Group Blog
 
All blogs
 

Red Tails (2012): เสืออากาศตูดแดง



Red Tails (2012) :
เดี๋ยวจะหาว่าเสี่ย Geoge Lucas จะเอาแต่หากินกับบุญเก่า ในหนังชุดมหากาพย์อวกาศอย่าง Star Wars เท่านั้น ว่าแล้ววันดีคืนดีเสี่ยก็ขอเข็นโปรเจ็คท์อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ Star Wars ออกมาบ้าง (ทั้งๆ ที่หากแกจะอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็ยังมีเงินมีทองใช้สบายไปตลอดชาติ) ซึ่งนั่นก็คือหนังสงครามโลกครั้งที่สองอันเกี่ยวกับเหล่าเสืออากาศผิวหมึกเรื่องนี้นั่นเอง

Top Gun เวอร์ชั่นผิวสี?
แม้อเมริกาจะประกาศเลิกทาสมาตั้งแต่สมัย ปธน.Abraham Lincoln (ค.ศ.1863) แต่จวบถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ.1944) แล้ว คนผิวสีก็ยังเป็นที่ดูถูก รังเกียจเดียดฉันท์และกีดกันจากคนผิวขาวส่วนใหญ่อยู่เลย กระทั่งในมหาสงครามครั้งนี้ก็ตาม ที่ถึงพวกเขาจะมีส่วนร่วม ก็ได้แค่ทำหน้าที่จิ๊บๆ ไม่ได้สลักสำคัญอะไร แต่แล้วเหล่านักบินรบผิวสี Tuskegee Airmen ในมาดฝูงบินรบที่มีสัญลักษณ์เป็นเครื่องบินที่มีหางเสือสีแดง ได้แสดงวีรกรรมอันเก่งกล้า ออกปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตายอย่างห้าวหาญ จนเป็นที่ยอมรับจากคนทั้งชาติและถูกกล่าวขวัญถึงมาจนทุกวันนี้

ฉากรบดูดีมีชาติการ์ตูน
นี่คือโปรเจกท์ในฝันของเสี่ย Lucas เลยก็ว่าได้ เพราะเสี่ยแกหมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างตั้งแต่ต้นยุค 90 แล้ว แต่อะไรๆ ก็ยังไม่ลงล็อคเสียที จนกระทั่งได้ฤกษ์สร้างออกมาฉายเอาต้นปีนี้นี่เอง โดยหนังอยู่ในการรับผิดชอบของ Anthony Hemingway ผกก.ซีรี่ส์ทางทีวีมือฉมัง ที่โดดมากำกับหนังโรงเป็นเรื่องแรก โดยมีเสี่ย Lucas ทำหน้าที่ป๋าดันเป็นโปรดิวเซอร์ให้ รวมทั้งดอดมาถ่ายซ่อมให้หนังอีกด้วยต่างหาก

สองคนนี้ดังที่สุดในเรื่องแล้วล่ะ
ลำพังชื่อของเสี่ย Lucas นั้นก็สามารถดึงดูดความสนใจจากคอหนังได้อยู่แล้ว (แม้จะไม่ได้กำกับเองก็เถอะ) หนังโดดเด่นตรงสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ฉากรบ ฉากระเบิดตูมตาม ที่ดูดีมีชาติการ์ตูนตามมาตรฐานอันดีงามของ ILM (บริษัททำเอฟเฟกต์ของเสี่ยเขาล่ะ) ส่วนการเสนอเรื่องราวของคนผิวสีในสงครามโลกครั้งที่สองก็น่าสนใจอยู่ เพราะไม่ค่อยจะมีหนังกล่าวถึงพวกเขาแบบเต็มๆ เช่นนี้ (อีกเรื่องหนึ่งก็ Miracle at St. Anna [2008] ของ ผกก.Spike Lee โน่น)

