Group Blog
 
All Blogs
 

Face To Fate ตอน 25





จากตอนที่แล้ว เยี่ยม่งเซอะตัดสินใจที่จะเดินทางไปวังสวรรค์

เยี่ยม่งเซอะ: ท่านสอนพวกเรามาตั้งแต่เล็กให้เห็นส่วนรวมเป็นสำคัญ
ข้าจะเห็นแก่ตัวทำให้ทุกคนต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยได้อย่างไร
เจ้าสำนักเสิ่น: แต่จะให้อาจารย์มอบเจ้าให้กับจอมมาร มันโหดร้ายเกินไป
เยี่ยม่งเซอะ: อย่างมากข้าก็สู้ตายกับเค้า
เจ้าสำนักเสิ่น: เฮ้อ เจ้าสู้เกอซูเทียนไม่ได้หรอก
เยี่ยม่งเซอะ: แม้ข้าจะอยู่กับฝ่ายอธรรม แต่ข้าจะไม่ลืมคำสอนของท่าน
ข้ายอมตายซะดีกว่าจะร่วมมือกับคนชั่ว
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าสามารถแยกแยะดีชั่ว และไม่กลัวความตาย อาจารย์ภูมิใจที่มีศิษย์เช่นเจ้า
หากเจ้าสามารถทำเพื่อฝ่ายธรรมะได้ การไปของเจ้าคราวนี้ย่อมคุ้มค่า แต่มันอันตรายเกินไป
เยี่ยม่งเซอะ: อาจารย์อยากให้ข้าเป็นไส้ศึกงั้นหรือคะ
เจ้าสำนักเสิ่น: รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
หากเจ้าเข้าวังสวรรค์ได้ เจ้าจะรู้ความลับของพวกมัน
เยี่ยม่งเซอะ: วังสวรรค์จะแข็งแกร่งอย่างไร ย่อมมีจุดอ่อน
ขอเพียงข้าหามันเจอ พวกเราก็จะปราบพรรคมารได้





ก่อนเยี่ยม่งเซอะจะจากไป หลี่ปูยีได้มอบหยกให้กับนาง

หลี่ปูยี: หยกนี้แม้ไม่มีราคา แต่มีค่ากับข้ามาก เพราะหลายปีนี้ ข้าพกมันติดตัวมาตลอด
ข้าอยากให้เจ้ารับมันไว้
เยี่ยม่งเซอะ: ของมีค่าเช่นนี้มาให้ข้าทำไม
หลี่ปูยี: เพราะข้าจะคิดถึงเจ้า
เยี่ยม่งเซอะ: แต่ข้าเป็นลูกสาวของเกอซูเทียน
หลี่ปูยี: คนที่ข้าชอบคือเจ้า ข้าไม่สนใจว่าพ่อเจ้าเป็นใคร
เยี่ยม่งเซอะ: พี่หลี่ (เปลี่ยนไปเรียกพี่เลยนะยะ) แต่พรุ่งนี้ข้าต้องจากไปแล้ว
ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราจะได้พบกันอีกหรือไม่
หลี่ปูยี: ข้าจะต้องเอาชนะการประลองแน่ ถึงตอนนั้นพวกเราจะรับตัวเจ้ากลับมา






เยี่ยม่งเซอะเดินทางเข้าวังสวรรค์ หัวหน้าหน่วยน้ำหงซีกวนได้รับมอบหมายให้ดูแลนาง
ตอนนี้เป็นคุณหนูเจ้าวังแล้ว ก็ต้องมีสาวใช้ปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้าให้





เกอซูเทียนดีใจที่ได้ลูกสาวกลับมาอยู่บ้าน อุตส่าห์จัดเลี้ยงต้อนรับ แต่นางก็เย็นชากับเค้า

เกอซูเทียน: หากมารดาเจ้าได้รู้ว่า เราสองพ่อลูกได้อยู่ด้วยกัน นางต้องยินดีแน่
เยี่ยม่งเซอะ: ห้ามพูดถึงแม่ข้านะ ถ้าท่านไม่ฆ่านาง ข้าก็ไม่ต้องเป็นกำพร้า
เกอซูเทียน: พ่อรู้ว่าเจ้าต้องเป็นกำพร้ามาหลายปี เจ้าคงเกลียดชังพ่อมาก
เยี่ยม่งเซอะ: ที่ข้าเกลียดที่สุด คือการมีพ่อบังเกิดเกล้าเป็นจอมมารที่สร้างความเดือดร้อนให้ยุทธภพ
เกอซูเทียน: เจ้าอยู่กับพวกธรรมะมานาน พ่อไม่แปลกใจที่เจ้าคิดเช่นนี้
แต่พ่ออยากให้เจ้ารู้ว่าผิดถูกไม่ใช่จะแยกแยะได้ง่ายๆ
เยี่ยม่งเซอะ: พอเถอะ ธรรมะอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
อย่าคิดนะว่าการขังข้าไว้ที่นี่จะเปลี่ยนใจข้าได้
เกอซูเทียน: พ่อคงไม่อาจเปลี่ยนใจเจ้าได้ภายในไม่กี่วัน
ซักวันหนึ่งเถอะ เจ้าจะเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อทำ






ได้ท่านหมอหล่ายรักษา ศิษย์ที่โดนวางยาก็มีอาการดีขึ้น
ทุกคนต่างสงสัยว่ามีการวางเวรยามอย่างแน่นหนา
ทำไมพรรคมารจึงเล็ดรอดเข้ามาวางยาได้ ต้องเป็นฝีมือไส้ศึกแน่

เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าสำนัก Chung ต้องมาตาย ศิษย์สำนักเราก็โดนวางยาพิษ
ข้าจะไม่ปล่อยให้ไส้ศึกลอยนวลแน่ ข้าจะต้องหาตัวมันออกมาให้ได้
หล่ายเหยิกยี: ท่านก็หามาตั้งนานแล้วนี่ ทำไม่ไม่เจอเบาะแสซักอย่าง
ไม่รู้ว่าท่านไร้ความสามารถ หรือท่านปิดบังอะไรอยู่
เจ้าสำนัก Ngan-tong: ที่พูดมาเนี่ย ประสงค์อะไรกันแน่
หล่ายเหยิกยี: ข้าประสงค์อะไร เจ้าสำนักเสิ่นรู้แก่ใจดี
หลี่ปูยี: ไม่เอาน่า รีบรักษาคนเจ็บก่อนเถอะ






หลี่ปูยีกับท่านหมอหล่ายตัดสินใจเปิดเผยเรื่องเจ้าสำนักเสิ่นเป็นไส้ศึกให้ฮูหยินเสิ่นรู้
แต่นางหรือจะเชื่อ สามีใคร ใครก็รัก ไหนล่ะหลักฐาน

หล่ายเหยิกยี: ถ้ามีหลักฐาน พวกเราก็เปิดโปงเค้าไปนานแล้ว ต้องรอให้ถึงวันนี้หรือ
หลี่ปูยี: พวกเค้าเป็นสามีภรรยากันนี่ จะให้เชื่อก็คงยาก
หล่ายเหยิกยี: เช่นนั้น พวกเราคงต้องเชิญฮูหยินมาร่วมค้นหาความจริงแล้ว




ทั้งสามเข้าไปสำรวจหอเก็บตนฝึกวรยุทธ์ของเจ้าสำนักเสิ่น
โล่ง สะอาดขนาดนี้ จะซ่อนอะไรได้

หล่ายเหยิกยี: สิ่งที่เห็นอาจเป็นเพียงภาพลวงตา อาจมีบางสิ่งที่เราไม่เห็น

พูดยังไม่ทันขาดคำ ท่านหมอหล่ายก็พบยาพิษซ่อนอยู่ใต้แผ่นหิน ทำไมง่ายจัง





หล่ายเหยิกยี: ยานี่แหละตัวการทำให้เกิดภาพหลอน
ตอนนี้พวกเรามีหลักฐานที่จะเปิดโปงเสิ่นซิงหนานแล้ว
ฮูหยินเสิ่น: อาจมีใครใส่ร้ายเค้าก็ได้
หล่ายเหยิกยี: ท่านยังจะแก้ตัวแทนเค้าอีก
ฮูหยินเสิ่น: ก็ได้ งั้นเราไปพูดกันต่อหน้าสามีข้าเลยดีกว่า ให้มันชัดเจนไปเลย
หลี่ปูยี: ข้าว่าอย่าเพิ่งดีกว่า
หล่ายเหยิกยี: อย่าบอกนะว่า เจ้าจะเข้าข้างนางอีกคน
หลี่ปูยี: แค่ยาพิษอย่างเดียว เค้าจะปฏิเสธก็ได้ เราต้องระมัดระวังให้ดี
ไม่เช่นนั้นเราอาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้





เพิ่งจะหาหลักฐานได้ ก็เจอตัวไส้ศึกซะงั้น
ศิษย์พี่ห้าถูกจับได้ระหว่างกำลังลอบวางยาในอาหาร

เจ้าสำนักเสิ่น: บอกมา เจ้าซ่อนยาพิษไว้ที่ไหน
ศิษย์พี่ห้า: ที่ที่ปลอดภัยที่สุดในสำนักเขาปลาบิน
เยี่ยชูเซิน: หอฝึกวรยุทธ์





มันก็ต้องเจออ่ะนะ

เจ้าสำนัก Ngan-tong: ที่แท้ยาพิษถูกซ่อนไว้ที่นี่ ถึงไม่มีใครหาพบ
เยี่ยชูเซิน: เจ้ากล้าใส่ร้ายอาจารย์หรือเนี่ย
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าเป็นศิษย์ข้ามานานหลายปี ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกล้าทรยศไปเข้ากับวังสวรรค์
ศิษย์พี่ห้า: ทีเจ้ายังส่งศิษย์ไปเป็นไส้ศึกวังสวรรค์ได้ วังสวรรค์จะทำเช่นเดียวกันก็ไม่แปลก

เจ้าสำนัก Ngan-tong เสนอให้สำเร็จโทษศิษย์พี่ห้า แล้วตัดศีรษะส่งกลับไป
แต่เจ้าสำนักเสิ่นไม่เห็นด้วย เค้าคิดจะสอบสวนศิษย์พี่ห้าเผื่อจะได้รู้ความลับของวังสวรรค์






