All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 12



“ลุงว่าธานีฝันไปละมั้ง” จักรวาลออกความเห็นหลังจากฟังธานีเล่าเรื่องประหลาดเมื่อคืนให้ทุกคนฟัง

โป่งมีสีหน้าตื่นเต้นกว่าใคร “คุณธานีฝันถึงผู้หญิง ผู้หญิงนี่มันเลขอะไร พี่ผาด”
ทุกคนค่อยๆ เบือนหน้ามามอง
ผาดใคร่ครวญก่อนจะทายฝันออกมาเป็นเลข อย่างผู้ชำนาญ
“เลข 5 หรือเลข 6 ก็ได้ แต่ผู้หญิงที่คุณธานีฝันน่าจะเป็นนางฟ้า”
“นางฟ้าก็เลข 9 ชัวร์ คุณธานีฝันดี ฝันดีมาก
“แล้วทั้งหมดรวมกันมันเลขอะไรล่ะ” พรรีบซัก
ทั้งสามคนคุยกันเต็มที่โดยไม่รู้สึกตัวว่า ทุกคนในที่นั้นเหล่อยู่
“นางฟ้ามาให้ความช่วยเหลือก็...”
จักรวาลกระแอมขัดจังหวะใบ้หวยขึ้น “อะแฮ้ม...ไอ้โป่ง”
“ผาด! พร!” ปัทมนเสียงเขียวใส่ฝั่งของตัวเอง
“ครับ” โป่งขาน
“ขา...” ผาดกับพรประสานเสียง สีหน้าเจื่อนไป
“ลูกฉันไม่ใช่เจ้าพ่อใบ้หวยนะจ๊ะ” ปัทมนว่ายิ้มๆ
ทั้งสามคนยิ้มแห้งๆ
“มันเป็นธรรมดาของคนไทยครับ” โป่งบอก
“ฉันก็เป็นคนไทย...ทำไมถึงไม่เล่นหวยล่ะ” จักรวาลค้าน
โป่งตบเข่าฉาด
“งั้นคราวนี้มาร่วมวงไพบูลย์มั้ยครับ...เริ่มแรกนี่เอาน้อยๆ ก่อน...พอต่อไปชักจะชำนาญขึ้นเหมือนผม” โป่งว่า
“ไอ้โป่ง!” จักรวาลเสียงดังขึ้นกว่าเมื่อครู่อีก
“ขอรับ” โป่งขานรับเสียงดังตาม
“แกกลับไปเลย!” จักรวาลออกคำสั่ง
“อ้าว! แล้ว!” โป่งยังไม่ยอม
“กลับไป” จักรวาลเสียงดังกว่าทุกครั้ง
“เจ้านายไล่นี่เลขอะไรพี่ผาด” โป่งทิ้งทวนหันมาทะเล้นถามผาด
จักรวาลลุกขึ้นอย่างเหลืออด โป่งรีบวิ่งจู๊ดออกไป ธานีมองตามยิ้มๆ
“ขอโทษนะครับ คุณปัท...ธานีด้วย...ลุงขอโทษที่ไอ้โป่งมันวุ่นวาย”
“ไม่เป็นไรครับ...สนุกดี” ธานียิ้มรับ
“ผาดกับแม่พรนี่ก็เอาเรื่องเหมือนกัน” ปัทมน
“แต่มันก็น่าแปลกนะครับ ที่พอตื่นเช้าผมก็ดีขึ้นเยอะ ขยับแข้งขยับขาได้เลย” ธานีตั้งข้อสังเกต
“อาจจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองน่ะลูก” ปัทมนบอก
ธานีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด

