dylan, Cat Stevens, Echo & the Bunnymen, Tom Petty & the Heartbreakers, Neil Young ฯลฯ หรือจะศิลปินรุ่นหลังๆ หน่อยก็  Wilco, Bon Iver แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือการได้ jónsi แห่ง Sigur Rós วงขวัญใจเด็กแนวจาก ไอซ์แลนด์ มาทำเพลงประกอบให้ ซึ่งงานของเขาก็สามารถสร้างอารมณ์ฟีลกู้ดพาฝันให้กับตัวหนังได้มากมายทีเดียว ว่าแล้วเราก็มีเพลงแจ่มๆ บางเพลงจากหนังมาให้ฟังกันซะหน่อยจ้า อิอิ

(ท่านสามารถดาวน์โหลดซาวน์แทร็คหนังเรื่องนี้ไปฟังได้โดยการคลิกที่สองรูปข้างบนนี้จ้า)


MV เพลง Gathering Stories




*รีวิวหนังของ ผกก.Cameron Crowe เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 24 มีนาคม 2555    
Last Update : 24 มีนาคม 2555 7:55:48 น.
Counter : 2892 Pageviews.  

Redacted (2007): วีรเวรโลกไม่ลืม (แต่ทำเมิน)

Redacted (2007) :
ดูเหมือนว่าหลังปี ค.ศ.2000 มาเนี่ย ไม่มีผลงานเรื่องไหนของป๋า Brian De Palma ที่โดดเด่นเข้าตามหาชนคนดูหนังเลย (จนหลายคนบอกว่าแกกำลังอยู่ในช่วงขาลงแล้ว) ไม่เหมือนยุคทองของแกในช่วงทศวรรษที่ 80 ซึ่งมีหนังขึ้นหิ้งคลาสสิกอย่าง Scarface (1983) และ The Untouchables (1987) หรือแม้แต่หนังตลาดทำเงินในยุค 90 อย่าง Mission: Impossible (1996) ด้วย ส่วนนี่คือผลงานล่าสุดของแกเมื่อปี ค.ศ.2007 ที่ทำให้แกซิวรางวัลสิงโตเงินมาได้จากเทศกาลหนังเวนิส แม้ว่าคำวิจารณ์จะเสียงแตกมีทั้งชอบและไม่ชอบและก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวชวนวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีกบานก็ตามที

หนังทหารมะกันก่อวีรเวรมาอีกแล้วจ้า
หนังสร้างโดยอิงเรื่อง (หลวมๆ) จากเหตุการณ์จริงสุดบัดซบที่เกิดขึ้นในอิรัก ปี ค.ศ.2006 เมื่อทหารมะกัน 4 นายบุกไปข่มขืนสาวชาวบ้านวัย 15 ขวบ แล้วฆ่าเหยื่อตายยกครัว 4 ศพอย่างเลือดเย็น เสร็จแล้วก็โบ้ยความผิดให้พวกผู้ก่อการร้าย แม้ว่าต่อมาเรื่องจะแดง เกิดการไต่สวนคดีขึ้น แต่ก็ไม่มีใครต้องถูกดำเนินคดี สร้างความโกรธแค้นต่อชาวอิรัก จนเกิดเหตุผู้ก่อการร้ายจับทหารมะกันดวงซวยไปฆ่าโหดออกสื่อเพื่อเป็นการแก้แค้นในเวลาต่อมา

ว่างทีไรเป็นได้ล้อมวงเล่นไพ่เมากันได้ตลอด
เป็นอีกครั้งที่ป๋าแกขอกลับไปทำต่อต้านสงครามสุดหดหู่อีก หลังจากที่เคยทำหนังสงครามเวียดนามอันน่าจดจำอย่าง Casualties of War (1989) มาแล้ว โดยคราวนี้ด้วยงบสร้างอันน้อยนิด (สำหรับหนังฝรั่ง) เพียงแค่ 5 ล้านเหรียญ จึงไม่มีฉากรบพุ่งอะไรใหญ่โตหรือดาราดังๆ มาให้เห็น (อันที่จริงหนังออกมาค่อนข้างดูจะเกรดบีเลยล่ะ) หนังทำเก๋ตรงที่เล่าเรื่องโดยผ่านสื่อต่างๆ ทั้งกล้องวีดีโอ กล้องวงจรปิด ข่าวทีวี คลิปจากเว็บไซต์ เพื่อสร้างความรู้สึกเหมือนกับกำลังดูเรื่องจริงผ่านจอหรือสารคดีอะไรปานนั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นไอเดียที่แปลกใหม่สำหรับหนังสงครามอิรักเลยก็ว่าได้

