Group Blog
 
All blogs
 

Oscar Winning Song: 2006 (79th) "I Need to Wake Up" - An Inconvenient Truth


Oscar Winning Song: 2006 (79th) "I Need to Wake Up" - An Inconvenient Truth
นี่เป็นสารคดีเรื่องแรกๆ ที่สามารถก่อกระแสความตื่นตัวต่อสภาวะโลกร้อนแก่สังคมในวงกว้างได้สำเร็จ สารคดีตามติดอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอย่าง Al Gore ที่เดินสายบรรยายแก่ผู้คนให้ตระหนักถึงสัญญาณเตือนของธรรมชาติเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี สารคดีเรื่องนี้ประสบความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และทำเงิน (ครองอันดับ 5 ของหนังสารคดีที่ทำเงินสูงสุดของอเมริกา) จนในที่สุดก็คว้ารางวัลออสก้าร์สารคดียอดเยี่ยม และเพลงยอดเยี่ยมในปีนั้นด้วย


นี่คือชายที่เกือบจะได้เป็น ปธน.สหรัฐอเมริกาแล้ว
เพลง "I Need to Wake Up" ที่แต่งและขับร้องโดยสาว(หล่อ)ร็อคเสียงห้าว Melissa Etheridge นั้นถือเป็นเพลงจากหนังสารคดีเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลสาขานี้ และก็เป็นอีกปีที่เพลงจากหนังเล็กๆ สามารถเอาชนะหนังใหญ่ๆ ที่เต็งจ๋ากันมาอย่างเพลงจากหนังพิกซาร์เรื่อง Cars ที่แต่งโดยขาประจำออสก้าร์อย่าง Randy Newman และเพลงจากหนังเพลง Dreamgirls ที่เข้าชิงถึงสามเพลงเลย ระหว่างขึ้นรับรางวัลเธอได้กล่าวขอบคุณไว้สั้นๆ แต่ได้ใจว่า "ฉันต้องขอขอบคุณ Al Gore มาก ที่ได้ให้แรงบันดาลใจแก่เรา ให้แรงบันดาลใจแก่ฉัน แสดงให้เห็นว่าความห่วงใยโลกนั้น ไม่เกี่ยวกับว่าเราว่าชอบพรรคการเมืองไหน ไม่เกี่ยวกับว่าเราเป็นคนสีอะไร(แดงหรือเหลือง?) เราทุกคนเป็นสีเดียวกัน นั่นคือสีเขียวต่างหาก"(กระทบชิ่งมาได้ไงเนี่ย เหอๆ)


ดูเหมือนว่าโลกจะป่วยจนอาการหนักซะแล้ว(เพราะเรา)





Have I been sleeping?
I’ve been so still
Afraid of crumbling
Have I been careless?
Dismissing all the distant rumblings
Take me where I am supposed to be
To comprehend the things that I can’t see

Cause I need to move
I need to wake up
I need to change
I need to shake up
I need to speak out
Something’s got to break up
I’ve been asleep
And I need to wake up
Now

And as a child
I danced like it was 1999
My dreams were wild
The promise of this new world
Would be mine
Now I am throwing off the carelessness of youth
To listen to an inconvenient truth

That I need to move
I need to wake up
I need to change
I need to shake up
I need to speak out
Something’s got to break up
I’ve been asleep
And I need to wake up
Now

I am not an island
I am not alone
I am my intentions
Trapped here in this flesh and bone

And I need to move
I need to wake up
I need to change
I need to shake up
I need to speak out
Something’s got to break up
I’ve been asleep
And I need to wake up
Now

I want to change
I need to shake up
I need to speak out
Oh, Something’s got to break up
I’ve been asleep
And I need to wake up
Now


