All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 14 (ต่อ)


บทโทรทัศน์ อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ในตอนที่ 14 มีการแก้ไขใหม่ ตามบทที่ทีมงานบริษัทดีด้า ส่งมาให้ ตัวหนังสือ สีแดง คือบทที่มีการแก้ไข จึงแจ้งมายังแฟนอสูรน้อยฯ และ แฟนละครออนไลน์ ทุกท่าน
ทีมงานละครออนไลน์


อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 14 (ต่อ)

แนนนี่หายตัวจากห้องภวัต มาปรากฏตัวขึ้นในห้อง พอชิกเก้นเห็นก็รีบถามขึ้นทันทีด้วยความห่วงใย

“หายไปไหนมา ชิคเก้นเป็นห่วงแทบตาย”
“ห้องพี่ภวัต”
“Oh ! No!” ชิกเก้นร้อง
“Oh! Yes!”
แนนนี่ว่าคาถาลอยหายเข้าไปในตะเกียง
“คุณยายทาฮีร่ารู้เข้าจะว่ายังไงเนี่ย ....โอ๊ย แคทตี้จะบ้าตาย”

ส่วนเหตุการณ์ที่ห้องภวัต
“หาอะไรฮึ ..... ยัยเกล้า”
“เมื่อกี้พี่ภวัตพูดกับใคร”
“เปล่า!” ภวัตเดินไปนั่ง
“แต่เกล้าได้ยิน เสียงคล้ายๆ กับแนนนี่ด้วย”
“ไปกันใหญ่ เกล้าก็เห็นแล้วนี่ว่าไม่มีใคร”
รัดเกล้าถอนใจเฮือกใหญ๋ แล้วเดินมาที่โต๊ะ เห็นดอกกุหลาบในแจกัน มีการ์ดห้อยอยู่ รัดเกล้ารีบหยิบมาอ่าน
“กุหลาบแดงแจ้งรักประจักษ์ว่า ชั่วดินฟ้ารักเธอเสนอสนอง
กุหลาบขาวคือหัวใจที่ไฝ่ปอง รักของน้องอสูรน้อยคอยเรื่อยมา”
สีหน้าภวัตกระอักกระอ่วน
รัดเกล้าขำกลิ้ง “ใครคะ น้องอสูรน้อยของพี่ภวัต”
“คือ .... เพื่อนมันล้อพี่เล่นน่ะ”
“เพื่อนหญิงหรือเพื่อนชายเอ่ย”
“ไปได้แล้ว พี่จะทำงาน”
“ต๊าย พี่ภวัตเขิน เกล้าไม่เคยเห็นพี่ภวัตเขินเลย ชักอยากจะเห็นน้องอสูรน้อยเสียแล้ว”
ภวัตจับตัวรัดเกล้าดันไปที่ประตู ขณะที่รัดเกล้าชอบอกชอบใจ
“บอกให้ไปได้แล้ว”
ภวัตปิดประตู แล้วถอนใจเฮือก ยืนอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งแล้วเดินไปที่โต๊ะ
ภวัตหยิบการ์ดอ่าน สีหน้าแววตาดูลึกซึ้ง

ทางด้านดารกาทอดสายตามองไปที่หน้าต่างห้องภวัต สีหน้าดารกานิ่งสนิท อ่านความรู้สึกไม่ออก

บรรยากาศตอนเช้าอันแจ่มใส สมาชิกครอบครัวปัทมนรวมตัวภายในห้องทานข้าว ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากัน
พรเก็บจานอาหารที่กินเรียบร้อยแล้วออกไป แล้ววางกาแฟให้ปัทและธานี ขณะที่ 2 สาวแนนนี่ และดารกา รับเป็นน้ำส้ม
“ตายจริง! น้องดาลืมเอาเกรดให้คุณแม่กับพี่ธานีดู”
แนนนี่สำลักน้ำส้มที่กำลังดื่ม
“เกลียด ....เกลียดน้ำนางเอก พี่พร ! พรุ่งนี้แนนนี่ไม่เอาน้ำส้มแล้วนะ”
ทุกคนไม่ได้สนใจฟังแนนนี่ ด้วยดารกากำลังหยิบซองใส่ใบประกาศผลสอบส่งให้ปัท
“นี่ค่ะ ...”
ปัทมนเปิดซองหยิบออกมาดู
“เก่งมากลูก ...... น้องดาของแม่เก่งที่สุด”
แนนนี่หน้างอ
“พี่น่ะไม่ตื่นเต้นเลย”
แนนนี่สีหน้ากระตือรือร้นขึ้นทันที
“เพราะน้องดาไม่เคยทำให้คุณแม่กับพี่ผิดหวัง...ดูผลสอบทีไรก็เห็นแต่เกรด 4...สู้ยัยแนนนี่ไม่ได้...ต้องลุ้นกันทุกเทอม”
คราวนี้แนนนี่หน้าหงิกยิ่งไปกว่าเก่า
“แนนนี่ล่ะลูก ... ผลสอบออกหรือยัง”
“น้องดาเชื่อว่าเทอมนี้แนนนี่ต้องได้เกรดดีแน่ๆ ค่ะ”
“ไม่ต้องมากระทบกระแทกแดกดัน” แนนนี่สวนออกมา
ทุกคนสะดุ้ง
“เชิญได้ 4 ไปคนเดียวเหอะ ! ....แนนนี่ไม่สนร้อก” แนนนี่ลุกเดินไป
“เอาอีกแล้ว ลูกคนนี้” ปัทมนบ่น
“เป็นความผิดของน้องดาเองค่ะ ... น้องดาจะไปง้อแนนนี่”
“ไม่ต้อง น้องดาไม่ผิด”
“ถึงยังงั้นก็เถอะค่ะ ...” ดารการีบลุกตามไป
“แม่ไปด้วยดีกว่า”
“อย่าเลยครับ ...เดี๋ยวคุณแม่จะไม่สบายใจ ... ผมไปเอง”
ธานีลุกเดินไป ปัทมนสีหน้าหนักใจ

