Group Blog
 
All blogs
 

House of Cards (2013): แบไต๋นักการเมือง


House of Cards (2013): แบไต๋นักการเมือง

     นอกจากเทรนด์รีเมคหนังโรงของอเมริกาจะฮ็อตฮิตติดลมบนมานานแล้ว ในระยะหลังๆ นี้ยังลามเป็นกลากไปฮิตถึงในวงการหนังทีวีอีกด้วย ซึ่งก็รวมถึงซีรี่ส์แนวดราม่าการเมืองเรื่องนี้ ที่เป็นการเอาซีรี่ส์คุณภาพชื่อเดียวกันเมื่อปี ค.ศ.1990 ของอังกฤษมาแปลงสัญชาติเป็นอเมริกันซะเลย    

     ที่น่าสนใจคือมันถูกสร้างโดย Netflix ผู้ให้บริการดูหนังผ่านเน็ตรายใหญ่ ซึ่งลงทุนจีบ ผกก.David Fincher ให้มาดูแลการผลิต (และกำกับสองตอนแรก) และปล่อยทั้ง 13 ตอนของซีซั่นแรกออกมารวดเดียวให้ดูกันแบบไม่ต้องขาดช่วงเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมานี่เอง    

     ซีรี่ส์เสนอเรื่องราวของ Frank Underwood (Kevin Spacey) นักการเมืองรุ่นเก๋าและวิปรัฐบาลที่งัดกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างเพื่อช่วงชิงอำนาจในเกมการเมืองมาเป็นของตน แม้ว่ามันอาจจะทำให้คนอื่นๆ รอบข้างรวมถึงประชาชนต้องประสบกับชะตากรรมที่น่าอนาถก็ตาม (ฟังดูคุ้นๆ มั้ย?)    

     พอพูดถึงเรื่องนักการเมือง เกมการเมืองแล้ว หลายคนคงกรอกตาด้วยความระอา แต่ช้าก่อน ซีรี่ส์นี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่ท่านคิด เพราะนอกจะตีแผ่ให้เห็นถึงธาตุแท้ของนักการเมืองแล้ว ยังทำออกมาได้อย่างน่าติดตามซะจนอย่าได้แปลกใจหากท่านจะดูรวดเดียวหลายตอนด้วยความอยากรู้อยากเห็น (แม้ซีรี่ส์จะเต็มไปด้วยบทสนทนาก็ตามที)



     ทางด้านทีมงานนักแสดงด้วยอยู่ในระดับดีหนึ่งประเภทหนึ่ง โดยเฉพาะป๋า Spacey ที่เล่นดีจริงอะไรจริงจนน่าจะซิวรางวัลการแสดงได้ในภายภาคหน้า ด้วยบทนักการเมืองที่เรียกได้เต็มปากว่าเป็นคนที่'ชั่วช้า' ด้วยท่าทีที่เก๋าเกม ฉลาดเป็นกรด เท่าทันเกมการเมือง มีวาทะศิลป์ และพร้อมจะแทงทุกคนข้างหลัง ครบสูตรนักการเมืองตัวจริงดีแท้ (แต่ถึงจะชั่วขนาดนั้นคนดูก็ยังแอบเอาใจช่วยให้ป๋าชนะอยู่ดี อิอิ ;P)

     อีกอย่างที่เก๋คือแทนที่จะใช้เสียงบรรยายความคิดของตัวละครป๋า ก็เปลี่ยนไปให้ป๋าคอยหันหน้ามาพูดกับกล้อง (คนดู) มันซะเลย เพื่อเล่าความคิดของตนหรือเหลียวมามองอยู่เป็นระยะ ซึ่งให้ความรู้สึกที่เย้ยหยันและราวกับว่าเขาทำหน้าที่เป็นไกด์พาเราไปทัวร์โลกของเกมการเมืองยังไงยั้งงั้น

     ด้าน ผกก.ก็แบ่งกันมากำกับคนละสองสามตอนอันมีทั้ง ผกก.Fincher, Joel Schumacher, Allen Coulter, Carl Franklin, James Foley, Charles McDougall ซึ่งเรียกได้ว่าแต่ละคนมีเครดิตดีๆ ติดตัวมาแล้วทั้งนั้นไม่ว่าจะจากวงการหนังโรงหรือหนังทีวีก็ตาม

