All Blog
อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ตอนที่ 10 (ต่อ)



ดารกาเปิดประตูหน้าบ้านเดินเข้ามา กำลังจะเข้าไปภายในบ้านภวัต แต่มีเสียงร้องทักขึ้นก่อน

“มาหาใครจ๊ะ”
ดารกาชะงัก หันไปมองตามเสียง จังหวะนั้นเหมือนกับว่าในห้วงความคิด เธอมองเห็นบาบาร่าในร่างแม่มดที่แท้จริงกำลังเดินเข้ามาหา ดารกาผุดนัยน์ตาเจ้าเล่ห์แว่บหนึ่ง แล้วปั้นหน้ายิ้มให้อย่างอ่อนหวาน
“มาหาพี่ภวัตค่ะ...เมื่อวานพี่รับปากว่าจะไปส่งที่มหาวิทยาลัย…คุณป้ามาอยู่ใหม่หรือคะ”
บาบาร่าในคราบบานเย็นรู้สึกพอใจในท่าทีอ่อนหวานนั้น
“ใช่ ป้ามาเป็นแม่บ้านให้หมอภวัต”
“ดีจัง...หนูอยู่บ้านเยื้องๆกันไงคะ...หนูชื่อน้องดา”
บาบาร่านัยน์ตาเป็นประกายกับประโยคแรก
“ที่บ้านหนู มีผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหนูอีกคนใช่ไหม”
ดารกาทำทีเป็นแปลกใจ
“ใช่ค่ะ...คุณป้าทราบด้วย”
บานเย็นบาบาร่ายิ้มดุ แล้วพูดออกมาลอยๆ
“รู้ยิ่งกว่ารู้อีก”

สองพี่น้อง ภวัต และรัดเกล้า กำลังทานอาหารเช้าอยู่ขณะที่ดารกาเดินเข้ามา รัดเกล้าหันไปเห็นพอดี
“อ้าว น้องดา ทานข้าวด้วยกันมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องดาไม่หิว
“ไม่หิวก็กินรองท้องเสียหน่อย เดี๋ยวจะไม่สบาย”
รัดเกล้ากุลีกุจอเดินออกไป
“ทำไมรีบมาล่ะ...พี่บอกแล้วว่าจะไปรับ”
ดารกายิ้มแย้มเหมือนกับว่าเอ็นดูแนนนี่เต็มประดา
“น้องดาไม่อยากเป็นส่วนเกินน่ะค่ะ”
“ส่วนเกิน” ภวัตรู้สึกแปลกใจ
“ปีเตอร์มาหาแนนนี่แต่เช้าเลย...พี่พรบอกว่ามาจอดรอตั้งแต่ประตูยังไม่เปิดเลยนะคะ นี่กำลังทานข้าวด้วยกัน”
ภวัตได้ฟังก็มีสีหน้าขรึมลงตั้งแต่ดารกาเอ่ยชื่อปีเตอร์คำแรก
“คู่นี้น่ารักนะคะ....คุณแม่เองก็พอใจปีเตอร์...”
“คุยเรื่องคนอื่นทำไม” ภวัตตัดบทขึ้น
ดารกาลอบยิ้มอย่างพอใจ
“คนอื่นที่ไหนคะ....แนนนี่เป็นน้องสาวแสนดีของดา ....
รัดเกล้าหายเข้าไปในกลัว กลับออกมาพร้อมยกชามข้าวต้มเดินเข้ามา
“มาแล้วจ้า...ข้าวต้มร้อนๆ เลย”
ดารการีบเดินไปหา ไหว้ขอบคุณแล้วรับชามมา
“ขอบคุณค่ะ”
ดารกาและรัดเกล้าเดินมานั่งทานที่โต๊ะ
“คุณลุงละค่ะ...น้องดาว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้ว”
“ไปสอนหนังสือ ...ความจริงวันนี้หยุด แต่อยากติวให้ลูกศิษย์จ้ะ”
สามคนกินกันไปคุยกันไป โดยที่ภวัตดูฝืดคอ ทานข้าวไม่ลง

โป่งเปิดประตูบ้านจักรวาล ภวัตขับรถออกไปโดยมีดารกานั่งเคียงคู่กันมา ในขณะที่พรเปิดประตูบ้านปัทมน มีปีเตอร์ขับรถออกมาโดยที่แนนนี่นั่งคู่ข้างคนขับ จังหวะหนึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างหันมามองหน้ากัน