เจ้าสำนักเสิ่นลอบเข้าไปพบศิษย์พี่ห้าเมิ่นหว่านถังในห้องขัง

เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าติดตามข้ามาหลายปี นึกไม่ถึงว่าเกอซูเทียนจะส่งเจ้ามาจับตาดูข้า
เมิ่นหว่านถัง: ถูกต้อง เจ้าวังยังให้ข้ายอมรับผิดแทนท่าน เพื่อไม่ให้หลี่ปูยีกับหล่ายเหยิกยีทำลายแผนการสำคัญ
ท่านก็เป็นผู้นำฝ่ายธรรมะให้สบายใจเถอะ
เจ้าสำนักเสิ่น: ขอบใจเจ้ามาก
เมิ่นหว่านถัง: หลี่ปูยีเป็นตัวป่วนจริงๆ ท่านต้องรีบส่งข้ากลับวังสวรรค์โดยเร็ว
หากข้าโดนทรมาน ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะทนได้นานแค่ไหน
เจ้าสำนักเสิ่น: จริงสิ ข้ามีวิธีจัดการกับหลี่ปูยีแล้ว





ฮูหยินเสิ่นดีใจที่ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของสามี เอ้า หลับหูหลับตาเชื่อเข้าไป

หลี่ปูยี: อยู่ดีๆ เมิ่นหว่านถังก็กลายเป็นคนทรยศ เจ้าไม่เห็นว่ามันแปลกๆ หรือ
ฮูหยินเสิ่น: หากท่านยังสงสัยสามีข้าอยู่ ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ข้าเชื่อมั่นในตัวเค้า




เจอจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ท่านหมอทั้งสองก็ต้องปวดหมองกันต่อปาย
ทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือต้องง้างปากเมิ่นหว่านถังให้สารภาพความจริง




เมื่อไปถึงห้องขัง ปรากฏว่าไม่มีเวรยามซักคน ท่านหมอก็เริ่มเอะใจแล้วเชียว
แต่ยังไม่เฉลียวอีกว่ามันเป็นกับดัก เข้าไปก็เห็นศิษย์น้องเจ็ด และเมิ่นหว่านถังตายอยู่แล้ว





ซวยล่ะสิงานนี้ อธิบายไปใครจะเชื่อ เข้าแผนเจ้าสำนักเสิ่นทุกอย่าง
จับได้คาหนังคาเขา ทุกคนเชื่อหมดว่าหลี่ปูยีสังหารเมิ่นหว่านถังเพื่อปิดปาก

หลี่ปูยี: พวกท่านอย่าเข้าใจผิด เรามาสอบพยานต่างหาก พวกเราไม่ได้ฆ่าใคร
เจ้าสำนักหวงซาน: หลี่ปูยี เจ้าบอกข้าว่าเจ้าสำนักเสิ่นเป็นผู้ต้องสงสัย
แถมยังให้ข้าแนะนำเจ้าเข้าร่วมงานประลอง แต่ข้าไม่เห็นเจ้าสำนักเสิ่นจะมีพฤติกรรมน่าสงสัย
ตรงกันข้ามพวกเจ้าสองคนกลับทำอะไรลับๆ ล่อๆ
เจ้าสำนักเสิ่น: ระหว่างที่ข้ากำลังหาตัวไส้ศึก ข้าพบพิรุธอย่างหนึ่ง
ที่แท้เกอซูเทียนเป็นศิษย์พี่ของหลี่ปูยี

วงแตกสิคะงานนี้ ท่านหมอหลี่ยิ่งชอบอมพะนำอยู่ด้วย เลยยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่





เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าลวงม่งเซอะให้ไปพบเกอซูเทียนที่หุบเขาธารน้ำพุร้อน
เพราะเจ้ารู้ว่านางเป็นบุตรสาวของเค้า เจ้าฉวยโอกาสเอาหน้ากับเกอซูเทียน
หลี่ปูยี: เกอซูเทียนเป็นศิษย์พี่ของข้าจริง แต่เค้าถูกขับออกจากสำนักนานแล้ว
เจ้าสำนักเสิ่น: แล้วที่เจ้าสำนัก Chung ต้องตายเพราะค่ายกลของเจ้าล่ะ
เจ้าสำนักทุกท่านคงกระจ่างแล้วนะ ว่าใครคือคนทรยศ
หลี่ปูยี: เจ้าสำนักทุกท่าน ฟังข้าก่อน
เจ้าสำนักคงท้ง: พอได้แล้ว ไม่มีใครเชื่อเจ้าอีกต่อไป เจ้าสมคบกับฝ่ายอธรรม ข้าจะกำจัดเจ้าเอง

อธิบายไปไม่เป็นผล จะอยู่ให้จับรึไง เผ่นไปตั้งหลักก่อนดีกว่า





ฮูหยินเสิ่นคงเป็นคนเดียวที่ไม่เชื่อว่าหลี่ปูยีกับท่านหมอหล่ายจะเป็นฆาตกร
ไม่รู้เลยว่าทำให้เจ้าสำนักเสิ่นไม่พอใจคิดว่านางยังมีใจให้หลี่ปูยี



เจ้าสำนักเสิ่นยังนับว่าพอมีจิตสำนึกหลงเหลือ อย่างน้อยก็รู้สึกผิดต่อหว่านเฟยจนนอนไม่หลับ
ตอนที่เจ้าสำนักเสิ่นฆ่าเมิ่นหว่านถังเพื่อใส่ร้ายหลี่ปูยี
หว่านเฟยเข้ามาเห็นเหตุการณ์ ทำให้เจ้าสำนักเสิ่นต้องจำใจสังหารเค้า






ในที่สุดฮูหยินเสิ่นก็ได้รู้ซึ้งถึงธาตุแท้ของสามี



สองท่านหมอกลับมาหลบเลียแผลใจ อุตส่าห์เตรียมการซะดิบดี
ไม่นึกว่าจะพลาดท่าจนได้ แล้วทีนี้จะล้างมลทินยังไงดี

หลี่ปูยี: มีคนเดียวที่จะช่วยพวกเราพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้
หล่ายเหยิกยี: เจ้าหมายถึงฮูหยินเสิ่นหรือ แต่นางเข้าข้างสามีออกอย่างนั้น มีหรือจะช่วยเรา
หลี่ปูยี: ข้ารู้จักนางดี หากนางรู้ว่าพวกเราถูกใส่ร้าย นางจะไม่ดูดายแน่
หล่ายเหยิกยี: แต่ฝ่ายธรรมะตามล่าพวกเราอยู่ เราจะติดต่อนางได้อย่างไร
เยียนเยี่ยไหล: มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่มีใครที่สำนักเขาปลาบินเคยเห็นข้า ข้าจะติดต่อนางให้เอง






เยี่ยม่งเซอะพยายามศึกษาแผนผังของวังสวรรค์ ยิ่งดูก็ยิ่งสับสน
วังสวรรค์มีห้องลับมากมาย นางตัดสินใจจะออกสำรวจอีกครั้ง




นางไปถึงเขตหวงห้ามของวังสวรรค์ ถึงนางเป็นคุณหนูก็ไม่มีข้อยกเว้น

เยี่ยม่งเซอะ: หากพวกเจ้ายังกล้าขวางข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะ

พูดไม่ทันขาดคำ จ้าวค้างคาวก็ลงมือสังหารคนเฝ้าเขตหวงห้ามทั้งคู่

จ้าวค้างคาว: ท่านบอกว่าหากพวกมันยังขวางท่าน ท่านจะฆ่าพวกมันซะ
ข้าไม่กล้าขัดคำสั่งคุณหนู
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง





เกอซูเทียน: ฐานะของเจ้า เป็นรองก็แต่เจ้าวัง คำพูดของเจ้าย่อมเป็นประกาศิต
เยี่ยม่งเซอะ: พวกเค้าต้องตายเพราะคำพูดของข้าเหรอเนี่ย
เกอซูเทียน: เป็นยังไงความรู้สึกที่ได้เป็นเจ้าชีวิตคน มันวิเศษมากใช่มั้ย

พ่ออะไรฟระไม่เข้าใจความรู้สึกลูกเลย




เห็นบอกว่าเป็นเขตหวงห้าม นึกว่าจะเป็นห้องลับอะไร กลับเป็นห้องนอนของ เกอซูเทียน

เยี่ยม่งเซอะ: แล้วทำไมท่านให้ข้าเข้ามาในนี้ได้ล่ะ
เกอซูเทียน: เพราะเจ้าเป็นลูกสาวข้า อาจบางทีเพราะข้าไม่เคยทำหน้าที่พ่อที่ดี ข้าจึงอยากชดเชยให้เจ้า
เยี่ยม่งเซอะ: บาปที่ท่านทำไม่อาจชดเชยได้
เกอซูเทียน: เจ้ายังเห็นข้าเป็นมารร้ายเลือดเย็นอยู่อีกหรือ คิดทำการใหญ่จะมัวใจอ่อนไม่ได้
เยี่ยม่งเซอะ: ถ้าข้าขัดขวางไม่ให้ท่านเป็นเจ้ายุทธภพ ท่านจะฆ่าข้าด้วยมั้ย
เกอซูเทียน: ชะตาลิขิตให้อธรรมเป็นใหญ่เหนือธรรมะ เจ้าขัดขวางข้าเป็นเจ้ายุทธภพไม่สำเร็จหรอก
เยี่ยม่งเซอะ: ก็รอดูกันไปแล้วกัน





เยียนเยี่ยไหลแฝงกายเข้ามาเป็นแม่ครัวในสำนักเขาปลาบิน
นางทำซุปพิเศษให้กับฮูหยินเสิ่นและได้มอบผ้าเช็ดหน้าแก่นาง
ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าผ้าเช็ดหน้าปักคำว่าอะไร ฮูหยินเสิ่นจึงได้รู้ทันทีว่าหลี่ปูยีส่งนางมา





ฮูหยินเสิ่น: ทำไมพวกเค้าส่งเจ้ามาหาข้า
เยียนเยี่ยไหล: เพราะท่านรู้ว่าพวกเค้าบริสุทธิ์ ท่านเป็นคนเดียวที่รู้ว่าใครคือคนทรยศ
ฮูหยินเสิ่น: ข้าไม่รู้
เยียนเยี่ยไหล: ถ้าข้าเป็นท่าน ข้าก็คงตอบเช่นเดียวกัน แต่มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริง
ฮูหยินเสิ่นชะตากรรมของฝ่ายธรรมะอยู่ในมือท่านแล้ว





ฮูหยินเสิ่นลงมือค้นหอฝึกวรยุทธ์อีกครั้ง หนนี้นางพบห้องลับใต้ดินเข้าโดยบังเอิญ
และได้เห็นกระถางทรายชาด นางจึงรู้ว่าเสิ่นซิงหนานแอบฝึกวิชาฝ่ามือนี้





ซ้ำยังได้เห็นจดหมายที่เค้าเขียนส่งให้เกอซูเทียนอีก เมื่อรู้ว่าสามีเป็นไส้ศึก นางจะทำใจได้อย่างไร




เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้ามาทำอะไรที่ผาสำนึกตนนี่
ฮูหยินเสิ่น: ข้ามาสำนึกในความผิดที่ได้ทำไป แล้วท่านล่ะ ท่านมาตามหาข้า หรือว่ามาสำนึกผิด
เจ้าสำนักเสิ่น: หรือว่าเจ้าได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น
ฮูหยินเสิ่น: แล้วท่านได้ทำอะไรที่ไม่ควรทำรึเปล่าล่ะ
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าเอาจดหมายไปใช่มั้ย
ฮูหยินเสิ่น: หลี่ปูยีพูดถูก ท่านเป็นไส้ศึก
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าก็เชื่อแต่มันนั่นแหละ
ฮูหยินเสิ่น: ข้าภาวนาให้เค้าเข้าใจผิด แต่ความจริงก็คือความจริง
เจ้าสำนักเสิ่น: ที่เจ้าเห็นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นไปหมดหรอก
ฮูหยินเสิ่น: ทำไมท่านถึงฝึกวิชาฝ่ามือทรายชาด ทำไมท่านสมคบกับเกอซูเทียน





เจ้าสำนักเสิ่นย้อนอดีตให้ฟังถึงตอนที่เค้าเดินทางไปกำจัดสองคนโฉดที่ชายแดนตะวันตก
หลังจากสังหารสองคนโฉดแล้วเค้าได้พบตำราวิชาฝ่ามือทรายชาดที่หายสาบสูญไปจากยุทธภพ





เจ้าสำนักเสิ่นอดใจไม่ได้จึงแอบฝึกวิชาในตำรา
มารู้เอาทีหลังว่าเมื่อเริ่มต้นฝึกวิชาแล้ว ไม่อาจเลิกฝึกได้ มิเช่นนั้นชีพจรจะขาดกลายเป็นคนพิการ
ที่ย่ำแย่ที่สุดคือตำราขาดหายไปหลายหน้า ทำให้เจ้าสำนักเสิ่นต้องบาดเจ็บภายใน

เจ้าสำนักเสิ่นยังแหลต่อไปว่า หลังจากได้รับบาดเจ็บ
เค้าได้ไปขอให้มารดาหมอปีศาจรักษาอาการ กลับถูกบังคับให้สวามิภักดิ์ต่อฝ่ายอธรรม
เจ้าสำนักเสิ่นไม่ยอมอ่อนข้อได้ต่อสู้กับมารดาหมอปีศาจจนบาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย





เพื่อให้ได้ตำราส่วนที่เหลือจากเกอซูเทียน
เจ้าสำนักเสิ่นจึงทำทีเป็นยอมหักหลังฝ่ายธรรมะเพื่อเหมืองทอง




เจ้าสำนักเสิ่น: ข้าก็บอกเจ้าหมดทุกอย่างแล้ว ที่ข้าทำไปเพื่อรักษาอาการ
หากข้าหายดีเมื่อไหร่ ข้าจะจัดการกับเกอซูเทียน
ฮูหยินเสิ่น: แต่ท่านรู้มั้ยว่าท่านทำร้ายคนมากมาย
เจ้าสำนักเสิ่น: จะทำการใหญ่ต้องเสียสละกันบ้าง
ฮูหยินเสิ่น: ท่านไม่รู้สึกหรือว่าท่านเห็นแก่ตัวเหลือเกิน
เจ้าสำนักเสิ่น: ทำไมเจ้าพูดเช่นนี้ ที่ข้าทำไปเพื่อหาทางกำจัดศัตรูยุทธภพ เจ้ายังจะหาว่าข้าเห็นแก่ตัวอีกหรือ
ฮูหยินเสิ่น: เรื่องนั้น ขอแค่ท่านชนะการประลอง เราก็สามารถควบคุมฝ่ายอธรรมได้แล้ว
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าคิดว่าเกอซูเทียนจะยอมทำตามกฎหรือ
ตอนนี้ เกอซูเทียนฝึกยุทธถึงขั้นสูงสุด หากข้าไม่ฝึกฝ่ามือทรายชาด จะเอาอะไรไปสู้กับเค้า
ฮูหยินเสิ่น: ข้าไม่รู้ว่าควรเชื่อท่านหรือไม่





เจ้าสำนักเสิ่น: ไม่ว่าเจ้าจะคิดอย่างไร เราก็เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี เจ้าจะใจร้ายกับข้าได้ลงหรือ
ถ้าเจ้าเปิดโปงข้า สำนักเขาปลาบินของเราอาจต้องล่มสลาย
ฮูหยินเสิ่น: ข้าไม่อยากทำเช่นนั้น แต่ข้าก็ไม่อยากให้ท่านทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท่านทรยศฝ่ายธรรมะ ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปไม่น้อย ข้าเชื่อว่าจะจัดการกับเกอซูเทียนยังมีหนทางอื่นอีก
สำหรับอาการของท่าน ก็ให้ท่านหมอหล่ายช่วยรักษาสิ
ถ้าท่านยังดื้อดึงไม่รู้สำนึก ข้าก็คงต้องเห็นความถูกต้องมาก่อนความสัมพันธ์ส่วนตัว
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าจะให้อภัยข้าหรือไม่ หากข้ายอมแตกหักกับเกอซูเทียน
ฮูหยินเสิ่น: แน่นอน ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน





เจ้าสำนักเสิ่น: ได้ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะเอาชนะการประลองและทำความดีลบล้างความผิด
ฮูหยินเสิ่น: ข้าจะเก็บจดหมายไว้ชั่วคราว ข้าจะคืนให้ท่านเมื่อข้าแน่ใจว่าท่านกลับตัวได้จริง
ข้ารู้ว่าทำเช่นนี้ ท่านอาจไม่พอใจ แต่ข้าทำไปเพื่อยุทธภพ ข้าไม่มีทางเลือก
เจ้าสำนักเสิ่น: วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง




เจ้าสำนักเสิ่นทำเป็นสำนึกผิด หลอกให้ฮูหยินดื่มสุรา
แล้ววางยาสลบนาง อารั้ย ยังไม่ทันไรก็ออกลายซะแล้ว





เจ้าสำนักเสิ่นค้นจนทั่วก็ไม่พบจดหมาย เค้าจึงออกไปค้นที่อื่น
ที่แท้ฮูหยินเสิ่นไม่ได้สลบ เยียนเยี่ยไหลรู้ทันและได้ให้ยาถอนกับนางไว้ล่วงหน้า
นางได้แต่เสียใจที่สามีไม่ยอมรู้สำนึก





เจ้าสำนักเสิ่น: ดึกดื่นค่ำคืน เจ้าจะไปไหน
ฮูหยินเสิ่น: ไปไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเห็นหน้าท่านอีก
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าจะเอาจดหมายไปให้หลี่ปูยี ใช่มั้ย
ฮูหยินเสิ่น: ทำไมท่านดื้อรั้นเช่นนี้
เจ้าสำนักเสิ่น: เราเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะทรยศข้าเพราะหลี่ปูยี
ฮูหยินเสิ่น: ท่านทรยศตัวเองต่างหาก ข้าให้โอกาสท่านแล้ว ทำไมท่านจึงไม่สำนึก
เจ้าสำนักเสิ่น: แผนการของข้าใกล้สำเร็จ จะให้ข้าล้มเลิกง่ายๆ ได้ยังไง
ฮูหยินเสิ่น: ท่านทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก
เจ้าสำนักเสิ่น: หากไม่ส่งจดหมายมา อย่าหวังจากไป
ฮูหยินเสิ่น: เจ้าจับข้าไว้ก็ไม่มีประโยชน์ จดหมายไม่ได้อยู่ที่ข้า




เยียนเยี่ยไหลช่วยพาฮูหยินหนีไปได้ เจ้าสำนักจึงอ้างกับเหล่าศิษย์ว่าฮูหยินถูกหลี่ปูยีจับตัวไปให้ช่วยกันตามหา



หลี่ปูยีตรวจชะตาพบว่าฮูหยินเสิ่นมีเคราะห์ จึงรีบร้อนเดินทางมาช่วยนาง จะทันมั้ยเนี่ย



เจ้าสำนักเสิ่นตามมาทันจนได้ เยียนเยี่ยไหลช่วยสกัดเจ้าสำนักเอาไว้ ให้ฮูหยินหนีไปก่อน
แต่บรรดาเจ้าสำนักอื่นๆ ตามมาทัน เจ้าสำนักเสิ่นจึงได้โอกาสปลีกตัว





ฮูหยินเสิ่น: ท่านยังไม่สำนึกอีก
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าไม่เคยเห็นข้าเป็นสามี หลีปูยีสำคัญต่อเจ้ามากกว่าข้า
ฮูหยินเสิ่น: ทำไม ทำไมท่านเปลี่ยนไป ท่านเคยเป็นจอมยุทธคุณธรรม
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าเองล่ะ ทำไมถึงร่วมมือกับหลี่ปูยีมาต่อต้านข้า ทำเหมือนข้าเป็นศัตรู
หากยังเห็นข้าเป็นสามี ก็คืนจดหมายมาให้ข้าซะ
ฮูหยินเสิ่น: ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่คืนให้
เจ้าสำนักเสิ่น: งั้นอย่าหาว่าข้าเหี้ยมก็แล้วกัน




ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าสำนักเสิ่นบอกฆ่าก็ฆ่าเลย

เจ้าสำนักเสิ่น: ทำไมเจ้าถึงยอมตาย ทำไมเจ้าถึงเห็นจดหมายนั่นสำคัญนัก
ทำไมเจ้าจะต้องจองล้างจองผลาญข้า ทำไมเจ้าเข้าข้างหลี่ปูยี
ฮูหยินเสิ่น: ที่จริง จดหมายนั่น ข้าเผามันไปแล้ว
เจ้าสำนักเสิ่น: อะไรนะ
ฮูหยินเสิ่น: เราเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ท่านคิดว่าข้าจะทำให้ท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงได้หรือ
ข้าจะล้มล้างสำนักเขาปลาบินได้อย่างไร เพราะความเห็นแก่ตัวของข้า ข้าจึงเผาจดหมายนั่นทิ้งไป
เจ้าสำนักเสิ่น: งั้นทำไมเจ้าต้องหนีด้วย
ฮูหยินเสิ่น: เพราะข้าไม่อาจเผชิญหน้าท่านได้อีก





เจ้าสำนักเสิ่นเสียใจที่ลงมือสังหารฮูหยินโดยไม่ถามไถ่
เค้าเห็นนางพกผ้าเช็ดหน้าของหลี่ปูยี ก็ยิ่งเจ็บปวด
ตามประสาผู้ร้าย ทำผิดต้องโทษคนอื่น









 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 16:38:29 น.
Counter : 1459 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 24