โป้งใครเข้าแล้วล่ะนั่น
แต่นอกจากงานด้านเอฟเฟกต์ที่ดูดีกับเรื่องราวที่น่าสนใจแล้ว ดูเหมือนการเล่าเรื่องยังจะธรรมดาไปบ้าง คือเล่าไปเรื่อยๆ เฉยๆ ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจ หรือแตกต่างจากหนังสงครามทั่วๆ ไป แม้กระทั่งฉากรบก็ยังดูธรรมดาไม่น่าตื่นเต้น ไม่มีลุ้น ไม่หือไม่อือไปด้วยซ้ำหากเปรียบเทียบกับหนังสงครามส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นหนังทีวีหรือหนังแผ่นที่มีโปรดักชั่นใหญ่โตกว่าก็ยังได้

ถึงหน้าจะมืดแต่ก็เก่งไม่แพ้ใคร
ยังไงก็ต้องขอชื่นชมที่เสี่ยแกมีความตั้งใจอันดี ที่อยากเล่าขานวีรกรรมคนผิวสีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ให้คนรุ่นหลังและโลกได้รับรู้ แม้ผลที่ออกมายังธรรมดาๆ ไม่น่าประทับใจหรือน่าจดจำนักก็ตาม เราคิดว่าอีกส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะหนังมาช้าไปยี่สิบปี อะไรๆ ก็เลยดูเชยๆ เฉยๆ ไปซะหมดแบบนี้ ยังไงคอหนังสงครามและผู้ที่สนใจเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองก็ไม่ควรพลาดกันเน้อ ขอบอก

*ปล.นี่คือหนังเรื่องแรกที่ใช้ระบบเสียง Auro 3D 11.1 ซึ่งให้เสียงรอบทิศทางที่สมบรูณ์แบบที่สุดในปัจจุบันนี้ ป๊าด!*
  • + เอฟเฟกต์แจ่ม เรื่องราวคนผิวสีในสงครามโลกครั้งที่สองที่ไม่ค่อยจะมีหนังสร้างถึงนัก
  • - การเล่าเรื่องยังธรรมดาไป หนังโดยรวมดูเชย ดูเก่าไปสักยี่สิบปีแล้วมั้ง




 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2555 18:06:26 น.
Counter : 4253 Pageviews.  

The Avengers (2012): ศึกฮีโร่รวมการเฉพาะกิจ


The Avengers (2012) :
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ฉายจนได้ครั่บ สำหรับหนังฟอร์มซูเปอร์บิ๊กอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ที่มิตรรักแฟนหนังต่างหมายมั่นปั้นมือว่า "กรูต้องดู!" โดยจะเห็นได้จากคลื่นมหาชนคนดูหนังที่พากันต่อแถวเข้าคิวอันยาวเหยียดรอซื้อตั๋วหนังเข้าไปพิสูจน์ความมันส์ในโรง จนแทบจะกลายเป็นกิจกรรมแห่งชาติประจำวันแรงงานของปีนี้ไปเลยทีเดียว ซึ่งคิดดูก็แล้วกัน แค่ฉายเมื่อวานไปวันเดียวหนังกวาดเงินในไทยไปได้กว่า 40 ล้านบาทเข้าไปแล้ว ป๊าด!

ถึงเวลาที่พวกเขาต้องมารวมพลังกันดูดตังค์ค่าตั๋วท่านแล้ว
สำหรับผู้ที่รับหน้าที่เป็นโปรโมเตอร์นัดรวมพลซูเปอร์ฮีโร่มาตั้งทีมปราบเกรียนครั้งนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน ก็ยอดชายนาย Joss Whedon ที่คลุกคลีตีโมงกับหนังของ Marvel มาหลายเรื่องแล้วนั่นแล โดยคราวนี้เขาขอควบตำแหน่ง นายก/รมว.มหาดไทย ไม่ใช่สิต้อง เขียนบท/กำกับ ไม่ขอแบ่งเครดิตให้ใครอื่น ชนิดที่ว่าถ้าหนังโดนด่าแกก็รับไปเต็มๆ แต่ถ้าหนังประสบความสำเร็จแกก็รับไปเต็มๆ อีกนั่นแหล่ะ หูย งานนี้พี่แกยืดอกพกความมั่นใจมาตุงกระเป๋าว่างั้นเหอะ!