ภวัตสีหน้าขรึมลงไป ขณะที่ดารกายิ้มแย้มแจ่มใสร่าเริงดูจริงใจ แล้วยกมือทักทายปีเตอร์กับแนนนี่ ในขณะที่ภวัตขับเลยไปราวกับไม่สนใจ
ปีเตอร์ขับตามหลังไป รถแล่นออกมาถนนใหญ่
“พี่ดากับคุณหมอจะหมั้นกันเมื่อไหร่” ปีเตอร์ถาม
“ชาติหน้า” แนนนี่ตอนเสียงฉุน
“เฮ้ย”
“ไปถามเขาเองซิ ฉันชื่อแนนนี่ ไม่ใช่ดารกา”
“วันนี้หงุดหงิดแต่เช้า...ไม่สบายหรือเปล่า” ปีเตอร์พูดเสียงอ่อนโยนเอาอกเอาใจ
“โห! ทำเสียงหล่อ” แนนนี่หันมามองอย่างประหลาดใจ
“ชอบมั้ยล่ะ” ปีเตอร์ยิ้มกริ่ม
แนนนี่ส่ายหน้า
“อยากจะอ้วก...ไม่เหมาะกับคาแร็คเตอร์...แกมันบ้าๆ ทำเสียงหล่อไม่ Work” แนนนี่เว้นไปนิดหนึ่ง “แล้วทีหน้าทีหลังไม่ต้องแจ้นมารับแต่เช้าอย่างวันนี้อีก...เพราะแนนนี่จะไม่มาด้วย! แซงเลย” แนนนี่เร่งให้ปีเตอร์แซงหน้ารถภวัต
“แซงไม่ได้” ปีเตอร์บอก
“ต้องได้ นี่ไง” แนนนี่เอื้อมมือไปจับพวงมาลัยรถให้แซงอย่างน่าหวาดเสียว
“แนนนี่” ปีเตอร์ตกใจ
ภวัตมองผ่านกระจกอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในขณะที่ดารกาตกใจ
แนนนี่จั๊กจี้เอวปีเตอร์ที่ชักสีหน้าไม่พอใจการกระทำของแนนนี่
“หัวเราะก่อน บอกให้หัวเราะ เราทำได้แล้ว”
“เฮ้ย! อย่า! เดี๋ยวรถชน” ปีเตอร์ดิ้นขยุกขยิกเพราะบ้าจี้
“นี่แน่ะๆๆ” แนนนี่ชอบใจจั๊กจี้ไม่หยุด
รถปีเตอร์เป๋ไปเป๋มา
ภวัตและดารกาตกใจกับรถปีเตอร์ ภวัตนิ่วหน้า
“นั่น 2 คน เขาเล่นอะไรกัน”
“ตายแล้ว!” ดารกายกมือปิดหน้าอย่างหวาดเสียว
จังหวะนั้นมีรถคันใหญ่พุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ปีเตอร์ร้องลั่น แนนนี่ร่ายคาถา และจ้องไปที่รถคันนั้นนัยน์ตาแนนนี่กลายเป็นประกายสีเหลือง แสงจากดวงตาแนนนี่พุ่งไป รถทั้ง 2 คันแคล้วคลาดการชนกันได้อย่างหวุดหวิดและน่าเสียวไส้ ปีเตอร์ปากสั่นมือสั่นขณะแนนนี่หัวเราะชอบอกชอบใจ
ภวัตบีบแตรลั่น ขณะแล่นมาจอบเทียบ แล้วชี้มือให้ปีเตอร์เอารถเข้าจอดข้างทาง ดารกาหน้าซีดเผือด

