All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 7




วันต่อมา ในขณะที่ดารกานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจอยู่นั้น ปัทมนเดินเข้ามาขยับเก้าอี้จะนั่งด้วย เสียงเลื่อนเก้าอี้ทำให้ดารกาสะดุ้งโหยงหันไปมองปัทมน

“คุณแม่”
ปัทมนมองหน้าดารกาอย่างแปลกใจแล้วก้มลงดูที่หนังสือพิมพ์
“อ่านอะไรอยู่ลูก ถึงได้สะดุ้งได้ขนาดนี้”
ดารการีบรวบหนังสือพิมพ์เก็บ
“ไม่มีอะไรค่ะแม่ ข่าวฆาตกรรมมีแต่รูปสยดสยองคุณแม่อย่าดูเลยค่ะ เดี๋ยวจะทานอะไรไม่ลงเปล่าๆ”
ปัทมนนั่งลงข้างๆ ดารกาปลอบใจอย่างเอ็นดู
“โถ ลูกดาคงจะอ่านไปอินไป”
“อินอะไรกันอยู่ครับคุณแม่ ได้ยินแว้บๆ”
เสียงของธานีดังขึ้นมา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาทางด้านหลังชะงักไปเมื่อเห็นดารกานั่งอยู่ ดารกาหันหลังไปเงยหน้ายิ้มให้ธานี

ธานียิ้มตอบให้ดารกา แต่ในหัวนึกไปถึงเหตุการณ์วันที่รถเกิดอุบัติเหตุ
ดารกาถูกธานีต้อนจนหมดทางตอบ แววตาดารการ้อนรน
“น้องดาจะโกรธพี่ก็ได้ที่พี่แอบตามน้องดาไป แต่พี่ทำไปเพราะน้องดาเป็นน้องสาวพี่ เอาละทีนี้จะบอกได้รึยังว่าสองคนนั้นเป็นใคร”
ดารกาแววตาลุกวาว มีประกายสีแดง
ธานียังคงขับรถไปและซักดารกาต่ออีก
“ที่สำคัญพี่ได้ยินเค้าคุยกันเรื่องเงินสองแสน”
ธานีพูดแล้วปรายตาที่ดารกาแล้วงงงัน แววตาของดารกาแดงก่ำ ราวเปลวเพลง
ทันใดนั้นเอง พวงมาลัยรถธานีก็เกิดหักพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ธานีร้องตกใจ ขณะที่ดารกาไม่ส่งเสียงสักแอะ เพียงเอามือกุมข้อศอกที่ได้รับบาดเจ็บ

ปัทมนมองหน้าธานีเห็นนิ่งไปจึงส่งเสียงเรียก
“ธานี ทำไมไม่มานั่งล่ะลูก เดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอก”
ธานีเดินไปนั่งที่ตัวเองแต่สายตายังมองอยู่ที่ดารกา
“เอ้อ น้องดา”
ดารกาตักอาหารเข้าปากเงยหน้ามองหน้าธานีด้วยสีหน้าปรกติ
ธานีมองปัทมนสลับกับดารกาอย่างอึดอัด ถามอย่างไม่ตรงกับใจออกมา
“แขนยังเจ็บอยู่หรือเปล่า”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะพี่ธานี” ดารกาตอบธานีกลับยิ้มๆ

ธานีทำท่าลังเลเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่พอมองไปที่ปัทมนก็เปลี่ยนใจ
“วันนั้นเหมือนน้องดากับพี่กำลังคุยอะไรกันค้างอยู่...”
ดารกากำลังจะตักอาหารเข้าปากถึงขั้นชะงักไป
“น้องดาจำไม่ได้แล้ว”
ธานีพยักหน้าน้อยๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินอาหาร
“ไม่เป็นไรจ้ะน้องดา เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”
ดารกายิ้มรับ ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็แอบชำเลืองมองธานีเป็นระยะ ๆ

ออกจากบ้านมาธานีเอาแต่นั่งเงียบอย่างใช้ความคิดไปตลอดทาง รัดเกล้าขับรถอยู่รู้สึกถึงความผิดปรกติของธานี
“ไม่สบายเหรอคะพี่ธานี”
ธานีชะงัก ปรายตามองรัดเกล้าแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“เอ้า ถามก็ไม่ตอบ ไม่อยากรู้ก็ได้นะ”
ธานีหันไปทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่พอหันกลับไปมองทางแล้วรีบเขย่าแขนรัดเกล้า
“เกล้าๆ เลี้ยวนี่เลยเกล้า เลี้ยวนี่ให้พี่ก่อน”
รัดเกล้าตกใจแต่ก็รีบหักพวงมาลัยเลี้ยวตามที่ธานีบอก
“อะไรกันพี่ธานี นึกจะเลี้ยวก็สั่งให้เลี้ยวมันอันตรายรู้ไหม แล้วนี่...”
ธานีรีบตัดบท
“เอาน่า ขอโทษนะ แต่อย่าเพิ่งบ่นอะไรยาวๆ เลย แล้วก็อย่าเพิ่งถาม”
“แล้วพี่ธานีจะไปไหน ไม่ไปทำงานหรือยังไง”
ธานีส่ายหน้ากึ่งเอ็นดูกึ่งขำรัดเกล้า
“ว่าแล้ว อุตส่าห์ดักว่าไม่ให้ถามก็ยัง...พี่จะแวะไปทำธุระก่อนนิดนึงน่ะ”
รัดเกล้าคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ธุระอะไรคะ สำคัญถึงขั้นต้องมาตอนนี้เลยเหรอคะ”
“สำคัญ” ธานีตอบทันควัน
“ยังไง หาใคร เกล้าจะหยุดรถตรงนี้เลย ถ้าพี่ธานีไม่บอกว่าจะไปไหน ธุระอะไร” รัดเกล้าซักเป็นชุด
ธานีชำเลืองมองรัดเกล้าแล้วยิ้มยียวน
“หาผู้หญิง”
รัดเกล้าหันขวับตาขวางถามธานีเสียงห้วน
“แฟนล่ะสิ ไม่บอกแต่แรกล่ะ” รัดเกล้าประชด
ธานีทำลอยหน้าไม่ตอบ รัดเกล้าเหยียบคันเร่งกระชากรถออกทันทีอย่างอารมณ์บ่จอย
“ทางไหนต่อล่ะ”
ธานีหัวเราะขำในท่าทีของรัดเกล้า