โป่งถูกไล่ก็กลับมาบ้าน และนั่งดื่มโอเลี้ยง ด้วยสีหน้าท่าทางใช้ความคิดเต็มที่
“นางฟ้ามาช่วยคุณธานี นางฟ้าก็เก้า แล้วคุณธานีเลขอะไรล่ะ”
“นายโป่ง” เสียงบานเย็นบาบาร่าเรียกขึ้น
โป่งกำลังคิดเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งเฮือก โอเลี้ยงหก โป่งหันมามองตามเสียง
“คุณแม่บ้านบานเย็นคนนี้นี่เอง เล่นเอาตกอกตกใจโหม้ด...ด”
“บ้านนั้นเป็นยังไงบ้าง” บาบาร่าถามเสียงเรียบ
“บ้านนั้นก็เป็นบ้านนั้น ...จะเป็นบ้านนี้หรือบ้านโน้น...บ้านโน้นไปไม่ได้” โป่งทะเล้น กวนกลับ
“เคยถูกสาปมั้ย” บาบาร่าถามเสียงขุ่น
“ยังเลยครับ...อยากจะลองเหมือนกัน”
“แกต้องได้โดนแน่!...” บาบาร่าเว้นนิดหนึ่ง “คุณธานีเป็นยังไงบ้าง”
“เกือบจะหายแล้วครับ” โป่งบอก
“ไม่ใช่เกือบจะตายเรอะ” บาบาร่าโพล่งขึ้นมา
โป่งทำทีเป็นมองซ้ายมองขวา ทำเสียงลดลง เหมือนกลัวว่าใครจะได้ยิน “คุณธานีบอกว่ามีนางฟ้ามาช่วยครับ”
“นางฟ้า” บาบาร่านิ่วหน้า ประหลาดใจ
“ครับ...ไม่งั้น คุณธานีจะเกือบหายหรือครับ”
สีหน้าบาบาร่าเวลานี้ครุ่นคิดอย่างหนัก

การหายป่วยราวปาฏิหาริย์ของธานี เลยเป็นประเด็นของสองนายบ่าวในเวลาต่อมา
“เพิ่งรู้ว่าอสูรก็มีน้ำใจกับเขาเหมือนกัน!” ไทเกอร์ออกความเห็น
“นี่แหละที่ฉันว่าแปลก ไอ้ที่ทำร้ายธานีตกบันไดเกือบตายน่ะเป็นวิสัยของพวกมัน แต่ที่เปลี่ยนใจช่วยชีวิตน่ะไม่เคยปรากฏ” บาบาร่าคาใจอย่างแรง
“หรือว่ามันคิดจะกลับเนื้อกลับตัว” ไทเกอร์ว่า
บาบาร่านิ่งคิดครู่หนึ่ง “ฉันพอจะนึกออกแล้ว...มันคงพยายามจะกลบเกลื่อนร่องรอยไม่ให้ฉันสงสัย”
“เมี้ยว” ไทเกอร์ดูเหมือนจะเห็นด้วย
“ไม่มีเสียละ ฉันต้องกำจัดมันให้ได้...โดยที่ทาฮิร่าไม่มีเอี่ยวด้วยเด็ดขาด ... ฝีมือฉันเองล้วนๆ”
น้ำเสียงบาบาร่าขณะพูดมุ่งมั่นเกินร้อย

ค่ำนั้นภายในห้องรับแขกแนนนี่กำลังนั่งประจบธานี โดยมีปัทมนนั่งอยู่ด้วย
“พี่ธานีของแนนนี่เก๊ง... เก่ง หายเร็วยังกับโกหก เนี่ย...ต้องแสดงว่า พี่ธานีมีบุญ”
“พูดมาก เกรดออกหรือยังล่ะเรา” ธานีโยกหัวแนนนี่เอ็นดู
“ยังไม่ได้สอบเลยค่ะ” แนนนี่บอกยิ้มๆ
“พูดถึงเกรด...เทอมที่แล้ว แม่ยังไม่ได้รับจดหมายรายงานผลสอบแนนนี่เลย”
คำพูดปัทมน ทำเอาทุกคนมองมาที่แนนนี่เป็นตาเดียว
“อ้าว! จริงหรือคะ...ไปรษณีย์ต้องทำหายแน่ๆ เลย ใช้ไม่ได้” แนนนี่ทำหน้าตาย
“จะหายได้ยังไงในเมื่อลงทะเบียน” ปัทมนแกล้งแย้ง
“งั้นฉบับของแนนนี่ต้องลืมลง” แนนนี่ดำน้ำแถไปอีก
“ไปได้น้ำขุ่นๆ เลยนะเรา” ธานียิ้ม
“ไปดีกว่า” แนนนี่ว่าพลางลุกขึ้น
“ไปไหน” ปัทมนถาม
“ไปชวนพี่เกล้ามาเยี่ยมพี่ธานีค่ะ”
ธานีสะดุ้ง ขณะที่แนนนี่เดินแกมวิ่งออกไป
“แก่แดดแก่ลม”
ปัทมนย้พลางหันมามองธานี ในขณะที่ธานีมีสีหน้าขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด

แนนนี่เปิดประตูออกมา เป็นจังหวะที่คนรถขับพาดารกากลับมาถึงหน้าบ้านพอดี คนรถลงมาเปิดประตู
ดารกาผินหน้ามามอง แนนนี่ซึ่งทำท่าจะเดินเลยไปบ้านภวัต เปลี่ยนใจเดินกลับมาเคาะกระจก ดารกากดกระจกลง
“ได้ข่าวว่าพี่ให้ของขวัญวันเกิดพี่ภวัตก่อนใครเพื่อนเลยหรือคะ”
“ใครบอกเธอ” ดารกาฉุน แต่พยายามเก็บอาการณ์
“แนนนี่ตาทิพย์ แต่สงสัยว่าพี่ภวัตจะได้ใช้ผ้าเช็ดตัวยั่วสวาทหรือเปล่าน้า”
แนนนี่พูดเยาะ แล้วเดินเลยไปโดยไม่ฟังดาเรียก
“แนนนี่! แนนนี่!”
คนรถซึ่งยืนรอ สองสาวคุยกัน ขึ้นรถแล้วขับเข้าบ้าน ขณะที่ดารกานั่งคอแข็ง

รัดเกล้ากำลังชื่นชมพรรณไม้ดอกในบ้าน และเดินก้มดมหากลิ่นดอกไม้ไปเรื่อยๆ
“ตรงนี้ก็ไม่ใช่”
เสียงแนนนี่เรียกนำมาก่อนตัว “ทำอะไรคะ พี่เกล้า”
รัดเกล้าหันมามอง “อ้าว! แนนนี่!”
“พี่เกล้ากำลังหาอะไรน่ะ”
“กลิ่นดอกอะไรก็ไม่รู้ หอมจัง! พี่ได้กลิ่นแถวๆ นี้ แต่ไม่รู้ว่า อยู่ตรงไหน” รัดเกล้าดมต่อ
แนนนี่ยืนสูดกลิ่นครู่หนึ่ง “อ้อ! ดอกปริศนาน่ะค่ะ...แนนนี่ซื้อมาให้คุณลุงเมื่อเดือนที่แล้ว...หอมจังนะคะ”
“หอมมาก! แนนนี่มาหาพี่ภวัตเหรอ...ดูเหมือนจะยังไม่กลับนะ” รัดเกล้านึกได้ถามเรื่องธุระแนนนี่
“เปล่า! แนนนี่มาหาพี่เกล้า”
รัดเกล้าชะงัก มีสีหน้าแปลกใจ ระหว่างนั้นสองสาวไม่รู้ตัวว่าบาบาร่าแอบดู อยู่
“จะชวนไปเยี่ยมพี่ธานีน่ะค่ะ...เพิ่งกลับบ้านเมื่อตอนสายๆ วันนี้เอง”
“เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่ามั้ย วันนี้มืดแล้ว” รัดเกล้าทำท่าอิดออดเล็กๆ
“ไม่ได้ค่ะ ต้องไปตอนนี้เลย ไม่งั้นคืนนี้พี่ชายแนนนี่นอนไม่หลับแน่”
แนนนี่ไม่ฟังข้ออ้าง พูดพลาง จูงแกมลากรัดเกล้าไป ในขณะที่บาบาร่ามองตามอย่างครุ่นคิด

