|
The Four สี่มือปราบพญายม ตอน 19
The Four สี่มือปราบพญายม ตอน 19
จากตอนที่แล้ว ทิชิ่วอยู่ดีๆ ก็เป็นโรคละเมอเดิน Lam Yeuk-fei รับหน้าที่เฝ้าดูเขา หลังจากทิชิ่วดื่มยาแล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
Yeuk-fei เผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมา ทิชิ่วก็หายไปซะแล้ว
นางตามออกไปนอกกองปราบ ก็เห็นหลังทิชิ่วลับหายไป พบแต่ศพของคนของสหพันธ์ในตรอก
ซ้ำนางยังเกือบโดนเซี่ยวกุกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นฆาตกรซะอีก ตาข้างไหน เห็นนางฆ่าคนหรือ ตอนมาถึงก็พบแต่ศพแล้ว แนฮ้วยตรวจศพพบว่าสาเหตุการตายเหมือน Tai Yung
แนฮ้วยพบเศษกระบี่หักที่ข้างศพ ก่อนหน้านี้เซี่ยวกุกได้ยิน Yeuk-fei ร้องเรียกทิชิ่ว จึงสงสัยว่าเขาจะเป็นฆาตกร Yeuk-fei ก็ปฏิเสธได้ไม่เต็มปาก เพราะนางก็เห็นหลังทิชิ่วไวๆ
รุ่งเช้า ทิชิ่วสลบอยู่ที่หน้าบ้านบิดา ตัวเต็มไปด้วยเลือด แถมยังมีกระบี่หักของผู้ตายในมืออีกด้วย ทิชิ่วนึกไม่ออกเลยว่ามาได้ที่นี่ได้ยังไง
เซี่ยวกุกคิดจะมาจับตัวทิช่ิว แต่บ้อเช้งมาขัดขวางไว้ ได้ไง ฆ่าคนตายแล้วยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งเลือด ทั้งกระบี่หัก หลักฐานมัดตัวทั้งนั้น
ถูกเซี่ยวกุกกดดันหนัก บ้อเช้งจำใจต้องจับกุมทิชิ่ว
ผู้พิพากษาอยากเอาใจฉั่วเกีย จึงลงทัณฑ์ทิชิ่วให้สารภาพ ก็คนไม่ได้ทำจะให้รับผิดได้อย่างไร
แนฮ้วยชักไม่พอใจ คนไม่รับก็บีบให้สารภาพ อย่าให้เป็นเรื่องไป จูกัวะซิงแซจะวางตัวไม่ถูก
ทิชิ่วสลบไปแล้ว ฉั่วเกียยังจะให้ลงทัณฑ์ต่อ ถ้าเกิดจำเลยเสียชีวิตระหว่างการลงทัณฑ์ ผู้พิพากษาก็หนีไม่พ้นความผิด ฉั่วเกียเกรงพระอาญาจึงยอมรามือ
ฉั่วเกียรีบถวายรายงาน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับบุตรชาย ฮ่องเต้มีรับสั่งประหารทิชิ่วเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง แม้จูกัวะซิงแซจะพยายามขอร้องอย่างไรก็ไม่เป็นผล
สหพันธ์เล่นสกปรก ใช้พวกกุ๊ย มาเขียนด่าว่ากองปราบถึงหน้าประตู แต่ยังไงก็เป็นเรื่องเล็ก เรื่องทิขิ่วสิเรื่องใหญ่
นี่ก็เดือนกันยาเข้าไปแล้ว อีกแค่เดือนเดียวก็จะถึงฤดูใบไม้ร่วง แนฮ้วย บ้อเช้ง และตุยเมี่ย ไม่เชื่อว่าทิช่ิวจะเป็นคนร้าย ต้องจับฆาตกรตัวจริงให้ได้ ทิชิ่วจึงจะพ้นผิด
แต่กระบี่เงิน กระบี่ทอง กลับถอดใจซะงั้น ฮ่องเต้ตัดสินโทษแล้ว ขืนยังดึงดันต่อไป จะกลายเป็นว่าปกป้องคนผิดหรือเปล่า อ้าว อ้าว พี่น้องกัน พูดยังงี้ได้ไง ต่อให้ฮ่องเต้จะตัดสินโทษแล้ว ตราบใดยังไม่ถึงวันประหาร คดีก็ยังไม่สิ้นสุด ต่อให้หลักฐานชี้ไปที่ทิชิ่ว แต่ก็ควรเชื่อใจกันถึงจะถูก
เสียสละลูกน้องแค่คนสองคน ก็แก้แค้นให้ลูกชายได้ คุ้มจะตาย
