Oscar Winning Song: 2006 (79th) "I Need to Wake Up" - An Inconvenient Truth
Oscar Winning Song: 2006 (79th) "I Need to Wake Up" - An Inconvenient Truth นี่เป็นสารคดีเรื่องแรกๆ ที่สามารถก่อกระแสความตื่นตัวต่อสภาวะโลกร้อนแก่สังคมในวงกว้างได้สำเร็จ สารคดีตามติดอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอย่าง Al Gore ที่เดินสายบรรยายแก่ผู้คนให้ตระหนักถึงสัญญาณเตือนของธรรมชาติเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี สารคดีเรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และทำเงิน (ครองอันดับ 5 ของหนังสารคดีที่ทำเงินสูงสุดของอเมริกา) จนในที่สุดก็คว้ารางวัลออสก้าร์สารคดียอดเยี่ยม และเพลงยอดเยี่ยมในปีนั้นด้วย
นี่คือชายที่เกือบจะได้เป็น ปธน.สหรัฐอเมริกาแล้ว
เพลง "I Need to Wake Up" ที่แต่งและขับร้องโดยสาว(หล่อ)ร็อคเสียงห้าว Melissa Etheridge นั้นถือเป็นเพลงจากหนังสารคดีเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลสาขานี้ และก็เป็นอีกปีที่เพลงจากหนังเล็กๆ สามารถเอาชนะหนังใหญ่ๆ ที่เต็งจ๋ากันมาอย่างเพลงจากหนังพิกซาร์เรื่อง Cars ที่แต่งโดยขาประจำออสก้าร์อย่าง Randy Newman และเพลงจากหนังเพลง Dreamgirls ที่เข้าชิงถึงสามเพลงเลย ระหว่างขึ้นรับรางวัลเธอได้กล่าวขอบคุณไว้สั้นๆ แต่ได้ใจว่า "ฉันต้องขอขอบคุณ Al Gore มาก ที่ได้ให้แรงบันดาลใจแก่เรา ให้แรงบันดาลใจแก่ฉัน แสดงให้เห็นว่าความห่วงใยโลกนั้น ไม่เกี่ยวกับว่าเราว่าชอบพรรคการเมืองไหน ไม่เกี่ยวกับว่าเราเป็นคนสีอะไร(แดงหรือเหลือง?) เราทุกคนเป็นสีเดียวกัน นั่นคือสีเขียวต่างหาก"(กระทบชิ่งมาได้ไงเนี่ย เหอๆ)
ดูเหมือนว่าโลกจะป่วยจนอาการหนักซะแล้ว(เพราะเรา)
Have I been sleeping? I’ve been so still Afraid of crumbling Have I been careless? Dismissing all the distant rumblings Take me where I am supposed to be To comprehend the things that I can’t see
Cause I need to move I need to wake up I need to change I need to shake up I need to speak out Something’s got to break up I’ve been asleep And I need to wake up Now
And as a child I danced like it was 1999 My dreams were wild The promise of this new world Would be mine Now I am throwing off the carelessness of youth To listen to an inconvenient truth
That I need to move I need to wake up I need to change I need to shake up I need to speak out Something’s got to break up I’ve been asleep And I need to wake up Now
I am not an island I am not alone I am my intentions Trapped here in this flesh and bone
And I need to move I need to wake up I need to change I need to shake up I need to speak out Something’s got to break up I’ve been asleep And I need to wake up Now
I want to change I need to shake up I need to speak out Oh, Something’s got to break up I’ve been asleep And I need to wake up Now
But I want you All the more for that Words fall through me And always fool me And I can't react And games that never amount To more than they're meant Will play themselves out
Take this sinking boat and point it home We've still got time Raise your hopeful voice you have a choice You'll make it now
Falling slowly, eyes that know me And I can't go back Moods that take me and erase me And I'm painted black You have suffered enough And warred with yourself It's time that you won
Take this sinking boat and point it home We've still got time Raise your hopeful voice you had a choice You've made it now Falling slowly sing your melody I'll sing along
Oscar Winning Song: 2008 (81st) "Jai Ho" – Slumdog Millionaire
ทางบล็อกขอเสนอบรรดาเพลงที่เป็นผู้ชนะรางวัลออสก้าร์สาขา Best Original Song โดยจะขอเริ่มต้นจากผู้ชนะในปีล่าสุด(ออสก้าร์ครั้งที่ 81) และจะเริ่มทะยอยเสนอย้อนหลังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงผู้ชนะในปี 1934 (ออสก้าร์ครั้งที่ 7)ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการแจกรางวัลสาขานี้ของออสก้าร์ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงหนังและเพลงที่เราๆ เคยหลงรัก และยังช่วยให้เราได้ทำความรู้จักกับหนัง และเพลงที่เคยครองรางวัลสาขานี้ในอดีตอีกด้วย
ทางด้านเพลงประกอบของหนัง ก็ย่อมต้องเลือกใช้เพลงอินเดียตามท้องเรื่อง แต่ผู้สร้างเลือกที่จะใช้เพลงอินเดียแบบเทคโนแด๊นซ์ ซึ่งสร้างความกระฉับกระเฉง, ทันสมัยและความเก๋ให้กับตัวหนังขึ้นแยะ จนมีสองเพลงจากหนังได้หลุดเข้าไปชิงออสก้าร์สาขาBest Original Song คือเพลง Jai Ho และ O... Saya ที่เป็นผลงานของคอมโพเซอร์ชาวอินเดียวนาม A. R. Rahmanในขณะที่เพลงคู่แข่งของPeter Gabrielที่ชื่อ Down to Earth จากเรื่อง Wall-E นั้นก็ไม่โดดเด่นพอที่จะชนะรางวัลได้ ในที่สุด Jai Ho ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ในฉากร้องรำทำเพลงตอนจบก็พิชิตรางวัลสาขานี้ไป ทำให้เพลงนี้ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง
Band of Brothers (2001) ซีรีย์สงครามโลกครั้งที่สองเรื่องเยี่ยม ที่เหมือนหนัง Saving Private Ryan ความยาวสิบตอนก็มิปาน ซึ่งพี่เขาโผล่มาร่วมแจมตอนสมัยยังไม่ดัง โดยสวมบทพลทหาร James Miller ทหารใหม่ชาวมะกันที่ไปร่วมรบกับนาซีในยุโรป แต่อนิจจาที่พี่เขาออกมาได้แป๊บเดียวก็โดนระเบิดลง นอนหงายตายตาค้างแบบน่าอนาถ สมบทบาทสุดๆ ไปเลย