แนนนี่เดินจะไปที่รถ ซึ่งคนรถเตรียมพร้อมอยู่ ประตูใหญ่เปิดกว้างรออยู่แล้ว ดารกาเดินแกมวิ่งตามออกมา
“แนนนี่ ... รอพี่ดาก่อนจ้ะ”
แนนนี่หันขวับมาทันที “จะมาแสดงบทนางเอกผู้แสนดีอีกหรือคะ”
“ไม่ใช่จ้ะ”
ธานีเดินเข้ามาสมทบ
“พี่ดาคิดว่าได้เกรดเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเสียหาย เพราะเราได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว” ดารกาบอก
แนนนี่พูดเสียงสูง “อ๊อ ....อ นี่จะบอกว่าแนนนี่โง่ใช่มั้ย”
ธานีเริ่มรำคา “ไปกันใหญ่แล้วแนนนี่”
ระหว่างนั้นบาบาร่าในร่างบานเย็นยืนอยู่ที่รั้วมองตรงมา
“พี่ดาแค่จะบอกว่า ให้แนนนี่ขยันกว่านี้ ...แล้วพี่ดาจะติวให้เอง ...ให้ปีเตอร์ติวไม่มีประโยชน์ เพราะแนนนี่ชอบข่มเค้า ... ต่อไปนี้พี่ดาจะติวให้แนนนี่จริงๆจังๆ เสียที”
“พี่เห็นด้วยกับน้องดา” ธานีเห็นด้วย
“โอ๊ย ! คอหอยกับลูกกระเดือก”
“ตายจริง! แนนนี่ขอโทษพี่ธานีซิจ้ะ ... พี่น่ะช่างเถอะ” ดารกาทำตัวแสนดีต่อ
แนนนี่สุดจะทนแล้ว จึงแกล้งส่งเสียงดังประชด “พี่ด๊า ....พี่ดา ...พี่ดา จะสวยงามและแสนดีไปถึงไหน้ .... แนนนี่เกลียดพี่ดา”
แนนนี่เดินออกไป
“แนนนี่จะไปไหน”
“จะไปไหนก็ช่าง ! ไม่ต้องมาสนใจ”
ดารกามองตาม...น้ำตาคลอ
“ไม่ต้องร้องไห้จ้ะ น้องดา ... พี่เข้าใจทุกอย่าง” ธานีปลอบ
“น้องดาเสียใจค่ะ น้องดายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้แนนนี่เข้าใจ แล้วนี่เขาจะไปมหา’ลัยยังไง”
“ช่างเถอะ”
ธานีโอบไหล่จะเดินกลับเข้าไป

แนนนี่เดินน้ำตาร่วงมาตามซอยด้วยความแค้นใจและเสียใจ แนนหันหน้ากลับไปมองข้างหลัง ไม่มีแม้แต่เงาของคนในบ้านสักคนตามมาง้อเหมือนเคย แนนนี่เม้มปากหันกลับมา
“ไปแท็กซี่เองก็ได้!” แนนนี่ก้าวเดินไป
จังหวะนั้นมีรถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเทียบมา โดยที่คนขับสวมหมวกและใส่แว่นดำ แนนนี่รีบโบกมือเรียกทันทีที่เห็น กำลังจะเลยไป
“แท็กซี่!”
แท็กซี่จอด...แนนนี่รีบเดินไปเปิดประตูขึ้นไป
คนขับซึ่งเห็นเพียงจมูกนิดและปากหน่อย เหลือบตามองกระจกแว่บหนึ่ง แล้วขับออกไป