ภวัตขับรถนำหน้าเข้ามาจอดในซอยค่อนข้างเงียบ ปีเตอร์ตามมาจอด ในขณะที่แนนนี่มีสีหน้าสะใจ
ภวัตเปิดประตูเดินมาอย่างโกรธจัด แล้วกระชากประตูรถที่ปีเตอร์กำลังเปิด
“ขับรถประสาอะไร....โตกันแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ”
ปีเตอร์หน้าเสียแล้วยกมือไหว้
“ผมขอโทษครับ”
แนนนี่เปิดประตูตามลงมา
“ปีเตอร์ไม่ผิด ไม่ต้องไปขอโทษ”
“อ้อ! เราซินะ...เล่นพิเรนท์ๆ แบบนี้ไม่มีใครนอกจากเรา”
ดารกาเปิดประตูรถเดินตามลงมา
“เป็นยังไงบ้าง”
“สะ...บ๊าย...สบายไร้กังวล”
“แนนนี่! ทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก” ภวัตโมโหสุดขีด
แนนนี่ลอยหน้าเถียง
“ผิดที่ไหน...ก็ไม่เห็นมีใครเป็นอันตรายซักหน่อย...ซักนิดด้วย”
ภวัตโกรธจนพูดไม่ออก ขณะที่ปีเตอร์พยายามยกไม้ยกมือส่ายหน้าห้ามแนนนี่ไม่ให้เถียง
“เอ้า! ระวังเส้นโลหิตแตกนะคะ คุณหมอ...ไปได้แล้ว ปีเตอร์เดี๋ยวเรียนคาบแรกไม่ทัน...สอบคราวนี้สอยเอา A มาให้ชื่นใจซะด้วย”
แนนนี่พูดจบก็ขึ้นรถ แล้วปิดประตู ปีเตอร์รีบยกมือไหว้ลาภวัต แล้วขึ้นรถ
“จะไปไหน” ภวัตเรียกไว้
ดารกาแตะแขนภวัตอ่อนโยน
“ช่างเถอะค่ะ พี่ภวัต ...แนนนี่ก็คะนองตามประสาวัยรุ่น”
“คะนองแบบนั้น ตายได้นะนั่น” ภวัตยังหงุดหงิดไม่หาย
“มองในแง่ดี สองคนนั่นก็ไม่ได้เป็นอะไร...ไปกันเถอะค่ะ” ดารกาบอกย้ำให้ไปอีกครั้ง
ภวัตพยักหน้า สูดลมหายใจยาว แล้วเดินไปขึ้นรถ
“พี่ภวัตขับได้มั้ยคะ ถ้าไม่ได้ น้องดาขับให้”
“พี่ไม่เป็นไรแล้ว”
ภวัตขับรถออกไป

พรและผาด กำลังช่วยกันทำความสะอาดบ้านอยู่ โดยพรใส่หูฟังเพลงขณะทำงานบ้าน เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น พรยังคงร้องเพลงไปเช็ดถูไป เสียงกริ่งดังอีก ผาดเดินมาดึงหูฟังออกอย่างรำคาญ
“ได้ยินมั้ย ไปเปิดประตูไป๊”
พรเดินบ่นพึมพำออกไป
“ตัวเองก็ได้ยิน แล้วทำไมไม่ไปเปิดขี้เกียจละซี้”
“ยัง...ยังจะบ่นอีก” ผาดทำตาเขียวใส่

พรเปิดประตู แล้วชะงักนิดหนึ่ง เมื่อเห็นบาบาร่าในคราบบานเย็นยืนอยู่เยื้องไปข้างหลังอิงอร โดยที่บาบาร่าถือตะกร้าแอปเปิ้ลลูกโตสีสวย มาด้วย
“ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจจ้ะพร! ที่เห็นทำหน้าเริดๆ เชิดๆ แต่ไม่หยิ่งอยู่นี่คือ คุณบานเย็น...แกมาเป็นแม่บ้านให้คุณจักรวาล” อิงอรว่า
พรมองการแต่งตัวบานเย็นบาบาร่าหัวจรดเท้า
“แต่งตัวแปลกๆนะคะ”
“เขาเรียกว่าสวย ไม่ใช่แปลก...ฉันแต่งตัว แบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่กับเลดี้อาราเบลล่า”
“ไม่รู้จักค่ะ” พรว่า
“เลดี้อาราเบลล่าเป็นเพื่อนสนิทกับเลดี้มอร์กาน่า...” บาบาร่าทำหน้าเบื่อหน่ายเมื่อเห็นหน้าตางงหนักขึ้นของพร “...ไม่รู้จักอีกละซี้”
“รู้จักสโนไวท์มั้ย...คุณบานเย็นเคยอยู่กับพระมารดาเลี้ยงของสโนไวท์ด้วย สโนไวท์ไง้” อิงอรพยายามลุ้นให้รู้จักสักคนเต็มที่
“หนูรู้จักแต่แก้วหน้าม้าค่ะ” พรยิ้มแห้งๆ
“Stupid” บาบาร่าบ่น
“เชิญข้างในดีกว่าค่ะ...คุณบานเย็น”
สองคนเดินนำเข้าไป พรยังคงทำหน้างงๆ ขณะปิดประตู
“ใครจะไปรู้จัก”