     ซีรี่ส์ทำให้เข้าใจธรรมชาติของเกมการเมืองที่ว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เข้าไปเล่นเกมการเมืองเพื่อตักตวงผลประโยชน์เข้าตัว คือเริ่มแรกเขาอาจจะมีความตั้งใจดีที่จะทำเพื่อประเทศชาติประชาชน แต่เมื่อเขาได้เข้าไปอยู่ในวังวนแห่งอำนาจแล้ว มันจะค่อยๆ เปลี่ยนเขาให้กลายเป็นนักการเมืองมืออาชีพอย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะถ้าหากเขาไม่เปลี่ยนตนเองตามเกม ก็คงจะเอาดีทางนี้ไม่ได้ (เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนดีถึงเล่นการเมืองไม่ค่อยรุ่ง) ที่สำคัญจงอย่าลืมว่าอำนาจมันช่างหอมหวาน จนทำให้เรายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มันมาครอง แม้แต่การสละจิตวิญญาณของตนเองก็ตามที


เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์โคตรดีที่นานๆ จะหลุดมาให้ดูที โดนใจอย่างนี้เอาไปโลด 9/10 เลยจ้า


ปล.ใครอยากดูคงต้องหาดูทาง Netflix หรือจะโหลดบิทเอาก็ได้ ยังไงก็หวังว่าในอนาคตจะมีแผ่นหรือลู่ทางที่หาดูได้ง่ายกว่านี้ ซีรี่ส์ดีๆ อย่างนี้ไม่อยากให้พลาดกันจ้า :)





 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2556 3:21:46 น.
Counter : 9940 Pageviews.  

Homeland (2011): กระชากแอ๊บวีรบุรุษ


Homeland (2011) :
นี่คือซีรี่ส์เจ้าของสองรางวัลลูกโลกทองคำครั้งล่าสุด โดยเป็นผู้ชนะทั้งสาขาซีรีส์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยมและสาขานำหญิงของซีรีส์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถการันตีได้เป็นอย่างดีแล้วว่าซีรีส์แนวสายลับที่ดัดแปลงมาจาก 'Hatufim' ซีรีส์จากอิสราเอลเรื่องนี้นั้นน่าหามากระแทกสายตาคอหนังซีรีส์คุณภาพมากแค่ไหน


Claire Danes มาพร้อมกับซีรีส์ดีมีคุณภาพ
ซีรีส์เสนอเรื่องราวชวนสงสัยปนระทึกของ Carrie Mathison (Claire Danes จาก Stardust [2007]) จนท.ซีไอเอ ผู้มากความสามารถที่ค้นพบว่า ฮีโร่ของคนทั้งชาติอย่าง จ่าเอก Nicholas Brody (Damian Lewis จาก Band of Brothers [2001]) ทหารนาวิกโยธินสหรัฐซึ่งถูกกลุ่มอัลเคดาจับตัวไปทรมานทรกรรมกว่า 8 ปีนั้น อาจจะแปรพักตร์กลายเป็นผู้ก่อการร้ายไปซะเอง เธอจึงต้องพยายามสืบหาความจริงและทำทุกอย่างเพื่อกระชากหน้ากากของเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ลิงก์
การโดนเอาปืนจ่อหัวมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย
เห็นพล็อตเรื่องที่เกี่ยวกับการสืบหาผู้ก่อการร้ายแบบนี้แล้วก็ช่างชวนให้นึกถึงซีรีส์ขวัญใจมหาชนอย่าง '24' เสียจริง แต่ว่า Homeland นั้นไม่ได้เน้นไปทางแอ็คชั่น ไม่ได้มีฉากชวนลุ้นระทึกทุกๆ ตอน หรืออะไรที่มันไฮเท็ค หากเน้นไปที่ฉากดราม่า ความพลิกผันลึกลับซับซ้อนของเรื่องราวที่สามารถหลอกล่อคนดูให้ไขว้เขวไปมา และบรรดาตัวละครที่ต่างก็มีด้านมืดด้านหมองของตน โดยเฉพาะนางเอกที่หลายครั้งทำตัวเกรียนและเห็นแก่ตัวเสียจริงๆ (อิอิ)