MP3: Melissa Etheridge - I Need to Wake Up




*เกี่ยวกับศิลปิน*

Melissa Lou Etheridge นักร้องนักแต่งเพลงวัย 49 ชาวอเมริกันคนนี้ประกาศตนเองอย่างชัดเจนมาตลอดว่าเป็นเลสเบี้ยน โดยเส้นทางสายดนตรีของเธอเริ่มต้นจากการที่ไปเล่นดนตรีที่บาร์เลสเบี้ยนจนไปเข้าตาบริษัทแผ่นเสียง A&M Records ซึ่งจีบเธอไปทำหน้าที่เขียนเพลงให้ศิลปินในสังกัด(ซะงั้น) เธอทำงานที่นั่นหลายปีแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ออกแผ่นเสียง ส่งเดโมไปบริษัทอื่นๆ ก็ถูกปฏิเสธมาหมด จนในปี 1986 เธอก็ได้เซ็นสัญญาเข้าสังกัด Islands Records และได้ออกอัลบั้มชุดแรกที่ใช้ชื่อของเธอตั้งเป็นชื่ออัลบั้ม มาในปี 1988 และก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อย จนปัจจุบันนี้เธอออกอัลบั้มมาแล้วสิบชุด
ในปี 2004 แพทย์วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านม แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ได้ต่อสู้กับโรคร้าย และยังคงออกแสดง ออกอัลบั้ม และมุ่งมั่นหาทุนให้องค์กรการกุศลต่างๆ จนทุกวันนี้เธอเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่เป็นที่นับหน้าถือตามากที่สุดคนหนึ่งในสหรัฐอเมริกา สู้ต่อไปนะสาวร็อคใจแกร่ง...




*คัดข้อมูลคร่าวๆ มาจาก wikipedia.org ครับ*




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 5:09:05 น.
Counter : 1748 Pageviews.  

Oscar Winning Song: 2007 (80th) "Falling Slowly" - Once


Oscar Winning Song: 2007 (80th) "Falling Slowly" - Once
นี่เป็นหนังเพลงเล็กๆ จากไอร์แลนด์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มสาวหน้าตาบ้านๆ คู่หนึ่ง(แต่ผู้ชายนี่หน้าอย่างโจรเลย อิอิ) ที่ความรักในเสียงดนตรีพาให้ทั้งคู่ได้มารู้จักกัน และดนตรีนี่เองที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่งอกงาม ทำให้ทั้งคู่ได้ร่วมกันสานความฝันของกันและกัน ทำให้ทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน ทว่าในท้ายที่ชุดของชีวิตคนเรานั้น มันอาจจะไม่ได้จบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งเหมือนในนวนิยายเสมอไป แต่หนังเรื่องนี้ก็จบแบบเอาอยู่ และเต็มไปด้วยความหวัง จึงไม่แปลกเลยที่หนังจะอยู่ในดวงใจของนักดูหนังมากมาย


เพลงเพราะ วิวสวย พอจะชดเชยด้านหน้าตาของนักแสดงนำชายได้บ้าง อิอิ
หนังเพลงเล็กๆ เรื่องนี้กลายเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ในงานออสก้าร์ครั้งนั้นไปซะแล้ว เพราะในบรรดาเพลงที่เข้าชิงทั้งห้าเพลง ดูเหมือนว่าเพลง Falling Slowly จากหนังจะดูด้อยกว่าบรรดาคู่แข่ง ที่มีทั้งเพลงจากหนังดิสนีย์ Enchanted ที่แต่งโดยขาประจำออสก้าร์สาขานี้อย่าง Alan Menken ซึ่งได้เข้าชิงถึงสองเพลงรวด ส่วนอีกเพลงก็มาจากหนัง August Rush ที่ถึงแม้จะไม่ค่อยดัง แต่อย่างน้อยก็ยังเหนือกว่า Once เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังฮอลลีวู้ด ด้วยความที่เป็นม้านอกสายตาแบบนี้ เชื่อว่าทั้ง Glen Hansard กับ Markéta Irglová คงไม่คิดว่าตนเองจะเป็นผู้ชนะ(ถึงแม้จะแอบหวังอยู่นิดๆ ก็ตาม) ดังนั้นพอผลออกมาว่าพวกเขาชนะ เราจึงอดที่จะยินดีแทนพวกเขาไม่ได้จริงๆ และคิดว่าเพลงนี้จะอยู่ในดวงใจของเราๆ ท่านๆ ไปอีกนานแสนนาน (เนอะ?)