ก่อนจะซัดศัตรูเราต้องมาซดกันเองเสียก่อน
ซึ่งดูแล้วผลที่ออกมางานนี้แกน่าจะได้รับคำสรรเสริญเยินยอชาบูๆ ไปแบบเต็มๆ ซะมากกว่า เพราะหนังออกมาดูยิ่งใหญ่ สนุกมาก ลงตัวมาก สมกับการรอคอย ทั้งยังน่าจะถูกใจแฟนการ์ตูน Marvel มากๆ (เช่นเดียวกับคอหนังทั่วๆ ไป) แม้ว่าพล็อตจะมาแบบเดิมๆ ตามสูตรหนังซูเปอร์ฮีโร่ ไม่มีอะไรพิสดารหรือแปลกใหม่ แต่บทกับการเล่าเรื่องของเฮีย ผกก.ก็ทำได้ถึงในการใส่รายละเอียด สีสัน อารมณ์ขัน ฉากแอ็คชั่น จนทำให้หนังออกมาเป็นความบันเทิงอย่างแท้จริง

Captain America กับบทบาทหัวหน้าทีมแบบกลายๆ
ส่วนคนที่กลัวว่าหนังที่มีซูเปอร์ฮีโร่หลายตัวมารวมกันแล้วจะออกมาเละเป็นโจ๊ก หรือมีอาการรักพี่เสียดายน้อง เฉลี่ยบทเด่นได้ไม่สมน้ำสมเนื้อล่ะก็สบายใจกันได้เลย เพราะหนังภาคนี้ใช้เวลาพอดูในการจับซูเปอร์ฮีโร่แต่ละตัวที่ว่าแน่ๆ ในหนังของตน มาลดอัตตา ลดอีโก้ ก่อนจะมาร่วมแรงร่วมใจทำงานเป็นทีมกันได้ในที่สุด (ซึ่งกว่าจะเข้ากันได้ก็เล่นเอาหืดจับเลย) และเมื่อพวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว หนังก็มอบช่วงเวลาให้แต่ละคนได้โชว์ออฟกันได้อย่างโดดเด่นสมศักดิ์ศรี ไม่มีลูกเมียน้อยแต่อย่างใด

สองคนนี้ดูจะจ๊าบน้อยที่สุดในทีมแล้วแต่ก็ยังเท่ได้อยู่
สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งคือการเข้าใจการ์ตูน Marvel เป็นอย่างดีของ ผกก.Whedon ที่มองหนังและสร้างออกมาด้วยสายตาของแฟน Marvel อย่างเช่นการไขข้อข้องใจที่หลายคนคงนึกเกี่ยวกับ Captain America (CA) ว่าไม่ค่อยจะเก่งเมื่อเทียบกับซูเปอร์ฮีโร่รายอื่นๆ ชุดก็ไม่จ๊าบเท่า ทำไมถึงได้มาร่วมทีมนี้ได้ ซึ่งหนังแสดงให้เห็นว่าทีมนี้จำเป็นต้องมี CA เพราะเขาเป็นเปรียบดั่งผู้ที่คอยเตือนสติ เป็นสามัญสำนึก และยังเป็นหัวหน้าทีมกลายๆ เสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนังยังใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ ที่สามารถสร้างเสน่ห์ให้กับผลรวมขึ้นมาอีกเยอะ

งานนี้แม้แต่ Iron Man ก็ยังต้องปวดหมอง
ถึงหนังจะออกมาดูดีปานนี้ ก็ยังอุตส่าห์หาเรื่องมาให้ติได้ (นิดนึง) อยู่ดี นั่นคือนอกจากพล็อตจะมาแบบคุ้นเคยกันดีอย่างที่บอกข้างต้นแล้ว หนังยังค่อนข้างมีบทสนทนาเยอะในช่วงแรก จนหลายคนเริ่มชักหวั่นใจว่าจะกลายเป็นหนังดราม่าไปซะแล้ว นี่ยังดีนะที่ช่วงท้ายๆ หนังจัดเต็มด้านความสนุก โดยเฉพาะฉากที่ The Hulk ปะทะ Loki ที่เล่นเอาคนดูฮาครึนกันทั้งโรง จนเราขอมอบรางวัลซูเปอร์ฮีโร่ตัวขโมยซีนสุดน่ารักให้แก่ The Hulk ไปเลยจ้า