ชิกเก้นดันประตูเข้ามาในห้องแนนนี่ เห็นแนนนี่จากด้านหลังนอนตะแคงหลับอยู่
“แนนนี่ แนนนี่ตื่นได้แล้ว จะนอนอะไรนักหนา”
แนนนี่ยังคงนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ชิกเก้นกระโดดขึ้นไปบนเตียงใช้ขาเขี่ยๆ แตะตัวแนนนี่
“แนนนี่ แนนนี่ตื่นเถอะ”
แนนนี่ค่อยๆ หันหลังกลับมา
ชิกเก้นกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเห็นหน้าแนนนี่เป็นหน้าอิงอร
“แว้ก...”
“ตื่นแล้ว ตื่นก็ได้” แนนนี่บอกอย่างหงุดหงิด
ชิกเก้นกระโดดลงไปอยู่ที่พื้น มองแนนนี่ที่หน้าเป็นอิงอรเหวอ ๆ
แนนนี่ลุกขึ้นบิดตัวชำเลืองไปเห็นชิกเก้นหน้าเหวอๆ เลยแกล้งเดินเข้าไปหา
“มีอะไรกับฉันเหรอ”
ชิกเก้นมองแนนนี่แล้วนึกขึ้นได้
“แนนนี่”
แนนนี่หัวเราะขำชิกเก้นเสียงดัง ในขณะที่ชิกเก้นโกรธมาก
“ฉันจะฟ้องนายว่าเธอเล่นแบบนี้”
แนนนี่ยังคงหัวเราะไม่หยุดแล้วทำเสียงกระแอมในคอ
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม แหมไม่ต้องฟ้องหรอกน่า เพราะคราวหลังแนนนี่จะไม่ทำแล้ว...เปลี่ยนเป็นคนอื่นดีกว่า ไม่ชินเสียงตัวเองแหลมเกิ๊น”
แนนนี่ในร่างอิงอรพูดไปหน้าก็ค่อยๆ กลับมาเป็นแนนนี่คนเดิม
ชิกเก้นยังคงมองอย่างเคือง ๆ
แนนนี่จับหน้าตัวเองดูว่าคืนรูปอย่างเดิมเรียบร้อยหรือยัง
“เอ้า ว่าไงล่ะชิกเก้นมีอะไรเลยไม่พูดเลย”
ชิกเก้นมองแนนนี่อย่างไม่พอใจ ทำหน้างอนใส่ แล้วหันหลังเดินออกไปเลย

