Group Blog
 
All blogs
 

300: Rise of an Empire (2014): มหาศึกสโลว์โมชั่น

300: Rise of an Empire (2014): มหาศึกสโลว์โมชั่น

     ภาคแรกที่ออกมาในปี ค.ศ.2006 กลายเป็นขวัญใจมหาชนคนดูหนังซะขนาดนั้น หลายปีผ่านมา ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆ ก็มีภาคต่อนี้ออกมาให้ดูกันอีก ซึ่งหลายคนก็ได้แสดงอาการยี้ใส่แต่เนิ่นๆ ด้วยเห็นว่าไม่มีเหตุอันควรใดๆ ที่จะทำภาคสอง (นอกจากเงิน) เพราะก็รู้ๆ กันอยู่ว่าในหนัง 300 พวกพระเอกน่ะตายหมดแล้ว (ขอโทษที่สปอยล์สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูนะ อิอิ)

     แต่ช้าก่อน ผู้สร้างเขาไม่ได้กะทำภาคต่อออกมาแบบหวังตีหัวเข้าบ้าน เอาชื่อ 300 มาหากินซะอย่างเดียวจนไม่สนใจอะไร เพราะจริงๆ แล้วภาคนี้ก็มีเพิ่มมุมมองทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้านหนึ่งของมหาสงครามครั้งโน้นมานำเสนอ ส่วนเรื่องราวนั้นจะเกิดขึ้นคู่ขนานกันไปกับภาคแรก โดยหันมาว่ากันถึงฝ่ายกรีกที่ต้องทำยุทธนาวีกับฝ่ายเปอร์เซียบ้างล่ะ ซึ่งกำลังพลของพวกเขาก็มีจำนวนเพียงน้อยนิดหากเทียบกับฝ่ายตรงข้าม เรียกว่าตกเป็นเบี้ยล่างไม่ได้ดีไปกว่าเหล่าทหารสปาร์ตั้น จาก 300 สักเท่าไหร่เลยล่ะ

     แน่นอนที่จุดขายเด่นๆ ของหนังคือยังคงเป็นฉากบู๊มันส์ๆ โหดๆ เลือดซีจีสาด เน้นขายสไตล์ โชว์สโลว์โมชั่นเท่ๆ สวยๆ ซึ่งแม้ทุกวันนี้อะไรแบบนี้จะถูกลอกสูตรนี้ไปใช้กันจนเกร่อแล้ว แต่ยังดีที่ในหนังบรรดาฉากบู๊ส่วนใหญ่ยังถูกออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจอยู่

     สิ่งที่ขาดไปจากภาคนี้ แน่นอนก็คือความรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับบรรดาฉากการรบ ที่ทุกวันนี้มีให้เห็นกันจนเฝือ แทบจะไม่หือไม่อือกันแล้ว ไม่เหมือนกับในสมัยที่ภาคแรกออกฉาย และในด้านอารมณ์เสียดสี อารมณ์ตกเป็นรองของฝ่ายพระเอกที่ยังถูกนำมาเน้นได้ไม่ค่อยชัดเจนจนคนดูต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยเหมือนในภาคแรก

     สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องย่อมต้องเป็นแม่สาว Eva Green ที่ทั้งสวย เท่ แกร่ง โหด เซ็กซี่ มีเสน่ห์ดึงดูดสุดๆ เธอเป็นตัวแทนของพลังหญิงที่ถูกขับเน้นให้สามารถถ่วงดุลอำนาจกับเหล่าเพศชายแมนๆ ทั้งหมดทั้งปวงในเรื่องได้อย่างสมศักดิ์ศรี เรียกได้ว่างานนี้ถ้าไม่มีเธอสักคนแล้วล่ะก็ หนังคงจะกร่อยลงไปเยอะเลยทีเดียว