The Hulk ขอฟาดปากกับ Thor สักยกเถอะ
ครั่บ มาถึงตรงนี้ก็ต้องขอบอกล่ะว่า หนังเรื่องนี้ดีสมกับการรอคอยจริงๆ แม้จะไม่ดีที่สุด แต่ก็ได้ใจไปเต็มๆ ยังไงก็หวังว่าภาคต่อจะออกมาเข้าท่าเยี่ยงนี้อยู่นะ ผกก.Whedon จ๋า อ่อ เวอร์ชั่น 3D ของหนังก็ดูดีมีมิติดีนะ แต่ว่าภาพก็ยังดูมืดๆ เหมือนหนัง 3D เรื่องที่ผ่านๆ มาอยู่เหมือนเดิม ยังไงเราก็ยังชอบดูหนัง 2D มากกว่าอยู่ดีนะครับผ้ม :)
  • + สนุกมาก ลงตัวมาก สมกับการรอคอย มีรายละเอียด เสน่ห์ยิบย่อยให้ได้ชื่นชมอีกเพียบ
  • - พล็อตเดิมๆ ช่วงแรกมีฉากสนทนาเยอะจนหลงนึกว่านี่หนังดราม่าหรือเปล่าเนี่ย อิอิ




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2555    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2555 22:18:17 น.
Counter : 5410 Pageviews.  

Chronicle (2012): สามเกรียนพลังเหนือเมฆ


Chronicle (2012) :
หนังแนว 'เรื่องจริงผ่านจอกำมะลอ' ยุคหลัง Paranormal Activity (2007) เนี่ย เรื่องไหนเรื่องนั้นเลย ล้วนทำเงินทำทองเป็นกอบเป็นกำแก่ผู้สร้างแทบจะทั้งนั้น เพราะหนังแนวนี้ใช้ทุนสร้างน้อย ไม่ต้องพึ่งดาราดัง แต่เน้นขายมุกขายไอเดียเรียลลิตี้สุดตื่นเต้นกันเข้าว่า ซึ่งก็มีมาหมดแล้วทั้งแนวผีๆ สางๆ สัตว์ประหลาดบุกกรุง ซอมบี้บุกตึก และคราวนี้ก็มาถึงคิวของ 'มนุษย์พลังจิตเกรียนแตก' บ้างล่ะ

หนังแนวเรื่องจริงผ่านจอกำมะลอมาอีกเรื่องแล้วครับทั่น
หนังเสนอเรื่องราวของเหล่าวัยรุ่น ม.ปลาย 3 หน่อ ที่บังเอิญไปได้รับพลังจิตเหนือโลกมาจากวัตถุลึกลับเข้า ซึ่งจากแรกๆ ที่พวกเขาก็แค่เล่นเกรียนแกล้งชาวบ้านไปตามเรื่อง แต่พอพลังจิตของพวกเขาเริ่มแก่กล้าขึ้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งสำแดงตัวตนที่แท้จริงอันสุดแสนอันตรายของพวกเขาออกมามากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน อืม...งานงอกล่ะสิทีนี้