จากตอนที่แล้ว เพื่อรักษาชีวิตของเยี่ยม่งเซอะ หลี่ปูยีจึงต้องเปิดเผยความจริงว่านางเป็นบุตรสาวของเกอซูเทียน

หลี่ปูยี: นางเกิดปี xin mao เดือน bing shen วัน yi you ช่วงตีสามถึงตีห้า อย่าบอกนะว่าท่านจำวันเกิดนางไม่ได้ ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าข้าถอดจิตไปพบท่าน ตอนนั้นแม่นางเยี่ยให้ข้าช่วยตามหาบิดา ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ข้าเห็นคือท่าน





เกอซูเทียนใช้ผลึกหินลาวาทำการหยดเลือดพิสูจน์ เค้าจึงรู้ว่าเยี่ยม่งเซอะเป็นลูกในไส้ของตน แต่ม่งเซอะจะทำใจได้อย่างไร ใครจะอยากมีพ่อเป็นจอมมารกันล่ะ




ฮู้ย ท่านหมอหล่ายทำเป็นตำรวจไปได้ จบเรื่องแล้วเพิ่งจะมา

เกอซูเทียน: อย่าซ่า ขอร้อง เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก วันนี้ข้าไม่อยากฆ่าใคร รีบพานางไปซะ





เจ้าสำนักหวงซานนำเจ้าสำนักอื่นๆ มาขอพบเจ้าสำนักเสิ่นตามที่หลี่ปูยีขอร้องเอาไว้ ยังไม่ทันได้พบเจ้าสำนักเสิ่น ท่านหมอหล่ายก็พาหลี่ปูยีกับเยี่ยม่งเซอะกลับมาที่สำนัก




ฮูหยินเสิ่น: ใครทำร้ายเจ้า

ไม่มีใครยอมตอบค่ะ ท่านหมอหล่ายตอบเองก็ได้ว่าเป็นเกอซูเทียน





เจ้าสำนักทำตีหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เข้ามาร่วมวง
เห็นหน้าเจ้าสำนักเสิ่นแล้ว ท่านหมอหล่ายก็เซ็ง แผนเปิดโปงล้มเหลว
มิหนำซ้ำหลี่ปูยีต้องมาบาดเจ็บ แบบนี้เค้าเรียกว่าฆ่าไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวเปลือกอีกด้วย

เจ้าสำนักเสิ่น: จอมยุทธหลี่ ท่านไม่น่าชะล่าใจนี่น้า อยู่ดีๆ ทำไมท่านถึงไปที่น้ำพร้อนล่ะ แล้วเจอเกอซูเทียนได้ยังไง
หล่ายเหยิกยี: (ชักฉุน) พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
หลี่ปูยี: ข้าเป็นเป้าหมายของเกอซูเทียนอยู่แล้ว แม่นางเยี่ยเลยต้องมาพลอยรับเคราะห์ไปด้วย





ม่งเซอะยังคงช็อคกับเหตุการณ์ จนไม่ทันฟังว่าอาจารย์ถามอะไร

หล่ายเหยิกยี: แม่นางเยี่ยกับหลี่ปูยีต่างได้รับบาดเจ็บ (จะมัวซักหาอะไรว้อย)
พวกเค้าต้องได้รับการรักษาโดยด่วน หากพวกท่านอยากถามอะไร ก็รอให้พวกเค้าพักผ่อนก่อน





แค่เข้าห้อง ท่านหมอหล่ายก็ผิดสังเกตทันที ที่แท้เจ้าสำนักเสิ่นแอบวางยาพิษไว้ที่ต้นกล้วยไม้
มิน่าล่ะ หลี่ปูยีจึงไม่สามารถใช้กำลังภายในได้
ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่ยอมให้ท่านหมอหล่ายเปิดโปงเจ้าสำนักเสิ่นอีก

หลี่ปูยี: เราไม่มีหลักฐาน พูดไปใครจะเชื่อ
หล่ายเหยิกยี: ข้าเหม็นหน้าคนกลับกลอกเหลือเกิน
หลี่ปูยี: ตอนนี้ เสิ่นซิงหนานรู้แล้วว่าเรากำลังแกะรอยไส้ศึก ย่อมอันตรายกว่าเดิม
หล่ายเหยิกยี: พี่น้องกัน ไม่ต้องมากความ ข้าไม่ถอนตัวแน่
หลี่ปูยี: เราต้องรับมือทั้งเสิ่นซิงหนานและเกอซูเทียนหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าจะบอกแม่นางเยียนอย่างไร
หล่ายเหยิกยี: ยังไงข้าก็เป็นโรคแก่ก่อนวัย ไม่ช้าข้าก็ต้องตายอยู่ดี
สำหรับเยี่ยไหลเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง นางเข้าใจดี
ไม่ว่าเสิ่นซิงหนานจะเจ้าเล่ห์แค่ไหน พวกเราก็เปิดโปงเค้าได้แน่






เยี่ยม่งเซอะไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ฮูหยินเสิ่นห่วงใยนาง จึงไม่ซักไซ้




เจ้าสำนักเสิ่นเข้ามาสร้างเรตติ้ง ให้ม่งเซอะซาบซึ้งใจ

เจ้าสำนักเสิ่น: ข้าก็ไม่อยากจะตำหนิเจ้าหรอกนะ แต่วันหน้าวันหลัง หากเจ้าพบพิรุธอะไร
ควรรีบแจ้งให้ศิษย์ร่วมสำนักรับรู้ อย่าใจร้อนทำตามลำพัง
หากเจ้าเป็นอะไรไป อาจารย์จะทำอย่างไร อาจารย์ต้องเสียฉินหงไปคนหนึ่งก็เสียใจมากพอแล้ว
อาจารย์ไม่อยากเสียเจ้าไปอีกคนนะ




สำนักเขาปลาบินนี่มันแคบมากรึงัย คนยิ่งเหม็นหน้าอยู่ ดันมาเจอจนได้

เจ้าสำนักเสิ่น: ท่านบอกว่า จอมยุทธหลี่โดนพิษ ไม่ทราบเค้าอาการดีขึ้นรึยัง
หล่ายเหยิกยี: แน่นอน คราวนี้ เกอซูเทียนและลูกกระจ๊อกของมันต้องเดือดร้อนแน่
เจ้าสำนักเสิ่น: เยี่ยมเลย ว่าแต่อยู่ดีๆ ท่านก็ผมขาวทั้งศีรษะ อย่าบอกนะว่าท่านก็โดนยาพิษด้วย
หล่ายเหยิกยี: ใครจะมีปัญญาวางยาข้าได้ หากท่านอยากมีผมขาวบ้างล่ะก็ ข้าช่วยท่านได้นะ
เจ้าสำนักเสิ่น: หากคิดช่วยข้า ก็ช่วยจัดการเจ้าพวกลูกกระจ๊อกดีกว่า
หล่ายเหยิกยี: พวกลูกกระจ๊อกก็ยังไม่น่ารังเกียจเท่าพวกกลับกลอกตีสองหน้า
ข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยหลี่ปูยีเปิดโปงพวกกลับกลอกที่สร้างชื่อเสียงด้วยการตบตาชาวยุทธ





เยี่ยม่งเซอะยากที่จะทำใจ นางจึงขึ้นผาสำนึกตนไปขบคิดตามลำพัง
ที่หลี่ปูยีไม่ยอมบอกนางแต่แรก ก็เพราะกลัวว่านางจะทำใจไม่ได้นี่แหละ

เยี่ยม่งเซอะ: ข้าอยากเห็นหน้าพ่อแม่ที่แท้จริงมาตั้งแต่เล็ก ข้าไม่คาดฝันเลยว่าพ่อของข้าจะเป็นจอมมาร
หากคนอื่นๆ ล่วงรู้เรื่องนี้ ข้าคงไม่อาจอยู่ในสำนักเขาปลาบินได้อีก
หลี่ปูยี: เจ้าวางใจ ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับใคร
เยี่ยม่งเซอะ: ถึงยังไง ซักวันก็ต้องมีคนรู้จนได้ เมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็จะกลายเป็นศัตรูของฝ่ายธรรมะ
หลี่ปูยี: หากมีคนรู้ความลับนี้ ไม่ว่าใครจะรังเกียจเดียดฉันท์เจ้าอย่างไร ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายเจ้า






เกอซูเทียนหวนคิดถึงอดีต วันวันเค้ามัวแต่มุ่งมั่นฝึกวิชา จนลืมดูแลฮูหยิน
จนนางท้อง เค้าก็ยังไม่รู้ Siu yuk น้อยใจสามี จึงพูดจาประชดทำให้เกอซูเทียนเข้าใจผิด
คิดว่านางท้องกับชายอื่น และสังหารนางกับมือ กว่าจะรู้ความจริงก็สายไปเสียแล้ว
ต่อมาเค้าได้ข่าวว่าบุตรสาวของเค้ารอดตาย เค้าจึงพยายามตามหานางมาตลอด






เกอซูเทียนได้ทำนายดวงของเยี่ยม่งเซอะพบว่านางจะเป็นผู้รวมยุทธภพให้เป็นหนึ่ง
ยังไงเค้าต้องรับนางกลับมายังวังสวรรค์ให้ได้




เจ้าสำนักหวงซานชักไม่แน่ใจว่าพวกเค้าสงสัยคนผิดหรือเปล่า
เจ้าสำนักเสิ่นไม่มีร่องรองอาการบาดเจ็บอย่างที่คาดกันไว้
หลี่ปูยียังยืนยันความคิดตน เพราะมีเพียงเจ้าสำนักเสิ่นที่รู้ว่าเค้าตามหลิวฝ่านหยี
เจ้าสำนักหวงซานยังคงเชื่อใจหลี่ปูยี แต่จะทำอย่างไรถึงจะทำให้เจ้าสำนักอื่นๆ เชื่อได้ล่ะ

โปรดสังเกต เงาใครแว้บๆ แอบฟังอยู่หลังประตู





ที่แท้ ศิษย์สำนักเขาปลาบินมาแจ้งข่าวว่าเกอซูเทียนส่งทูตมายังสำนัก
ขอให้ทุกท่านออกไปที่ห้องโถงโดยพร้อมเพรียงกัน




หมอปีศาจนำพลพรรควังสวรรค์มาขอรับตัวเยี่ยม่งเซอะ
บรรดาเจ้าสำนักถึงกับอึ้งเมื่อได้รู้ว่าม่งเซอะเป็นบุตรสาวเจ้าวังสวรรค์

จูกัดบ้วนหลี่: ทำเป็นตกใจกันไปได้ หลี่ปูยีรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วนี่ อย่าบอกนะว่าเค้าไม่บอกพวกท่าน
หลี่ปูยี: ใช่ข้ารู้ แต่เรื่องส่วนตัวของแม่นางเยี่ยข้าไม่อาจเปิดเผยได้ (เป็นหมอดูก็ต้องมีจรรยาบรรณนะ)