ไม่ต้องมาทำหงอยคอตกเลย
แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้มันกลับออกมาไม่ดูน่าเชื่อถือเท่าที่ควร หนังดูห้วนๆ ไม่ได้สร้างความกดดันหรือความหดหู่ให้มากมาย ทั้งยังเปลี่ยนแปลงเรื่องราวให้กองทัพสหรัฐกลายเป็นผู้ร้ายจนเกินไป จนถ้าไม่บอกว่านี่คือหนังของ ผกก.De Palma ก็อาจจะนึกว่าผลงานของ ผกก.มือใหม่ที่ไหนก็ไม่รู้ สู้หนังแฉวีรเวรทหารมะกันที่ออกมาในปีเดียวกันอย่าง Battle for Haditha (2007) ไม่ได้เลย นี่ยังดีนะที่หนังจบลงได้อย่างชวนหดหู่ได้อยู่ ด้วยภาพถ่ายของบรรดาชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงที่ต้องรับเคราะห์จากสงครามครั้งนี้ ซึ่งเพียงแค่นี้ก็สามารถตอกย้ำให้เห็นถึงพิษภัยของสงครามได้ดีที่สุดแล้วล่ะนะ
  • + หนังต่อต้านสงคราม ฝีมือของ ผกก.ในตำนานอย่าง Brian De Palma เชียวนะ
  • - หนังทุนน้อยจนออกมาดูก๋องแก๋ง เหมือนหนังเกรดบี เล่าความข้างเดียว ไม่ครอบคลุม ไปแบบห้วนๆ เมื่อเทียบกับผลงานในอดีตแล้วถือว่าผิดฟอร์มของแกอย่างน่าแปลกใจ

*ช่วงอันเนื่องมาจากหนัง*
รูปของ Abeer Qassim Hamza ตอน 7 ขวบและพลทหาร Green ผู้ก่อเหตุ
เป็นที่รู้กันดีว่าหนังเรื่องนี้ของ ผกก.Brian De Palma นั้นอิงเรื่องแบบหลวมๆ มาจากเหตุการณ์จริงสุดสลดที่เกิดขึ้น ณ อิรัก ในช่วงบ่ายวันที่ 12 มี.ค.2006 เมื่อทหารประจำด่านตรวจของกองทัพสหรัฐอเมริกาจำนวนห้านายได้บุกไปยังบ้านของ Abeer Qassim Hamza หนูน้อยวัย 14 ขวบที่อยู่ห่างจากด่านไปเพียงแค่สองร้อยเมตรเท่านั้น และก่อเหตุข่มขืนเธอแล้วใช้ปืนจ่อยิงที่หน้าผากก่อนจุดไฟเผาร่าง ทั้งยังฆ่าสมาชิกในบ้านที่เหลืออีกสามคนด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้มีพลทหาร Steven Dale Green เป็นหัวโจก เมื่อเพื่อนบ้านเห็นควันไฟจึงวิ่งโร่ไปแจ้งทหารอิรักที่ด่านตรวจ ครั้นพอทุกคนมาถึงที่เกิดเหตุ ทหารพวกนี้ก็โบ้ยว่าเป็นฝีมือผู้ก่อการร้ายฝ่ายซุนนีย์ ทั้งๆ ที่ครอบครัวผู้ตายเองก็นับถือนิกายซุนนีย์อยู่เหมือนกัน (ฮ่วย!)