แนนนี่เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านมองไปรอบ ๆ แล้วบ่น
“อะไรกันเนี่ย ทำไมเหลือเรายู่คนเดียวที่บ้าน วันหยุดแท้ ๆ ไปไหนกันนักหนานะ”
แนนนี่ทำท่าจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน
“อาจารย์ครับ อาจารย์เดี๋ยวครับ”
โป่งตะโกนเรียกแนนนี่แล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้าไปหา แนนนี่ชะงักหันหลังกลับ
“ไง วันนี้จะให้ฉันช่วยล้างรถอีกเหรอไง หรือว่า...”
โป่งรีบยกมือห้ามแนนนี่พูด
“เดี๋ยวครับเดี๋ยวอาจารย์ ขอโป่งพูดก่อน ถ้าวันนี้ไม่ได้พูดไอ้โป่งอึดอัดตายแน่ครับ”
แนนนี่มองโป่งขำๆ อย่างสงสัย
“อะไรอีก มันสำคัญขนาดนั้นเลย”
โป่งหอบแฮ่ก ๆ แต่ยังรีบพูด
“โป่งว่าสำคัญครับ คือโป่งจะบอกว่า...โป่งไปเจอผู้หญิงคนนั้นมาครับ”
แนนนี่ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ทำตาโต
“แม่น่ะเหรอ คนที่บอกว่าเป็นแม่แนนนี่”
“นั่นแหละครับ ที่อาจารย์ให้โป่งไปสืบ โป่งไปเจอแกที่ตลาดแกเป็นแม่ค้าขายปลาอยู่ที่นั่น”
แนนนี่พยักหน้าอย่างพอใจเอามากๆ
“เยี่ยมมากนายโป่ง เดี๋ยวแนนนี่จะตบรางวัลให้อย่างงามไปสืบมาอีกนะ แล้วมาบอกแนนนี่เรื่อยๆ”
โป่งเดินนำแนนนี่เข้ามาในตลาดแล้วชี้ให้แนนนี่ดูที่ๆ เคยเจอมาลี
“ตรงนี้ครับ โป่งมั่นใจตรงนี้แน่ๆ คราวที่แล้วแกขายปลาอยู่ตรงนี้”
เวลาผ่านไป แนนนี่กับโป่งยังคงแอบนั่งซุ่มดูร้านขายปลาของมาลีอยู่ที่มุมหนึ่งของตลาด
“ไหนล่ะ ไม่มาสักที สงสัย...ถ้าไม่ผิดที่ก็คงไม่มาแล้วมั้งวันนี้” แนนนี่บ่นอุบ
โป่งทำหน้างง ๆ แล้วตัดสินใจชวนแนนนี่เดินกลับไปตรงร้านมาลี
“โป่งว่าไปถามแม่ค้าแถวนั้นดูดีกว่าครับอาจารย์ จะได้รู้ไปเลยว่าโป่งน่ะแม่น”
แนนนี่เห็นด้วยหันไปพยักหน้ากับโป่งแล้วลุกขึ้น แนนนี่เดินไปถึงร้านแม่ค้าร้านติดกันกับมาลี
“พี่คะไม่ทราบว่าพี่ที่ขายปลาตรงนี้ไม่มาเหรอคะ”
แม่ค้าเงยหน้าขึ้นตอบแนนนี่
“โอ๊ย นังมาลีน่ะเหรอ เอาแน่เอานอนกับมันไม่ได้หรอกหนู เดี๋ยวมาเดี๋ยวไม่มา วันนี้สงสัยจะมีคนมาเก็บดอกน่ะสิ มันเลยไม่มาน่ะ”
แนนนี่ฟังแล้วมองหน้าโป่งทำหน้างง ๆ
“เก็บดอกเหรอ”

อิงอรกำลังเอาแซนด์วิชจัดวางเรียงในจาน ชิกเก้นกระโดดตุ้บลงมาด้านหลังอิงอร
“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”
อิงอรขมวดคิ้วหันหลังขวับหาต้นเสียงแต่ไม่เห็นใคร ชิกเก้นใช้ขาแตะๆ ขาอิงอร
อิงอรตกใจก้มดูที่ขาตัวเองเห็นชิกเก้นยืนอยู่ โดยที่ชิกเก้นเงยหน้ามองอิงอรตาแป๋ว
“ทำมาเป็นมอง ฟอร์มเก่งนักนะ คราวนี้ฉันไม่หลงกลเธอหรอก”
อิงอรหน้าเหวอ ตาเบิกโพลง
“ไหนบอกจะไม่เอาหน้านี้แล้วไง หน้าตาแบบนี้โครงสร้างมันง่ายมากใช่ไหม หืม”
ชิกเก้นชักเอะใจว่าทำไมคราวนี้ยังไม่กลับเป็นหน้าแนนนี่อย่างเดิมเสียที
ว่าแล้วชิกเก้นก็กระโดดขึ้นบนชั้นที่อยู่ใน ระดับความสูงเดียวกับหน้าอิงอร แล้วเอามือไปทำเป็นดึงหน้าอิงอรยืดซ้ายยืดขวา
“ไหน ๆ เปลี่ยนกลับได้แล้วม้าง นี่แน่ะๆ”
อิงอรจ้องชิกเก้นช็อกตาตั้ง
ชิกเก้นเริ่มรู้สึกว่าเป็นอิงอรตัวจริงก็หัวเราะแหะๆ ใส่อิงอร
“เดี๋ยวนะ ใจเย็นๆ เดี๋ยวชิกเก้นนับให้ก่อน 1 2…3”
อิงอรอ้าปากกรีดร้องแล้ววิ่งจู้ดออกไปทันที ชิกเก้นมองตามอิงอรไปอย่างรู้สึกผิด

แนนนี่กับโป่งพากันมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านมาลี แนนนี่กวาดตามองสภาพบ้านรอบๆ แล้วถอนหายใจทำหน้าเศร้า
“นี่ถ้าเขาเป็นแม่ของแนนนี่จริงๆ นะ แนนนี่จะไม่ปล่อยให้มาอยู่ในที่แบบนี้อีกเลย แนนนี่จะพาเข้าไปอยู่ด้วยกันซะที่บ้านแม่ปัท”
โป่งมองตามแนนนี่แล้วไล่สายตามาหยุดอยู่ที่แนนนี่
“อาจารย์นี่สร้างภาพเป็นนางฟ้ากับเขาก็เป็นนะเนี่ย”
โป่งพูดเสร็จก็เดินตรงเข้าไปที่บ้านของมาลี แนนนี่มองตามโป่งแล้วร่ายมนตร์ชี้ไปที่ขาโป่ง จู่ๆ โป่งสะดุดขาตัวเองหน้าคะมำทันที
“โอ๊ย อาจารย์ใช่ไหม อาจารย์ทำโป่งใช่ไหม”
แนนนี่เดินผ่านโป่งไปทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ทั้งสองคนมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านมาลี
เป็นเวลาเดียวกับที่มาลีเปิดประตูออกมาพอดี แต่มองเห็นหน้าโป่งก่อนก็ขมวดคิ้ว พอมาลีมองเลยโป่งไปเห็นแนนนี่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยิ้มออกรีบเดินผ่านโป่งเข้าไปหาแนนนี่
“คุณหนู”
มาลีตรงเข้าดึงมือแนนนี่มาจับ
“แล้วก็อย่าไปที่บ้านนั้น หรือแสดงตัวว่าเป็นแม่ของดารกาอีก ไม่งั้นฉันก็จะไม่ เอาเงินมาให้อีกแล้ว”
มาลีนึกถึงคำพูดดารกาขึ้นมาได้รีบปล่อยมือแนนนี่
“อุ๊ย ฉัน เอ้อ แม่..ขอโทษจ๊ะ ไม่ควรจะจับ”