ดูไปดูมาคู่นี้ก็เหมาะกันดีนะเนี่ย




I don't know you
But I want you
All the more for that
Words fall through me
And always fool me
And I can't react
And games that never amount
To more than they're meant
Will play themselves out

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you have a choice
You'll make it now

Falling slowly, eyes that know me
And I can't go back
Moods that take me and erase me
And I'm painted black
You have suffered enough
And warred with yourself
It's time that you won

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you had a choice
You've made it now
Falling slowly sing your melody
I'll sing along



*เกี่ยวกับศิลปิน
*

ถ้าเป็นคอเพลงจะรู้ว่าสองคนนี้เป็นนักดนตรีมืออาชีพกันอยุ่แล้ว โดยเฉพาะ Glen Hansard(39 ขวบ) เนี่ยมีชื่อเสียงอยู่พอสมควรเพราะเขาเป็นนักร้องนำแห่งวงร็อค The Frames ที่ออกอัลบั้มมาตั้งแต่ยุค 90 แล้ว ส่วนสาว Markéta Irglová (21 ขวบ) ศิลปินชาว เชค ที่ตอนนี้มาปักหลักอยู่ไอร์แลนด์ พวกเขาได้ร่วมงานกันในนาม The Swell Season ก่อนจะชักชวนกันไปเล่นหนัง Once ซึ่งพวกเขาก็เริ่มกลายเป็นแฟนกันจริงๆ ในระหว่างถ่ายทำ (แต่ปัจจุบันรักของทั้งคู่จืดจางจนกลายเป็นแค่ "เพื่อนที่ดีต่อกัน"ไปซะแล้ว) หลังจากนั้นก็ได้ออกอัลบั้มชื่อ The Swell Season เมื่อปี 2006 และเพิ่งออกชุดล่าสุดที่ชื่อ Strict Joy ไปเมื่อปลายเดือนกันยายนนี่เอง ที่น่าสนใจคือเธอเป็นผู้หญิงชาวเชคคนแรกที่คว้ารางวัลออสก้าร์มา และยังเป็นผู้ชนะในสาขานี้ที่อายุน้อยที่สุด(ขณะนั้นเธอมีอายุแค่เพียง 19 ขวบ) ยังไงซะเราก็อยากให้พวกเขาร่วมงานกันไปนานๆ ไม่แน่นะพวกเขาอาจจะกลับมารักกันอีกก็ได้เนอะ


อัลบั้มสองชุดของ The Swell Season เมื่อปี 06 และชุดล่าสุดที่ออกปีนี้

MP3: The Swell Season - In These Arms



*ช่วงรู้มั้ยเอ่ย?(จะรู้ไปทำไมเนี่ย)*


ไอ้หนุ่มผมยาวคนนี้คือป๋า Hansard สมัยละอ่อน
Once ไม่ใช่หนังเรื่องแรกที่ Glen Hansard เล่น แต่เขาเคยปรากฏโฉมในหนังเพลงที่ดังในอดีตอย่าง The Commitments (1991) ของ ผกก. Alan Parker มาแล้ว โดยเป็นเรื่องราวของ คนกลุ่มหนึ่งในไอร์แลนด์ที่นึกอุตริตั้งวงแนวโซลขึ้นมา ซึ่งมีแต่คนดูถูกในตอนแรกเพราะมันเป็นเพลงแนวเพลงที่เชื่อกันว่า มีแต่คนอเมริกันผิวดำเท่านั้นที่เล่นกันได้ แต่พวกเขาเล่นได้ดี และวงก็ดังขึ้นมาซะด้วย พวกเขาเลยเคลมว่าตนเอง(คนไอริช)ก็เป็นเหมือนคนผิวดำของสหราชอาณาจักรแหล่ะน่า หนังมีเพลงเจ๋งๆ หลายเพลง จนซาวน์แทร็คเรื่องนี้ดังไปเลย ป๋า Hansard เราถึงจะไม่ได้เล่นเป็นพระเอก แต่ก็เล่นเป็นมือกีต้าร์ของวงที่ก็มีบทบาทอยู่พอสมควร พอหนังดัง ป๋าเลยตั้งวง The Frames ขึ้นมา และเจ๋งพอที่จะอยู่ยงคงกระพันมาจนทุกวันนี้ ในขณะที่คนอื่นๆ ในหนังเดี๋ยวนี้หายไปไหนกันหมดแล้วก็ไม่รู้