สองตัวละครหลักของซีรีส์
และที่โดดเด่นสุดๆ คือการแสดงอันยอดเยี่ยมของสองนักแสดงนำอย่างพี่ Lewis ที่มาพร้อมกับสีหน้าเย็นชาชวนสงสัยว่าตกลงหมอนี่ดีหรือร้ายกันแน่ (วะ) กับสาว Danes ที่เล่นแบบทุ่มเทชนิดหมดหน้าตัก ซึ่งในฉากแสดงอารมณ์หนักๆ หรือสติแตกเนี่ย สีหน้าสีตาชีไปหมด ไม่มีห่วงสวย ห่วงเริ่ดแต่อย่างใด เลยทำให้ตัวละครของเธอที่ถึงแม้หลายครั้งจะทำตัวไม่น่ารัก ออกมาดูน่าเวทนาสงสารเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นเล่นได้ขนาดนี้ก็คิดว่าสมแล้วล่ะกับรางวัลที่เธอซิวมาครอง นับถือๆ

ใครอ่านภาษาอารบิคได้ช่วยบอกทีว่าเขียนว่าไง
แม้จะไม่ใช่ซีรีส์ที่ดูเอามันส์ชวนลุ้นทุกตอน มีแต่ฉากดราม่า แถมเต็มไปด้วยฉากสนทนาพาง่วง แต่ก็ทำออกมาได้น่าติดตาม มีชั้นเชิง มีอารมณ์ ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จ น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่แปลกใจเลยที่สามารถเอาชนะซีรีส์คู่แข่งบนเวทีลูกโลกทองคำซึ่งฮิตกว่าและดังกว่าอย่าง The Walking Dead และ Game of Thrones ได้ ใครชอบดูซีรีส์ระดับคุณภาพล่ะก็ไม่ควรพลาดกัน แต่ก็นะ กว่าจะได้ดูซีซั่นสอง ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ เบื่อซีรีส์มะกันก็ตรงที่ต้องรอจนเงกแบบนี้จริงๆ เหอๆ


สาว Danes กำลังยิ้มแป้นชูรางวัลลูกโลกทองคำที่ได้รับ
  • + ซีรีส์ระดับลูกโลกทองคำ มีชั้นเชิง น่าติดตาม การแสดงของสาว Danes โดดเด่นมากๆ
  • - ไม่ได้เน้นมันส์ ฉากแอ็คชั่นมีน้อย บางคนดูแล้วอาจเบื่อเอาได้ง่ายๆ




*รีวิวซีรีส์เจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำและเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในบล็อก*





 

Create Date : 07 มีนาคม 2555    
Last Update : 7 มีนาคม 2555 18:39:20 น.
Counter : 5140 Pageviews.  

The Walking Dead: Torn Apart (2011): อุ่นเครื่องสยองรับซีซั่นสอง


The Walking Dead: Torn Apart (2011)
อีกไม่กี่วัน "The Walking Dead" ซีรี่ส์ซอมบี้สุดฮิตซีซั่นที่สองจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว (16 ต.ค.) ว่าแล้วทางสถานีโทรทัศน์ AMC ก็เลยขอปลุกกระแสอุ่นเครื่องวอร์มอัพคนดูให้พร้อมรับความสยองด้วย ตอนพิเศษที่ใช้เผยแพร่ทางเว็บไซต์ (Webisode) ในชื่อ The Walking Dead: Torn Apart โดยซอยแบ่งเป็นหกตอนสั้นๆ อีกที ซึ่งก็เริ่มเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมานี่เองจ้า