ส่วนทางด้านอิงอร วิ่งพรวดพราดเข้ามาที่บ้านจักรวาล
“คุณจักรคะ แมวผีค่ะคุณจักร คุณจักรอยู่ไหนเนี่ย”
จักรวาลโผล่ออกมาตกใจเสียงอิงอร
“อะไรกันครับคุณอิง เรียกซะเสียงดังขนาดนี้”
อิงอรเลิ่กลั่กคว้าแขนจักรวาลทันที
“ไปค่ะ คุณจักรไปดูให้เห็นกับตา”
จักรวาลขืนตัวไว้งง ๆ
“จักรวาล เดี๋ยวครับ ผมทำงานค้างไว้”
อิงอรออกแรงดึงจักรวาลให้เดินมาด้วยกัน
“งานน่ะเดี๋ยวกลับไปทำก็ได้ แต่ตอนนี้คุณจักรต้องไปดูแมวผีกับอิงก่อน เร็วค่ะเดี๋ยวมันหนีไปอีก”
จักรวาลจับมืออิงอรไว้แล้วพาเดินไปที่ตู้ยา
“แมวผี คุณอิงมานี่กับผมก่อนดีกว่าครับ”
อิงอรยอมให้จักรวาลดึงไปแบบงง ๆ จักรวาลหยิบขวดยาออกมาขวดหนึ่งจากตู้ยา
“คุณอรทานยาคลายเครียดนี่สักเม็ดนะครับ กลับไปจะได้นอนหลับสบาย”
อิงอรมองยาในมือจักรวาลแล้วโวยวาย
“อิงไม่ได้เครียดค่ะคุณจักร คุณจักรต้องตามอิงไปเดี๋ยวนี้จะได้เห็นกับตาว่ามันมีจริงๆ ไอ้แมวผีเนี่ย”
อิงอรคว้ามือจักรวาลแล้วยื่นข้อเสนอ
“ถ้าคุณจักรไปกับอิง อิงจะยอมเป็นกามเทพให้คุณจักรกับน้องปัท”
จักรวาลยิ้มออก และกลายเป็นฝ่ายลากมืออิงอรไปซะเอง
“เอ้า งั้นไปเลยครับรีบไปดูเลยเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวมันจะหนีไปนะครับคุณอิง”
อิงอรหน้าเหวอไป ถึงกับหมดแรงก้าวขาไม่ออก

รัดเกล้าเดินตามธานีปากก็บ่นไปตลอดทาง
“โธ่เอ๊ย ก็ว่าแล้ว ผู้หญิงที่ไหน..ที่แท้ก็ผู้ชายผู้หญิงคู่นั้น”
ธานีหันกลับมามองรัดเกล้าแล้วแกล้งเร่ง
“บ่นเป็นยายแก่อีกแล้ว เร็วเข้า รีบ ๆ เดิน พี่อยากรู้เต็มทีละว่าน้องดามาที่นี่ทำไม”
รัดเกล้าทำหน้าเบ้ใส่ แต่ก็รีบจ้ำตามธานีเข้าไป