ตอนนั้นใครจะไปคิดว่าสักวันไอ้หนุ่มผมแดงคนนี้จะคว้าออสก้าร์มาครองได้สำเร็จ







เป็นแค่เพื่อนกันไปไย เป็นแฟนกันเลยดีกว่ามั้ง




 

Create Date : 27 ตุลาคม 2552    
Last Update : 27 มกราคม 2553 7:30:51 น.
Counter : 1209 Pageviews.  

Oscar Winning Song: 2008 (81st) "Jai Ho" – Slumdog Millionaire

ทางบล็อกขอเสนอบรรดาเพลงที่เป็นผู้ชนะรางวัลออสก้าร์สาขา Best Original Song โดยจะขอเริ่มต้นจากผู้ชนะในปีล่าสุด(ออสก้าร์ครั้งที่ 81) และจะเริ่มทะยอยเสนอย้อนหลังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงผู้ชนะในปี 1934 (ออสก้าร์ครั้งที่ 7)ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการแจกรางวัลสาขานี้ของออสก้าร์ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงหนังและเพลงที่เราๆ เคยหลงรัก และยังช่วยให้เราได้ทำความรู้จักกับหนัง และเพลงที่เคยครองรางวัลสาขานี้ในอดีตอีกด้วย




Oscar Winning Song: 2008 (81st) "Jai Ho" - Slumdog Millionaire
เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จแบบโคตรๆ คือได้ทั้งเงินทั้งกล่อง ทั้งๆ ที่จะว่ากันจริงๆ แล้ว เนื้อเรื่องออกจะน้ำเน่าซะด้วยซ้ำ แต่เมื่อหนังมาอยู่ในมือของ ผกก.สุดแนว Danny Boyle (Trainspotting [1996]) ก็เลยทำให้หนังออกมาดูสนุกขึ้นมาทันที จนหนังได้เข้าชิงออสก้าร์ถึง 10 รางวัล ซึ่งก็กวาดมาได้ 8 รางวัล โดยพิชิตสาขาใหญ่ๆ อย่าง ผกก.ยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้ กอดคอกันแจ้งเกิดไปในบัดดล (ผกก.ก็กลับมาดังระเบิดอีกครั้ง)


หลายคนยังคงประทับใจในหนังเรื่องนี้ไม่เลิก(โดยเฉพาะฉากขอลายเซ็น เหอๆ)
ทางด้านเพลงประกอบของหนัง ก็ย่อมต้องเลือกใช้เพลงอินเดียตามท้องเรื่อง แต่ผู้สร้างเลือกที่จะใช้เพลงอินเดียแบบเทคโนแด๊นซ์ ซึ่งสร้างความกระฉับกระเฉง, ทันสมัยและความเก๋ให้กับตัวหนังขึ้นแยะ จนมีสองเพลงจากหนังได้หลุดเข้าไปชิงออสก้าร์สาขา Best Original Song คือเพลง Jai Ho และ O... Saya ที่เป็นผลงานของคอมโพเซอร์ชาวอินเดียวนาม A. R. Rahman ในขณะที่เพลงคู่แข่งของ Peter Gabriel ที่ชื่อ Down to Earth จากเรื่อง Wall-E นั้นก็ไม่โดดเด่นพอที่จะชนะรางวัลได้ ในที่สุด Jai Ho ซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ในฉากร้องรำทำเพลงตอนจบก็พิชิตรางวัลสาขานี้ไป ทำให้เพลงนี้ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง



MP3: A. R. Rahman - Jai Ho



เกี่ยวกับศิลปิน


A. R. Rahman หรือ Allah Rakha Rahman (43 ขวบ) เป็นนักแต่งเพลงประกอบหนัง, โปรดิวเซอร์, นักดนตรี, นักร้อง ชาวอินเดียที่เริ่มงานด้านเพลงประกอบหนังมาตั้งแต่ต้นยุค 90 ปัจจุบันผลงานเพลงประกอบหนังของเขาขายไปแล้วกว่า 100 ล้านแผ่นทั่วโลก จนเขาติดอันดับ "ศิลปินที่มียอดจำหน่ายแผ่นเสียงได้มากที่สุดตลอดกาล" นิตยสาร Time ก็ขนานนามให้เขาเป็น "โมสาร์ทแห่งเมืองมัทราส" (เมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู) และยังจัดอันดับให้เขาติดโผ "100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก" ด้วย ปัจจุบันเขายังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพลงประกอบให้หนังอินเดีย และหนังนานาชาติต่อไป


*ข้อมูลประกอบบทความได้มาจาก wikipedia.org เน้อ






 

Create Date : 24 ตุลาคม 2552    
Last Update : 11 เมษายน 2553 9:59:00 น.
Counter : 1189 Pageviews.  

ฟังหนังดูเพลงจาก Penelope (2006)


Penelope (2006)
หนังโรแมนติกคอมเมดี้เล็กๆ เรื่องนี้ฮิตแบบเงียบๆ (เงียบจริงๆ) แม้จะสร้างมาตั้งแต่ปี 2006 แต่ดันเพิ่งมาได้ฉายในวงกว้างก็ปีที่แล้วนี่เอง ด้วยเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กแบบเทพนิยาย ระหว่างสาวผู้ต้องคำสาปกับชายหนุ่มนักพนัน ผู้อาจถอนคำสาปให้เธอได้ถ้าหากเขารักเธอด้วยใจจริง (โฉมงามกับเจ้าชายอสูรแบบสลับเพศกัน?) เหล่านักแสดงในหนัง อาทิเช่นหนุ่ม James McAvoy จาก Wanted (2008) และสาว Christina Ricci จาก Speed Racer (2008) ก็ล้วนมีเสน่ห์สุดๆ ทำให้ได้ใจคอหนังจำนวนมาก จนทำท่าจะเป็นหนังคัลต์กับเขาได้เหมือนกันนะเนี่ย


สาวโม่งกับหนุ่มนักพนันที่แอบซกมกนิดๆ จะมาลงเอยกันได้ยังไงหนอ
ในส่วนของเพลงประกอบหนังก็ได้ Joby Talbot คอมโพเซอร์ชาวอังกฤษมาดูแลด้านสกอร์ อีกทั้งยังมีเพลงเพราะๆ ของหลากหลายศิลปินเช่น Stars, Meiko, Devotchka, Sigur Rós มาร่วมสร้างบรรยากาศให้หนังอีกด้วย โดยเฉพาะเพลงของวงอินดี้จากไอซ์แลนด์ Sigur Rós ชื่อว่า Hoppipolla (แปลว่า Hopping into Puddles) ที่ถูกนำมาใช้ในฉากจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งได้อย่างเหมาะเหม็งที่สุด จนสามารถพาจิตใจของคนดูให้อิ่มเอม ตัวเบาโหวง ราวกับว่าจะลอยละลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้าได้เลยทีเดียว (ปานนั้น) วันนี้เราเลยมี เนื้อร้อง, MV และแม้แต่ Mp3 มาให้โหลดกันตามฟอร์มจ้า



เพลงเป็นภาษาไอซ์แลนด์เลยต้องแปลกันอีกรอบครับ

Smiling
Spinning round and round
Holding hands
The whole world a blur
But you are standing

Soaked
Completely drenched
No rubber boots
Running inside us
Want to erupt from a shell