สามเกรียนประจำเรื่อง
คู่หู Josh Trank และ Max Landis (ลูกชายของ ผกก.เคยดัง John Landis) ร่วมกันสร้างสรรค์อย่างสุดแจ่มในการจับเรื่องราวสไตล์ยอดมนุษย์ในแง่ที่ไม่การ์ตูนจ๋ามาเล่น (โดยให้ Trank เป็นคนกำกับ) หนังเล่าเรื่องได้กระชับฉับไว ดูเพลินไม่มีเบื่อ และถึงหนังจะทุนน้อย เบี้ยน้อย แต่ด้านเทคนิคเอฟเฟกต์ฉากเหนือมนุษย์อะไรต่างๆ เนี่ย ก็ทำออกมาได้ดูเข้าท่าโดดเด่นดีไม่ใช่น้อย จนสามารถส่งเสริมความเจ๋งความตื่นเต้นให้กับตัวหนังได้อีกบานตะไทเชียวล่ะ

อำนาจทำให้คนเราเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา
หนังหาทางออกได้ดีในการหามุมกล้องที่ไม่จำกัดตัวเองกับกล้องตัวเดียวทั้งเรื่อง คือใช้มุมมองจากทั้งกล้องมือถือ กล้องวงจรปิด กล้องนักข่าว ฯลฯ แต่ว่าก็ว่าเหอะ ในยุคที่หนังแนวเรื่องจริงผ่านจอเริ่มออกมาเยอะจนเฝือแบบนี้ บางคน (โดยเฉพาะเรา) คงชักเริ่มจะไม่ค่อยหือค่อยอือหรือตื่นเต้นไปกับมันสักเท่าไหร่แล้วล่ะ (เริ่มด้านชาว่างั้นเหอะ) อันที่จริงถ้าหนังเองจะไม่เสนอตัวเองสไตล์เรื่องจริงผ่านจอ แต่ทำเป็นหนังปกติไปเลยก็ยังดูสนุกได้อยู่นะ ขอบอก

รถเมล์สายอะไรนั่นวิ่งบนฟ้าได้ด้วย
จะว่าไปแล้วถ้าหากคนเรามีพลังเหมือนในหนังจริงๆ คงมีน้อยรายที่เลือกจะผันตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่เพื่อคอยปกป้องชาวโลก แต่คงจะเอาไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นแน่แท้ ดังนั้นนอกจากหนังเรื่องนี้จะดูเอาสนุกแล้ว ยังถือเป็นหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ที่มองโลกในแง่สมจริงที่สุดเรื่องหนึ่งแล้วก็ได้มั้ง นี่เห็นหนังฮิตซะปานนั้น ผู้สร้างเลยกำลังเตรียมเข็นภาคสองออกมาอีก ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปล่ะว่าจะสามารถเป็นแฟรนไชส์ฮิตแบบ Paranormal Activity ได้หรือไม่
  • + ไอเดียเข้าท่า เอฟเฟกต์เข้าที ดูสนุกไม่น้อยหน้าหนังทุนสูงๆ เลย
  • - ไม่ต้องทำเป็นแนวเรื่องจริงผ่านจอก็ยังได้ คนที่เบื่อแนวนี้อยู่แล้วคงจะเฉยๆ กัน และยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นจนต้องซูฮก

*รีวิวหนังแนว 'เรื่องจริงผ่านจอกำมะลอ' เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบล็อก*




 

Create Date : 28 เมษายน 2555    
Last Update : 28 เมษายน 2555 1:45:59 น.
Counter : 4180 Pageviews.  

The Cabin in the Woods (2012): ป่าสยอง เหวอได้อีก


The Cabin in the Woods (2012) :
หลังจากที่เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สร้างหนังทีวีฮิตๆ และมือเกลาบทหนังดังๆ มาช้านาน ถึงชั่วโมงนี้ชื่อเสียงเรียงนามของ Joss Whedon กำลังเริ่มเป็นที่ผงาดง้ำค้ำฮอลลีวู้ดและถูกจับตามองจากคอหนังทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการที่เขาควบหน้าที่เป็น ผกก./มือเขียนบทให้หนังรวมมิตรซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel อย่าง The Avengers ที่กำลังจะฉายอยู่รอมร่อแล้ว รวมทั้งสร้างสรรค์หนังสยองไอเดียกระฉูดเรื่องนี้อีกด้วย