ปัทมนซึ่งแต่งตัวจะออกไปทำงาน รับตะกร้าแอปเปิ้ลจากบาบาร่า
“ขอบใจมาก ความจริงไม่ต้องลำบาก”
“อ๋อ! ไม่ลำบากเลยค่ะ” อิงอรยิ้มกริ่ม เจ้ากี้เจ้าการเต็มที่
ขณะอิงพูด บาบาร่าลอบเหล่มองแบบชักจะรำคาญ
“คุณบานเย็นแกมีสวนแอปเปิ้ล... แกเคยอยู่กับเลดี้อาราเบลล่า...เลดี้มอร์กาน่า...แล้วก็...” อิงอรพล่าม
“เอ๊ะ...ฟังดูเหมือนคุณบานเย็นไม่ใช่คนไทย”
“เป็นคนกลุ่มน้อยค่ะ...น้อยนิดมาก” บาบาร่าบอกหน้าเนือยๆ ไว้ตัว
“วันหลังเราไปเยี่ยมชมสวนแอปเปิ้ลบ้านคุณบานเย็นดีมั้ยคะ”
ปัทมนเหลือบดูนาฬิกาแว่บหนึ่ง
“แต่ตอนนี้ปัทต้องรีบเข้า Office ค่ะ...มีปัญหานิดหน่อย”
“อ้าว! ตายจริง...คุณอิงพอจะช่วยได้มั้ยคะ” อิงอรถามหน้าตื่นตามสไตล์..เยอะ
“อ๋อ ! ไม่เป็นไรค่ะ ปัทพอจะแก้ไขได้”
“แต่เกินความรู้ ความสามารถของน้องปัทละก็...ปรึกษาคุณอิงได้ทุกเวลานะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ปัทยิ้มแห้งๆ ขณะที่บาบาร่าทำจมูกฟุดฟิด เหมือนกำลังพยายามสูดหากลิ่นอสูร

เวลาเดียวกันนั้น รูปปั้นอสูรในห้องดารกาเริ่มกลอกนัยน์ตาไปมา พร้อมกันนั้นควันกลิ่นอสูรค่อยๆ ลอยอ้อยอิ่งอบอวลออกมาทางจมูกรูปปั้น กลุ่มควันนั้นลอยไปทางประตู แล้วลอยเลื้อยลงตรงขอบประตูด้านล่าง

“ออก! พร้อมกันเลยดีไหมคะ” ปัทมนชวนทั้งสองคนขึ้นอย่างมีมารยาท
“ต้องดีซิคะ เจ้าของบ้านไม่อยู่ แล้วเราจะอยู่ไปทำไม”
ระหว่างสองคนพูดกัน กลิ่นอสูรลอยเข้ามา บานเย็นบาบาร่าชะงัก นัยน์ตาเป็นประกาย
อิงอรเห็นท่าทีบาบาร่าแปลกไปก็หันมา
“ไปค่ะ คุณบานเย็น...มีอะไรหรือคะ”
“เอ๊าะ ไม่มีอะไรค่ะ” บาบาร่ารีบปฏิเสธ
ทั้งสามคนเดินกันออกไป