แนนนี่พยายามพูดกล่อมให้มาลียอมไปหาปัทมนด้วยกัน
“คุณน้าต้องไปเจอแม่ปัทกับแนนนี่ค่ะ ยังไงก็ต้องไป อ้อ นอกจากแม่ปัทแล้วยังมีคุณยายของแนนนี่อีกคน นะคะคุณน้าไปกับแนนนี่”
มาลีทำหน้างงเกือบจะคล้อยตามแนนนี่
“ต้องไปเหรอ แต่...”
คำพูดของดารกาลอยเข้ามาในหัวมาลี
“แล้วก็อย่าไปที่บ้านนั้น หรือแสดงตัวว่าเป็นแม่ของดารกาอีก ไม่งั้นฉันก็จะไม่เอาเงินมาให้อีกแล้ว”
มาลีสะบัดมือออกจากแนนนี่ปฏิเสธลนลาน
“ไม่น้าไปไม่ได้ น้าไม่ไป”
แนนนี่ดึงมือมาลีขึ้นมาอีก
“คุณน้าจะกลัวอะไรคะ แม่ปัทกับคุณยายของไม่น่ากลัวหรอกค่ะ” แนนนี่พยายามอธิบาย
เวลาเดียวกันนั้นรัดเกล้ากับธานี ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของมาลี รัดเกล้ากับธานีมองไปเห็นแนนนี่กำลังยื้อยุดกันอยู่มีโป่งยืนอยู่ไม่ไกล รัดเกล้าทำหน้างง
“พี่ธานีว่าน้องดาที่เป็นคนมาที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ แต่ที่เราเห็นกันตรงหน้ามันแนนนี่ชัดๆ”
ธานีเกาหัวตัวเองงงไม่แพ้รัดเกล้า
“นี่มันอะไรกัน ตกลงคนที่มีลับลมคมในไม่ใช่น้องดา”
“วันก่อนพี่ธานีก็บอกเกล้าเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าแม่ที่แท้จริงของแนนนี่มาหาน่ะ”
เสียงสดับดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เฮ้ย มาลับๆ ล่อๆ อะไรกันหน้าบ้านฉันวะ”
สดับเดินมาหยุดอยู่ที่หลังรัดเกล้ากับธานี รัดเกล้าตกใจรีบหลบไปอยู่หลังธานี
ธานีได้สติไวกว่ารีบทำเป็นกอดคอรัดเกล้าทำตัวเป็นพวกเด็กแว้นท์
“อ้าว นี่บ้านพี่เองเหรอ งั้นก็ไม่ใช่บ้านไอ้พงศ์น่ะสิ โธ่เว้ย”
ธานีทำท่าเหมือนคนหัวเสีย สดับก้มมองหน้ารัดเกล้ากับธานี
“ไอ้พงศ์ไหน ที่นี่ไม่มี พวกเอ็งมาจากไหนเนี่ยข้าไม่เคยเห็นหน้า”
รัดเกล้ามองหน้าธานีตามมุกไม่ทัน ธานีรีบทำขยิบตาให้รัดเกล้าคราวนี้รัดเกล้าเริ่มเก็ต เข้าใจเลยทำเนียนตามธานี
“เออ นั่นสิพี่ ไอ้พงศ์นะไอ้พงศ์บอกทางแค่นี้ก็บอกไม่รู้เรื่อง ขัดใจจริงๆ”
ธานีแอบสะกิดรัดเกล้าให้เตรียมตัวแล้วหันไปหาสดับ
“โทษทีพี่ เพื่อนฉันมันบอกทางผิดมา ไปดีกว่าฉันหิวจะตายอยู่ละ ไอ้พงศ์เอ้ย ถ้าเจอละมึงน่าดูแน่”
ธานีกับรัดเกล้าหันหลังกลับรีบกอดคอกันเดินออกไป

ธานีกับรัดเกล้าเดินออกมาจนถึงบริเวณหน้าชุมชน รัดเกล้าถึงกับหอบแฮ่กๆ ธานีมองกลับเข้าไปในชุมชนท่าทางเหมือนลังเลรัดเกล้ามองธานีอย่างรู้ทันความคิดอีกฝ่าย
“เกล้าว่าพี่ธานีไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ แนนนี่มีโป่งอยู่ด้วย”
ธานียังมีสีหน้าเป็นกังวลไม่คลาย
“พี่ว่าน้องเกล้าไปนั่งรอพี่ในรถดีกว่า เดี๋ยวพี่จะลองย้อนกลับไปดูเผื่อว่า...”
รัดเกล้าดึงแขนธานีไว้
“ไม่มีเผื่ออะไรหรอกค่ะ เกล้าว่ายิ่งพี่ธานีเข้าไปมันจะยุ่งยากกันเข้าไปใหญ่ อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าน้องดาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
ธานีถอนหายใจอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก
“เรานี่มันเทคไซด์น้องดาชัดๆ”
รัดเกล้ากระตุกแขนธานีให้เดินออกไปด้วยกัน
ธานีมองเข้าไปในชุมชนอีกครั้ง แล้วตัดสินใจเดินกลับออกไปกับรัดเกล้า