ที่แท้เป็นบาบาร่าแปลงเป็นคนขับรถแท๊กซี่ และกำลังมาเรื่อยๆ พร้อมกับเหลือบมองทางกระจก เห็นแนนนี่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา บาบาร่าขับไปเรื่อยๆ พักหนึ่งโดยแนนนี่ไม่ได้สนใจอะไร
“ร้องไห้อย่างนี้แล้วจะไปเรียนหนังสือรู้เรื่องเรอะ!” อดไม่ได้บาบาร่าถามขึ้นในที่สุด
แนนนี่เงยหน้ามองแล้วชะงัก เมื่อเห็นใบหน้าคนขับดูลึกลับด้วยแว่นดำ แนนนี่ผินหน้าไปมองข้างทาง
“มหาวิทยาลัยหนูไม่ได้อยู่ทางนี้นี่!”
“ฉันไปทางลัด!”
“จอด! ฉันจะลง!”
บาบาร่าทำหูทวนลมขับไปเรื่อยๆ
“บอกให้จอด!”
ภาพจากภายนอก รถแล่นด้วยความเร็วสูงขึ้น แนนนี่ขยับจะเปิดประตู แต่ประตูล็อคทันที แนนนี่ว่าคาถาให้รถจอด แต่คาถาไม่ได้มีผล
มองจากภายนอก รถแล่นด้วยความเร็วสูงมากขึ้นๆ
“แกเป็นใคร!”
บาบาร่าไม่ตอบ ยังคงขับไป แนนนี่พยายามใช้คาเต็มที่ แต่ไม่มีผล
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว!”
แนนนี่เขย่าประตู “จอด! บอกให้จอด!”
จังหวะนั้นเองก็มีรถตู้คันหนึ่งแล่นตัดหน้ามาขวางแท็กซี่ไว้ บาบาร่าเตรียมจะบังคับรถให้ลอยขึ้น
จู่ๆ ก็เหมือนมีแสงบางอย่างพุ่งออกมาล็อคล้อรถไว้...รถจอดสนิท
แนนนี่รีบเปิดประตูรถลงไปทันที บาบาร่าขยับจะเปิดประตูรถลงมา แล้วชะงัก เห็นสดับเปิดประตูรถลงมา แนนนี่เองก็ชะงัก
“ขึ้นรถ” สดับสั่ง
แนนนี่ลังเล
“นั้นมันพวกนักล่าอสูร! ขึ้นรถเร็วเข้า!”
แนนนี่ละล้าละลัง ขณะนั้นประตูรถเปิดออก มาลียื่นหน้าออกมา
“ขึ้นรถเร็วเข้าลูก...แนนนี่”
แนนนี่จึงตัดสินใจรีบขึ้นรถในทันที สดับขึ้นรถขับออกไป
บาบาร่ามองตามด้วยสีหน้าแววตากราดเกรี้ยว

ปัทมนมาถึงบริษัท ก็พยายามโทรศัพท์เข้าเครื่องแนนนี่ ปัทมนสีหน้ากังวลด้วยโทรศัพท์เงียบ...แล้วกดใหม่
“ธานี มาที่ห้องแม่หน่อย ....แม่เป็นห่วงแนนนี่”
ปัทมนวางโทรศัพท์ลง สักพักหนึ่งเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ แล้วธานีเปิดเดินเข้ามา
“โทรศัพท์แนนนี่เงียบไปเลยลูก ! แม่โทร. เท่าไหร่ก็เงียบ”
“ผมก็เหมือนกันครับ ! นี่กำลังจะโทร.หาน้องดา ขอเบอร์โทร. ปีเตอร์”
“งั้นรีบโทร. เลย”
“ครับ”
ธานีกดโทรศัพท์หาดารกา ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งในมหาลัย ดารกาหยิบขึ้นมารับ
“ค่ะ .... พี่ธานี”
“น้องดารู้เบอร์โทรศัพท์ปีเตอร์หรือเปล่า” ธานีถามขึ้น
“อ๋อ ! ทราบค่ะ ... ทำไมหรือคะ”
“พี่จะโทร.ถามว่าแนนนี่อยู่ที่มหา’ลัยหรือเปล่า .... คุณแม่กับพี่ติดต่อไม่ได้เลย”
“ตายจริง ... ให้น้องดาโทร.ให้มั้ยคะ”
“ไม่ต้องค่ะ ... พี่โทร.เอง.. เบอร์อะไรนะ”

ปีเตอร์คุยโทรศัพท์กับธานีอยู่
“วันนี้แนนนี่ไม่ได้มาเรียนครับ ...ปีเตอร์ยังคิดว่าแนนนี่ไม่สบายเลย”
“แน่ใจนะปีเตอร์” เสียงธานีถามกลับ
“แน่ครับ...หรือว่าไปวีนอยู่คณะอื่น เดี๋ยวปีเตอร์จะให้เพื่อนๆ ช่วยกันตามหา...สวัสดีนะครับ
ปีเตอร์หันมา แล้วเรียกเพื่อนๆ
“เอ้ย! เด็กๆ”
เพื่อนๆ หันมามอง
“ปีเตอร์จะให้คนละพันนึงไปช่วยกันตามหาแนนนี่ ! ....แล้วถ้าใครพบเอาไปเลยหมื่นนึง”
บรรดาผองเพื่อนรีบกระจายตัวกันค้นหาทันที ปีเตอร์กดโทรศัพท์หาแนนนี่
“เงียบสนิทจริงๆ ด้วย”