Kristian Menchaca และ Thomas Lowell Tucker
ให้หลังไปไม่นานทหารมะกันดวงซวยสองนายอย่าง Kristian Menchaca และ Thomas Lowell Tucker ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีสลดนี้เลยสักนิด ก็ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายจับตัวไปทรมานและฆ่าตัดคออย่างสุดสยองพร้อมเอารถลากศพไปตามท้องถนนเพื่อประจาน โดยงานนี้มีการบันทึกวีดีโอไปเผยแพร่ทางสถานโทรทัศน์ โดยในนั้นกลุ่มไอ้โม่งผู้ก่อเหตุได้บอกว่า นี่คือการแก้แค้นให้กับน้อง (ร่วมชาติ) สาวผู้ถูกมอบความอัปยศโดยทหารอเมริกันในครั้งนั้นนั่นเอง

Green ขณะโดนจับกุมตัว
ต่อมาเรื่องก็แดงเมื่อมีคนในกลุ่มที่ดันเล่าให้เพื่อนฟังจนถูกนำไปแฉจนเข้าหูเบื้องบน ส่งผลให้เกิดการดำเนินคดีขึ้นมา ซึ่งในที่สุดแต่ละคนก็ได้รับโทษสถานหนักกันไปอย่างสาสม (จำคุกตลอดชีวิต 90 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง) โดยหัวโจกอย่างนาย Green นั้นทางการอยากให้เขาได้รับโทษประหารชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตโดยปราศจากทัณฑ์บน ซึ่งตัวเขาเองพยายามขออุทธรณ์ ทว่าก็แพ้ไปในที่สุด เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยหลุดปากให้สัมภาษณ์ว่า "ผมไม่คิดว่าพวกอิรักเป็นคนว่ะ" (โหย ไอ้นี่!!)

มาดป๋า De Palma ในกองถ่าย
ส่วนหนัง Redacted นี้นั้นออกฉายในยุคที่หนังต่อต้านสงครามอิรักกำลังเกร่อ จึงถูกจงใจมองข้ามโดยชาวอเมริกันเพราะเบื่อสงครามอิรักเต็มทน หนังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเล่าความข้างเดียว เสนอความจริงไม่หมด และสร้างความเกลียดชังต่อทหารอเมริกัน จนถึงกับมีข่าวว่าชาวเยอรมันเชื้อสายอัลเบเนียนวัย 21 ขวบคนหนึ่ง ที่พอได้ดูคลิปหนังเรื่องนี้ใน Youtube จบก็ตัดสินใจเอาปืนไปยิงทหารมะกันตายไปสองนายบาดเจ็บอีกสามในสนามบินที่เขาทำงานอยู่ และหนังยังถูกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงนำไปใช้ในการปลุกระดมว่าภาพที่เห็นในหนังคือเหตุการณ์จริงอีกต่างหาก ป๊าด ถึงหนังจะถูกเมินจากคนส่วนใหญ่และเจ๊งกระจายตอนออกฉาย (ทำเงินได้แค่เกือบแปดแสนเหรียญ) แต่ก็ยังมีอิทธิพลต่อสังคมได้ถึงขนาดนี้ ต้องซูฮก ผกก.ระดับตำนานคนนี้เขาจริงๆ ล่ะนะเนี่ย

*คัดข้อมูลตรงโน้นตรงนี้มาจาก wikipedia ขออภัยหากผิดพลาด*


*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*




 

Create Date : 22 มีนาคม 2555    
Last Update : 22 มีนาคม 2555 6:19:40 น.
Counter : 7602 Pageviews.  

The Inbetweeners Movie (2011): สี่เกลอฮาแอ้มสาว



The Inbetweeners Movie (2011) :
หนังตลกถูกสร้างขึ้นมาเพื่อมอบความบันเทิง สร้างเสียงหัวเราะและคลายเครียดให้แก่ผู้ชม (แต่หนังตลกบางเรื่องนั้นยิ่งดูก็ยิ่งเครียดนะ) โดยไม่ต้องใช้ ดาราดังๆ หรือทุนสร้างอะไรมากมาย เพียงแค่ทำได้ฮาโดนใจมหาชนก็สามารถทำเงินทำทองได้เป็นกอบเป็นกำ ดั่งเช่นหนังตลกวัยรุ่นสุดสัปดนจากอังกฤษเรื่องนี้ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้ ถึงขนาดติดอันดับหนังทำเงินสูงสุดประจำปีของอังกฤษในอันดับที่สามเลยทีเดียว (ชนะ The Hangover 2 เสียอีก)