ส่วนทางมาลีพยายามพูดกล่อมให้แนนนี่กลับไปก่อน
“วันนี้น้าว่าหนูกลับไปก่อนเถอะ น้ายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”
แนนนี่ทำหน้ายุ่ง
“น้านี่ยังไง เจอกันครั้งแรกก็บอกแนนนี่ว่ากำลังลำบาก อยากให้แนนนี่ช่วย แล้วพอแนนนี่จะช่วยกลับมาไล่ให้กลับ”
มาลีปรายตาเข้าไปในบ้านแว่บหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปดันหลังให้แนนนี่กลับ
“ไม่แล้วตอนนี้ไม่ลำบากแล้ว ไปเถอะนะหนูกลับไปก่อนเชื่อน้าเถอะ”
แนนนี่ขืนตัวไว้ไม่ยอมท่าเดียว
ที่ซอกอับๆ มุมหนึ่งในบ้านดารกานั่งซุกตัวอยู่ เหงื่อแตก ลุ้นให้แนนนี่รีบกลับไปเร็ว ๆ
“จะดื้ออะไรกันนักหนานะ กลับๆ ไปก็หมดเรื่อง ฉันจะได้ออกไปซะที ร้อนก็ร้อน เหม็นก็เหม็นจะแย่อยู่แล้ว”
มาลีดันตัวแนนนี่ไปจนเกือบจะถึงประตูบ้าน
“เชื่อน้านะ กลับไปซะ”
โป่งมายืนข้างแนนนี่พยักหน้าชวนแนนนี่กลับ
“กลับเถอะอาจารย์ คราวหน้าให้โป่งพามาใหม่ก็ยังได้”
แนนนี่มองหน้าโป่งสลับกับมาลี ทำท่าจะยอมออกไปแต่โดยดี จังหวะนั้นสดับก็เดินอาดๆ เข้ามาในบ้าน มองหน้าแนนนี่ทีโป่งที แนนนี่ชะงักแล้วหันไปหามาลี
“ใครอ่ะน้า”
มาลีจะอ้าปากตอบแต่สดับชิงตอบขึ้นซะก่อน
“ฉันเป็นผัวนังมาลี”
แนนนี่ยิ้มออกมา แล้วเดินวนรอบตัวสดับอย่างพิจารณา
“งั้นก็แปลว่า...”
แนนนี่หันไปคุยกับโป่ง
“ฉันก็มีพ่อกับเขาด้วยเหมือนกันนะโป่ง”
สดับได้ยินแนนนี่พูดเริ่มมองแนนนี่อย่างสนใจ
มีเสียงลูกค้าดังขัดจังหวะขึ้นมา “นังมาลี ซื้อปลาหน่อยสิ นังมาลี”
พร้อมกันนั้นลูกค้าผัวเมียกำลังเดินเข้ามาในบ้าน
ดารกาซ่อนตัวอยู่ในมุมอับมองสองผัวเมียลูกค้าอย่างขัดใจ แววตาเริ่มเปลี่ยนสี เพราะโกรธจัด!!
“จะมาซื้ออะไรตอนนี้ โธ่เอ๊ย”
“จัดการมันเลยลูกพ่อ ใครขัดใจก็จัดการมันซะ” เสียงอสูรดังขึ้นมาในความคิดดารกา
แววตาของดารกาเปลี่ยนเป็นสีแดงวูบวาบ จ้องไปที่ลูกค้าผัวเมีย ลูกค้าผัวเมียสะดุ้งเฮือกเหมือนโดนสะกด หันหน้าเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้อยากกินปลา สะเออะนักนังนี่” ฝ่ายผัวว่า
“อ้าว ก็แกเองที่บอกให้แวะมาซื้อ” เมียเถียง
ผัวออกอาการโมโห ยกมือขึ้นตบหน้าเมีย จนเมียเซไป แล้วลุกขึ้นก็พุ่งจะตบหน้าผัวกลับ แนนนี่มองตามอย่างตกใจจะพุ่งตัวเข้าไปช่วยแยก โป่งมือไวดึงตัวแนนนี่ไว้ทัน
“ไปเถอะอาจารย์ มันชักจะวุ่นวายอยู่ไม่ได้แล้วเชื่อโป่งเถอะ”
แนนนี่มองหน้ามาลีทีโป่งที แล้วตัดสินใจเดินออกไปกับโป่ง
ดารกาเห็นแนนนี่ออกไปพ้นแล้ว ก็รีบเดินออกมาแหวใส่มาลีเสียงดัง
“น้านี่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ มิน่าเล่าถึงได้...”
สดับเห็นดารกาออกมาเอาเรื่องมาลี ก็ตรงรี่เข้าไปจะทำร้ายดารกาเงื้อมือขึ้น
“นังเด็กนี่มันกร่างนัก เดี๊ยะ”
อสูรพุ่งเข้าร่างสดับทันที สดับสะดุ้งวูบขึ้นมือที่เงื้อขึ้นมากลายเป็นตบหัวตัวเอง
สดับพยายามเอามืออีกข้างจับมือตัวเองไว้ แต่คุมไม่อยู่ตบหัวตัวเองซ้ำอยู่อย่างนั้น
“โอ๊ย โอ๊ย อะไรวะ โอ๊ย”
มาลีกับดารกายืนมองอย่างตะลึง