“น้องดาต้องขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยม” ดารกาเอ่ยขอโทษขึ้นขณะเดินเข้ามาหาธานี
“ใครบอก น้องดาช่วยคุณแม่พาพี่ไปโรงพยาบาล” ธานีรีบขัดขึ้น
“แต่น้องดาก็ควรจะไปอีกหลายๆ ครั้ง”
“พี่อยู่โรงพยาบาลแค่ 2-3 วันเอง แล้วน้องดาก็เรียนหนัก” ธานีว่า
“แนนนี่ก็เรียนหนัก” เสียงแนนนี่ดังขึ้นมาก่อนตัว
ธานีและดารกาหันมามอง เห็นแนนนี่เดินนำรัดเกล้าเข้ามา ดารกายิ้มบางๆ
“พี่เกล้ามาแล้ว...เชิญค่ะ พี่เกล้า”
“ทำไมหายเร็วจัง” รัดเกล้าถามกวนๆ
“อ้าว! ทำไมถามแปลกๆ” ธานีงง
“ก็มันจริงนี่คะ...กระดูกแทบจะหักทั้งตัวมั้ง” รัดเกล้าว่า
“มากไป” ธานีโต้
“คุยกันไปก่อนนะคะ แนนนี่จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” แม่สื่อแนนนี่ขอตัว
“น้องดาก็เหมือนกัน พี่ธานีมีเพื่อนคุยแล้ว” ดารกาว่า
“คุณอาปัทล่ะ”
“พาลูกค้าไปทานข้าวค่ะ ไปจ้ะ แนนนี่”
ดารกาจูงแนนนี่เดินออกไปราวกับพี่น้องที่รักกันหนักหนา
ธานีและรัดเกล้ามองตาม แล้วหันกลับมาสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ละคนต่างทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ดารกากับแนนนี่เดินขึ้นมาชั้นบนของบ้าน แนนนี่รีบสะบัดแขนจากดารกาทันทีที่ขึ้นมาลับตาทุกคน
“โกรธพี่เรื่องอะไรน่ะ”
“เพราะพี่ดาชอบเฟค”
แนนนี่สะบัดหน้าเดินไป ดารกาเดินมาขวางไว้
“หลีกไป”
“เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง” น้ำเสียงดารกาจริงจัง
“แนนนี่น่ะรู้หมดแล้ว” แนนนี่สะบัดหน้าเดินเฉียดออกไป
ดารกาคว้าข้อมือไว้ทันที “รู้เรื่องอะไร”
แนนนี่ยิ้มเยาะ “ก็พี่ดามีเรื่องอะไรบ้างล่ะ”
แนนนี่สะบัดมือจากดารกาแต่มือดารกาแข็งราวกับเหล็ก สะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แนนนี่จ้องเขม็ง
“อยากจะลองดีใช่มั้ย ก็ได้”
แนนนี่ก้มลงมองที่ข้อมือตัวเอง นัยน์ตาเป็นสีเหลืองวาบ ข้อมือแนนนี่กลายเป็นเปลวเพลิงร้อนขึ้นมา
“โอ๊ย!” ดารการีบปล่อยมือ
“อย่าล้อเล่นกับแนนนี่”
แนนนี่เดินไปที่ประตู โดยไม่ทันสังเกตว่าดารกามองจ้องเขม็ง นัยน์ตาเป็นสีแดงวาบ
แนนนี่เปิดประตูออก แล้วเดินเข้าไป พลันพื้นห้องก็กลายเป็นหุบเหวลึก แนนนี่ก้าวตกลงไป แล้วกรีดร้องลั่น
ร่างของแนนนี่กำลังลอยต่ำๆ ลงไปยังบริเวณก้นเหว

แนนนี่ตกลงมากระแทกกับก้นเหว นิ่วหน้าเพราะจุกสุดๆ พอแนนนี่ลืมตาขึ้น ก้นเหวแห่งนั้นกลับกลายเป็นพื้นห้องตัวเอง แนนนี่ประหลาดใจสุดๆ ยื่นมือออกไปลูบพื้น
“เป็นไปไม่ได้”
แนนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน กวาดสายตามองไปรอบห้อง ทว่าบริเวณนั้นว่างเปล่า ไม่ปรากฏร่างดารกา แนนนี่เม้มปาก แล้วรีบเดินออกไปนอกห้องอย่างเอาเรื่อง

แนนนี่ก้าวออกมา แล้วมองไปโดยรอบ บริเวณทางเดินนั้นว่างเปล่า ไม่ปรากฏร่างดารกา แนนนี่เม้มปาก แล้วตัดสินใจเดินไปที่ห้องดารกา เคาะประตูทันที
“พี่ดา! เปิดประตูหน่อยค่ะ”
ประตูห้องเปิดออก
“มีอะไรหรือ แนนนี่” ดารกาเดินนำแนนนี่เข้ามาในห้อง
“เมื่อกี้...” แนนนี่หยุดชะงัก
“เมื่อกี้ทำไม”
“พี่ดาเห็นอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“ไม่เห็นมีอะไรนี่” ดารกาพูดด้วยสีสีหน้าบริสุทธ์จริงใจ “ทำไมเหรอ”
“เปล่า ไม่มีอะไร” แนนนี่หันหลังเดินกลับห้อง
ดารกามองตาม นัยน์ตาที่ดูลึกลับคู่นั้นนิ่งสนิท