ตอนพิเศษนี้เสนอเรื่องราวของ Hannah คุณแม่ยังสวยที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาในรถของตนที่เกิดอุบัติเหตุแบบงงๆ เอ๋อๆ ซึ่งพอรู้ตัวอีกทีลูกๆ ที่นั่งมาด้วยกันก็หายไปหมด เธอจึงได้ออกตามหา แล้วก็พบว่าตามถนนหนทางมีแต่ซอมบี้เต็มไปหมด ว่าแล้วเธอก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดให้จงได้ ซึ่งพอถึงตอนสุดท้ายท่านจะพบว่าเธอนั้นเกี่ยวข้องกับซีซั่นแรกยังไงเน้อ เหอๆ


*ท่านสามารถเลือกดูตอนที่ 1-6 ได้ในช่วงท้ายคลิป*





16 ต.ค.นี้เจอกันจ้า ^^



*รีวิวเกี่ยวกับ The Walking Dead ซีซั่นแรกภายในบล็อก*




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2554    
Last Update : 6 ตุลาคม 2554 4:59:13 น.
Counter : 3169 Pageviews.  

Game of Thrones (2011): เกมบัลลังก์เลือด


Game of Thrones (2011) :
ก็จบกันไปแล้วสำหรับซีซั่นแรก (ที่มีทั้งหมด 10 ตอน) ของซีรี่ส์แนวแฟนตาซีย้อนยุคฟันดาบโช๊งเช้งขี่ม้ากุบกับจาก HBO ที่สร้างจาก 'A Song of Ice and Fire' นิยายชุดมหากาพย์แฟนตาซี 7 เล่มจบ (ตอนนี้ออกมา 5 เล่มแล้ว) สุดขายดีของ George R. R. Martin โดยในซีซั่นแรกนี้ก็เป็นเรื่องราวจากนิยายเล่มแรกของซีรีส์ที่ชื่อ 'A Game of Thrones' นั่นเองจ้า


เฮีย Sean Bean กลับมาจับดาบขี่ม้าอีกครั้ง
สำหรับพล็อตก็เป็นเรื่องราวการหักเหลี่ยมเฉือนคม เพื่อช่วงชิงบังลังก์ อำนาจและความเป็นใหญ่ของทั้ง 7 อาณาจักรหลังจากกษัตริย์ผู้ครอบครองล่วงหลับไป โดยนอกจากจะมีศึกภายในสุดนัวเนียแล้ว ศึกภายนอกที่สุดแสนอันตรายก็ยังคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย ซึ่งทางผู้สร้างออกมาให้คำจำกัดความถึงบรรยากาศโดยรวมของซีรีส์ให้ฟังว่าจะเป็นเหมือนกับ "The Sopranos เวอร์ชั่น Middle Earth" ก็มิปาน ว้าว! ฟังดูน่าสนใจดีไม่น้อยเชียว


ราชินีแห่ง 300 ก็มากับเขาด้วย
เนื่องจากตัวนิยายนั้นเป็นที่ชื่นชอบชื่นชมและมีแฟนนานุแฟนอยู่เป็นจำนวนมหาศาล ดังนั้นนี่จึงนับเป็นซีรี่ส์ที่เป็นที่ตั้งตารอมากที่สุดแห่งปีเลยทีเดียว ซึ่งพอออกฉายก็ได้รับคำชมอย่างล้นหลามเพราะผู้สร้างค่อนข้างจะทำได้ซื่อตรงต่อตัวนิยายต้นฉบับ และถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นซีรี่ส์แนวแฟนตาซีย้อนยุคแต่ก็ไม่ได้ทำออกมาแนวอภินิหารปล่อยลำแสงสุดเว่อร์แต่อย่างใด (อย่างน้อยซีซั่นนี้ก็ยังไม่เวอร์มากน่ะนะ) เพราะค่อนข้างสร้างโลกในซีรี่ส์ออกมาดูจริงจังน่าเชื่อถือ เสื้อผ้าหน้าผมก็ออกมาดูดี ไม่กิ๊กก๊อกเสียฟอร์มนะจ้ะ