ภายในรถที่สดับขับแล่นมาเรื่อยๆ ตามทาง ในขณะที่มาลีกำลังร้องห่มร้องไห้
“ข้าน่ะไม่ได้คิดอยากจะทิ้งแนนนี่เลยสักนิด แค่อยากให้เอ็งสุขสบาย ก็เลยเอาไปบรรจงวางไว้หน้าบ้านคุณปัทมน” มาลีโกหก
“แต่คุณยายบอกว่า แม่ไม่ใช่แม่แนนนี่”
“นังนั่นมันจะไปรู้อะไร” สดับพูดด้วยน้ำเสียงตะคอก
“แนนนี่...ข้าเป็นคนอุ้มท้อง...เป็นคนเบ่งเอ็งออกมาด้วยความเจ็บปวด ทรมานแสนสาหัส...แล้วทำไมจะจำเอ็งไม่ได้” มาลีโกหกอีกให้ดูน่าเชื่อ
แนนนี่นิ่งคิดครู่หนึ่ง “เป็นไปได้ไหมคะว่า พี่ดาเป็นลูกของ…”
แนนนี่พูดไม่ทันจบประโยค มาลีก็เหลียวมองไปทางสดับซึ่งตวาดออกมาทันที
“เป็นไปไม่ได้”
แนนนี่กับมาลีสะดุ้งพร้อมกัน
“แกเป็นลูกฉันกับนังมาลี ไม่ใช่คนอื่น” สดับย้ำ
“งั้นเราไปถามคุณยายแนนนี่กัน”
“เอ๊ะ นังนี่!”
“จะต้องไปถามทำไมให้ยุ่งยาก พวกมันกลัวข้ากับพ่อของเอ็งจะไปทวงเอ็งคืน ก็เลยช่วยกันโกหก”
แนนนี่มองออกไปนอกหน้าต่างครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจถาม
“แนนนี่เป็นอสูรใช่ไหม”
สดับไม่ตอบ แต่จู่ๆ ก็หัวเราะอย่างน่ากลัว แนนนี่กลืนน้ำลาย
ด้านภวัตกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับดารกาภายในห้องพักแพทย์
“ดาเป็นห่วงน้องเหลือเกินค่ะ จนป่านนี้ยังไม่มีใครเห็นเลย” ดารกาคุยสายอยู่ที่มหา’ลัย
“แนนนี่เกเร เขาอาจจะเรียกร้องความสนใจก็ได้” ภวัต
จู่ๆ ก็มีเสียงทาฮิร่าดังขึ้นในห้องนั้น
“ชะ ชา ชะ ช้า ... พ่อภวิต”
ภวัตหันขวับไปตามเสียง เห็นทาฮีร่านั่งอยู่บนขอบหน้าต่าง โดยมีชิกเก้นอยู่บนตัก
“เมี้ยว”
“บังอาจมาว่าหลานฉันเรียกร้องความสนใจ” ทาฮิร่าเฉ่ง “นายภวิต” ทันที
“คุณยายทราบใช่มั้ยครับว่า แนนนี่อยู่ที่ไหน” ภวัตละปากจากมือถือ มาถามทาฮิร่า
“ถ้ารู้ ฉันจะขี่ไม้กวาดมาถึงนี่ทำไม”
“พี่ภวัตกำลังพูดอยู่กับใครหรือคะ”
“พี่มีแขก แค่นี้ก่อนนะคะ น้องดา”
“ค่ะ...”ดารกาปิดโทรศัพท์ สีหน้าดูเย็นชา

“ฉันเป็นแม่มด ไม่ใช่แขก” ทาฮิร่าจ้องหน้าภวัต
“ฟังนางซะบ้าง” ชิกเก้นบ่นมุกเชยๆ ของนายหญิง
“แนนนี่หายไปจริงๆ หรือครับ”
“งั้นซิยะ พ่อลาโง่”
“อาจจะเป็นพวกล่าอสูร หรือพวกล่าแม่มด” ภวัตตั้งข้อสังเกต
“โอ่...เค้ ชักจะอินแล้ว” ชิกเก้นเห็นด้วย
“พรมวิเศษ .. เราต้องอาศัยพรมวิเศษ คุณยายเรียกพรมวิเศษมาซิครับ” ภวัตนึกขึ้นได้
“เธอนั่นแหละเรียก เพราะเธอได้ออกคำสั่งมันแล้ว พรมวิเศษจะเชื่อฟังเธอ”
ภวัตเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ชิคเก้นและทาฮิร่ามองตาม ทว่าบนท้องฟ้ากลับไม่มีอะไรเลย
ทาฮิร่าถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยขึ้น “ฉันไปเองดีกว่า”
ทาฮีร่าขี่ไม้กวาดลอยออกไป โดยมีชิกเก้นกระโดดเกาะท้าย
“คุณยาย ผมไปด้วย”

ภวัตรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหนัก มองตามสองนายบ่าวขี่ไม้กวาดหายลับตาไป
สดับยังคงขับรถมาเรื่อยๆ ตามทาง ภายในรถตกอยู่ในความเงียบงัน แนนนี่รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล มองออกไปนอกหน้าต่าง สีหน้าครุ่นคิดเพื่อหาทางเอาตัวรอด

จังหวะหนึ่งแนนนี่หันกลับมาแล้วพูดขึ้นในที่สุด “แนนนี่ปวดท้อง...ช่วยจอดหน่อยได้มั้ยคะ”
“พี่ดับ ... แนนนี่มันปวดท้อง”
สดับไม่สนใจยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆ
“โอ๊ย! ถ้าไม่จอดละก็ ได้เหม็นกระจายแน่” แนนนี่ร้องดังลั่น
“พี่ดับ” มาลีตะโกนบอก
สดับสีหน้าหงุดหงิด แล้วเข้าจอดรถข้างทาง
“นังมาลี ! แกลงไปกับมัน” สดับสั่ง
“ไป”
มาลีพยักหน้าบอกแนนนี่ที่รีบทำเป็นทนไม่ไหววิ่งนำ
“รอด้วย”
“วิ่งเร็วๆ ซิแม่”
สดับตะโกนไล่ตามหลัง “อย่าคิดหนีนะเว้ย”