หมอปีศาจประกาศจะกลับมาทวงคนในอีก 3 วันให้หลัง




เยี่ยม่งเซอะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ศิษย์น้องเข้าใจว่านางยังไม่หายแค้นที่โดนเกอซูเทียนทำร้าย
ศิษย์น้องยังช่วยปลอบใจว่าซักวันม่งเซอะคงได้มีโอกาสสังหารเกอซูเทียนเป็นการแก้แค้น
ม่งเซอะฟังแล้วยิ่งกลุ้มใจ




เจ้าสำนักเสิ่น: หลายปีมานี่อาจารย์ดีต่อเจ้าหรือไม่
เยี่ยม่งเซอะ: อาจารย์กับฮูหยินดีต่อข้ามาก
เจ้าสำนักเสิ่น: แล้วทำไมเจ้าถึงปิดบังอาจารย์ ไม่บอกว่าได้พบกับพ่อบังเกิดเกล้า
เยี่ยม่งเซอะ: อาจารย์ทราบได้อย่างไร
เจ้าสำนักเสิ่น: หมอปีศาจพาคนของพรรคมารมารับตัวเจ้ากลับวังสวรรค์
ความจริงเจ้าควรดีใจที่ได้พบกับพ่อแท้ๆ
เยี่ยม่งเซอะ: แต่เค้ากลับเป็นจอมมารร้าย
เจ้าสำนักเสิ่น: อาจารย์ไม่โทษเจ้าหรอกนะ หากเจ้าอยากจะกลับไปอยู่กับเค้า
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่ อาจารย์เป็นอาจารย์ของข้าตลอดไป ข้าจะอยู่ที่นี่ คอยปรนนิบัติท่านกับอาจารย์หญิง
เจ้าสำนักเสิ่น: อาจารย์เป็นห่วงแต่ว่า หากฝ่ายธรรมะกับอธรรมเกิดการปะทะกัน เจ้าจะต้องลำบากใจ
เยี่ยม่งเซอะ: ตั้งแต่เล็ก อาจารย์สอนข้าว่า เรื่องส่วนรวมสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัว
ระหว่างครอบครัวกับความถูกต้อง ข้าย่อมเข้าข้างความถูกต้องเป็นธรรม
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าไม่ทำให้อาจารย์ต้องผิดหวังจริงๆ เมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ อาจารย์จะสนับสนุนเจ้า





3 วันผ่านไปไวเหมือนโกหก หมอปีศาจนำพรรคพวกกลับมาทวงคน

เจ้าสำนักเสิ่น: กลับไปบอกเจ้าวังเถอะ ม่งเซอะตัดสินใจจะอยู่ที่นี่
จ้าวค้างคาว: ใครตัดสินใจกันแน่
เยี่ยชูเซิน: ม่งเซอะแยกแยะผิดถูกได้ นางตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
หมอปีศาจ: ให้ดื่มเหล้าดีๆ ไม่ชอบ ชอบเหล้าโทษ ต่อไปนี้ สำนักเขาปลาบินไม่มีวันสุขสงบแน่





ท่านหมอหล่ายกับหลี่ปูยีแปลกใจว่าทำไมเจ้าสำนักเสิ่นถึงไม่ยอมมอบเยี่ยม่งเซอะให้กับเกอซูเทียนสงสัยจะมีแผนอะไรอีก

หล่ายเหยิกยี: ไม่ว่าจะเป็นแผนการอะไร เราก็จะใช้โอกาสนี้ หาหลักฐานมัดตัวพวกมัน
หลี่ปูยี: แต่แม่นางเยี่ยคงต้องลำบากใจมาก
หล่ายเหยิกยี: ถ้าเจ้าห่วงนางขนาดนี้ ก็แต่งงานกับนางซะสิ พอนางเป็นฮูหยินเจ้าแล้วก็หมดปัญหา (แหม แนะนำดีนะยะ)





เกอซูเทียนไม่พอใจที่เจ้าสำนักเสิ่นทำยึกยัก ไม่ยอมคืนบุตรสาวให้
เจ้าสำนักเสิ่นอ้างว่าต้องการใช้โอกาสนี้กำจัดหลี่ปูยี เกอซูเทียนย่อมให้ความร่วมมือเต็มที่





บรรดาเจ้าสำนักเตรียมตัวรับมือกับวังสวรรค์
ฉากนี้ดูแล้วก็ขำ เหน็บแนมกันไปมา วู้ยยิ่งกว่าแม่บ้านทบ.

เจ้าสำนัก Ngan tong: นี่ก็สองวันแล้ว ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย ข้าว่าวังสวรรค์ก็แค่ขู่พวกเราเท่านั้น
เจ้าสำนักหวงซาน: จอมยุทธหลี่ ท่านคิดว่าอย่างไร
หลี่ปูยี: ข้าคิดว่าวังสวรรค์คงไม่ทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
เจ้าสำนักเสิ่น: ดูท่านจะเข้าใจพรรคมารดีนี่
หลี่ปูยี: ท่านจะพูดอะไรกันแน่
เจ้าสำนักคงท้ง: ใครจะสู้ท่านได้ล่ะ เจ้าสำนักเสิ่น ลูกสาวท่านหนีตามคนพรรคมารไป
ส่วนศิษย์คนโปรดท่าน ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่
เจ้าสำนักเสิ่น: ข้ารู้ดีว่าม่งเซอะเป็นคนยังไง
เมื่อนางบอกว่านางจะไม่มีวันหักหลังฝ่ายธรรมะ นางย่อมทำตามนั้น
อีกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ฉินหงจะไม่หนีไปกับหลิวฝ่านหยี ข้ายังไม่โทษท่านเลย





เจ้าสำนักเตียมชัง: พวกเราเป็นพันธมิตรกัน อย่าได้ทะเลาะกันต่อไปอีกเลย
เจ้าสำนัก Ngan tong: ถึงอย่างไร เจ้าสำนักคงท้งก็ต้องรับผิดชอบ
ข้าคิดว่าท่านควรจะขอขมาเจ้าสำนักเสิ่น
เจ้าสำนักหวงซาน: เจ้าสำนัก Tung ท่านควรให้เกียรติเจ้าสำนัก Kwok บ้าง
เจ้าสำนัก Ngan tong: ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น
เจ้าสำนักคงท้ง: ข้ารู้นะที่ท่านเป็นเจ้าสำนักได้เพราะเจ้าสำนักเสิ่นหนุนหลัง ท่านถึงได้ชะเลียร์เค้าซะขนาดนี้
เจ้าสำนัก Ngan tong: ท่านพูดอะไร
เจ้าสำนักคงท้ง: ท่านก็รู้ว่าข้าพูดอะไร
เจ้าสำนัก Ngan tong: ไม่รู้ล่ะ วันนี้ เจ้าสำนัก Kwok ต้องขอขมาเจ้าสำนักเสิ่น

ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย ก็ได้ยินเสียงต่อสู้กันข้างนอก





ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ศิษย์น้องห้า กับศิษย์น้องเจ็ด อยู่ๆ ก็ขาดสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ท้าตีท้าต่อยกับศิษย์คนอื่นๆ




ท่านหมอหล่ายตรวจชีพจรแล้วไม่พบว่านางถูกพิษ
บรรดาเจ้าสำนักชักเริ่มสงสัย นี่อาจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในห้องโถง
หลี่ปูยีจึงอาสาออกตรวจรอบๆ สำนัก





ที่แท้เกอซูเทียนตั้งค่ายกลปีศาจ 5 ธาตุรอบสำนักเขาปลาบิน
เพื่อทำให้คนขาดสติ ทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผล
แม้ท่านหมอทั้งสองจะช่วยกันทำลายค่ายกลไปแล้ว
แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าแปรปรวนผิดปกติ อาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
ท่านหมอหลี่เสนอให้ตั้งค่ายกลสยบจันทราเป็นการป้องกันไว้ก่อน





เจ้าสำนักเสิ่นส่งลูกศิษย์มาช่วย ย้ายกระถางต้นไม้หลบแดด
ตั้งโอ่งน้ำสี่ทิศ ฝังพวงเหรียญทองแดงพวงละ 9 เหรียญสองฝั่งประตู
ส่วนการวางค่ายกลสุดท้าย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านหมอเอง





แค่ตั้งค่ายกลเสร็จ ศิษย์น้องเจ็ดก็มีอาการดีขึ้น
ท่านหมอหลี่เตือนให้ทุกคนอยู่แต่ในห้อง อย่าออกมาเดินเพ่นพ่านตอนกลางคืน




ระวังป้องกันอย่างไร ก็ยังเกิดเรื่องจนได้
คืนนั้น เจ้าสำนักเตียมชังเสียสติ และฆ่าตัวตายต่อหน้าทุกคน






หลี่ปูยีและท่านหมอหล่ายรีบตรวจเช็คค่ายกล พบว่ากระจกถูกทำลาย
เค้าสงสัยว่าเกอซูเทียนส่งเสิ่นซิงหนานมาลงมือ
สถานการณ์ชักคับขันกว่าที่คิด หลี่ปูยีตัดสินใจที่จะเปิดโปงเสิ่นซิงหนาน





บรรดาเจ้าสำนักต่างไม่เข้าใจว่า เจ้าสำนักเตียมชังถึงฆาตได้อย่างไร ทั้งที่หลี่ปูยีวางค่ายกลสยบจันทราไว้แล้ว
ศิษย์พี่ห้าไม่ไว้ใจหลี่ปูยี เพราะเค้าเป็นคนวางค่ายกล ไม่รู้ว่าเล่นตลกอะไรไว้รึเปล่า
เจ้าสำนักหวงซานยังคงเชื่อใจหลี่ปูยี เจ้าสำนักเสิ่นจึงแสร้งเปิดเผยว่ามือปราบโจวเคยพบหลักฐานว่า
อดีตเจ้าสำนัก Ngan tong ไม่ใช่คนทรยศ เสียดายหลิวฝ่านหยีขโมยหลักฐานไปด้วย
ศิษย์พี่ห้ายิ่งระแวงสงสัยหลี่ปูยีเข้าไปอีก สมใจเจ้าสำนักเสิ่นยิ่งนัก