หนังอังกฤษก็ฮาแบบสัปดนได้เหมือนกัน
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังฮิตอย่างที่เห็นเพราะเป็นการต่อยอดมาจากหนังซิทคอมวัยรุ่นเรื่อง The Inbetweeners ที่ออกอากาศทางช่อง E4 ของอังกฤษ ระหว่างปี ค.ศ.2008-2010 อันว่าด้วยเรื่องราวฮาๆ ของวัยรุ่นเกรียนแตก 4 คน ซึ่งในเวอร์ชั่นหนังโรงนี้พวกเขาทั้งก๊วนได้มีโอกาสยกพวกกันไปเที่ยวหลีหญิงและเมาปลิ้นที่เกาะครีต ประเทศกรีซ จนเกิดเรื่องฮาป่วงตามมาแบบนันสต็อปไปเลยเชียว


สี่หน่อประจำเรื่อง
ครั่บ ถ้าจะให้คำจำกัดความถึงหนังเรื่องนี้ว่าเป็น 'British Pie' (ญาติห่างๆ ของ American Pie) ก็คงจะเหมาะเหม็งดีแท้นักเชียว เพราะมาสไตล์เดียวกันเป๊ะ (แต่ไม่ใช่ลอกเลียนแบบมาทั้งดุ้นนะ) หนังมาแบบฮาๆ ป่วงๆ ซกมกๆ ทะลึ่งๆ (มีจู๋โผล่มาให้เห็นทุกครึ่ง ชม.) ดูง่ายย่อยง่ายไม่ยุ่งยากตามสไตล์หนังแนวนี้ทั่วๆ ไปซึ่งทั้งนี้ด้วยความเข้าขากันของเหล่าตัวละครนำทั้งสี่ ก็เลยสามารถสร้างเสน่ห์ให้กับหนังได้เยอะ ส่วนมุกฮานั้นก็มีฮามากบ้างน้อยบ้างคละเคล้ากันไปตามอัตภาพ

ความห่ามความสัปดนมีพร้อมสรรพ
แม้หนังจะดูเอาฮาเป็นหลัก อย่าหวังหาสาระ แต่มันก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี นั่นคือการมอบความบันเทิง เรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะจากท่านผู้ชม ใครชอบหนังสไตล์นี้ก็คงจะถูกใจกัน ส่วนใครที่อยากหาอะไรฮาๆ ป่วงๆ สัปดนๆ คลายเครียดบ้างล่ะก็ เรื่องนี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว นี่เห็นว่าหนังประสบความสำเร็จปานนี้ จึงมีโอกาสอยู่สูงที่เราจะได้เห็นสี่หน่อนี้กลับมาวาดลวดลายให้ฮากันอีกในภายภาคหน้าแล้วเจอกันนะพวกนาย ;)


สาวๆ สวยๆ เต็มเรื่องเชียว
  • + หนังวัยรุ่นสัปดนจากอังกฤษ ที่ดูเอาฮา ดูเอาเพลินได้ดีทีเดียว (สาวสวยเพียบ)
  • - ไม่มีสาระ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ หนังเล่นกันง่ายๆ เอาฮาเข้าว่าตามสไตล์หนังแนวนี้เขาล่ะ




*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*





 

Create Date : 14 มีนาคม 2555    
Last Update : 14 มีนาคม 2555 18:33:30 น.
Counter : 19012 Pageviews.  

The Awakening (2011): ไขปริศนาโรงเรียนผีหลอน


The Awakening (2011) :

ปี ค.ศ.1921 อังกฤษเพิ่งจะผ่านพ้นความสูญเสียครั้งใหญ่จากสงครามโลกครั้งที่ 1 และการระบาดของไข้หวัดใหญ่มาหมาดๆ ซึ่งมันได้คร่าชีวิตของประชากรนับล้านไป ยังความโศกเศร้าแก่คนทั้งประเทศ และเกิดปรากฏการณ์การพบเห็นวิญญาณของคนที่ตายไปอย่างแพร่หลาย จนกิจการคนทรงหรืออะไรที่เกี่ยวกับผีสางนั้นบูมสุดๆ ไปเลย แม้ว่าส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวงก็ตามที