งานนี้ เป็นฝีมือของซ่งจือหยินเอง
Lam Yeuk-fei เห็นด้านหลังของนาง จึงเข้าใจผิดว่าเป็นทิชิ่ว
ซ่งจือหยินวางยาในชาของ Lam Yeuk-fei ทำให้ทิชิ่วเกิดภาพหลอน และลวงให้คนคิดว่าทิชิ่วฆ่าคนตายระหว่างละเมอเดิน เท่านี้ ก็ทำให้มือปราบเกิดความระแวงซึ่งกันและกัน ซ่งจือหยินมั่นใจว่า ไม่ช้านางจะต้องกำจัดมือปราบทั้งหมดได้สำเร็จ
บิดาทิชิ่วเห็นลูกชายถูกใส่ร้ายกลับช่วยอะไรไม่ได้
กลับมาถึงบ้าน ก็เจอลูกสาวกำลังฆ่าตัวตายอีก ไม่รู้ว่าทำบาปกรรมอะไร ถึงได้ตกแก่ลูกสองคนแบบนี้
ไหนๆ ก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร มาตายพร้อมกันพ่อลูกเลยแล้วกัน บิดาทิชิ่วใส่ยาพิษให้ Yau-tung ดื่ม บังเอิญพ่อบุญธรรมตุยเมี่ยเห็นห่อยาในห้องครัว เกิดสงสัย จึงมาห้ามได้ทันเวลา
รู้สึกตัวซะทีเถอะ Yau-tung ไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็เห็นแก่พ่อบ้าง
ตุยเมี่ยอยากให้ Yau-tung คิดได้เสียที เมื่ออยากฆ่าตัวตายนัก ก็มาตายพร้อมกันเถอะ
ถึงเวลาเข้าจริงๆ สัญชาตญาณมนุษย์ย่อมรักชีวิต Yau-tung ไม่ยอมจมน้ำตาย นางว่ายน้ำเข้าฝั่งด้วยตัวเอง กลับเป็นว่าตุยเมี่ยจมน้ำซะงั้น
Yau-tung รับปากตุยเมี่ยว่านางจะไม่คิดสั้น ฆ่าตัวตายอีก
เห็น Yau-tung ทำใจได้แล้ว ทิชิ่วก็สบายใจ คงต้องฝากครอบครัวให้ Lam Yeuk-fei ช่วยดูแล
Lam Yeuk-fei: ไม่ ข้าไม่รับฝาก ท่านต้องออกจากคุกมาดูแลพวกเขาด้วยตัวเอง ตุยเมี่ย: ไม่ต้องห่วง พวกเราจะหาคนร้ายตัวจริง ล้างมลทินให้กับเจ้า
บ้อเช้งขอให้ซ่งจือหยินช่วยตรวจสอบศพในคดีเก่าๆ พบว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอย่างน้อย 8 รายที่ถูกสังหารด้วยพลังหมัด ทั้ง 8 รายนี้ เป็นข้าราชการกังฉิน ที่โกงกิน ทำร้ายชาวบ้าน
ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ น่าจะเป็นคนที่ฆ่าฉั่วเถา Tai Yung และ Wu Biu ถ้าหาตัวคนคนนี้ได้ ทิชิ่วก็มีโอกาสรอด
ผู้ตายทุกคน ล้วนเป็นข้าราชการที่ต้องคดี แต่อาศัยช่องโหว่กฎหมายหนีรอดได้ หลังจากนั้นจึงถูกคนร้ายลอบฆ่า
ดูจากรูปแบบของคนร้าย ฉั่วเถาต้องถูกฆาตกรคนนี้ฆ่าแน่ ส่วนอีกสองคนนั้น ไม่ตรงกับรูปแบบ คนร้ายน่าจะเป็นคนอื่น
บ้อเช้งคาดว่าคนร้ายน่าจะยังอยู่ในเมืองหลวง ที่นี่ หาขุนนางกังฉินง่ายดาย เอาขันทึ Tung เนี่ยแหละเป็นเหยื่อล่อ
มือปราบจับขันที Tung ข้อหาโกงกิน โดยตั้งใจไปจับตอนที่ขันทีชั่วไปเที่ยวหอคณิกา เพื่อให้คนเห็นกันทั่วๆ หลังจากนั้น ระหว่างขนย้ายหลักฐาน ก็ปล่อยให้หลักฐานถูกเผาทำลายไปซะ
ทีนี้ กองปราบก็ต้องปล่อยขันที Tung ตามระเบียบ
อีกสามวันทิชิ่วก็จะถูกประหาร ตุยเมี่ยกับแนฮ้วยสะกดรอยตามขันที Tung ไป ได้แต่หวังว่าคนร้ายจะปรากฎตัว