หลี่ปูยีกับท่านหมอหล่ายไม่ได้รู้ตัวเลยว่าโดนเจ้าสำนักเสิ่นตัดหน้าไปซะก่อน

หลี่ปูยี: มีคนทำลายกระจกทองแดง เพื่อทำลายค่ายกลสยบจันทรา
เยี่ยชูเซิน: เหรอ มีการวางค่ายกลจริงรึเปล่า มีแต่ท่านคนเดียวที่รู้ ท่านจะพูดยังไงก็ได้
หล่ายเหยิกยี: ข้าก็อยู่ด้วย
ศิษย์พี่ห้า: พวกท่านเป็นสหายกัน ก็ต้องเข้าข้างกันสิ
เจ้าสำนักเสิ่น: พวกเจ้าอย่าเสียมารยาท
หล่ายเหยิกยี: ความจริง มือปราบโจวมาที่สำนักเขาปลาบินเพื่อหาตัวไส้ศึก
เจ้าสำนักหวงซาน: เจ้าสำนักเสิ่นบอกพวกเราหมดแล้ว





เยี่ยชูเซิน: ถ้าวางค่ายกลจริง ทำไมเจ้าสำนักเตียมชังยังฆ่าตัวตายได้ล่ะ
หล่ายเหยิกยี: ท่านเจ้าสำนักโดนวางยาทำให้ฟั่นเฟือนต่างหาก ไม่เกี่ยวกับค่ายกล
ศิษย์พี่ห้า: ก็แปลกนะ ตั้งแต่จอมยุทธหลี่มาที่นี่ ก็เกิดเรื่องขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน

เสร็จแน่หลี่ปูยี เจ้าสำนักเสิ่นทำให้ทุกคนหันมาระแวงเค้าจนได้ แม้แต่เจ้าสำนักหวงซานยังไม่แก้ตัวให้เลย




เยี่ยม่งเซอะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก เพราะนางเป็นต้นเหตุแท้ๆ

เยี่ยชูเซิน: ไม่เกี่ยวกับเจ้า ถ้าจะโทษต้องโทษหลี่ปูยี
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าไม่เข้าใจ
เยี่ยชูเซิน: อาจารย์กับเหล่าเจ้าสำนักหารือกันแล้ว ทุกคนล้วนสงสัยว่าหลังจากหลี่ปูยีมาถึงก็เกิดเรื่องมากมาย มิหนำซ้ำเค้ายังมีหน้าบอกว่ามีไส้ศึกในหมู่พวกเราอีกต่างหาก ทำตัวเป็นโจรร้องจับโจรไปได้
เยี่ยม่งเซอะ: เป็นไปไม่ได้ หลี่ปูยีทำเพื่อฝ่ายธรรมะไม่น้อย
เยี่ยชูเซิน: เลิกพูดแก้ตัวแทนหลี่ปูยีได้แล้ว ข้าขอเตือนว่าเจ้าอย่ามองคนในแง่ดีนัก ระวังตัวไว้บ้าง





ท่านหมอหลี่ กับท่านหมอหล่ายได้แต่ปรับทุกข์กันเอง เซ็งฟระ โดนเจ้าสำนัก เสิ่นแย่งซีน
ดูดิ๊บรรดาเจ้าสำนักหันมาสงสัยหลี่ปูยีกันหมด

หลี่ปูยี: ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด
หล่ายเหยิกยี: ข้าจะช่วยเจ้าเอง
หลี่ปูยี: แม่นางเยี่ยเป็นคนจิตใจงาม ข้าเกรงว่าเสิ่นซิงหนานจะหลอกใช้นาง
หล่ายเหยิกยี: ถึงเกอซูเทียนจะเจ้าเล่ห์อย่างไร แต่เสือร้ายยังไงก็ไม่กินลูก เค้าคงไม่ทำร้ายนางแน่

เยี่ยม่งเซอะเป็นห่วงหลี่ปูยี คิดจะมาหาเค้า จึงได้ยินที่ทั้งคู่พูดกัน





เยี่ยม่งเซอะเป็นห่วงหลี่ปูยี คิดจะมาหาเค้า จึงได้ยินที่ทั้งคู่พูดกัน

เยี่ยม่งเซอะ: ขอโทษด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะข้า คงไม่เกิดเรื่องมากมาย ท่านก็คงไม่ต้องถูกสงสัยว่าเป็นไส้ศึก
หลี่ปูยี: เจ้าอย่าโทษตัวเองเลย
เยี่ยม่งเซอะ: ยังไง ข้าก็ต้องรับผิดชอบต่อการตายของเจ้าสำนัก Chung
หากข้ายอมกลับวังสวรรค์ คงหมดปัญหาใช่มั้ย

หลี่ปูยีไม่ทันตอบคำถามของนาง เค้าก็สังเกตเห็นต้นไม้ในสวนเหี่ยวเฉาผิดปกติ
ศิษย์น้องเจ็ดมาตามหาท่านหมอหล่ายไปตรวจอาการเจ้าสำนัก Ngan tong และศิษย์ร่วมสำนัก





เมื่อตรวจชีพจรดูแล้ว พบว่าพวกเค้าต่างโดนยาพิษ มิน่าล่ะต้นไม้ในสวนถึงเหี่ยวเฉา




หมอปีศาจนำโลงศพมามอบให้เพื่อเยาะเย้ยฝ่ายธรรมะ

จูกัดบ้วนหลี่: เจ้าวังได้ข่าวว่าเจ้าสำนัก Chung เสียชีวิต ท่านเจ้าวังจึงให้ข้าส่งโลงศพมาร่วมแสดงความเสียใจ
หล่ายเหยิกยี: เจ้าวางยาบ่อน้ำเรา ยังมีหน้ามาแสดงความเสียใจอีก
จูกัดบ้วนหลี่: อ้าว มีคนโดนวางยาเหรอเนี่ย โหยไม่บอกล่วงหน้า จะได้เตรียมโลงศพมาเผิ่อ (แหลมากฮ่ะ)
จ้าวค้างคาว: พวกเจ้าวางยามซะแน่นหนา มีหรือข้าจะไปมาได้โดยที่พวกเจ้าไม่รู้ไม่เห็น





เพื่อยุติเรื่องวุ่นวายทั้งหลาย ม่งเซอะตัดสินใจตามหมอปีศาจกลับวังสวรรค์

เยี่ยชูเซิน: อย่านะ ศิษย์น้อง





เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าอย่าตัดสินใจด้วยอารมณ์ อาจารย์จะช่วยเจ้าเอง
เยี่ยม่งเซอะ: อาจารย์คะ ศิษย์ตัดสินใจแล้ว
จูกัดบ้วนหลี่: ข้าดีใจที่คุณหนูเปลี่ยนใจ ท่านช่วยให้พวกเค้ารอดพ้นหายนภัยครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย
เยี่ยม่งเซอะ: หุบปากแล้วไปให้พ้นหน้าข้า ข้าจะตามไปทีหลัง (มาดคุณหนูออกเร็วทันใจจริ๊ง)





หลี่ปูยี: เจ้าแน่ใจนะว่าอยากทำอย่างนี้

แม่นางเยี่ยจะตอบว่าอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป








 

Create Date : 24 เมษายน 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 15:43:29 น.
Counter : 1915 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 23





จากตอนที่แล้ว เสิ่นฉินหงกับหลิวฝ่านหยีจนมุมนักล่าค่าหัวจนต้องโดดหน้าผาพยัคฆ์ เยียนเยี่ยไหลรู้สึกผิดที่นางไม่อาจจะช่วยทั้งสองคนไว้ได้ แต่หลี่ปูยียังไม่อยากคิดในแง่ร้าย ขอไปดูหน้าผาพยัคฆ์ให้เห็นกับตาก่อน




หลี่ปูยี: เมื่อจนหนทางจงอย่าได้หวั่น คู่รักจบชีวิตพร้อมกัน ยามตะวันตกดิน
หล่ายเหยิกยี: เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ
หลี่ปูยี: นี่เป็นคำแนะนำที่ข้าให้กับแม่นางเสิ่น เจ้ารู้มั้ยว่าในเวลานี้ของปี ลมทะเลตะวันออก จะปะทะกับลมทะเลทรายตะวันตก เกิดเป็นพายุหมุน
หล่ายเหยิกยี: มิน่าข้าถึงหาศพของพวกเค้าไม่พบ
หลี่ปูยี: ดังนั้น พวกเราจึงไม่ควรคิดในแง่ร้ายไป
หล่ายเหยิกยี: ทางรอดเช่นนี้ เจ้าก็คิดออกมาได้
หลี่ปูยี: ข้าไม่ใช่เทวดาซักหน่อย พวกเค้าจะรอดหรือไม่ ข้าก็ยังไม่แน่ใจ





หล่ายเหยิกยี: เจ้านี่ ไม่ใช่แค่หมอดู ยังทำตัวเป็นพ่อสื่ออีกด้วยนะ เจ้าชอบทำเป็นไม่สนใจในทุกเรื่องราว แต่จริงๆ แล้วเจ้ากลับใส่ใจ และชอบช่วยเหลือผู้อื่น จะมีใครเหมาะที่จะเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะเท่าเจ้าอีกล่ะ
หลี่ปูยี: ข้าไม่สนใจตำแหน่งผู้นำหรอก
หล่ายเหยิกยี: ตั้งแต่เจ้ายื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องใจปีศาจ ก็เท่ากับว่าเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธภพแล้ว อย่างที่เจ้าชอบพูดบ่อยๆ นั่นแหละ มันเป็นชะตาของเจ้า เจ้าฝืนมันไม่ได้หรอก
หลี่ปูยี: (รีบเปลี่ยนเรื่อง) โจวฉีทิ้งจดหมายไว้ให้ข้า เค้าบอกข้าว่าเจ้าสำนัก Siu Tai ไม่ใช่คนทรยศ ไส้ศึกตัวจริงยังแฝงกายอยู่ในสำนักเขาปลาบิน เสียดายที่เค้าต้องตายก่อนที่จะสืบทราบความจริง
หล่ายเหยิกยี: พูดแบบนี้ เจ้าจะขึ้นเขาปลาบินล่ะสิ
หลี่ปูยี: แน่นอน
หล่ายเหยิกยี: มันอันตรายนะ
หลี่ปูยี: อย่าห่วงเลย ข้าเตรียมการไว้แล้ว




เสี่ยวซานชักเก่งใหญ่ ทำขนมหวานเพื่อสุขภาพให้กับท่านหมอหล่ายและท่านหมอหลี่
ขนมหวานเจลลี่ถั่วดำ ช่วยบำรุงเส้นผม เพื่อให้ท่านหมอหล่ายกลับมามีผมดำเหมือนเดิม
ส่วนของท่านหมอหลี่เป็นขนมดอกเก๊กฮวยช่วยบำรุงสายตาสำหรับหมอดูที่ต้องใช้สายตาดูโหงวเฮ้งตลอดเวลา