แนนนี่เดินเข้ามา แล้วทรุดตัวลงนั่ง เรียกหาคู่หู
“ชิกเก้น ชิกเก้นอยู่ไหน”
“อยู่ใต้เตียง”
“ออกมาหน่อยซิ”
ชิกเก้นออกมาแต่บ่นอุบ
“เมี้ยว! ยุ่งชะมัด”
“เมื่อกี้ชิกเก้นเห็นตอนที่แนนนี่เข้ามาหรือเปล่า”
“เห็น ชิกเก้นเห็นแนนนี่สะดุดขาตัวเองล้มลง แล้วก็เดินออกไป จะเรียกก็ไม่ทัน”
“แต่แนนนี่ ...” แนนนี่หยุดหาคำพูด
“ทำไม มีอะไร” ชิกเก้นพลอยสงสัย
“เปล่า”
แนนนี่ตัดสินไม่พูดอะไรต่อเอนตัวลงนอนก่ายหน้าผาก นัยน์ตาจ้องเพดานห้องเขม็ง

ส่วนภวัตกำลังอ่านวารสารเกี่ยวกับแพทย์ พักหนึ่งแล้วเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ภวัตเอื้อมมือไปหยิบมาดู แล้วยิ้มนิดๆ ขณะกดรับ
“มีอะไรหรือคะ....น้องดา”
“พี่ภวัตออกมาพบน้องดาหน่อยได้มั้ยคะ” ดารกาพูดเสียงสั่นเครือ
“นั่นร้องไห้หรือเปล่า”
“ดาจะออกไปรอหน้าบ้านนะคะ พี่ภวัตเอารถออกมาด้วย”
“รอเดี๋ยวนะ
ภวัตถอนใจยาว เมื่อดารกาวางโทรศัพท์ไปแล้ว ภวัตขยับตัวลุกขึ้น แล้วเปิดประตูออกไป

ดารกาเปิดประตูออกมา แล้วเดินไปที่บันได ปัทมนเดินออกมาจากห้องพระพอดี
“น้องดา...จะไปไหนลูก”
ดารกาหยุด นัยน์ตาวาวโรจน์ขึ้นมาแว่บหนึ่งด้วยความไม่พอใจ ดารกาข่มความรู้สึกนั้น แล้วหันกลับมายิ้มให้
“ไปพบพี่ภวัตค่ะ พี่ภวัตโทร.มาบอกว่าอยากพบน้องดา เดี๋ยวน้องดาจะกลับมาเล่าให้คุณแม่ฟังนะคะ”
ปัทมนพยักหน้า ดารกาเดินลงไป

“เกล้าจะกลับละ...คุยกับพี่ธานีไม่มันส์เลย” รัดเกล้าบอกธานี ทั้งคู่อยู่ในห้องรับแขก
“ขนาดไม่มันส์ก็เกือบชั่วโมงแล้วมั้ง”
“เวทนาน่ะ เห็นว่าน้องๆ ทิ้งไปหมด”
ดารกาเดินเข้ามา
“อ้าว! พี่เกล้ายังไม่กลับหรือคะ”
“ว่าจะกลับเดี๋ยวนี้ละจ้ะ”
“ว้า! งั้นพี่ธานีก็เหงาแย่เลย พี่เกล้าอยู่คุยอีกสักหน่อยเถอะค่ะ”
“ใครบอกเราฮึ ว่าพี่เหงา...พี่สบายหูต่างหาก”
รัดเกล้าผุดลุกขึ้นทันที “อีตาธานี”
“ทำไมยาย.....เกล้า” ธานีลากเสียงตรงคำว่า “ยาย” ยาว
ดารกาเดินยิ้มออกไปขณะที่ทั้งสองคนกำลังเถียงกัน
“เพี้ยง! ขอให้พี่ธานีขาหัก แขนหักอีก คราวนี้ขอให้ต่อไม่ติดด้วย”
ธานีสะดุ้ง “อ้าว! ทำไมแช่งกันยังงั้นล่ะ ยายทอม”
“ก็เพราะฉันอยากแช่งน่ะซิ ตาแต๋ว”
“หา! เรียกพี่ว่าอะไรนะ”
“แต๋ว! หรืออยากเปลี่ยนเป็นตุ๊ดก็ได้”
ธานีโกรธจนพูดไม่ออก ไปไม่เป็น
“ก็อยากมาเรียกเกล้าว่า “ยายทอม” ทำไม พอเค้าเรียกตุ๊ดแต๋วเข้าบ้าง ก็แทบจะเต้นเป็นเจ้าเข้า แทงใจดำใช่มั้ยล่ะ ไปละพี่แต๋ว”
รัดเกล้าโบกไม้โบกมือ ทำหน้าตาล้อเลียนเดินออกไป
“เออ! ฝากไว้ก่อนเถอะ” ธานีตะโกนไล่หลัง