นักแสดงหนุ่มสาวหน้าเก่าหน้าใหม่มากันตรึม
ส่วนนักแสดงที่พอจะมีชื่อเสียงกว่าเพื่อนหน่อยก็คงจะเป็น Sean Bean (หรือท่านโบโรเมียร์แห่งไตรภาค LOTR) และคุณ Lena Headey แห่ง 300 (2006) และยังมี Jason Momoa หรือโคแนน (ไม่ใช่โคนันเน้อ) คนใหม่จากหนัง Conan the Barbarian (2011) ที่ใกล้จะออกฉายอยู่รอมร่ออีกด้วย พร้อมทั้งบรรดานักแสดงสมทบหน้าเก่าหน้าใหม่ที่ตบเท้ากันมาชนิดล้นจอเลยทีเดียว


พี่แคระคนขวาก็มีบทบาทโดดเด่นไม่ใช่เล่น
ช่วงสี่ห้าตอนแรกที่เป็นการปูเรื่องนั้นดูค่อนข้างจะเฉยๆ เรื่อยๆ ไปบ้าง แต่พอถึงครึ่งหลังของซีรีส์ก็เริ่มทวีความเข้มข้นมากขึ้นจนแทบจะรอดูตอนต่อไปไม่ไหว และก็เป็นไปตามพิมพ์นิยมของซีรี่ส์สมัยนี้ที่ต้องมีฉากโป๊ฉากโหดให้ดูกันแทบทุกตอน (แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก) เอาเป็นว่าแฟนๆ ซีรี่ส์แนวแฟนตาซีย้อนยุคและแฟนนิยายชุดนี้คงจะเป็นปลื้มกันเป็นแน่แท้ ข้อเสียเดียวของซีรีส์นี้คือเราต้องรออีกนานกว่าจะได้ดูปีสองกันต่อล่ะนะ แง้...
  • + HBO มีดีมาฝากอีกแล้ว เป็นซีรี่ส์แฟนตาซี เนื้อหาเข้มข้น น่าติดตาม แจ่มไปโลดจ้า
  • - ช่วงตอนแรกๆ ค่อนข้างเรื่อย ๆ เอื่อยๆ ไปบ้าง จนอาจพาลจะเบื่อไปซะก่อน





*ช่วงย้อนรอยนิยายต้นฉบับ*
หน้าตาของปกนิยายและผู้แต่ง
A Game of Thrones คือเล่มแรกของนิยายมหากาพย์แฟนตาซีชุด A Song of Ice and Fire ซึ่งแต่งโดยนักเขียนชาวมะกัน George R. R. Martin ที่มีทั้งหมด 7 เล่มอันได้แก่ (ตอนนี้มีถึงเล่มห้า)
  • A Game of Thrones
  • A Clash of Kings
  • A Storm of Swords
  • A Feast for Crows
  • A Dance with Dragons
  • The Winds of Winter
  • A Dream of Spring
ซึ่งตัวนิยายชุดนี้ก็ได้รับความนิยมจากแฟนนิยายแฟนตาซีอย่างล้นหลาม จนกวาดรางวัลต่างๆ มาได้มากมาย และเกิดสินค้าสปินออฟจากตัวนิยายอีกเพียบ อย่างเช่น เกมกระดาน, เกมการ์ด, วีดีโอเกม ส่วนซีรี่ส์จาก HBO เรื่องนี้ก็เรตติ้งกระฉูดเสียจนประกาศเดินหน้าซีซั่นที่สองต่อทันทีที่ตอนไพล็อตฉายเสร็จ ส่วนแฟนหนังสือชาวไทยเนี่ยไม่รู้มีหนังสือออกมาให้อ่านกันหรือยัง เพราะเหมือนจะยังไม่มีใครแปลออกมาขายเลย (หรือว่ามีแล้ว?)


*ข้อมูลจาก wikipedia*



*รีวิวหนังเรื่องอื่นๆ ของ Sean Bean ภายในบล็อก*




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2554    
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 1:09:01 น.
Counter : 5661 Pageviews.  