ท่าน Thor ต้องมาปะทะซอมบี้ล่ะงานนี้
อันที่จริงหนังถูกสร้างเสร็จมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 แล้ว แต่เผอิญตอนนั้นสตูดิโอ MGM เจ้าของหนังดันล้มละลายเจ๊งบ๊งเสียก่อน หนังก็เลยต้องถูกดองเปรี้ยวดองเค็มอยู่นาน จนถูกขายมาอยู่ในมือของสตูดิโอ Lion Gate ผู้นิยมจำหน่ายหนังสยองขวัญนั่นแหล่ะ หนังถึงได้ฤกษ์ออกจากโหลดองมาพบกับท่านผู้ชมในที่สุดก็เดือนนี้นี่เอง (เม.ย.2012) คิดดูสิตอนนั้นพ่อหนุ่ม Chris Hemsworth ยังเพิ่งได้เล่น Star Trek (2009) ไปเองมั้ง

ไอเดียของหนังเข้าท่ามิใช้น้อยเลย
แต่ช้าก่อนถึงหนังจะถูกดองเป็นผักกาดมานานทว่าก็ไม่ได้หมายความว่าหนังมันห่วยตามอย่างหนังเรื่องอื่นๆ ที่ถูกดองข้ามปีเช่นนี้ ที่ไหนได้หนังกลับออกมาเด็ดหลายๆ ชนิดที่ว่าคอหนังสยองขวัญดูแล้วถึงกับต้องซู้ดปากด้วยความถูกใจเป็นแน่แท้ ด้วยเรื่องราวที่ล้อเล่น ยียวน กวนบาทาขนบของหนังสยองพิมพ์นิยม แต่ก็ไม่ได้ออกมาแบบบ้าบอนะ (เอาแค่ไตเติ้ลเรื่องก็กวนได้ใจแล้ว) พล็อตที่เข้าใจคิด ยากที่จะคาดเดา แต่ก็ไม่ถึงกับฉีกกฏหนังสยอง หรือสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ เพราะที่จริงแล้วหนังยังเดินตามขนบอยู่ แต่เป็นการเดินแบบเดี๋ยวเดินเดี๋ยววิ่ง เดี๋ยวกระโดด เดี๋ยวเขย่ง เดี๋ยวนั่ง เผลอๆ ก็แวะออกไปฉี่ข้างทางก่อนจะวกกลับเข้ามาอีกครั้งได้อย่างเข้าทีต่างหาก

อิทธิพลจากหนังสยองคลาสสิกถูกนำมาใช้เพียบ
ทั้งเรื่องตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศและไอเดียของหนังสยองดังๆ เรื่องโน้นทีเรื่องนี้ทีอยู่ตลอด แต่ไฮไลท์สุดเด็ดของหนังคงไม่พ้นช่วงท้ายที่ขนหนังสยองมากันหมดเท่าที่ท่านจะนึกออก ถึงไอเดียจะเข้าท่าไม่ซ้ำซาก หนังมันก็ไม่ถึงกับเด็ดขาดไปซะหมดทุกอย่าง เพราะถ้าดูแบบคิดมากแล้วหนังยังมีอะไรชวนตะหงิด อย่างเช่นไอ้การเอาเรื่องความเป็นความตายของโลกมาทำให้ออกมาอย่างกับรายการเรียลลิตี้โชว์มันดูยังไงๆ อยู่นา ซึ่งน่าจะง่ายกว่ามั้ยถ้าจะจับมาฆ่าเลย ถึงแม้หนังจะให้เหตุผลว่าเพื่อความบันเทิงของผู้ชมก็เถอะ รวมทั้งตอนจบที่อาจขัดใจคนดูหลายคนเอาได้ง่ายๆ อยู่เหมือนกัน (แต่คงส่วนน้อยมั้งที่จะดูแล้่วไม่ชอบ)