รถภวัตจอดอยู่ที่มุมหนึ่งภายในบริเวณซอย ภายในรถดารกานั่งก้มหน้าน้ำตาไหล ภวัตมองดูอย่างสงสาร
ครู่ต่อมาดารกาเงยหน้าขึ้น
“แนนนี่ทราบได้ยังไงคะ เพราะเรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคน”
ภวัตนิ่งคิด นึกถึงเหตุการณ์วันนั้นในห้วงความคิด แล้วก็นึกออกเพราะเห็นโป่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“พี่พอจะรู้แล้ว” ภวัตพยักหน้าช้าๆ อย่างมั่นใจ
“ใครคะ”
“น้องดาอย่ารู้เลย พี่จะจัดการเอง”
ดารกาน้ำตาปริ่มอีก “น้องดาไม่เข้าใจว่า ทำไมแนนนี่ถึงได้จงเกลียดจงชังน้องดานัก”
“คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ภวัตพยายามปลอบดารกา
“น้องดาจะหาของขวัญมาให้พี่ภวัตใหม่”
“อย่าเลยค่ะ...พอแล้ว...ถึงยังไงสัญญาเราก็ยังเหมือนเดิม พี่จะพาน้องดาไปเลี้ยง” ภวัตยิ้มอ่อนโยนให้
ดารกาโผเข้ากอดภวัตด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมาก”
ภวัตลังเลเล็กน้อย แล้วโอบไหล่ดารกาอ่อนโยน

เวลาเดียวกันนั้นแนนนี่กำลังคุยโทรศัพท์ออดอ้อนปีเตอร์ให้มาช่วยติววิชาที่จะสอบให้
“ได้มั้ย...ปีเตอร์ พรุ่งนี้ช่วยมาติวให้แนนนี่ที่บ้านหน่อย แนนนี่จะเลี้ยงข้าว 2 มื้อ อร่อยๆ แถมขนมตอบแทน!”
“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อก็ไปอยู่แล้ว ขออย่างเดียวให้แนนนี่ตั้งใจฟัง
แนนนี่เดินไปเดินมาขณะพูด โดยชิกเก้นมองตามทุกระยะ
“แนนนี่ฟังอยู่แล้ว เอ๊ะ”
แนนนี่ชะงักเมื่อเดินไปพิงหน้าต่าง แล้วมองลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นภวัตขับรถมาจอด แล้วดารกาเปิดประตูลงมา ไหว้ภวัตอย่างอ่อนหวาน
แนนนี่สะบัดหน้ากลับมาทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย หงุดหงิด หงุดหงิด หงุดหงิด”
“อ้าว เห็นคุยอยู่ดีๆ ดันหงุดหงิดซะแล้ว เวรก๊ำ ...เวรกรรม nเป็นอะไรฮึ...แนนนี่”
“ก็ยัยน้องดามหาเฟค น่ะซิ ไปไหนกับพี่ภวัตก็ไม่รู้”
“โธ่เอ๊ย” ชิกเก้นพูดอย่างระอา
แนนนี่มองจ้องชิกเก้นทันที
“อย่ามาโธ่เอ๊ยนะ แค่นี้ละ แนนนี่หงุดหงิดมาก...ก”
แนนนี่ปิดโทรศัพท์
“อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนกันไม่มีผิด” ชิกเก้นหมายถึงยายกับหลาน
แนนนี่ฉุนหันขวับมาชี้หน้า “หยุดนะ ชิกเก้น”
“หยุดก็หยุด”

แนนนี่หงุดหงิดพลุ่งพล่านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงลอยหายเข้าตะเกียงแก้วไป







Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 21:40:09 น.
Counter : 418 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]