ภวัตมาถึงโรงพยาบาล เริ่มงานทันที พยาบาลเรียกคนไข้หน้าห้อง
“คุณทาราวดีศรีค่ะ”
ภวัตกำลังหาชื่อของทาราวดีศรี
“ไม่มีชื่อนี้นี่”
ร่างของหญิงสูงวัยคนหนึ่งใส่หมวกคลุมครึ่งหน้าเดินเข้ามา แต่งตัวราวกับจะไปงานแข่งโปโลของคนชั้นสูง
พยาบาลมองตามจนเหลียวหลัง ขณะที่ภวัตเองก็มองอย่างจะทบทวนว่าเคยเห็นท่าทางแบบนี้ที่ไหน
“คุณ...”
“ทาราวดีศรี”
คนไข้ไม่มีในรายชื่อบอก พร้อมกับหมวกใบสวยถูกถอดออก เผยให้เห็นว่าคนไข้รายนี้ที่แท้คือ ทาฮิร่า
ภวัตถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วพยักหน้ากับพยาบาลเป็นเชิงให้ออกไปได้
“เมื่อวานคุณบานเย็น มาวันนี้คุณทาราวดีศรี” ภวัตเอ่ยท่าทางเซ็งๆ
“อย่างน้อยชื่อนี้ก็เข้าท่ากว่าบานเย็น” ทาฮิร่าพูดเสียงเชิดๆ
“พวกชนกลุ่มน้อยอย่างคุณยาย จะทำความวุ่นวายให้ชนกลุ่มใหญ่อย่างผมไปถึงไหน” ภวัตยอกย้อน
“จนกว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี” น้ำเสียงทาฮิร่าซีเรียส
“แน่ใจหรือครับว่าจะจบลงด้วยดี”
ทาฮิร่าผุดลุกขึ้นทันใด รีบถาม “...หมายความว่ายังไง นายภวิต”
“ผมชื่อภวัต เมื่อไหร่คุณยายจะเรียกถูกเสียที”
“เธอก็เปลี่ยนชื่อเป็นภวิตซิ ฉันจะได้เรียกภวัต” ทาฮิร่าลงนั่ง “ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันไม่หายตัวแว่บเข้ามา”
“คุณยายมีธุระอะไร บอกมาเลยดีกว่า”
“เมื่อเช้า...แม่บาบาร่าบานเย็น เข้าไปในบ้านของคุณปัทมนพร้อมด้วยตะกร้าแอปเปิ้ล” ทาฮิร่าเว้นไป “แต่ละลูกใหญ่มากและสวยงามน่ากิน”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ”
“แน่นอน ถ้ามันจะไม่ใช่แอปเปิ้ลอาบยาพิษ”
“คุณยายรู้ได้ยังไง” ภวัตชะงัก
“ฉันจะบอกให้แอปเปิ้ลของบาบาร่าน่ะ มีพิษทั้งหมด เพราะใช้ดินพิษปลูก”
“ฟังดูไม่น่าเชื่อ” ภวัตลังเล
“ถ้าฟังดูไม่น่าเชื่อ เธอต้องลองกินดู”
ภวัตนิ่งอึ้ง
“เธอต้องเอาแอปเปิ้ลไปราดด้วยน้ำกรดให้หมด”
“คุณยายทำเอง จะไม่ง่ายกว่าผมทำหรือครับ”
“เธอต้องเป็นคนทำ”
“ใครบอก”
“ฉันบอกเอง”
ภวัตถอนใจเฮือก

เวลานั้นอิงอรผู้ไม่รู้ตัวกำลังคบค้ากับแม่มด กำลังเดินพาบาบาร่ามาถึงหน้าบ้านทาฮิร่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านจักรวาล และปัทมน
อิงอรชะเง้อชะแง้มอง
“บ้านมืด...สงสัยว่าจะไม่อยู่ เราไปดูบ้านอื่นๆ ต่อดีมั้ยคะ คุณอิงรู้จักทุกบ้านเลยค่ะ”
แต่บาบาร่าออกตัวเดินกลับ “เอ๊ะ!...วันๆ คุณอิงไม่ได้ทำอะไร นอกจากคอยสอด...”
อิงอรชะงัก
“...ส่องทุกข์สุขของชาวบ้านหรือคะ” บาบาร่าต่อตอนจบให้ดูสวยงาม
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าสอดอย่างเดียว...คุณอิงมีนิสัยโอบอ้อมอารีแบบนี้เองค่ะ”
ทั้งสอง หนึ่งคนกับหนึ่งแม่มด เดินคุยกันมาถึงหน้าบ้านจักรวาล
“ถึงแล้ว! ขอบคุณนะคะที่พาบานเย็นเที่ยว” บาบาร่ายิ้ม
“ด้วยความเต็มใจค่ะ...คุณบานเย็นมีอะไรก็บอกนะคะ คุณอิงยินดีช่วยเต็มที่”
บาบาร่าผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “...คุณอิงได้ช่วยคุณบานเย็นแน่ๆ ค่ะ”
แล้วเปิดประตูบ้านเดินเข้าไป
“คุณอิงจะทำอะไรต่อดี” อิงอรงงๆ กับชีวิต

โป่งกำลังตกแต่งกิ่งไม้ ขณะที่บาบาร่าเดินเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน
“คุณแม่บ้านไปไหนมาครับ”
บาบาร่าไม่ตอบ เดินเชิดเข้าบ้านไป โป่งมองตามอย่างงงๆ