แนนนี่และมาลีมาถึงบริเวณพุ่มไม้หนา แนนนี่หยุด หันมาทางมาลี
“แม่รออยู่ตรงนี้นะจ๊ะ”
“อย่าคิดหนีนะเอ็ง”
แนนนี่พยักหน้า แล้วเดินเข้าไปหลังพุ่มไม้ โดยมีมาลีท้าวสะเอวจ้องเขม็ง
“อย่ามองซิแม่ แนนนี่อาย”
มาลีสะบัดหน้าหันไปแล้วบ่น
“ยุ่งนัก ! นังคนนี้”
“อย่าเพิ่งหันมานะแม่... แนนนี่กำลังโป๊”
“เร็วๆ เข้าเถอะ ! อย่ามัวแต่พูดมาก” มาลีเอ็ด
จังหวะนั้นแนนนี่ร่ายคาถาเรียกไม้กวาดมา แล้วก้มลงว่าคาถากับกิ่งไม้บริเวณนั้นให้พูดแทนตัวเอง
“ซูโด ..... ซูโด ...สปีโก้ พูดแทนแนนนี่ด้วยนะ”
แล้วแนนนี่ก็ขี่ไม้กวาดเหาะไป
“เสร็จหรือยัง” มาลีร้องถาม
“ยังจ้ะแม่” เสียงแนนนี่กิ่งไม้ตอบมา

แนนนี่ขี่ไม้กวาดอยู่บนท้องฟ้า
“เร็วๆ เข้า .... พี่ไม้กวาด”

ส่วนเหตุการณ์ภาคพื้นดิน มาลีตะโกนถามอีก “เสร็จหรือยัง”
“ยังจ้ะแม่” มีเสียงแนนนี่ตอบกลับมา
“ทำไมมันนานนักล่ะ”
“เพิ่งแป๊บเดียวเอง” เสียงนั้นว่า
มาลีลงนั่งยองๆ รอต่อไป “อย่าช้านักนะเว้ย”
เวลาเดียวกันสดับเคาะพวงมาลัยรถรออย่างหงุดหงิด
“ทำไมมันช้านักวะ”
ในที่สุดสดับตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปตาม
สดับเดินอย่างรีบร้อนตรงมาที่มาลีอยู่
“นังเด็กนั่นหายไปไหน”
“ไม่หาย ! เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่เลย” มาลีตอบ
สดับจิกผมมาลีให้หันไปดู “ดูซะให้เต็มตา”
“โอ๊ย ! เจ็บ.....เจ็บ”
“บอกให้ดู”
“เอ๊ะ หายไปไหน” มาลีผงะ
“นังโง่เอ๊ย มันก็หนีไปแล้วน่ะซิ”
“แต่เมื่อกี้มันยังอยู่” มาลีแย้ง
สดับตบหน้ามาลีเสียงดังเปรี้ยง “ยังจะเถียงอีก”
สดับรีบเดินไปอย่างฉุนเฉียว ส่วนมาลียกมือกุมแก้ม น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด

แนนนี่ขี่ไม้กวาดผ่านไป จังหวะหนึ่งหันไปมองข้างหลัง ไม่มีใครตามมา แนนนี่ยิ้มแป้น แต่พอหันกลับมาก็สะดุ้งเฮือก
“โอ๊ะโอ”
เมื่อเห็นอสูรสดับยืนตระหง่านดักอยู่ข้างหน้า
“เลี้ยวซ้าย พี่ไม้กวาด” ไม้กวาดเลี้ยวซ้ายตามคำสั่ง
“ไปโลด .... ด” แนนนี่ซิ่งไม้กวาดมาได้อีกพักหนึ่ง
อสูรสดับก็ปรากฏร่างขวางทางไว้
“จ๊าก ....ก เลี้ยวขวา ! ซิ่งเลย” ไม้กวาดซิ่งไปทางขวา
“หวังว่าคงไม่ตามมาอีกนะ”
แนนนี่ซิ่งต่อครู่หนึ่ง แล้วอสูรปรากฏขวางหน้า
“เฮ้ย! ไปทางโน้น” แนนนี่ซิ่งมาเรื่อยๆ
“หลบหลังก้อนเมฆนั่นเลย”
ไม้กวาดพาแนนนี่เข้าไปซ่อนหลังก้อนเมฆ อสูรสดับซิ่งตามมา มองหา พลางคำรามอย่างโกรธแค้น ท่าทีดุร้าย
อสูรอ้าปากพ่นไฟออกมาทำลายบรรดาก้อนเมฆในบริเวณนั้น ไฟจากปากอสูรลามมาเรื่อยจนจะถึงตัว แนนนี่ลุ้นสุดๆ ทันใดนั้น ก็มีควันกลุ่มใหญ่ปรากฏขึ้น อสูรชะงัก กลุ่มควันนั้นรวมตัวเป็นผู้นำแม่มด
แนนนี่เห็นเหตุการณ์ถึงอ้าปากค้าง “ใครอ้ะ”
ผู้นำแม่มดปล่อยแสงใส่ อสูรหลบแล้วเสกเรียกสามง่ามมา ชี้ไปที่ร่างผู้นำ
ผู้นำแม่มดยกไม้เท้าตัวกระโหลก ชี้ตรงไป เกิดเป็นลำแสง 2 ลำปะทะกัน แล้วแตกกระจายน่ากลัว
“หนีเร็ว” ไม้กวาดพาแนนนี่ซิ่งไปอย่างรวดเร็ว
สามง่ามอสูรหักปลิวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! นังแม่มดเฒ่า! แล้วอสูรน้อยจะมาแก้แค้นแทนพวกข้า!”
ร่างอสูรสดับเลือนหายไป ผู้นำแม่มดกวาดตามองไปโดยรอบ