ลิงก์ดูมาดนางเอกเราซะก่อน
Florence Cathcart (Rebecca Hall จาก The Town [2010]) สาวมั่นการศึกษาสูงแถมยังฉลาดเป็นกรด ซึ่งโด่งดังขึ้นมาจากการเขียนหนังสือเปิดโปงอุบายของพวกต้มตุ๋นเรื่องผีสาง ได้ตกลงตามคำเชิญชวนให้ออกเดินทางไปยังโรงเรียนประจำชายล้วนแห่งหนึ่ง เพื่อไขปริศนาการตายของนักเรียนคนหนึ่งที่ก่อนตายเขาได้แต่พร่ำบอกว่าเห็นผีเด็กคอยโผล่มาหลอกหลอนตน และจากเริ่มต้นที่เธอคิดว่าคงเป็นฝีมือของคนมาปลอมเป็นผีอีกตามฟอร์ม แต่พอยิ่งอยู่สืบที่นั่นมากขึ้นเท่าใด เธอก็ยิ่งชักไม่แน่ใจขึ้นทุกทีว่าตกลงตนเองอาจกำลังเจอผีตัวจริงเสียงจริงหลอกให้ขนหัวสแตนด์อัพอยู่ก็เป็นได้


ความมืดอึมครึมทำให้หนังน่าขนลุกขึ้นแยะ
หนังผีบรรยากาศหลอนของสาว Hall เรื่องนี้คือผลงานที่เธอได้รับบทนำเต็มตัวเป็นเรื่องแรก โดยได้ ผกก.Nick Murphy ที่เคยทำแต่หนังทีวีมาตลอด โดดมาทำหนังโรงเป็นเรื่องแรกเช่นกัน ซึ่งถึงจะเป็นเรื่องแรกของทั้งคู่ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะหนังหลอนใช้ได้ แม้จะไม่ได้น่ากลัวจนต้องรีบเอามือปิดตา แต่ก็มีช่วงเวลาชวนขนลุกมาฝาก แถมพล็อตเรื่องยังเข้าท่า มีหักมุมไปมาให้ต้องมีเฮ้ย ในขณะที่การแสดงของสาว Hall นั้นก็ถึงคุณภาพ เพิ่มอารมณ์ความมีคลาสให้กับตัวหนังได้ยิ่งยวดทีเดียว

โรงเรียนไหนๆ ก็มักมีข่าวลือเรื่องผีๆ
ถ้าคาดหวังจะดูหนังผีที่หลอกกันเถิดเทิงงานนี้มีผิดหวังแน่ เพราะหนังไม่ได้เน้นผีหลอกซะอย่างเดียว แต่ถ้าชอบหนังผีที่มีบรรยากาศหลอนๆ ฉากดราม่าถึงอารมณ์ พล็อตเรื่องที่ซ่อนเงื่อนมีหักมุม แบบที่ดูครั้งแรกอาจไม่พอต้องขอรีรันอีกสักรอบให้มีเก็ต ในภาวะที่กำลังขาดแคลนหนังผีดีๆ มีหลอนเช่นนี้ นี่คือหนังผีน้ำดีอีกเรื่องที่เราขอแนะนำเลยครั่บ ขอบอก
  • + บรรยากาศหลอน มีช่วงเวลาชวนขนลุก การแสดงดี มีหักมุมอีกต่างหาก
  • - ไม่ได้เน้นหลอกกันอย่างเดียว มีดราม่าอะไรด้วย หลายคนอาจจะรู้สึกว่าหนังผีอะไรไม่น่ากลัวเลยก็ได้




*รีวิวหนังของสาว Rebecca Hall เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 08 มีนาคม 2555    
Last Update : 12 มีนาคม 2555 4:15:44 น.
Counter : 10345 Pageviews.  

Goon (2011): ศึกอันธพาลออนไอซ์


Goon (2011) :
ไปๆ มาๆ ดูเหมือนว่าบรรดาพลพรรค American Pie (หนังวัยรุ่นตลกสัปดนเรื่องดังช่วงปลายยุค 90) ในส่วนของทีมนักแสดงชายนั้นจะมีเพียงพ่อหนุ่ม Seann William Scott เท่านั้นที่ยังพอมีผลงานอันเป็นที่รู้จักในวงกว้างออกมาอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าหนังที่เขาเล่นส่วนใหญ่จะไม่ถึงกับฮิตตูมตาม (แถมชอบมาแบบเป็นตัวประกอบอีกต่างหาก) แต่ก็ยังถือได้ว่าเขารุ่งกว่าคนอื่นๆ ในทีมอยู่ดี