แนนนี่กำลังสอดส่ายสายตาหาอาหารแมวรุ่นล่าสุดบนเคาน์เตอร์ในซูเปอร์มาเก็ต
“แนนนี่เพิ่งเห็นยี่ห้อล่าสุดมันโฆษณาไม่กี่วันนี่เอง รับรองชิกเก้นต้องชอบแน่ ๆ ไหนน๊า อยู่ไหนน๊า ออกมาให้ชิกเก้นของแนนนี่กินซะดี ๆ
ชิกเก้นเงยหน้ามองแนนนี่จากกระเป๋าสะพายอย่างหมั่นไส้ แนนนี่ก้มลงมองชิกเก้น
“โธ่ โกรธอยู่ได้เดี๋ยวซื้อให้ 2 กระป๋องเลยเอ๊า”
ชิกเก้นโผล่ขึ้นมาจากกระเป๋าบ่นอุบ
“ไม่ต้องมาง้อเลย 10 กระป๋องก็หายโกรธ”
ชิกเก้นพูดจบก็มุดลงในกระเป๋าเหมือนเดิม แนนนี่เอื้อมหยิบอาหารแมวลงมา
“ไหนๆ ชิกเก้นก็จะไม่หายโกรธละซื้อดีไหมน๊า เสียดายจังอุตส่าห์หาจนเจอ”
คราวนี้ชิกเก้นตะโกนออกมาจากกระเป๋า
“เอามาลองก่อน 3 กระป๋อง”
แนนนี่ยิ้มเอื้อมหยิบลงมาอีก 2 กระป๋อง
“ถ้าหายโกรธแล้วชิกเก้นก็ต้องช่วยติดต่อยายให้แนนนี่แบบด่วนๆ ด้วยน๊า แนนนี่คิดถึงยายทาฮิร่าใจจะขาดอยู่แล้ว”
ชิกเก้นโผล่ขึ้นมาจากกระเป๋า
“ยัง ยังไม่หายโกรธง่ายๆ มีอย่างเรอะแอบไปบ้านน้ามาลีโดยไม่ปรึกษาชิกเก้นก่อน ถ้านายรู้เข้าชิกเก้นต้องเดือดร้อนแน่ๆ”
แนนนี่ก้มหน้าลงใกล้กระเป๋าแล้วยื่นอาหารแมวเป็นการง้อชิกเก้น
“แหม แนนนี่ขอโทษ ขอโทษแล้วขอโทษอีก นี่เสียตังค์ขอโทษด้วยนะเนี่ย”
ชิกเก้นมองอาหารแมวในมือแนนนี่แล้วเลียปากแผล่บ ๆ แต่ยังทำเป็นงอน
“รู้ตัวไหมตอนนี้ทั้งตัวมีแต่กลิ่นอสูรไปทั้งตัว”
แนนนี่ทำหน้างอน้อยใจชิกเก้น
“ชิกเก้นตัดสินว่าแนนนี่เป็นอสูรแค่เพราะกลิ่นน่ะเหรอ”
ชิกเก้นเห็นหน้าแนนนี่ก็เริ่มใจอ่อนยอมโผล่ออกมาคุยด้วย
“ยังไงซะตอนนี้ก็ติดต่อนายไม่ได้เด็ดขาด นายสั่งไว้ลืมแล้วหรือไง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแท้ ๆ เอาน่าเดี๋ยวนายก็มาหาเองแหละ”
ระหว่างนั้นบาบาร่ากำลังเอื้อมมือจะหยิบอาหารแมวให้ไทเกอร์ไม่ห่างจากแนนนี่นัก
“นี่ มันต้องตัวนี้รับรองอร่อยเด็ดฉันเพิ่งเห็นจากโฆษณา แต่อึ๊ยไหงวางซะลึกกันล่ะเนี่ย”
พอแนนนี่หันหลังมา เห็นคนกำลังพยายามเอื้อมจะหยิบอาหารแมวจึงตรงเข้าไปช่วย แนนนี่เอื้อมหยิบอาหารแมวส่งให้บาบาร่าโดยไม่มองหน้า
“นี่ค่ะ เราซื้อเหมือนกันเลย” แนนนี่ว่า
บาบาร่าเองก็มัวแต่มองอาหารแมวในมืออย่างชื่นชม
“เหรอคะ แหมขอบคุณมากนะคะ” บาบาร่าพูดพลางหันวางอาหารแมวในรถเข็น
แนนนี่จับมือชิกเก้นขึ้นโบก
“บ๊ายบาย บาย”
แนนนี่เห็นบาบาร่าเงยหน้าขึ้นจากรถเข็นก็สะดุ้งวาบรีบหันหลังกลับเผ่นหนีทันที
“นั่นมัน...แม่มดบาบาร่า ตายแล้วยัยแนนนี่”
บาบาร่ามองอาหารแมวอื่น ๆ ที่ชั้นต่อไป
ไทเกอร์มัวแต่แหงนคอดูพรีเซนเตอร์แมวสาวในหนังโฆษณาอาหารแมว

ดารกากลับมาถึงบ้านกำลังจะเดินผ่านสวนไป แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นธานีกับรัดเกล้ายืนคุยกันอยู่
ดารกาขมวดคิ้วตัดสินใจค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ เป็นจังหวะที่ธานีกำลังจะแยกย้ายกับรัดเกล้า
“พี่ขอร้องนะเกล้า เก็บเรื่องที่เราเจอแนนนี่ไว้เป็นความลับก่อน”
รัดเกล้าพยักหน้า
“เกล้าก็ไม่รู้จะบอกใครไปทำไมอยู่แล้ว”
ดารการู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร ดารกามีสีหน้าครุ่นคิด
“ที่แท้พี่ธานีกับพี่เกล้าก็ตามเราไป”

อาหารหมาถูกวางเอาไว้บนโต๊ะ มีชิกเก้นกอดอกมอง “อาหารหมา” หน้าตูมอยู่ แนนนี่คว้ากระป๋องอาหารคืนมาแบบเคืองๆ
“ก็แหม จะโทษแนนนี่ก็ไม่ได้นะ เวลานั้นหยิบอะไรได้ก็หยิบแล้ว ใครจะไปคิดว่าบาบาร่าจะไปซื้อของที่นั่นเหมือนกัน”
ชิกเก้นกระโดดลงไปอยู่ข้างๆ แนนนี่
“บาบาร่าที่ไหนกัน มนุษย์ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนแม่มดมีออกถมไป” ชิกเก้นไม่เชื่อ
“ไม่นะชิกเก้น บาบาร่าจริงๆ แนนนี่จำได้ อ้อ แถมยังมีเจ้าไทเกอร์มาด้วย แนนนี่ไม่มีทางจำผิดแน่ๆ”
ชิกเก้นทำท่าไม่สนใจฟัง
“เอาเถอะ ๆ ไม่ต้องมาเฉไฉอะไรแล้ว รีบ ๆ เข้าไปอยู่ในตะเกียงแก้ว แล้วเรียนตำราให้มันจบเล่มซะที ชิกเก้นจะได้ไม่ต้องคอยมานั่งเฝ้าระวังความปลอดภัยของแนนนี่ 24 ชม.อย่างนี้”
แนนนี่เดินหน้าม่อยไปที่ตะเกียงแก้ว แต่ก็พลันชะงักเขม้นมองออกไปที่นอกหน้าต่าง
แนนนี่เห็นบาบาร่ากับไทเกอร์ขี่ไม้กวาดผ่านไป แนนนี่ตกใจรีบชี้ให้ชิกเก้นดู
“บาบาร่า นั่นไง บาบาร่า ชิกเก้นดูสิ ไทเกอร์ก็ด้วยเห็นไหม เร็ว ๆๆๆ” แนนนี่ร้อนรนสุดโต่ง
ชิกเก้นทำท่าเบื่อหน่าย กระโดดขึ้นมาที่ขอบหน้าต่างมองออกไป
“ไหน บาบาร่ากับไทเกอร์ของเธอ ไหน อยู่ไหนแล้ว”
แนนนี่พรวดพราดไปที่หน้าต่าง ผลักชิกเก้นออกไปแล้วชะโงกหน้ามองไปทางบ้านอิงอร
“ไปทางนั้น บ้านป้าอิง”