บาบาร่าเดินเข้ามาในห้อง แล้วเดินกลับไปกลับมา
“ทำยังไงถึงจะเห็นยัยคุณยายบ้านนั้นได้”
“ไม่เห็นจะยาก” ไทเกอร์บอก
“ยาก เพราะแกไม่ค่อยจะอยู่บ้าน...เท่าที่ฟัง...มันคลับคล้ายคลับคลาใครซักคน”
“ไทเกอร์จะเข้าไปสอดแนมให้ก่อน” ไทเกอร์ว่า
“เจ้าของบ้านยังไม่ได้เชื้อเชิญ...เราก็เข้าไปไม่ได้ แต่ที่บ้านต้องสงสัย ฉันสามารถเข้าไปได้แล้ว พร้อมกับผลแอปเปิ้ลพิฆาต”
บาบาร่ากลอกตาไปมาอย่างเจ้าเล่ห์

พรกำลังล้างผลแอปเปิ้ลลูกใหญ่อยู่ในครัว จังหวะหนึ่งยกแอปเปิ้ลขึ้นส่องด้วยความทึ่ง
“แอปเปิ้ลอะไรลูกใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม” พรชะงัก “นั่นอะไรแวบๆวับๆ”
พรเอาแอปเปิ้ลมาส่องใกล้ตา เห็นผิวแอปเปิ้ลปรากฏเป็นลายเลื่อมเหมือนผิวหนังงู
“ว้าย” พรตกใจร้องลั่น ปล่อยลูกแอปเปิ้ลในมือ
ผาดเดินเข้ามาพอดีได้ยินเสียงก็หันไป “เฮ้ย เบาๆ หน่อย ของเจ้านายนะแก”
พอรู้เรื่องผาดเดินมาหยิบขึ้นส่องดู ในขณะที่พรมองอย่างสยอง
“ดีที่ไม่ช้ำ” ผาดว่า
“พี่! เมื่อกี้ฉันเห็นเป็นงู” พรบอก
“จะบ้าเรอะ แอปเปิ้ลกับงูไม่เห็นจะเหมือนกันตรงไหน” ผาดบอก
“ตรงผิวนะพี่...เหมือนหนังเปี๊ยบ
“บ้า! ล้างให้เสร็จ แล้วเอาไปวางบนโต๊ะ” ผาดสั่ง
“ล้างเถอะ ฉันกลัว” พรบอกอย่างสยองแล้วรีบออกไป
“พร! พร! แหม! นังคนนี้ ทำมาหลอกว่าเห็นแอปเปิ้ลเป็นงู”
ผาดล้างต่อเองอย่างฉุนๆ โดยไม่เอะใจว่าระหว่างนั้นแอปเปิ้ลผลหนึ่งค่อยๆขยับเล็กน้อย แล้วกลายเป็นงูเลื้อยหนีไป
งูตัวขนาดไม่ใหญ่ไม่ยาวมากนักเลื้อยออกจากครัวเข้ามาในห้องรับแขก แล้วเลื้อยเลยขึ้นบันไดไป
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีควันลอยเข้ามาตรงพื้นประตูหน้าห้องแนนนี่ ก่อนจะกลายเป็นงูตัวนั้น มันเลื้อยขึ้นไปบนโต๊ะหนังสือ แล้วกลับเป็นแอปเปิ้ลผลใหญ่ สวยน่ากินตามเดิมโดยไม่มีใครเห็น

รัดเกล้านั่งทำงานอยู่หน้าโน้ตบุ๊คภายในออฟฟิศ ระหว่างนั้นมีเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น รัดเกล้ากดรับสาย
“ว่าไง”
“แขกที่คุณเกล้านัดไว้มาพบแล้วค่ะ” เสียงเลขาฯพูดในสาย
รัดเกล้าชะงักและออกอาการแปลกใจ พึมพำออกมาหลังวายสาย “ฉันไม่ได้นัดใครนี่”
จังหวะนั้นมีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วประตูเปิดออก เป็นธานีที่เดินยิ้มเผล่เข้ามาทันได้ยินที่รัดเกล้าบ่น
“นัดนี่ไง” ธานีปิดประตู
รัดเกล้าวางโทรศัพท์ลง ...หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที
“พี่จะมาถามว่า น้องเกล้าต่อยพี่ทำไม” ธานีถาม
“โฮ้ย เพิ่งจะมาสงสัย” รัดเกล้าเหมือนจะเซ็ง