     แน่นอนว่าหนังคงไม่ดีเทียบเท่าภาคแรกอยู่แล้ว แต่ก็ต้องบอกเลยว่าภาคนี้ไม่ได้ทำให้ภาคแรกต้องเสียชื่อแต่อย่างใด เพราะสามารถยึดอกพกมีดของตนมาตั้งหลักบู๊ได้อย่างไม่เสียฟอร์ม ทั้งยังสามารถแทรกตัวเองเข้ากับเรื่องราวในภาคแรกได้แบบเนียนๆ เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ได้เป็นเอกเทศแยกออกจากกันเหมือนหนังคนละม้วนเช่นหนังภาคต่อเรื่องอื่นๆ ทั้งยังดูสนุก ให้ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ (แม้อาจจะไม่ตรงเป๊ะๆ) อีกต่างหากแหน่ะ

ดูสนุก ดูเพลิน ไม่ทำให้ต้นฉบับต้องมัวหมอง ให้ 7/10 ไปเลยโลด

ปล.การได้ดูหนังเรื่องนี้บนจอ IMAX ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้อีกเยอะ แต่รอบที่เราดู รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหนังโดนหั่นไปอย่างน้อย 2 ฉาก (โดยเฉพาะฉากเลิฟซีน อดเลย! :P) ซึ่งถ้าจะทำหมอกลงแบบในภาคแรกซะ เราว่ายังจะโอเคซะกว่าที่จะตัดฉับออกไปดื้อๆ แบบนี้ เพราะทำให้เสียความต่อเนื่องไปเยอะทีเดียว ที่โรงอื่นๆ รอบอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกันใช่ไหม วานบอกที?





 

Create Date : 06 มีนาคม 2557    
Last Update : 6 มีนาคม 2557 21:31:19 น.
Counter : 8907 Pageviews.  

3 Days to Kill (2014): ชวนป๋ามาบู๊แหลก


3 Days to Kill (2014): ชวนป๋ามาบู๊แหลก

     ดูจากหน้าหนังแล้วหลายคนคงจะเดาว่าเสี่ย Luc Besson แห่ง EuropaCorp คงจะมากับสูตรหากินเดิมๆ อย่างการทำหนังแอ็คชั่นในปารีสแล้วก็พ่วงนักแสดงชายรุ่นใหญ่ที่เคยดังคับทุ่งจากฮอลลีวู้ดมารับบทนำ แบบที่เคยใช้ได้ผลมาแล้วใน Taken ทั้งสองภาคจนป๋า Liam Neeson กลายเป็นนักบู๊รุ่นใหญ่ไปแล้วนั่นไง

     แต่ดูเหมือนคราวนี้เสี่ย Besson โดยการนำเสนอของ ผกก.McG และป๋า Kevin Costner เขาจะไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาเอาสูตรเดิมๆ มาหากินซะทีเดียว เพราะหนังให้น้ำหนักไปทางอารมณ์ขัน และอารมณ์ดราม่าสานสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกอีกด้วย แถมยังให้น้ำหนักเยอะซะจนแทบจะกลบด้านแอ็คชั่นไปเลยทีเดียว

     ดังนั้นใครคาดหวังจะดูเอามันส์อาจจะต้องผิดหวังอย่างแรง เพราะหนังไม่ได้บู๊กันระเบิดระเบ้อ (แต่ฉากบู๊ที่มีอยู่เพียงน้อยนิดก็ดูโอเคอยู่นะ) แถมอารมณ์ขันแบบฝรั่งเศสในเรื่องก็ดูแปลกๆ มากกว่าจะฮา ซึ่งเดาว่าเพราะ ผกก.และพระเอกคืออเมริกันเลยไม่รู้จังหวะปล่อยมุกแบบฝรั่งเศสกระมัง

     ป๋า Costner ในวัย 59 ขวบยังดูเท่และโอเคกับการเล่นฉากบู๊ ทำให้อยากจะเห็นแกในหนังบู๊อีกถ้าสังขารยังอำนวย ส่วนหนู Amber Heard มีหน้าที่โผล่มาทำหน้าสวยเป็นระยะๆ ให้หนุ่มๆ อิจฉาป๋า Johnny Depp ที่ได้เมียสวย และบรรดาสาวเล็กสาวใหญ่แฟนป๋าก็คงจะหมั่นไส้อยากดักตบหน้าปากซอยไปตามๆ กัน

     ยังดีที่หนังยังมีช่วงเวลาดีๆ อยู่บ้าง (รวมทั้งวิวงามๆ ของปารีส) ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด ซึ่งถ้าหากเราไม่ตั้งความหวังผิดๆ อย่างที่หน้าหนังชวนให้ตั้งแล้วล่ะก็จะพบว่านี่คือหนังที่ดูเพลินใช้ได้เลยทีเดียวครั่บ


เอาไป 5/10 ครับ





 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2557 2:16:02 น.
Counter : 2710 Pageviews.  