Boardwalk Empire (2010): เรียกข้าว่า... 'เจ้าพ่อ'

Boardwalk Empire (2010) :
ก็ผ่านไปแล้วสำหรับซีซั่นแรก(ที่มีทั้งหมด 12 ตอน)ของซีรี่ส์แนวดราม่าอาชญากรรมย้อนยุคจาก HBO เรื่องนี้ ซึ่งเกิดมาจากการสร้างสรรค์โดย Terence Winter ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซีรี่ส์สุดฮิตอย่าง The Sopranos แถมยังมีทีเด็ดตรงที่ได้ ผกก.ในตำนานผู้ช่ำชองหนังแนวแก๊งสเตอร์อย่างป๋า Martin Scorsese มาเป็น Executive producer และยังให้เกียรติกำกับตอนไพล็อทอีกด้วย (แม้แต่ดาราหนุ่ม Mark Wahlberg ก็ขอมาทำหน้าที่เป็นโปรดิวซ์เซอร์ให้ในบางตอน)


พระเอกเราไม่หล่อแต่ก็(ไม่)เร้าใจ
ส่วนเรื่องราวของซี่รี่ส์นั้นก็ขอพาย้อนไปในอเมริกาช่วงปี 1920 เพื่อโฟกัสถึงชีวิตของ Enoch "Nucky" Thompson (รับบทโดย Steve Buscemi จาก Grown Ups [2010]) ผู้กว้างขวาง(เจ้าพ่อนั่นแหล่ะ)แห่งเมือง Atlantic City ในรัฐ New Jersey อเมริกา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่รุ่งโรจน์สุดๆ ในสมัยนั้นจนถูกขนานนามว่าเป็น "สนามเด็กเล่นของโลก"เลยทีเดียว


เสื้อผ้าหน้าผมฉากเฉิกอลังการเต็มที่
แน่นอนที่คนจะเป็นเจ้าพ่อนั้นต้องยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฏหมายแน่ ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเถื่อน(ในยุคนั้นเหล้าถือว่าเป็นสิ่งผิดกฏหมายในอเมริกา) การหักเหลี่ยมเฉือนคมช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์กับแก๊งมาเฟียถิ่นอื่นๆ หรือการเมืองระดับชาติแสนสกปรก ในขณะเดียวกัน Nucky ก็ต้องรับมือกับปัญหาครอบครัว คนรอบข้าง ความรัก และเรื่องราวเข้มข้นอีกมากมาย ที่เราจะได้เห็นกันในทั้ง 12 ตอนของซีซั่นแรกนี้


90 ปีที่แล้วเขาแต่งตัวกันยังไงก็ดูกันได้
แค่ตอนไพล็อทโดยฝีมือของป๋า Scorsese ก็ออกมาเข้มข้นชวนติดตามมากๆ แล้ว ในขณะที่ตอนต่อๆ มาก็ยังรักษาอารมณ์ ความเข้มข้น ได้ไม่ทิ้งห่างกันเลย แม้ซีรี่ส์จะเต็มไปด้วยฉากสนทนา การนำเสนอที่ไม่หวือหวาเป็นหลัก แต่บทจะรุนแรงก็รุนแรงใช่ย่อยเลย แถมยังจะโป๊โจ๋งครึ่มเกินหน้าหนังทีวีทั่วไปเสียด้วยสิ ทางด้านนักแสดงก็มีแต่ดาราคุณภาพ คุ้นๆ หน้าทั้งนั้น โดยเฉพาะตัวละครเอกที่รับบทโดยน้า Buscemi (นักแสดงคุณภาพที่ระยะหลังๆ ชอบแต่เล่นบทตลก)ซึ่งถึงจะไม่หล่อแถมแก่อีกต่างหาก แต่ก็ยังเล่นได้ดีมีเสน่ห์ซื้อใจคนดูได้สบายมาก


มาเฟียสมัยนั้นเป็นยังไงก็จะได้เห็นกัน
นอกจากความสนุกของเนื้อหาแล้ว ดูเหมือนผู้สร้างจะใส่ใจเรื่องความถูกต้องแม่นยำทางประวัติศาสตร์มากพอดู ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่เราจะได้เห็นสภาพบ้านเมืองและความเป็นอยู่ (ของอเมริกันชน)ในยุค 90 ปีที่แล้ว(ซีรี่ส์ทุ่มทุนมากๆ ในด้านโปรดักชั่น) และได้เห็นจุดเริ่มต้นของยุคแก๊งมาเฟียครองเมือง(อเมริกา)อีกด้วย ไม่แน่ใจว่าเราจะได้ดูซีซั่นที่สองกันเมื่อไหร่ แต่สำหรับซีซั่นแรกนี้ก็นับว่าเป็นซีรี่ส์ระดับคุณภาพคับจอที่แจ่มมากๆ อีกเรื่องของปีนี้ คอหนังซีรี่ส์เนื้อหาเข้มข้นและคอหนังแก๊งสเตอร์ทราบแล้วเปลี่ยนจ้า