บาบาร่ากับไทเกอร์เดินสำรวจบ้านอิงอรอย่างถือวิสาสะ ที่เครื่องจับสัญญาณดังขึ้นถี่ยิบและดังมาก
“ดังขนาดนี้ ฉันไม่พลาดแน่เจ้าไทเกอร์เอ๋ย”
บาบาร่าเดินสอดส่ายสายตาไปทั่ว ๆ ไทเกอร์ทำจมูกฟุดฟิดพยายามจะสูดกลิ่นอสูร แต่ไม่ได้กลิ่น
“เครื่องดังเอาๆ แต่ทำไมไทเกอร์ไม่ยักจะได้กลิ่น”
บาบาร่ามองไทเกอร์อย่างตำหนิ
“จมูกเจ้ามันจะมาสู้อะไรกับเครื่องนี่ฮ๊า”
ไทเกอร์มองบาบาร่าและเครื่องจับสัญญาณอย่างหมั่นไส้
“เชอะ เครื่องมันพังเมื่อไหร่อย่ากลับมาง้อจมูกไทเกอร์ก็แล้วกัน”
บาบาร่าชูเครื่องจับสัญญาณขึ้น
เครื่องจับสัญญาณดังถี่และดังขึ้นกว่าเดิม บาบาร่าแหงนมองที่ชั้นบนของบ้าน
บาบาร่า ไป เจ้าไทเกอร์อสูรมันต้องอยู่ที่ชั้นบนนั่นแน่ ๆ

ดารกาเดินไปหยุดอยู่ไม่ไกลธานีกับรัดเกล้า แล้วทำทีเป็นป้องปากคุยโทรศัพท์มือถือ
“ต่อไปแนนนี่ก็ไม่ต้องไปเหยียบที่นั่นอีกแล้วนะ มีอะไรก็บอก พี่ดาจะไปให้เอง เหมือนคราวก่อนที่แนนนี่ฝากเงินไปให้พ่อกับแม่น่ะ”
ธานีกับรัดเกล้าเดินเข้ามาพอดีได้ยินที่ดารกาคุยทั้งหมด ธานีกับรัดเกล้ามองหน้ากันงง ๆ
ดารกาทำเป็นไม่เห็นธานีกับรัดเกล้า ยังคงทำท่าป้องปากพูดโทรศัพท์ต่อไป
“แค่นี้ก่อนนะแนนนี่ พี่ดาต้องไปแล้วเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะยุ่ง
ดารกาทำเป็นกดวางสายแล้วมองซ้ายขวาเดินออกไป รัดเกล้ามองตามดารกาไปแล้วส่ายหัวอย่างเห็นใจ
“โถ น้องดาช่วยแนนนี่แล้วยังจะมาถูกพี่ธานีเข้าใจผิดอีก”
ธานีมองตามที่ดารกา แล้วหันกลับมาที่รัดเกล้าพูดไม่ออก

บาบาร่ากับไทเกอร์เข้ามาถึงห้องนอนอิงอร ทั้งคู่แยกย้ายกันหยิบนู่นจับนี่จนมาถึงลิ้นชักหนึ่ง เครื่องจับสัญญาณดังขึ้นถี่ยิบ ไทเกอร์กระโดดผลุงมาอยู่ข้าง ๆ บาบาร่า
บาบาร่ากับไทเกอร์ก้มหน้าลงแทบจะติดกับลิ้นชักแล้วหันมองหน้ากันพยักหน้า
บาบาร่าดึงลิ้นชักเปิดออกมา ภาบในลิ้นชักเห็นตุ๊กตามัดเชือกผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่ง บาบาร่าหยิบตุ๊กตาคู่ขึ้นมา เครื่องจับสัญญาณดังลั่น
“โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็ตุ๊กตาคุณไสย มันมีพลังมืดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ถ้าไม่ใช่ก็รีบไปกันเถอะ ตอนนี้เจ้าของบ้านเขาไม่อยู่รู้ไหมมันเหมือนกับเราสองคนกำลังเป็นโจรกันเลยนะ”

ไทเกอร์สะกิดเร่งบาบาร่ายิกๆ







Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 21:27:22 น.
Counter : 498 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]