Pompeii (2014): ชู้รักภูเขาไฟถล่ม

Pompeii (2014): ชู้รักภูเขาไฟถล่ม

     เดี๋ยวจะหาว่า ผกก.Paul W.S. Anderson แกกะจะหากินกับแฟรนไชส์หนัง Resident Evil ไปชั่วกัลปาวสาน แกเลยขอสลับไปทำหนังแบบอื่นดูบ้าง (ก่อนจะกลับไปทำผีชีวะต่อ อิอิ) และคราวนี้แกขอพาท่านผู้ชมที่น่ารักย้อนกลับไปถึงสมัยโรมันเรืองอำนาจเลยโน่น เพื่อพบกับหนังรัก/แอ็คชั่น/ผจญภัยปนหายนะธรรมชาติที่ถูกยำคลุกเข้าด้วยกันเรื่องนี้

     หากจะให้พูดถึงภาพรวมๆ ของพล็อตหนังก็คงจะประมาณ Gladiator ปน Titanic แต่ในแบบที่เล่าเรื่องให้จบภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ซึ่ง ผกก.แกก็ไปตามสไตล์ของแกเรื่อยๆ จนจบ

     เราพบว่าปัญหาของหนังมีดังนี้คือ หากจะว่ากันถึงด้านความรักของพระนางหนังก็ให้เวลาทั้งคู่เชื่อมสัมพันธ์กันน้อยเกิน คนดูก็เลยไม่อินกับเรื่องราวความรักปานจะแหกจั๊กแร้ดมของทั้งคู่ พอจะไปเน้นดูด้านแอ็คชั่น บู๊สไตล์นี้ก็ดันมีให้ดูกันจนเฝือแล้วในยุคปัจจุบัน ครั้นจะหันไปดูฉากหายนะหนักซีจีก็ทำออกมาได้ไร้อารมณ์ไม่หือไม่อือเอาเสียเลย

     อันที่จริงเราว่าหนังแบบนี้นั้นมันยากมากๆ ที่จะเล่าให้จบภายในเวลาอันน้อยนิด เพราะสเกลมันค่อนข้างใหญ่ แต่ ผกก.เขาเลือกที่จะทำออกมาตามมาตรฐานของหนังป็อปคอร์นที่ดูง่ายจบง่าย มีไว้ดูเอาเพลินกับกิ๊กเข้าว่า ผลก็เลยออกมาแบบดูจบแล้วก็แล้วกันไปซะมากกว่า


เป็นหนังที่ดูงั้นๆ ดูแล้วก็แล้วกันไป ตามมาตรฐานของ ผกก.แกนั่นแหล่ะ ให้ 4/10 ก็เต็มที่แล้วครับ




*รีวิวหนังของ ผกก.Anderson เรื่องอื่นๆ ภายในบล็อก*




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2557 22:13:17 น.
Counter : 2316 Pageviews.  

RoboCop (2014): ไอ้ตำหนวดเหล็ก

RoboCop (2014): ไอ้ตำหนวดเหล็ก

     หนังดังยุคเก่าๆ เมื่อ 20-30 ปีที่แล้วต่างทยอยถูกจับมารีเมคกันทุกบ่อยๆ และแล้วก็มาถึงคิวของ RoboCop (1987) หนังดังในอดีตอีกเรื่องที่มีแฟนานุแฟนอยู่มากมาย ซึ่งย่อมเป็นปกติที่พอรู้ว่าหนังในดวงใจถูกนำมารีเมค ก็ต้องต่างพากันส่งเสียงยี้ใส่ตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอยเป็นธรรมดา