ครู่ต่อมา แนนนี่กับทาฮิร่าพร้อมด้วยชิกเก้น ก็มาป๊ะกันกลางทาง แต่ยังอยู่ไกลกันอีกประมาณหนึ่ง
ทาฮิร่าตะโกนลั่น “แนนนี่”
แนนนี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ “ยายจ๋า”
ทั้งสองเหาะลอยเข้ามาใกล้กัน
“แนนนี่”
ทาฮิร่าลืมตัวอ้าแขนจะโผกอดแนนนี่ด้วยความห่วงใยและโล่งใจสุดๆ ทาฮิร่าทำท่าจะเลื่อนตกจากไม้กวาด
มือทาฮิร่าคว้าด้ามไม้กวาดห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
“ว้าย!”
“ยาย!” แนนนี่ตกใจ รีบช่วยดึงร่างทาฮิร่าขึ้นมา อย่างทุลักทุเล
“เวรก๊ำ ! เวรกรรม ! ตัวของนางเองยังจะเอาไม่รอดเลย!” ชิกเก้นหันมาเมาท์นายหญิงแล้วหันกลับไป “เอ้า! เอ้า! ระวังหน่อยเจ๊!”
ทั้งสองยายหลานดึงรั้งกันอยู่ครู่หนึ่ง จนทาฮิร่าขึ้นมาได้ในที่สุด
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่ว”
“ยายจ๋า!…มีใครก็ไม่รู้มาสู้กับอสูรหนีเปิดไปเลย”
ทาฮิร่าชะงัก “ใคร”
“ก็ผู้หญิงแก่ๆ” แนนนี่บอก
“เอาลิซิ” ชิกเก้นว่าเหมื่อจะรู้ว่าเป็นใคร
ทาฮิร่าสะดุ้ง “รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”
“ไม่ต้องรีบแล้วละจ้ะ” แนนนี่บอก
“แน่ะ! ยังอีก! ยายบอกให้ไปเดี๋ยวนี้! ซิ่งเลย”
ทาฮิร่าซิ่งนำ แนนนี่รีบซิ่งตามขณะที่ยังงงๆ อยู่

เวลาเดียวกันธานีกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างกระวนกระวาย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ธานีรีบรับสาย
“ครับ...คุณแม่”
“แนนนี่ปลอดภัยแล้ว...กำลังกลับบ้าน...ธานีไปดูน้องก่อน เดี๋ยวแม่รอเซ็นชื่อ แล้วจะรีบตามกลับไป”
“โล่งอกไปที”
ธานีปิดโทรศัพท์แล้ว รีบเดินมาที่ประตู เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูถูกเปิดโครมเข้ามาอย่างรีบร้อน โดยรัดเกล้า และชนธานีอย่างจัง
ธานีเจ็บจนทรุดลงไปนั่ง จุกจนร้องไม่ออก
“โอ๊ย ! ตายแล้ว” รัดเกล้าตกใจ
“พี่นี่แหละต้องตาย”
“ขอโทษค่ะ แต่พี่ธานีอยากเดินมาพอดีทำไม”
ธานีลุกขึ้นฉุนๆ “นี่พี่ผิดเรอะ”
“ผิดคนละครึ่งค่ะ”
“โอ๊ย! ยายทอม”
“เอ๊ะ! ตาตุ๊ด!”
“แล้วปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้ามาทำไม” ธานีถาม
“หน็อยแน่! มาว่าเค้าเสนอหน้า เค้าจะมาถามเรื่องแนนนี่”
“แนนนี่กลับบ้านแล้ว และพี่ก็คงใกล้จะถึงบ้านเหมือนกัน ถ้าไม่มีทอมซุ่มซ่ามมาเปิดประตูชน”
“ไอ้พี่ธานี”
ธานีขยับตัวรัดเกล้ายกให้หลีกทางอย่างง่ายดาย แล้วรีบออกไป
รัดเกล้าอ้าปากค้างครู่หนึ่ง
“คนบ้า!ฉันไม่ใช่กระสอบทรายนะยะ อีตาธานี หยุดก่อน หยุด”
รัดเกล้าพูดพลางวิ่งตามไป

ครู่ต่อมาธานีเดินแกมวิ่งมาที่รถ แล้วกดรีโมท รัดเกล้าตามมาติดๆ แล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่ธานี
“ไปด้วยคน”
“ไม่ได้เอารถมาเรอะไง”
“เอามา! แต่จะประหยัดน้ำมัน”
“อ้อ ...อ! ดีนี่ แล้วใครจะเอารถเธอไปส่งเฮอะ ! หรือจะเอาไว้ให้ ใช้งานที่นี่”
“จะบ้าเรอะ! ....พี่ธานีก็ให้คนเอาไปส่งที่บ้านเกล้าซิ บริษัทออกใหญ่โตมีลูกน้องเยอะแยะ”
“ดี เจริญ” ธานีแดกดัน
“อยู่แล้วค่ะ” รัดเกล้าทำหน้ากวนใส่
ธานีขับรถออกไป
ในขณะที่รัดเกล้าพึมพำเบาๆ สีหน้าเจ้าเล่ห์ “คนโง่ยอมเป็นเหยื่อของคนฉลาด”
“อะไรนะ”
“เปล่า”
ธานีส่ายหน้า รัดเกล้าลอบยิ้ม