ป๋า Martin Scorsese มากำกับตอนไพล็อทให้ด้วย
  • จุดเด่น: เป็นซีรี่ส์ดราม่าอาชญากรรมอลังการงานสร้างระดับคุณภาพ โดยผู้สร้าง The Sopranos และยังมี Martin Scorsese มาดูแลตลอดงานอีกด้วย พลาดไม่ได้เลยนะเนี่ย
  • จุดด้อย: เรื่องราวส่วนใหญ่หนักไปทางบทสนทนา และทั้งโป๊ทั้งรุนแรงระดับน้องๆเรต ฉ 20+





*อันเนื่องมาจากหนัง*
สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อของ Enoch "Nucky" Johnson มาก่อน(อย่างเช่นเรา) ทางบล็อกก็ขอนำข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเขามาให้ได้อ่านกันจ้า


Enoch "Nucky" Johnson ตัวจริง
Enoch Lewis "Nucky" Johnson (20 ม.ค.1883 - 9 ธ.ค.1968) คือชายผู้เป็นทั้งนักการเมืองตัวยงและเจ้าพ่อผู้ประกอบธุรกิจผิดกฏหมายตัวเอ้ เขาเป็นชาว New Jersey โดยกำเนิด และได้เป็นนายอำเภอแห่ง Atlantic City ในขณะอายุได้ 25 ขวบ ก่อนจะเข้าสู่แวดวงการเมืองในเวลาต่อมาโดยได้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญของพรรครีพับลิกัน และกลายเป็นเจ้าพ่อแห่ง Atlantic City ไปโดยปริยาย

ต่อมาเมือง Atlantic City ก็กลายเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศของนักท่องเที่ยว เขาจึงได้เนรมิตที่นี่ให้เต็มไปด้วยสถานบันเทิง คาสิโน ไว้รองรับนักท่องเที่ยวครบครัน แม้แต่ในยุคที่เหล้ากลายเป็นสิ่งผิดกฏหมายในอเมริกา(ค.ศ.1919-1933) เขาก็จัดหาเหล้าเถื่อนมาบริการและหักเปอร์เซนต์จากทุกคนที่นำเข้ามาจำหน่ายในเมืองอีกด้วย
เรียกได้ว่าทำทั้งธุรกิจถูกกฏหมายและผิดกฏหมายก็รุ่งไปหมดว่างั้นเถอะ

หลังจากครองความเป็นใหญ่กว่า 30 ปี ในที่สุดเขาก็ถูกทางการเล่นงานจนได้ (หลังจากที่ถูกเขม่นมานานแล้ว) ในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี จนต้องเข้าไปนอนตารางในปี 1941 ขณะอายุได้ 58 ขวบ และอยู่ในคุกได้ 4 ปีก็ได้รับทัณฑ์บนถูกปล่อยเป็นอิสระ และออกมาใช้ชีวิตที่ไม่หวือหวาดังเช่นอดีต ก่อนที่จะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1968 เมื่อมีอายุได้ 85 ขวบ

ทุกวันนี้คนรุ่นหลังต้องไม่รู้จักเขาแน่ แต่คงจะไม่ใช่อีกต่อไป เพราะได้มีซีรี่ส์เรื่องนี้ออกมาทำให้โลกได้รู้จักกับชายที่ชื่อว่า
Enoch Lewis "Nucky" Johnson อีกครั้งหนึ่ง


*คัดข้อมูลมาจาก wikipedia.org จ้า*




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2553    
Last Update : 13 มกราคม 2554 7:43:19 น.
Counter : 6667 Pageviews.  

1  2  3  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.