     แต่พอเห็นชื่อของ José Padilha ผกก.ชาวบราซิลที่เคยโชว์ฟอร์มเจ๋งใน Elite Squad ทั้งสองภาค รวมทั้งยังมีทีมนักแสดงดีๆ อีกหลายคนก็พอจะทำให้หลายคน (รวมทั้งเรา) ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ว่างานนี้อาจจะไม่ได้ออกมาเลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้นะ

     และผลที่ออกมาคือ นี่ไม่ได้เป็นหนังรีเมคที่ลอกของเดิมทั้งดุ้น หนังค่อนข้างมีประเด็นและมีสาระที่ต้องการนำเสนอเป็นของตนเอง และปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างชนิดที่ว่ายืมของเก่ามาแค่ตัวละครเท่านั้นก็ว่าได้

     แต่การปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างเกินไปอาจทำให้แฟนโรโบคอปสายฮาร์ดคอร์ยี้หนักกว่าเดิม เพราะหลายๆ อย่างมันไม่โดนใจเอาเสียเลย (เช่นเมียโรโบคอปเซ็นอนุญาตให้เอาผัวเธอไปทำหุ่น?)

     จริงๆ แล้วถ้าจะดูโดยไม่เอาไปเปรียบเทียบกับของเดิมแล้วจะพบว่านี่เป็นหนังที่ใช้ได้ ไม่เบาโหวง แต่ใครเล่าจะอดนำไปเปรียบเทียบล่ะ เพราะต้นฉบับเขาดังดีดังโดนซะขนาดนั้น

     ครั้นจะดูเอาสนุกหนังก็หนักประเด็นไปหน่อยจนหลายช่วงดูน่าเบื่อ ถึงฉากบู๊จะดูดีใช้ได้เลย แต่โดยรวมแล้วก็ยังโดนฉากน่าเบื่อกลบไปเสียหมด นี่ถ้า ผกก.แกได้บทดีๆ กระชับกว่านี้อะไรๆ ก็อาจจะออกมาเจิดจรัสกว่านี้ก็เป็นได้

     การได้เห็นโรโบคอปวิ่งลุยนาข้าว มันเป็นอะไรที่ทำให้นึกขึ้นมาทันใดว่า "โถ่ โรโบคอปกู..." ครั้นพอเดินออกมาจากโรงเห็นคนอื่นคุยกันขำๆ ว่ากระสุนปืนพระเอกแม่งยิงไม่มีวันหมด ก็ทำให้ต้องนึกในใจขึ้นมาว่า "โถ่ โรโบคอปกู..." เป็นคำรบที่สอง

    หากจะคิดเล่นๆ ลองเปรียบเทียบภาคต้นฉบับกับฉบับนี้ ก็คงเหมือนในหนังที่ต้นฉบับโรโบคอปถูกผลิตในอเมริกา ส่วนในฉบับใหม่นี้กลายเป็นเมดอินไชน่า แค่นี้ก็พอจะบอกอะไรเราได้บ้างถึงตัวหนังแล้วล่ะมั้ง อิอิ


ระดับกลางๆ ไม่ดีไม่แย่ 5/10 ครับ




*ช่วงย้อนรอยหนังต้นฉบับ*
RoboCop (1987)
     ต้นฉบับอันเป็นผลงานโกฮอลลีวู้ดของ ผกก.ชาวดัตช์ Paul Verhoeven เป็นอะไรที่ทั้งเท่ ทั้งรุนแรง ไม่เคยพบไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน (ในขณะนั้น) ครั้นเมื่อมาดูในทุกวันนี้อะไรๆ มันก็ย่อมดูเชยดูเห่ยไปบ้างตามกาลเวลา แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังคงเป็นหนึ่งในหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เจ๋งที่สุดอีกเรื่องหนึ่งอยู่ดี ไม่งั้นคงจะไม่มีแฟนานุแฟนเหนียวแน่นมากมายมาจนทุกวันนี้หรอกนะ



*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของ ผกก. ภายในบล็อก (คลิกรูปเพื่ออ่านรีวิว)*




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2557 21:31:27 น.
Counter : 4135 Pageviews.  