หลี่ปูยี: เห็นพวกเจ้ามีความสุขอย่างนี้ ข้าชักไม่อยากจากไปแล้วสิ
เยียนเยี่ยไหล: ท่านจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้นะ ข้าไม่เก็บค่าเช่าหรอก





หลี่ปูยี: เสียดายข้ามีธุระสำคัญที่ต้องทำ
หล่ายเหยิกยี: งั้นข้าจะไปเก็บของ

หลี่ปูยีเห็นเยียนเยี่ยไหลแล้วเพิ่งคิดได้ว่าเดี๋ยวนี้ท่านหมอหล่ายเค้าไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้วนะ จะมาเที่ยวชวนไปตะลอนๆ ไหนต่อไหนไม่ได้ เกรงใจครอบครัวเค้ามั่ง





หลี่ปูยีจึงตัดสินใจที่จะขึ้นเขาปลาบินตามลำพัง

หล่ายเหยิกยี: เจ้าคิดจะไปคนเดียว หรือคิดว่าข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้
หลี่ปูยี: ถ้าเจ้าช่วยข้าไม่ได้ ก็คงไม่มีใครทำได้อีกแล้ว แต่สถานการณ์เปลี่ยนไป เจ้าไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่เข้าใจ
หลี่ปูยี: เมื่อคืน ข้าเห็นพวกเจ้ารักใคร่กลมเกลียวเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าดีใจอย่างบอกไม่ถูก เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีว่าแม่นางเยียนสำคัญต่อเจ้ามากแค่ไหน ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้





กลายเป็นว่า เยียนเยี่ยไหลช่วยเก็บของให้เสร็จสรรพ

หล่ายเหยิกยี: ไม่ต้องแล้วล่ะ
เยียนเยี่ยไหล: อ้าว ข้าคิดว่าท่านจะไปกับหลี่ปูยีซะอีก
หล่ายเหยิกยี: เค้าออกเดินทางไปแล้ว
เยียนเยี่ยไหล: ทำไมท่านไม่ไปกับเค้าล่ะ
หล่ายเหยิกยี: ข้านึกว่าเจ้าอยากให้ข้าอยู่
เยียนเยี่ยไหล: ข้านึกว่าท่านอยากช่วยท่านหมอหลี่ (โอ๊ย พูดกันอยู่เนี่ย ไม่เข้าเรื่องซะที)
หล่ายเหยิกยี: เค้าเป็นสหายคนเดียวของข้า ข้าย่อมอยากไปสำนักเขาปลาบินกับเค้า แต่มีคนที่สำคัญกว่า
เยียนเยี่ยไหล: ได้ยินท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็มีความสุขแล้ว แต่สหายย่อมช่วยเหลือสหายไม่ใช่หรือ ใช่ ข้าอยากให้ท่านอยู่ แต่ข้าก็ไม่อยากให้ท่านต้องหนักใจ ข้าจะดูแลท่านแม่กับซิ่วไซ่ ไม่ว่าท่านจะไปไหน หรือทำอะไร ข้าก็จะรอท่านกลับมา






เจ้าสำนักเสิ่นเสนอให้เยี่ยชูเซินเป็นผู้เข้าประลองยุทธ์คนที่ 5 แทนโจวฉี แต่เจ้าสำนักหวงซาน และคงท้งไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าชูเซินยังอ่อนประสบการณ์ พวกเค้าเสนอให้หลี่ปูยีเป็นตัวแทนคนที่ 5 โดยเจ้าสำนักหวงซานเสนอรับเค้าเป็นศิษย์ เพื่อให้หลี่ปูยีสามารถเป็นตัวแทนพรรคฝ่ายธรรมะได้




บรรดาศิษย์สำนักเขาปลาบินไม่พอใจที่เจ้าสำนักทั้งหลายเห็นหลี่ปูยีดีกว่า เยี่ยชูเซิน พวกเค้ามีอคติที่หลี่ปูยีเป็นคนปล่อยให้หลิวฝ่านหยีหนีไป แถมยังทำร้ายเจ้าสำนักเสิ่นบาดเจ็บ



เยี่ยม่งเซอะ: พวกเจ้าอย่าเข้าใจหลี่ปูยีผิด
เยี่ยชูเซิน: เข้าใจผิดหรือ หลี่ปูยีกับหลิวฝ่านหยีเป็นพวกเดียวกัน เจ้าคงไม่บอกนะว่าพวกเค้าเป็นจอมยุทธคุณธรรม
เยี่ยม่งเซอะ: จริงที่ในอดีตหลิวฝ่านหยีฆ่าคนมาไม่ใช่น้อย แต่เค้าก็รักฉินหงอย่างลึกซึ้งจริงจังเช่นกัน ท่านกล้าพูดหรือว่าฉินหงจะมีความสุขหากนางอยู่ที่นี่
เยี่ยชูเซิน: งั้นนางก็ทำถูกแล้วงั้นสิ ทั้งที่นางคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ห่วงใยชื่อเสียงสำนักแม้แต่น้อย
เยี่ยม่งเซอะ: อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าเพียงหมายความว่า เราควรมองในมุมของฉินหงดูบ้าง เราอาจเข้าใจความคิดนางมากกว่านี้
เยี่ยชูเซิน: เจ้าจะบอกว่าที่อาจารย์ทำน่ะผิดงั้นหรือ หลี่ปูยีมันร่ายมนต์อะไร เจ้าถึงเข้าข้างมันนัก รู้ตัวมั้ยนับวันเจ้ายิ่งทำตัวคล้ายมันเข้าไปทุกที





ศิษย์พี่รองพูดยังงี้ ยิ่งทำให้ม่งเซอะคิดถึงหลี่ปูยีเข้าไปใหญ่ เห็นปิ่นปักผม ก็เหมือนเห็นคนให้



คิดถึงหลี่ปูยี หลี่ปูยีก็มาจ้า เจ้าสำนักเสิ่นจำใจเชิญหลี่ปูยีเป็นตัวแทนคนที่ 5 ท่านหมอหลี่ก็อยากจะอยู่สืบหาไส้ศึกอยู่แล้ว จึงฉวยโอกาสรับคำเชิญ แล้วทำไมม่งเซอะต้องดีใจด้วยยะ




หลี่ปูยีมอบเครื่องประดับของเสิ่นฉินหงให้กับเจ้าสำนักเสิ่นเพื่อเก็บไว้เป็นของดูต่างหน้าบุตรสาว บรรดาศิษย์พี่น้องร่วมสำนักต่างเศร้าเสียใจต่อการจากไปของนาง เจ้าสำนักเสิ่นยังทำใจแข็ง

เจ้าสำนักเสิ่น: แม้ว่าข้าไม่อาจฆ่านางกับมือ แต่นางก็ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมไปได้ ฉินหงทรยศต่อฝ่ายธรรมะ อกตัญญู ไม่เชื่อฟัง นางจึงต้องพบจุดจบเช่นนี้ พวกเจ้าก็จำไว้เป็นบทเรียนเถอะ





เยี่ยม่งเซอะขอร้องหลี่ปูยีให้ใช้ผลึกหินลาวาตามหาเสิ่นฉินหง แต่เจ้าสำนัก เสิ่นไม่ยอม ในเมื่อตัดพ่อตัดลูกกันไปแล้ว ฉินหงจะอยู่หรือตายก็ไม่ใช่เรื่องของเค้าอีกต่อไป




เยี่ยม่งเซอะชักสงสัยว่าทำไมหลี่ปูยียอมเข้าร่วมงานประลอง ก็ไหนเคยบอกว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวหลังจากที่ตามหาตัวแทนได้ครบแล้วไงล่ะ

หลี่ปูยี: ก็เจ้าน่ะสิ เล่นเทศน์ให้ข้าฟังถึงความสำคัญของงานประลองครั้งนี้ อย่าบอกว่าเจ้าลืมนะ
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านจะเก็บเอาสิ่งที่ข้าพูดไปคิดด้วย
หลี่ปูยี: แหม บางทีเจ้าก็พูดจามีเหตุผล (พูดให้ม่งเซอะดีใจได้แป๊บเดียว) แต่ข้าก็มีจุดประสงค์อื่นด้วย

หลี่ปูยีให้ม่งเซอะดูจดหมายของโจวฉี นางจึงพาเค้าไปยังที่ฝังศพเจ้าสำนัก Siu Tai





เยี่ยม่งเซอะเล่าให้หลี่ปูยีฟังว่า หลังจากมือปราบโจวชันสูตรศพเจ้าสำนัก Siu Tai ได้พบฝ่ามือที่สาม ซึ่งก็คือฝ่ามือทรายชาดที่หายสาบสูญไปจากยุทธภพ หลี่ปูยีหวนนึกถึงที่ท่านหมอหล่ายเคยตรวจอาการหลิวฝ่านหยีซึ่งได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือทรายชาดเช่นกัน



เมื่อม่งเซอะพาหลี่ปูยีไปยังที่ฝังศพเจ้าสำนัก Siu Tai ศพกลับหายไป

หลี่ปูยี: ดูท่ามีคนต้องการปกปิดสาเหตุการตายของเจ้าสำนัก Siu Tai
เยี่ยม่งเซอะ: เป็นไปไม่ได้ มีแต่ข้ากับมือปราบโจวที่รู้ว่าเจ้าสำนัก Siu Tai ถูกฝังไว้ที่นี่
หลี่ปูยี: แน่ใจนะ
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าเคยบอกอาจารย์ไปนะ ท่านสงสัยอาจารย์ข้าหรือ ไม่จริง อาจารย์ข้าทุ่มเทกับการหาคนทรยศนี้มาก
หลี่ปูยี: ข้าก็ไม่ได้บอกว่าอาจารย์เจ้าเป็นไส้ศึก แต่ทางที่ดีก่อนที่เราจะรู้ความจริง เจ้าควรเงียบไว้




ขนาดหลี่ปูยีห้ามแล้ว ม่งเซอะก็ยังอดใจไม่ได้ นางต้องมาถามอาจารย์ให้รู้เรื่องกันไปเลย

เจ้าสำนักเสิ่น: ข้าเป็นคนย้ายศพเจ้าสำนัก Siu Tai เองแหละ เค้าเป็นถึงเจ้าสำนัก แต่กลับต้องโดนฝังเป็นผีไร้ญาติ ช่างน่าเวทนานัก เอาไว้เราเปิดโปงไส้ศึกได้แล้ว ค่อยฝังเค้าให้สมเกียรติ
เยี่ยม่งเซอะ: ศิษย์เข้าใจแล้วค่ะ
เจ้าสำนักเสิ่น: แล้วเจ้าล่ะไปที่นั่นทำไม
เยี่ยม่งเซอะ: ข้า เอ่อ ข้าเพียงแต่อยากจะเซ่นไหว้ท่านเจ้าสำนักซักหน่อย