คนร้ายลงมือคิดสังหารขันที Tung แต่ถูกมือปราบขัดขวาง จะหนีซะหน่อย ก็เจอบ้อเช้งดักคอยอยู่ ทั้งคู่ต่อสู้กันด้วยอาวุธลับ
คนร้ายหนีไปได้ ส่วนบ้อเช้งถูกอาวุธลับที่ขา ได้รับบาดเจ็บ ไม่เป็นไรน่า โดนแค่นี้ ขาไม่รู้สึกมาตั้งนานแล้ว
คนร้ายหนีไปได้ก็จริง แต่เห็นพลังหม้ดที่ฝากไว้บนก้อนหินแล้ว ใช่แน่
แผลนิดหน่อย ไม่เห็นต้องหาหมอเลย ก็ตุยเมี่ยน่ะแหละ คะยั้นคะยออยู่ได้ ซ่งจือหยินเอาอาวุธลับออกให้แล้ว ไม่กี่วันก็หาย นางแอบเลียบเคียงถามลักษณะหน้าตาของคนร้าย แม้ไม่เห็นหน้า อย่างน้อยก็รู้ว่าคนร้ายไม่เพียงเยี่ยมยุทธ์ ยังถนัดอาวุธลับอีกด้วย แถมพลังหมัดก็หนักกว่าทิช่ิว
แปลกแฮะ มีอะไรอยู่ในขาบ้อเช้งก็ไม่รู้ ก็อยู่มาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ไม่เจ็บไม่ปวด เลยไม่สนใจ
ซ่งจือหยิน: ท่านไม่อยากรู้เลยเหรอ ว่ามันเป็นอะไร บ้อเช้ง: อยากรู้ก็ผ่าออกมาดูเลยสิ ซ่งจือหยิน: ผ่าเหรอ บ้อเช้ง: ก็เหมือนฮัวโต๋ ผ่ากวนอูไง ผ่าเลยสิ ทำไม หรือว่าไม่กล้า ซ่งจือหยิน: ได้เลย
แปลกจัง ทำไมอาวุธลับเหมือนกันเด๊ะ หรือว่าคนร้ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอดีตของบ้อเช้ง
นายพล Shu มาส่งอาหญิงกลับกองปราบ บ้อเช้งมารอดักถาม พอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับอดีตของบ้อเช้งเท่านั้นแหละ ต่างคนต่างหาเรื่องชิ่งแทบไม่ทัน กลับยิ่งสร้างความสงสัยมากขึ้นไปอีก
บ้อเช้งจึงสอบถามบัณฑิตรอบรู้จนได้ความกระจ่างว่า อาวุธลับนี้เป็นของ Fok To-yaun หากไม่ใช้วิชาซัดอาวุธลับประจำตระกูล Fok ไม่มีใครสามารถใช้อาวุธลับนี้ได้ ยี่สิบปีก่อน ตระกูล Shing และ Fok ใช้เลือดล้างตระกูลทั้งสองฝ่าย ไม่เหลือรอดแม้เด็กเล็ก ภายหลังเจ้าอาวาสได้นำพาลูกวัดมาช่วยกันเก็บศพ พระบางรูปเห็นสภาพเอน็จอนาถ ถึงกับล้มป่วย
ซ่งจือหยิน: ข้าไม่เข้าใจเลยว่า ใครกันนะช่างทำร้ายเด็กไร้เดียงสา ทำลายชีิวิตท่านทั้งชีวิต บ้อเช้ง: ข้าเพียงแต่หวังว่า จะจับฆาตกรได้ในเร็ววัน ซ่งจือหยิน: ท่านคิดว่าคนร้ายคนนี้ เป็นคนฆ่าฉั่วเถา และ Tai-yung ถ้าจับเขาได้ ท่านจะได้ช่วยล้างมลทินให้ทิช่ิว บ้อเช้ง: ไม่เพียงเท่านั้น ข้าอาจจะรู้อดีตของตัวเองด้วย ซ่งจือหยิน: ท่านคิดว่าคนที่ทำร้ายท่าน คือคนตระกูล Fok หรือ บ้อเช้ง: ข้าไม่รู้ แค่ยกเรื่องนี้มาพูด ใครๆ ก็ดูจะหลบเลียง ข้าเพียงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้า และข้าเป็นใครกันแน่ ซ่งจือหยิน: ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ช้าจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ บ้อเช้ง: ขอบใจมาก จือหยิน