“พี่สงสัยตั้งแต่ถูกต่อยแล้ว จะถามก็ไม่ได้จังหวะซักที เลยตัดสินใจมาที่นี่” ธานีบอกเหตุผลของการมาเยือนโดยไม่นัดหมาย
รัดเกล้าลุกยืนเผชิญหน้ากับธานี ลอยหน้าพูด
“เพราะพี่มาต่อยพี่ภวัต พูดแล้วมันเจ็บใจอยากจะซัดอีกทีซักหมัด 2 หมัด”
“แล้วรู้มั้ยว่าทำไมพี่ต่อยไอ้ภวัต” ธานีถามเสียงเรียบ
รัดเกล้าฉุนที่ธานีเรียกพี่ชายว่าไอ้
“ไอ้ภวัตที่พี่เรียกน่ะพี่ชายเกล้านะ”
“แนนนี่ก็เป็นน้องสาวพี่เหมือนกัน”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแนนนี่” รัดเกล้าแปลกใจที่มีชื่อแนนนี่มาเอี่ยว
“ไอ้ภวัตบังอาจจูบแนนนี่”
“ตาเถร” รัดเกล้าตกใจ สะดุ้งเฮือก!
“เป็นไง! มันสมควรถูกต่อยมั้ยล่ะ” ธานีว่า
“มันต้องมีสาเหตุ อยู่ดีๆ พี่ภวัตไม่ทำยังงั้นหรอก” รัดเกล้าลูบคางไปมา
“ไม่ว่าจะยังไง มันก็ไม่สมควรทั้งนั้น”
“เย็นนี้เกล้าจะถามพี่ภวัต ส่วนพี่ก็ไปถามแนนนี่” รัดเกล้าสรุป
“ฝากบอกมันด้วยว่า พี่อนุญาตให้จีบน้องสาวพี่คนเดียว ถ้ารักพี่เสียดายน้องแบบนี้จะไม่ยกให้สักคน”
พูดจบธานีก็เดินออกไป รัดเกล้าทิ้งตัวลงนั่งอย่างมึนงง เคาะโต๊ะด้วยสีหน้ามึนๆ
“ทำไมพี่ภวัตทำแบบนั้น”

เย็นนั้นรัดเกล้าทำอย่างที่พูดหลังกลับถึงบ้านก็พุ่งตรงไปที่ห้องพี่ชาย ถามเรื่องที่ได้ยินจากธานี และภวัตหันกลับไปหารัดเกล้าที่อ้อมมายืนข้างหน้า
“คะ พี่ภวัตทำอย่างที่พี่ธานีกล่าวหาหรือเปล่า” รัดเกล้าถามย้ำ
ภวัตสีหน้าอึดอัดยุ่งยากใจ เพราะไม่อยากบอกว่า แนนนี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายจูบตน
“พี่ทำหน้าตาท่าทางแบบนี้ จะให้เกล้าเข้าใจว่าเป็นความจริงใช่ไหมคะ” รัดเกล้ารุก
“เกล้า...” ภวัตอึกอักอย่างอึดอัด
“จริงหรือไม่จริง”
ภวัตถอนหายใจก่อนตอบเสียงจริงจัง “จริง!”
รัดเกล้าเข่าอ่อน คิดไม่ถึงทิ้งตัวลงนั่ง
“ตาเถร! ทำไมพี่ภวัตทำแบบนี้ เกล้าน่ะอุตส่าห์ปกป้องพี่เต็มที่ ขนาดต่อยปากพี่ธานีแก้แค้นให้ แล้วนี่...” รัดเกล้าช้อนสายตาจ้องหน้าภวัตเขม็ง “ตกลงพี่ภวัตชอบใครกันแน่!”
ภวัตนิ่งและทรุดตัวลงนั่งเช่นกัน