บนฟากฟ้าเหนือซอยบ้านแนนนี่ ทาฮิร่า แนนนี่ และชิกเก้นที่อยู่ท้ายไม้กวาดทาฮิร่า ลอยอยู่เหนือบริเวณในซอยบ้าน ทั้งหมดมองลงไป เห็นมีคนเดินไปมาในซอย
“จะ Landing ตรงไหนดีล่ะคะยาย” แนนนี่หารือ
“ขืนลงหน้าบ้านมีหวังซอยแตกแน่” ชิกเก้นว่า
“นึกได้แล้ว! ลงหลังบ้านคุณอิง! แกเคยเห็นแล้ว ถ้าจะเห็นอีกสักหน่อย คงไม่บ้าไปกว่านี้” ทาฮิร่าเก็ตไอเดีย
“เกิดเป็นเพื่อนบ้านคุณยายทาฮิร่านี่เวรก๊ำ ... เวรกรรม !”
“ไม่ต้องบ่น! ไอ้ชิกเก้น”
แนนนี่ขี่ไม้กวาดนำไป ทาฮิร่ากับชิกเก้นตามมา

อิงอรไม่รู้ว่าหลังบ้านจะถูกใช้เป็นสถานที่แลนดิ้งของสองยายหลาน กำลังเดินลั้นลาถ่ายวิดีโอบรรดาดอกไม้ และแมลงไปเรื่อยๆ กล้องวิดีโอจับภาพดอกไม้และแมลง เรื่อยมามาถึงชิกเก้น ทาฮิร่า และแนนนี่ กำลัง Landing
อิงอรถ่ายเลื่อนเลยไปอีก แล้วถอยกลับย้อนมาที่กลุ่มแนนนี่ซึ่งยังขี่ไม้กวาด
อิงอรเห็นทาฮิร่า แนนนี่ ชิกเก้น ต่างก็ยิ้ม ยกมือทักทาย เต็มตา เต็มกล้อง
อิงค่อยๆ ลดกล้องลง ตายังคงค้าง มือยกขึ้นทักทายตอบ แต่สีหน้าไม่ได้ไปด้วย
แนนนี่กระโดดลงจากไม้กวาด เช่นเดียวกับทาฮิร่าและชิกเก้น
“สบายดีเรอะ...คุณอิง” ทาฮิร่าทัก
อิงอรพยักหน้ารับ “สบายดีจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ค่ะ” พูดทั้งที่อยู่ในอาการยังเหวอๆ
“เห็นใจ...แต่มันจนใจ” ทาฮิร่าพูดคำว่า “ใจ” ลากเสียงอย่างเห็นอกเห็นใจจริงๆ “ไปละ”
ทาฮิร่ายกมือเป็นเชิงบ๊ายบายแล้วเดินไป
“นี่คุณอิงตรงนี้เหมาะจะ Landing มากเลยค่ะ...ขอบคุณนะค้า...บ๊าย..บาย”
แนนนี่ตามทาฮิร่าไป
“ต้องทำใจหน่อยนะ คุณอิง .. ทำไงได้” ชิกเก้นยักไหล่แล้วตามแถวออกไป)
อิงอรยกมือโบกให้ แล้วมองตาม ทำท่าสะอึก และอึ้งไป

โป่งกำลังพยายามจะเสกคาถาตามแบบแนนนี่
“อัย ....อัย ...อา....อา ..... แล้วอะไรอีกล่ะ”
มีเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้นขัดจังหวะ โป่งเดินไปที่ประตู เปิดออก
อิงอรโผล่เข้ามาทำหน้าทำตาลึกลับ “นายโป่ง ! คุณนายบานเย็นอยู่มั้ย”
“ไม่อยู่ครับ ! เห็นบอกว่า ลาไปทำหน้าที่พลเมืองดีครับ”
“ทำบัตรประชาชนเรอะ ! หรือว่าไปเสียภาษี”
“ได้ยินแกบอกว่าจะไปจับอสูรครับ”
อิงอรพยักเพยิด “อ้อ” อิงอรหันกลับไป แล้วหยุดกึก หันขวับมา “...ไปจับอสูร”
“เห็นว่ายังงั้นนะครับ”
อิงอรยกมือกุมขมับ...เดินไป
“คุณอิง คุณอิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ!”
อิงอรยกมือโบกให้โดยไม่หันมา