Sean William Scott กับหนังที่ดีที่สุดของเขาเรื่องหนึ่ง
และผลงานล่าสุดของเขานี้คือหนังตลก/กีฬาฮ็อกกี้ ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงอันเกี่ยวกับ Doug Glatt (William Scott) หนุ่มทึ่มนิสัยดีแต่หมัดหนักโคตรๆ ที่ทำงานเป็น รปภ.คุมบาร์ไปตามเรื่อง ซึ่งจับพลัดจับผลูได้กลายเป็นนักกีฬาฮ็อกกี้อาชีพทั้งๆ ที่เขานั้นเล่นสเก็ตน้ำแข็งแทบไม่เป็นด้วยซ้ำ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะหน้าที่หลักในทีมของเขาก็คือ เอิ่ม..อัดผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามให้ร่วงไปตามๆ กัน (ป๊าด!?)


นี่ฮ็อกกี้หรือศึกวันทรงชัยกันแน่หว่า?
ผกก.Michael Dowse (Take Me Home Tonight [2011]) ยังทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชมอีกครั้งในหนังตลกเรทอาร์ (ซึ่งในที่นี้คือหนังเต็มไปด้วยฉากชกต่อยเลือดกลบปาก) เขาเล่าเรื่องได้อย่างลื่นไหล มีเสน่ห์ ดูเพลินมากๆ มุกตลกในหนังก็ไม่ได้บ้าบอคอแตกหรือห่ามอะไรมากมาย หากแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของบรรดานักแสดงในเรื่อง โดยเฉพาะนาย William Scott เราที่เล่นได้อย่างน่ารักน่าชังในแบบที่ผู้ชมจะต้องเห็นอกเห็นใจและเปิดอ้อมใจรักเขาได้โดยไม่ยากเลยล่ะ ลิงก์


เต็มไปด้วยนักแสดงคุ้นหน้า
แต่สำหรับเราส่วนใหญ่ที่ไม่คุ้นเคยกับกีฬาชนิดนี้ก็คงจะไม่เข้าใจนักที่ในหนังแสดงให้เห็นว่าการชกต่อยกันหรือจงใจอัดกันแรงๆ ในเกมเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นได้เสมอ แถมคนดูยังพากันชื่นชมคนที่ชกเก่งๆ อีกต่างหาก ดังนั้นดูๆ ไปก็ราวกับว่านี่เป็นกีฬาที่ยกย่องเชิดชูอันธพาลที่ไม่มีน้ำใจนักกีฬาไปซะงั้น (อันนี้มองด้วยสายตาของคนที่ไม่คุ้นเคยกับกีฬาชนิดนี้อย่างเราส่วนใหญ่นะ) แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายหนังก็ยังพูดถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในทีมและน้ำใจนักกีฬาได้อยู่


นาย Jay Baruchel เหมาหน้าที่เขียนบทเรื่องนี้ด้วย
นี่จึงเป็นหนังกีฬา/ตลกที่ออกมาดีกว่าที่คิด หนังมีให้ทั้งความสนุก ความน่ารัก หรือจะดูเอามันส์เอาลุ้นก็ยังได้อยู่ นับว่าเป็นหนังที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของนาย William Scott เลยก็ว่าได้ นี่เห็นว่าเขาและพลพรรค American Pie จะกลับมารียูเนี่ยนกันปีนี้ใน American Reunion ยังไงก็หวังว่าจะประสบความสำเร็จ รุ่งๆ กันทุกคน โดยเฉพาะนาย William Scott ที่กลายเป็นนักแสดงขวัญใจของเราไปอีกคนแล้วจากเรื่องนี้จ้า
  • + หนังดูเพลิน ดูดี สนุกกว่าที่คิด นาย William Scott ได้ใจเราไปเต็มๆ จากเรื่องนี้เลยจ้า
  • - หนังมีแต่เรื่องชกต่อย เลยดูเหมือนจะเป็นการยกย่องอันธพาลไปซะงั้น





*รีวิวหนังของ ผกก.Michael Dowse และพ่อหนุ่ม Seann William Scott เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 1 มีนาคม 2555 0:37:45 น.
Counter : 7587 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.