The Wind
An outdoor smell of your hair
I breathe as hard as I can
with my nose

Jump into puddles With no boots on
Completely drenched(Soaked)
With no boots on

And I get a nosebleed
but I always stand up

And I get a nosebleed
but I always stand up



*เกี่ยวกับศิลปิน*

Sigur Rós (แปลว่า Victory Rose) 5 หนุ่ม(ตอนนี้เหลือ 4 แล้ว) อัลเทอร์เนทีฟจากไอซ์แลนด์ ตั้งวงมาตั้งแต่ปี 1994 และออกอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า "Von" เมื่อปี 1997 มาปัจจุบันพวกเขาออกอัลบั้มมาแล้ว 5 ชุด แม้ว่าเพลงของพวกเขาจะเป็นภาษาไอซ์แลนด์ แฟนเพลงส่วนใหญ่เลยฟังไม่ออก แต่ด้วยท่วงทำนองอันเพริดพริ้ว ด้วยส่วนผสมอันลงตัวของดนตรีคลาสสิค, โพสต์ร็อค, แอมเบียนท์ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกบรรเจิดเถิดเทิงใจแบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน(เว่อร์เนอะ อิอิ) เลยทำให้พวกเขาโด่งดังมีฐานแฟนเพลงอยู่มากมายทั่วโลก จนหนัง Penelope ต้องยื้มเพลงไปใช้ไงล่ะ : )

MP3: Sigur Rós - Hoppipolla (Hopping into Puddles)




*ช่วง Banjerd Awards*
ถ้าจะถามว่าดาราหนุ่มเจ้าบทบาทที่กำลังดังขึ้นหม้อในทุกวันนี้อย่าง James McAvoy ถนัดกับบทบาทแนวไหนมากที่สุด แต่ละคนคงมีคำตอบแตกต่างกันไป แต่บล็อกเราขอฟันธงไปเลยว่าเป็นบท "ทหารนอนตายตาค้าง" เพราะพี่เขาเล่นบทนี้บ่อยและสมบทบาทซะจนถ้ามีการมอบรางวัลสาขา "นอนตายตาค้างยอดเยี่ยม"คงได้คว้ารางวัลนี้มาแน่ๆ ถ้ายังนึกไม่ออกว่ามาจากเรื่องอะไร และนอนตายท่าไหน เรามีหลักฐานมาสนับสนุนแนวคิดนี้ครับ อิอิ



Band of Brothers (2001)
ซีรีย์สงครามโลกครั้งที่สองเรื่องเยี่ยม ที่เหมือนหนัง Saving Private Ryan ความยาวสิบตอนก็มิปาน ซึ่งพี่เขาโผล่มาร่วมแจมตอนสมัยยังไม่ดัง โดยสวมบทพลทหาร James Miller ทหารใหม่ชาวมะกันที่ไปร่วมรบกับนาซีในยุโรป แต่อนิจจาที่พี่เขาออกมาได้แป๊บเดียวก็โดนระเบิดลง นอนหงายตายตาค้างแบบน่าอนาถ สมบทบาทสุดๆ ไปเลย




Atonement (2007)
มาคราวนี้พี่เขารับบท Robbie Turner ที่ชีวิตผกผัน พลัดพรากจากคนรัก และต้องไปรบในสงครามโลกครั้งที่สอง ในฐานะทหารอังกฤษ แล้วพี่เขาก็กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้ง โดยคราวนี้เปลี่ยนอริยาบทเป็นการนอนคว่ำตายตาค้างบ้าง โดยมีจดหมายที่เขียนถึงคนรักคาอยู่ในมือ สร้างความสะเทือนใจแก่คอหนังมากมาย จนได้แจ้งเกิดจากบทนี้ไปเต็มๆ เห็นแบบนี้แล้วบล็อกเราจึงขอมอบรางวัลบรรเจิดอวอร์ดสสาขา "นอนตายตาค้างยอดเยี่ยม" แก่พี่เขาไปเลยครับ เย้ ยินดีด้วย...





 

Create Date : 17 ตุลาคม 2552    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 13:11:12 น.
Counter : 2970 Pageviews.  