ตุยเมี่ยกับแนฮ้วยอาสาติดตามเรื่องฆาตกรลึกลับให้เอง ขอให้บ้อเช้งไปสืบประวัติตัวเองอย่างสบายใจเถอะ
เพื่อช่วยเหลือคดีของทิชิ่ว จูกัวะซิงแซเดินทางไปยังเขตปกครองของท่านอ๋อง Chai หลายปีมานี้ มีข้าราชการถูกลอบสังหารไปจำนวนไม่น้อย คดีเหล่านี้อาจเกี่ยวพันกับคดีของทิชิ่ว ท่านอ๋อง Chai ให้ความร่วมมือ อนุญาตให้จูกัวะซิงแซค้นดดีเก่าๆ มาดู
พอดีกับเซี่ยวกุกขนส่งสินค้ามาถึง พระชายาไม่ค่อยสบายใจที่เห็นท่านอ๋องคบค้ากับสหพันธ์ จูกัวซิงแซรับปากว่าหลังจากเสร็จคดีทิชิ่ว จะช่วยดูให้ พระชายาค่อยสบายใจขึ่นหน่อย
แปลกจริง ทำไมฉั่วเกียให้เซี่ยวกุกลักลอบขนกำมะถันมาชายแดน แม้แต่เจ้าสำนัก Ling ก็ไม่รู้เหตุผล ไหนๆ แล้ว เซี่ยวกุกขอรู้หน่อยเหอะ เข้าไปดูในถ้ำลับใต้ภูเขา ก็พบว่า ฉั่วเกียกำลังผลิตอาวุธจำนวนมาก ส่วนจะทำไปเพื่ออะไร อย่าอยากรู้อยากเห็นจะปลอดภัยกว่า
ซ่งจือหยินรายงานฉั่วเกียเรื่องฆาตกรตัวจริง จะเป็นใครก็ช่าง ฉั่วเกียวไม่ยอมให้ลอยนวลไปได้ ขอเพียงกองปราบพบตัวฆาตกร ซ่งจือหยินก็จะลงมือล้านแค้นให้ฉั่วเถาทันที
ซ่งจือหยินยังรายงานเรื่องที่บ้อเช้งสงสัยว่าตัวเองจะเป็นทายาทตระกูล Shing อีกด้วย กลายเป็นว่า ฉั่วเกียให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าการตามหาตัวฆาตกรซะอีก เดี๋ยวหาคนอื่นไปทำแทน ให้ซ่งจือหยินประกบบ้อเช้ง หาความจริงให้ได้ก็พอ
ส่วนเรื่องจูกัวะซิงแซเดินทางไปเขตปกครองของท่านอ๋อง ไม่ต้องไปสนใจ ตอนนี้ จูกัวะซิงแซจะเอาตัวเองไม่รอดอยู่แล้ว ไม่มีเวลามาสืบเรื่องอาวุธหรอก
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2552 22:38:44 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1274 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Cipher IP: 58.8.137.38 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:32:34 น. |
|
|
|
โดย: midori IP: 124.120.200.48 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:45:22 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:8:33:11 น. |
|
|
|
โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:41:32 น. |
|
|
|
โดย: midori IP: 124.120.198.32 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:15:01 น. |
|
|
|
โดย: นิคกับพิม IP: 124.121.88.245 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:28:52 น. |
|
|
|
โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:38:17 น. |
|
|
|
| |
|
|
แถมมีแอบหลอกจับมือพี่บ้อเช้งด้วยนะ
แต่ตอนนี้สงสารครอบครัวทิชิ่วเนอะ ยังดีที่ว่าน้องสาวคิดได้ซะที เกือบจะต้องสังเวยด้วยชีวิตตัวเอง พ่อ และก้อตุยเมี่ยซะแล้ว