Her (2013): รักเธอ...ยัยโอเอส

Her (2013): รักเธอ...ยัยโอเอส

     ผกก.Spike Jonze (44 ขวบ) กลับมาพร้อมหนังยาวเรื่องที่สี่ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างงามงด เป็นที่ถูกอกถูกใจทั้งนักวิจารณ์และคอหนัง จนติดโผหนังยอดเยี่ยมแห่งปี 2013 ของใครหลายๆ คน รวมทั้งได้เข้าชิงออสการ์อีกห้าสาขาเสียด้วยแหน่ะ

     ไอ้เรื่องราวของคนตกหลุมรักกับปัญญาประดิษฐ์หรืออะไรที่ไม่ใช่คนเนี่ยไม่ใช่ของใหม่เลย แต่เรื่องนี้ ผกก.เขาเก่งที่สามารถทำให้คนดูเชื่ออย่างหมดใจว่านายหนวดกับ OS (Operating System หรือระบบปฏิบัติการ) รักกันได้จริงๆ ในแบบโรแมนติกไม่ใช่แบบโอตาคุหรือจิตป่วยอย่างหนังแบบนี้ส่วนใหญ่

     หนังมีประโยคเด็ดๆ คำพูดโดนๆ เกี่ยวกับความรักในแบบที่จะต้องจี๊ดใจคนดูไปอีกนาน งานด้านภาพก็มีมาแต่ช็อตสวยๆ แถมยังจะเก๋ได้อีกไม่เสียแรงที่ ผกก.แกคือผู้กำกับ MV สุดแนว ส่วนงานด้านดนตรีประกอบก็แสนไพเราะแบบซึ้งๆ เศร้าๆ เสริมสร้างอารมณ์ให้หนังได้ดีจริงๆ

     เพ่ Joaquin Phoenix เขามาในลุคหนุ่มหนวดแสนอ่อนไหวที่โผล่หน้ามาตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างมีเสน่ห์และแบกรับหนังทั้งเรื่องไว้ได้สบาย ส่วนสาว Scarlett Johansson ที่ถึงมาให้ได้ยินแต่เสียง แต่ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีมีเสน่ห์มีตัวมีตน ชนิดที่ว่าเป็นใครเจอโอเอสแบบนี้ไม่ตกหลุมรักก็แปลกแล้ว

     แม้เรื่องราวความรักในหนังจะค่อนข้างไม่ปกติ แต่หนังก็ยังมีบางอย่างที่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับตัวเราได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะด้านความสัมพันธ์ของคนเราในยุคนี้ ที่รู้จักปฏิสัมพันธ์หรือแม้แต่จะรักกันผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ มากกว่าแบบตัวเป็นๆ ภาพผู้คนที่เดินขวั่กไขว่บนถนนแต่ต่างเอาแต่สนใจคุยกับโอเอสของตัวเองโดยไม่สนใจคนรอบข้าง ซึ่งมันใช่เลยสำหรับพวกเรายุคนี้

     เพราะเป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบนี้เน้นไปที่บทพูดมากกว่าเหตุการณ์แถมยาวกว่าสอง ชม.อีกต่างหาก ดังนั้นหนังจึงค่อนข้างเลือกคนดู ไม่ใช่ว่าจะดูแล้วชอบแล้วอินจะจี๊ดกันได้ทุกคน


แต่สำหรับเราบอกได้เลยว่าหนังมัน"จี๊ด" เอาไป 8/10 ครับ




*ช่วงเพลงในหนัง*
Karen O
     นอกจากหนังจะได้วง Arcade Fire และ Owen Pallett มาทำดนตรีประกอบเพราะๆ ให้ ยังมีเพลงของ Karen O สาวเก๋จากวง Yeah Yeah Yeahs ที่ชื่อ The Moon Song ซึ่งในหนังจะเป็นเวอร์ชั่นที่ Joaquin Phoenix และ Scarlett Johansson ช่วยกันร้องกันเล่นเพราะๆ ซึ้งๆ เหงาๆ ดีแท้





 

Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2557    
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2557 1:12:53 น.
Counter : 2248 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.