แต่ที่ยังเหมือนเดิมคือนางเอกที่ต้องสะบักสะบอมตลอดงาน
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังนับว่านี่เป็นหนังสยองขวัญที่น่าพึงพอใจเอามากๆ หนังต้องโดนใจไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคอหนังสยองขวัญตัวยง หรือคอหนังที่ชอบหนังที่มีไอเดียแจ่มๆ ไม่ซ้ำซาก ถึงเรื่องนี้ท่าน Whedon สูแค่ร่วมเขียนบทและอำนวยการสร้างให้ แต่ก็น่าจะสร้างเครดิตอันดีให้กับเขาแน่ๆ นี่เห็นว่า The Avengers ก็ได้คำชมล้นหลามจากคนที่ดูแล้ว มันก็ยิ่งน่าจะตอกย้ำความสำเร็จให้แก่เขาจนถือได้ว่าปีนี้คือปีทองของชายที่ชื่อว่า Joss Whedon เลยทีเดียว ดังนั้นเห็นทีคอหนังคงจะได้ยินชื่อนี้ไปอีกนานแหล่ะจ้า ขอบอก

*ปล.ฉบับพากย์ไทย พันธมิตรเล่นมุกครูอังคณาเยอะมาก อิอิ*
  • + ไอเดียดี เข้าใจคิด คอหนังสยองต้องถูกใจสุดๆ เช่นเดียวกับคอหนังที่ชอบดูหนังที่ไอเดียเข้าท่า ไม่ซ้ำซาก
  • - ถ้าดูแล้วชอบคิดมากก็อาจมีอะไรให้คาใจ หนังก็ไม่ได้เด็ดดวงขนาดที่ซูฮกกันว่าฉีกกฏหนังสยองหรอกเน้อ



*รีวิวหนังเรื่องของพ่อหนุ่ม Chris Hemsworth เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 27 เมษายน 2555    
Last Update : 28 เมษายน 2555 3:42:32 น.
Counter : 4113 Pageviews.  

Haywire (2011): พยัคฆ์สาวฟัดดุ


Haywire (2011) :
อันบรรดาแอ็คชั่นฮีโร่หญิงของฮอลลีวู้ดนั้นแสนมากมี แต่หามีใครไม่ที่สามารถเตะตูดจิ๊กโก๋ได้ในชีวิตจริง เพราะที่เห็นย๊ากๆ บนจอนั่นมันก็แค่เป็นเรื่องของการแสดงและเทคนิคการถ่ายทำเท่านั้น ตัวจริงของเธอเหล่านั้นล้วนแต่หวานแหววแต๋วจ๋าแทบจะทั้งสิ้น วันดีคืนดีก็มีคนเล็งเห็นถึงจุดนี้ว่า ถ้าจะหาแอ็คชั่นฮีโร่หญิงเด็ดๆ สักคน ทำไมไม่คว้าเอานักบู๊หญิงตัวจริงเสียงจริงมาขึ้นจอให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยล่ะ จริงมั้ย? (เออ จริง)

แอ็คชั่นฮีโร่หญิงคนใหม่แห่งยุทธจักรหนังบู๊
และอิตาคนที่เล็งถึงจุดนี้จนตาเขนั้นก็คือ Steven Soderbergh ผกก.แถวหน้าที่ไม่ว่าจะทำหนังคุณภาพก็ฮ็อตหนังตลาดก็ฮิต ซึ่งขอจับเอา Gina Carano ยอดหญิงนักบู๊ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงอดีตมิสทิฟฟานี่ ใช่ที่ไหน อดีตนักกีฬา MMA (mixed martial arts) ชื่อดัง ที่นอกจากจะมีวิทยายุทธอันล้ำเลิศแล้วเธอยังมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีไม่เป็นกระเทยถึกดั่งนักสู้หญิงทั่วไป มาปลุกปล้ำ เอ๊ย ปลุกปั้นให้เป็นนางเอกนักบู๊คนใหม่แห่งวงการภาพยนตร์ ณ บัดนาว (ซึ่งเธอก็เล่นหนังมาหลายเรื่องแล้วนะ แต่ไม่ใช่บทนางเอกเต็มขั้นขนาดนี้เท่านั้นเอง)

