The Divide (2011) : ในอนาคตอันใกล้ได้เกิดสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกขึ้น และในวันที่นิวยอร์คโดนถล่มเละ ชาวประชา 9 คนหนีตายลงไปหลบภัยที่ชั้นใต้ถุนอพาร์ทเม้นท์ได้อย่างหวุดหวิด โดยมีบางคนเตรียมการตุนอาหารและสถานที่ไว้พร้อมล่วงหน้าอยู่แล้ว ทว่าถึงพวกเขาจะรอดตายมาได้ แต่ยิ่งนับวันที่ต้องอยู่ที่นั่นอย่างจำทนก็ยิ่งทำให้พวกเขาสติแตกและเผยธาตุแท้ด้านมืดของตนออกมา จนเกิดนรกย่อยๆ ขึ้นชนิดที่ว่าบางทีมันอาจจะดีกว่ามั้ยถ้าพวกเขาตายไปเสียตั้งแต่แรกซะ
หน้าตาของผู้เหลือรอดจากหายนะโลก Xavier Gens ผกก.ชาวฝรั่งเศสซึ่งเป็นที่รู้จักขึ้นมาจากหนังโหดอย่าง Frontière(s) (2007) และโกอินเตอร์ในปีเดียวกันแบบหงอยๆ กับ Hitman หนังที่สร้างจากเกมฮิต กลับมาพร้อมผลงานล่าสุดที่คราวนี้ขอทำหนังแนว 'หลังวันหายนะโลก' (post-apocalyptic) กับเขาบ้าง โดยได้ดาราที่พอมีชื่อเสียงปานกลางกับเคยดังอย่าง Milo Ventimiglia (ซีรี่ส์ Heroes) และ Michael Biehn มาเสริมสร้างความดูดีมีชาติการ์ตูนให้แก่หน้าหนัง
คุณพี่ Milo จากซีรี่ส์ Heroes ก็มากับเขาด้วย แม้นพล็อตหนังแนวนี้จะซ้ำๆ กันแทบทั้งหมด แต่หนังก็สามารถเปิดตัวขึ้นมาได้อย่างน่าติดตาม และสร้างความหวังให้แก่คนดูได้ว่าหนังคงจะออกมาเข้าท่า แต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็จะพบว่าอันที่จริงแล้วหนังมุ่งเน้นไปที่การแสดงด้านมืดของมนุษย์ท่ามกลางวิกฤตการณ์อันสิ้นหวังมากกว่าจะเน้นแอ็คชั่นมันส์หยดติ๋ง โดยสร้างเงื่อนไขให้เดินเรื่องกันในสถานที่เดียวทั้งเรื่องไม่ไปไหน และบรรดานักแสดงที่ลงทุนลดน้ำหนักจนผอมโทรมสมบทบาท ซึ่งเหล่านี้ก็ช่วยสร้างบรรยากาศชวนอึดอัด หดหู่ สิ้นหวัง ให้แก่ตัวหนังได้เป็นอย่างดี
นี่ไม่ใช่ภาพจากหนัง Saw เน้อ
แต่ดูเหมือนหนังจะหดหู่ อึดอัด กดดันไปหน่อยนะ คือไม่มีช่วงให้ได้พักผ่อนตาใจ ไม่มีแง่มุมอื่นที่น่าสนใจหรือมีลีลาการเล่าเรื่องเด็ดๆ มาเสนอ หนังขาดคำอธิบายในหลายๆ อย่าง แถมตัวละครแต่ละตัวก็ไม่ค่อยจะน่าเอาใจช่วยสักเท่าไหร่ การที่ต้องมาทนนั่งดูหนังตลอดความยาวกว่าสอง ชม.จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์นัก นี่ยังดีที่ตอนจบของหนังนั้นช่วยกู้สถานการณ์ของหนังให้ดีขึ้นมาหน่อย ไม่งั้นหนังคงติดทำเนียบหนังห่วยประจำปี (ของเรา) ได้ไม่ยากเลย จริงอยู่ที่หนังประสบความสำเร็จในการตีแผ่ด้านมืดของมนุษย์ แต่ก็หนักมือจนไม่มีอะไรที่ดูบันเทิงเอาเสียเลย ขอบอก
แต่งตัวซะอย่างกับมาจากเกมเชียว
จากที่เห็นจากหนังถ้าเกิดเหตุการณ์หายนะโลกขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ บางทีคนที่ตายไปก่อนด้วยระเบิดนิวเคลียร์อาจจะโชคดีที่สุดแล้วก็เป็นได้ เพราะสำหรับคนที่อยู่รอดนั้น ไหนจะต้องเจอความอดอยาก กัมมันตภาพรังสี และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ 'มนุษย์' ด้วยกันเอง แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครหรอกที่อยากตายเนอะ บางทีในสภาวะที่เลวร้ายที่สุดเขาก็ต้องปรับตัวให้เลวร้ายที่สุดด้วยเพื่อความอยู่รอดชนิดที่เจ้าตัวเองก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อน
ภาพหายนะโลกยังคงน่าดูชมอยู่เสมอ - + หนังหายนะโลกที่หน้าหนังน่าดูดี
- - หนังเน้นหดหู่ อึดอัด ในสถานที่เดียวทั้งเรื่อง แต่ทำได้ไม่ดีนัก จนดูแล้วอึดอัดงุ่นง่านกับหนังจริงๆ
*รีวิวหนังแนวหลังวันหายนะโลกเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในบล็อก*