ฟังหนังดูเพลงจาก Grace is Gone (2007)


Grace is Gone (2007)
มีบางคนเคยกล่าวไว้ว่า "บางครั้งความจริงมันก็โหดร้าย" ซึ่งตรงกับเรื่องราวในหนังดราม่าเล็กๆ เรื่องนี้จริงๆ เมื่อคุณพ่อบ้าน (John Cusack จาก Identity [2003]) เกิดทำใจไม่ได้ที่จะบอกลูกสาวทั้งสองของตนว่า คุณแม่ของพวกเธอที่เป็นทหารได้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ใน อิรัก แล้ว ว่าแล้วก็เลยตัดสินใจพาลูกๆ หนีเรียนไปเที่ยวสวนสนุกที่ต่างเมืองซะเลย(?!) ซึ่งการเดินทางทริปนี้ดูเหมือนจะเป็นการหนีความจริง แต่ที่จริงแล้วมันกลับได้เพิ่มความเข้าใจกันระหว่างพ่อลูก และเยียวยาจิตใจของพวกเขา ให้พร้อมที่จะยอมรับความจริงข้อนี้ด้วยกันในที่สุด


คุณพ่อคนนี้พาลูกๆ หนีเรียนไปเที่ยว(อยากยื้มมาเป็นพ่อมั้ยจ้ะหนูๆ?)
แม้จะเป็นหนังดราม่าเล็กๆ มีตัวละครหลักๆ แค่สามคน แต่ก็สามารถสร้างความประทับใจแบบซึมลึกแก่คนดูได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภาคดนตรีประกอบที่ได้ปู่ Clint Eastwood มาดูแล โดยเน้นไปที่เปียโนและอคูสติกกีต้าร์เป็นหลัก และมีเหล่าเครื่องสายรองรับอยู่เบื้องหลัง(คล้ายๆ สไตล์เพลงจาก Million Dollar Baby [2004]) ซึ่งก็ออกมาเรียบง่ายแต่ก็งดงามเหมาะกับตัวหนังเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เราเลยขอเสนอเพลงนำจากหนัง ที่ได้ศิลปินแจ๊สหนุ่มจากอังกฤษ Jamie Cullum มาขับร้องเอาไว้อย่างน่าจดจำมาฝากกัน จนปู่คลิ้นต์ดูเหมือนจะติดใจหนุ่ม Cullum เลยกระเตงกันไปร้องเพลงในหนัง Gran Torino (2008) อีกเรื่อง




Can't find all the words yet
It's still not the time yet
And my mind can't think of anything
it only sees you

You know I am trying
God knows I am trying
And why does the wind keeps shouting out
it's still not over

I keep on trying
I think I'm learning
To live in hearts you leave behind
is not to die, Grace

Can't find the right place
Is there a right place?
Where I can make it all make sense somehow
and face tomorrow

I keep on trying
I think I'm learning
To live in hearts you leave behind
is not to die, Grace

The world go 'round some
We move along some
To live in hearts of theirs and mine
is not to die
Grace...



ขณะปู่ Clint กำลังเริงร่ากับพี่ Cusack


*เกี่ยวกับผู้ประพันธ์เพลง*


ปู่ Clinton "Clint" Eastwood, Jr. (79 ขวบ) ที่คอหนังรู้จักกันดี ไม่ได้เก่งแต่เพียงแค่แสดง/กำกับหนัง เท่านั้น ปู่ยังเป็นนักดนตรีแจ๊สตัวพ่ออีกด้วย และได้ทำเพลงประกอบหนังตั้งแต่ยุค 60 มาแล้ว (โดยส่วนใหญ่เป็นหนังของปู่เอง) แถมยังเปิดตราแผ่นเสียงของตนเองที่ชื่อ Malpaso Records อีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เน้นงานทางสายนี้สักเท่าไหร่นัก เพราะปู่ให้น้ำหนักในการทำหนังซะมากกว่า ยิ่งช่วงหลังๆ เนี่ย ปู่ฟิตจัดทำหนังปีละสองเรื่องด้วย นัยว่าจะรีบฝากผลงานไว้ให้เยอะที่สุด เพราะอายุอานามปู่ก็ปูนนั้นแล้ว ยังไงซะก็ขอให้เราจดจำปู่เขาเพิ่มขึ้นมาอีกฐานะหนึ่ง นั่นก็คือ นักประพันธ์ดนตรีประกอบหนัง ด้วยก็แล้วกันครับพี่น้อง




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2552    
Last Update : 29 ธันวาคม 2552 4:53:28 น.
Counter : 1091 Pageviews.  

1  2  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.