มีดาราหนุ่มฮ็อตๆ มาให้เธอฟัดเพียบ
หนังมาด้วยเรื่องราวสไตล์สายลับมีเงื่อนงำปนบู๊ไล่ล่า ซึ่งถ้าจะนับเป็นญาติห่างๆ กับ Jason Bourne ก็ถือว่าไม่น่าเกลียดอะไร และด้วยความที่เป็นหนังของ ผกก.ระดับ Soderbergh จึงมีดาราดังๆ หลายคนยอมมาพลีร่างร่วมแสดงอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะการที่หนังจงใจให้ฝ่ายตรงข้ามนางเอกมีแต่หนุ่มฮ็อตๆ มาให้นางเอกฟัดจนน่วมคนแล้วคนเล่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มโหงวเฮ้งให้หนังดูดีมีระดับและดึงดูดสาวๆ เข้าโรงแล้ว ยังเป็นการประกาศศักดาสวนทางกับหนังแนวนี้ส่วนใหญ่ที่เขาเหล่านั้นน่าจะเป็นพระเอกกันได้อย่างสบายๆ อีกต่างหาก

แม้แต่โอบีวัน เคโนบียังต้องร้อนๆ หนาวๆ เมื่อเจอเธอ
แต่หัวใจของหนังคงจะไม่พ้นคุณ Carano ที่เล่นคิวบู๊คิวโลดโผนเองได้อย่างทะมัดทะแมงสมชายจรดปลายเท้า (?!) หนังจึงไม่ต้องตัดต่อฉับไวใช้มุมกล้องช่วยมันส์เหมือนเรื่องอื่น แต่เน้นถ่ายคิวบู๊นิ่งๆ เพื่อโชว์ทักษะและความกล้าเล่นกล้าเจ็บของเธออย่างเต็มที่ ในขณะที่การแสดงฉากดราม่าเธอก็เล่นได้ดี ยกเว้นเวลาพูดที่เธอพยายามทำเสียงให้นิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ จนบางทีชวนให้สงสัยว่าเป็นเพราะบทบาทของเธอต้องนิ่งหรือเป็นเพราะเธอแสดงแบบท่องบททื่อๆ เอาหว่า อิอิ

ในที่สุดชายชาตรีก็ต้องตกอยู่ใต้อาณัติของสตรีจนได้
หนังลีลาเหมือนหนังสายลับสมัยก่อนที่เน้นบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ แอ็คชั่นประปราย จึงไม่ได้บู๊เว่อร์เถิดเทิงกระหน่ำแหลกซัมเมอร์เซลส์ ดังนั้นถ้าจะดูกะเอามันส์ก็คงจะไม่ได้ดั่งใจหวังนักหรอก ในขณะที่เรื่องราวเงื่อนงำของหนังก็ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด หนังคงจะดูธรรมดาลงไปกว่านี้แน่ถ้าไม่มีฉากโชว์แอ็คชั่นของนางเอกกับบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลาย กระนั้นโดยรวมแล้วหนังก็ยังดูกันได้เพลินๆ เข้าท่าอยู่ ที่สำคัญคือในที่สุดเราก็ได้เห็นนางเอกหนังบู๊ที่เล่นคิวบู๊เองได้สุดแจ่มแบบนี้ ยังไงก็ต้องติดตามผลงานของเธอต่อไปแหล่ะว่าจะไปได้สวยสักแค่ไหนบนยุทธจักรหนังบู๊เน้อ
  • + หน้าหนังดูดี ดารามากมี นางเอกเล่นคิวบู๊เองได้อย่างทะมัดทะแมงเข้าท่าไปโลด
  • - หนังไม่บู๊สะใจ เรื่องราวเงื่อนงำไม่มีอะไรเกินความคาดหมาย


*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของ ผกก.Steven Soderbergh ภายในบล็อก*




 

Create Date : 24 เมษายน 2555    
Last Update : 24 เมษายน 2555 10:02:01 น.
Counter : 2862 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.