ทางด้านแนนนี่เพิ่งกลับจากมหา’ลัย มาถึงบ้าน ไล่ๆ กับดารกา และกำลังถูกธานีถามเรื่องในวันที่เขาเห็นจูบกันอยู่กับภวัต แนนนี่เม้มปากนิดหนึ่ง
“แนนนี่กล้าทำก็กล้ารับ ...แนนนี่เป็นฝ่ายจูจุ๊บพี่ภวัตเองค่ะ”
ธานีเข่าอ่อนแทบหมดแรงไม่ต่างจากรัดเกล้า
“แนนนี่ โอย...พี่อยากเป็นลม”
“ทำไมล่ะคะ ทีพี่ดายังทำได้เลย” แนนนี่ยังพูดต่อเสียงแข็ง
“ยังจะเถียงอีก...แล้วทำไมไอ้ที่เขาทำดี ถึงไม่เลียนแบบ กลับไปทำตามไอ้ที่ไม่ดี”
“ไชโย้ ในที่สุด...ในที่สุดพี่ธานีก็ยอมรับว่า พี่ดาเป็นคนไม่ดี”
ดารกาเดินเข้ามาพอดี และทันได้ยินที่แนนนี่ร้องดีใจ ถึงกับชะงัก
“พี่ไม่ได้พูดอย่างนั้น” ธานีรีบปฏิเสธ
“งั้นก็บอกมา”
ดารกายืนนิ่ง แล้วตัดสินใจเดินเข้ามาในห้องรับแขก ธานีหันมาเห็นก็ชะงัก ก่อนจะพูดทักเสียงอ่อยๆ
“น้องดา”
แนนนี่หันไปมองตาม
“อ้าว! พี่ดา”
ดารกาเดินหนีขึ้นข้างบน
“น้องดา...ฟังพี่ก่อน”
ดารกาเดินไปโดยไม่ยอมหันกลับมามอง ธานีรีบตามทันที ส่วนแนนนี่ยิ้มเยาะ แล้วเดินขึ้นไปข้างบนอย่างช้าๆ

แนนนี่เยื้องย่างมาที่หน้าห้องตัวเอง ขณะที่ธานีกำลังเคาะประตูห้องดารกา
“น้องดา...ออกมาพูดกันก่อน...พี่จะอธิบายให้ฟัง”
“เสียเวลาเปล่าๆ ค่ะ...พี่ธานี” แนนนี่หันไปบอก
“แนนนี่ เรานี่ร้ายกาจกว่าที่พี่คิดนะ” ธานีหันมามองดุๆ
“พี่ดาร้ายกว่าแนนนี่อีก”
“เหลวไหล! ต้องให้คุณแม่....”
แนนนี่รู้ว่าต้องโดนสวด รีบเปิดประตูเข้าห้องก่อนที่ธานีจะพูดจบ
ธานีหัวเสียหงุดหงิด ได้แต่มองห้องนั้นทันที ห้องนี้ที

แนนนี่กวาดตามองไปโดยรอบ...แล้วร้องเรียก
“ชิกเก้น เมี้ยวๆๆๆ ....ชิคเก้นอยู่ที่ไหน”
แต่ทุกอย่างเงียบกริบ
“สงสัยจะไปหาคุณยาย”
แนนนี่ว่าพลางวางกระเป๋าบนโต๊ะ แล้วชะงัก เมื่อมองไปเห็นแอปเปิ้ลลูกสวยวางอยู่
“น่ากินจัง ใครเอามาวางไว้ที่นี่” แนนนี่หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาดู แล้วถามตะเกียงแก้ว “พี่ตะเกียง...พี่ตะเกียง”
ตะเกียงแก้วปรือตาขึ้นมามองแว่บหนึ่ง แล้วหลับต่อ
“สงสัยยายังไม่หมดฤทธิ์...” แนนนี่วางแอปเปิ้ลลง “ขออาบไปน้ำก่อนนะ แล้วจะมากิน”
แนนนี่เดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่รู้ว่าแอปเปิ้ลมองตาม
ส่วนดารกาพอเข้าห้องมาก็นั่งนิ่งอยู่บนเตียง สีหน้าดูโหดเหี้ยมเลือดเย็น นัยน์ตากลายเป็นสีแดงวาบขึ้นมา

ในขณะที่ธานีกำลังเดินลงบันไดมานั้น จู่ๆ เหมือนมีอะไรอย่างหนึ่งตามหลังมา จังหวะที่ธานีกำลังก้าวลงบันไดช้าๆ นั้น อะไรอย่างหนึ่งก็ผลักธานีจนเซถลาตกลงไป ธานีตกใจร้องลั่น
“เฮ้ย...โอ๊ย”
ร่างของธานีกลิ้งลงไปตามขั้นบันไดจนถึงขั้นแรก ก่อนที่จะสลบเหมือดไปในทันที

ไม่มีใครรู้ว่าในห้องด้านบนเวลานั้น นัยน์ตาของดารกาที่เป็นสีแดงก่ำเมื่อครู่ ค่อยๆ เลือนหายไป กลายเป็นสีหน้าของดารกาที่ดูเยือกเย็นสงบนิ่งเหมือนเดิม





Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2555 21:34:46 น.
Counter : 568 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]