ทาฮิร่าเปิดประตูบ้านเข้ามาพลางบ่นกับชิกเก้น
“ถ้าท่านผู้นำตัดสินใจข้ามมาล่าอสูรเองละก็ ชิกเก้นเอ๊ย...ซวยยกเซ็ต”
“ชิกเก้นไม่เกี่ยวน้า ชิกเก้นเป็นเพียงแมวน้อยๆ” ชิกเก้นออกตัว
เสียงไทเกอร์ดังแทรกขึ้นมา
“แมวน้อยๆ นั่นแหละตัวดี”
ทาฮิร่าและชิกเก้นสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมอง
เห็นบาบาร่าและไทเกอร์ยืนเริด เชิดอยู่หัวบันได
“เกือบตายละซีนะ....ทาฮิร่า” บาบาร่าเยาะ
“บุกรุกเข้ามาในบ้านฉันทำไมยะ” ทาฮิร่าฉุน
“ฉันเข้ามาเพื่อจะบอกว่า ฉันกลับไปรายงานท่านผู้นำมาว่า...ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นอสูรอยู่แถวนี้”
ทาฮิร่ากลืนน้ำลาย
“อย่ามัวแต่กลืนน้ำลายตนเอง เถียงเค้าซิ” ชิกเก้นบิ้วท์นายหญิง
“เถียงไม่ออกละซี...และข่าวดียิ่งกว่านั้น...ท่านผู้นำเพิ่งปะทะกับอสูรมา” บาบาร่ารายงาน
“และได้ชัยชนะด้วย!” ไทเกอร์เสริม
ชิกเก้นสะกิดทาฮิร่า “เจ๊...พูดมั่ง”
ทาฮิร่าเชิดหน้าขึ้น “ฉันง่วงนอน”
“เวรก๊ำ ...เวรกรรม”
ทาฮิร่าวางท่าสง่าเดินขึ้นบันได ติดตามด้วยชิกเก้น บาบาร่าและไทเกอร์มองตาม
ทาฮิร่าเดินเฉียดบาบาร่าไปเข้าห้อง ชิกเก้นทำตัวลีบเล็กขณะตามทาฮิร่าไป
บาบาร่า และไทเกอร์มองตามอย่างเคืองแค้น
“ต้องจับให้มั่น คั้นให้ตาย”

พอทั้งสองเข้ามาในห้องแล้วทาฮิร่ารีบล็อคประตู
“เจ๊! จะทำยังไง...เจ๊จะเอาแนนนี่ไปซ่อนไว้ที่ไหน...และเจ๊จะตอบว่ายังไง ถ้าท่านผู้นำมาซักไซ้ไล่เรียง”
เจอชิกเก้นถามเป็นชุด ทาฮิร่ากุมขมับแล้วนั่งลง
“เจ๊ว่าท่านผู้นำจะทำยังไง...จะเชื่อมั้ยถ้าเจ๊บอกว่าแนนนี่เป็นแม่มด แล้วจะ...”
ทาฮิร่าสุดจะทนแว้ดใส่ “โอ๊ย ไอ้ชิกเก้น แกจะถามให้มันได้อะไรขึ้นม้า….”
“ก็ให้ได้คำตอบไง”
“ฉันไม่ตอบ”
“เพราะ....”
“...ฉันตอบไม่ได้ ไอ้ชิกเก้น ไป๊ จะไปไหนก็ไป”
“คุณยายก็รู้ว่า ชิกเก้นไม่มีที่ไป นอกจากที่นี่”
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่แกต้องเงียบ”
“โอ่ ..โอ่....โอ่...เค้!”
ทาฮิร่าถอนใจเฮือก...ก้มหัวลงนอนบนเตียง

เวลาเดียวกัน ปัทมนกำลังกอดแนนนี่แน่นอย่างโล่งใจ
“ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูกนะ”
“หนูจำหน้าไอ้คนที่มันลักพาตัวหนูไปได้มั้ย” จักรวาลถาม
แนนนี่ยังไม่ทันตอบ บุษบาก็เดินควงแขนภวัตเข้ามา
“น้องแนนนี่ ...หายไปไหนมาจ้ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขาเป็นห่วง”
“ยกเว้นคุณบุษบาใช่มั้ยคะ”
“แนนนี่” ธานีเอ็ดน้องสาว
รัดเกล้าและพร หัวเราะคิกคัก ธานีถลึงตาดุใส่รัดเกล้า ขณะที่ผาดหยิกแขนพร
ภวัตมองแนนนี่ด้วยสายตาแสดงความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง”
“ชิว .... ชิว”
ระหว่างนั้นดารกาเดินเข้ามาพร้อมกับปีเตอร์
“แนนนี่!” ดารกาน้ำตาคลอ
แนนนี่หันมามอง...ดารกากอดแนนนี่อย่างอ่อนโยน และดูเป็นห่วงเป็นใยสุดๆ
“แนนนี่....พี่ดาเป็นห่วงแทบแย่”
โดยไม่มีใครคาดคิด แนนนี่กลับผลักร่างดารกาออกจนเซ
“เลิกเสแสร้งเสียที พี่ดา”
ทุกคนตกตะลึง
“แนนนี่...ทำไม...” ดารกาสะอื้นน้ำตาคลอเบ้า
แนนนี่สะบัดหน้าแล้วเดินแกมวิ่งหนีขึ้นห้องไป ปัทมนกอดดารกาไว้แน่น
“น้องดา...อย่าถือสาน้องเลยนะลูก...น้องเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มา จิตใจยังไม่ปกติ” ปัทมนว่า
“แนนนี่ถูกข่มขืนหรือคะ” บุษบายิ้มแย้มถามหน้าตาตื่นเต้น

ทุกคนหันไปมองบุษบาเป็นตาเดียว โดยไม่มีเห็นสังเกตเห็นว่าจังหวะนั้นนัยน์ตาดารกาวาวโรจน์ขึ้นมาแว่บหนึ่ง!









Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2555 20:00:03 น.
Counter : 313 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]