ฮูหยินเสิ่นเกลี้ยกล่อมให้เจ้าสำนักใช้ผลึกหินลาวาตามหาเสิ่นฉินหง
จนในที่สุด เจ้าสำนักเสิ่นก็เปลี่ยนใจ แต่ฮูหยินหารู้ไม่ว่าเจ้าสำนักเสิ่นมีจุดประสงค์อื่นซ่อนเร้น ทำเล่นตัวไปงั้นแหละ





หลี่ปูยีกลุ้มใจในความซื่อของม่งเซอะอุตส่าห์ห้ามแล้วเชียว ดีนะที่ยังไม่พาซื่อถึงขนาดบอกอาจารย์หมด



เจ้าสำนักเสิ่น: ยังไงฉินหงก็เป็นบุตรสาวข้า ต่อให้นางอกตัญญูแค่ไหน ข้าก็ยังอดห่วงนางไม่ได้ เกิดเป็นพ่อแม่คนก็ลำบากอย่างนี้แหละ หวังว่าท่านคงเข้าใจ
หลี่ปูยี: ครอบครัวสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
เจ้าสำนักเสิ่น: มีแต่คนในครอบครัวที่ไว้ใจได้ คนอื่นมีหรือจะดีต่อข้า





หลี่ปูยีใช้เลือดของเจ้าสำนักเสิ่นถอดจิตตามหาฉินหง เค้าพบนางกับหลิวฝ่านหยี แต่กลับบอกเจ้าสำนักเสิ่นว่าเนื่องจากฉินหงบาดเจ็บสาหัส ทำให้จิตนางอ่อน จนไม่สามารถระบุที่อยู่ของนางได้



ที่จริงท่านหมอหลี่กับท่านหมอหล่ายวางกับดักหลอกเจ้าสำนักเสิ่นให้คิดว่าหลี่ปูยีรู้ที่หลบซ่อนของหลิวฝ่านหยีเพื่อหลอกล่อให้เค้าเผยตัว





ทั้งคู่กดดันจนเจ้าสำนักเสิ่นต้องใช้ฝ่ามือทรายชาด ความร้ายกาจของพลังฝ่ามือทำเอาหลี่ปูยีได้รับบาดเจ็บ ท่านหมอหล่ายใช้เข็มทองสกัดลมปราณของเจ้าสำนักเสิ่นทำให้เค้าต้องเผ่นหนีไป





ท่านหมอหล่ายห่วงใยอาการของหลี่ปูยี จึงไม่ได้ไล่ตามเจ้าสำนักเสิ่น ปล่อยให้เค้าหนีไปได้



หล่ายเหยิกยี: ข้าใช้เข็มทองขับพิษฝ่ามือทรายชาดออกจากตัวเจ้าหมดแล้ว โชคดีที่วันนี้ข้าอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่รอด
หลี่ปูยี: ถ้าเจ้าไม่อยู่ด้วย ข้าเองก็คงไม่กล้าเสี่ยงเช่นนี้
หล่ายเหยิกยี: ทำไมเจ้าถึงมั่นใจนักว่า เจ้าสำนักเสิ่นจะหลงกล
หลี่ปูยี: เจ้าสำนัก Siu Tai ถูกฆ่าด้วยฝ่ามือทรายชาด หลิวฝ่านหยีก็บาดเจ็บด้วยฝ่ามือนี้ ความจริงเจ้าสำนักเสิ่นคิดตามหาลูกสาวเป็นเพียงข้ออ้าง เค้าอยากตามหาหลิวฝ่านหยีเพื่อปิดปาก น่าเสียดาย แม้พวกเราจะรู้ว่าเจ้าสำนักเสิ่นเป็นคนทรยศ เราก็ไม่มีหลักฐานจะเปิดโปงเค้า





หลี่ปูยี: ข้ายังรู้อีกว่าเกอซูเทียนคือศิษย์พี่เยิ่นเทียนสิงเค้าเป็นคนสังหารอาจารย์และศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้าทุกคน เป็นการกระทำที่ไม่อาจให้อภัยได้ อาจารย์ได้สั่งเสียก่อนสิ้นใจให้ข้าหยุดยั้งไม่ให้เค้าทำร้ายยุทธภพ
หล่ายเหยิกยี: จะจัดการเกอซูเทียนต้องเปิดโปงเจ้าสำนักเสิ่นก่อน ข้าสกัดลมปราณหลัก 3 สายของเค้าไว้แล้ว หากไม่รักษาภายใน 2 วัน ลมปราณเค้าจะย้อนทวน ถึงตอนนั้น เค้าต้องสารภาพแน่นอน





หลี่ปูยีลองหยั่งเชิงเจ้าสำนักเสิ่น เจ้าสำนักยังทำใจดีสู้เสือ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้




เจ้าสำนักเสิ่นเก็บตัวเดินลมปราณรักษาอาการ ทำให้ฮูหยินเสิ่นเป็นห่วง เจ้าสำนักเสิ่นอ้างว่าฝึกวิชาตามปกติ

ฮูหยินเสิ่น: ท่านหลี่เดินทางไกลเพื่อนำเครื่องประดับของฉินหงมาให้ แถมยังช่วยพวกเราตามหานาง จนต้องสูญพลังไปมาก พวกเราน่าจะแสดงความขอบคุณเค้านะคะ
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าช่างรอบคอบนัก งั้นก็ให้ต้นกล้วยไม้เค้าแล้วกัน เค้าคงชอบใจที่ได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนปลูกกล้วยไม้กับมือ
ฮูหยินเสิ่น: เป็นความคิดที่ดีมากค่ะ ยังไงท่านหลี่ก็ต้องพักอยู่ที่นี่จนถึงงานประลอง เค้าจะได้ใช้กล้วยไม้ประดับห้องด้วย





ฮูหยินเสิ่นนำกระถางกล้วยไม้มามอบให้หลี่ปูยี

หลี่ปูยี: หากวันหนึ่งเจ้าเกิดรู้ว่าญาติสนิทของเจ้าเป็นศัตรูของยุทธภพ เจ้าจะทำอย่างไร
ฮูหยินเสิ่น: ข้าเป็นคนแยกแยะถูกผิดได้ ต่อให้เค้าเป็นญาติสนิทของข้า ข้าก็จะไม่ละเว้น





หลี่ปูยีคิดเข้าพบเจ้าสำนักเสิ่น แต่เจ้าสำนักเก็บตัวเป็นเวลาสองวันไม่ยอมให้ใครเข้าพบ



หลี่ปูยีไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าสำนักเสิ่น ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เค้าสังเกตเห็นใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาเป็นนัยบ่งบอกว่าเจ้าสำนักเสิ่นไม่อยู่ในสำนัก

หลี่ปูยี: ถ้าเค้าไม่ได้รับการรักษา เค้าก็คงต้องตายอยู่ดี แย่แล้ว ข้าลืมนึกถึงคนคนหนึ่งไป

เยี่ยม่งเซอะเห็นหลี่ปูยีมีท่าทีแปลกๆ นางจึงติดตามเค้าไป





หล่ายเหยิกยี: ข้ากำลังหาเจ้าอยู่เลย จูกัดบ้วนหลี่อยู่แถวๆ นี้
หลี่ปูยี: เจ้าสำนักเสิ่นคงตามตัวจูกัดบ้วนหลี่มารักษาอาการ เราต้องหยุดยั้งเค้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่พวกเราทำไปคงสูญเปล่า
หล่ายเหยิกยี: พวกเค้าต้องหาน้ำพุร้อนเพื่อรักษาอาการ
หลี่ปูยี: ในละแวกนี้มีหุบเขาธารน้ำพุร้อน พวกเรารีบไปกันเถอะ





จูกัดบ้วนหลี่ตรวจอาการของเจ้าสำนักเสิ่น พบว่าเค้าฝึกวิชาฝ่ามือทรายชาด หมอปีศาจจึงสงสัยว่าเค้าจะเป็นคนทำร้ายมารดา แต่ด้วยคำสั่งของเจ้าวังสวรรค์ เค้าจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ และรักษาเจ้าสำนักเสิ่น




หุบเขาธารน้ำพุร้อนกินพื้นที่กว้างมาก ท่านหมอหลี่กับท่านหมอหล่ายเลยต้องแยกกันค้น หวังว่าจะหาทันก่อนจูกัดบ้วนหลี่จะรักษาอาการเจ้าสำนักเสิ่นเสร็จ



กว่าท่านหมอหลี่จะไปถึง จูกัดบ้วนหลี่ก็รักษาอาการเจ้าสำนักเสิ่นเสร็จแล้ว คนที่รอคอยเค้าอยู่กลับเป็นเกอซูเทียน เมื่อเกิดการต่อสู้ หลี่ปูยีกลับใช้กำลังภายในไม่ได้ เค้าจึงถูกเกอซูเทียนทำร้ายบาดเจ็บ




เยี่ยม่งเซอะมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี

หลี่ปูยี: รีบหนี เค้าจะฆ่าเจ้า
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่ ข้าไม่หนี ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน





เยี่ยม่งเซอะย่อมสู้เกอซูเทียนไม่ได้อยู่แล้ว หลี่ปูยีเกรงเกอซูเทียนจะลงมือสังหารนาง จึงยอมเผยความจริงว่าเยี่ยม่งเซอะเป็นลูกสาวของเค้า อันนี้ก็อึ้งกันไปทั้งพ่อทั้งลูกนะคะ








 

Create Date : 21 เมษายน 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 15:22:53 น.
Counter : 1759 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 22





จากตอนที่แล้ว เสิ่นฉินหงหนีตามหลิวฝ่านหยีไป
เยี่ยชูเซินคิดจะออกไปตามหานาง แต่เจ้าสำนักเสิ่นห้ามไว้ ขืนทำเอิกเกริกให้คนอื่นรู้ ก็ขายหน้าสำนักกันพอดี
เจ้าสำนักเสิ่นนำลูกศิษย์ออกตามหาทั้งคู่ ส่วนฮูหยินกับชูเซินช่วยกันรับหน้าแขกไปพลางๆ ก่อน





ตามหาทั่วสำนักก็ยังไม่เจอฉินหง ศิษย์น้องยังหลงคิดว่าหลิวฝ่านหยีเป็นฝ่ายลักพาตัวนางไป




เยี่ยชูเซินต้องฝืนทำหน้าชื่นอกตรม ร่วมคารวะสุรากับเหล่าเจ้าสำนัก เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต




เสิ่นฉินหงพาหลิวฝ่านหยีหลบหนีไปตามทางลัดที่สมัยเด็ก นางเคยใช้กับเยี่ยม่งเซอะ
นางจึงมั่นใจว่าไม่น่าจะมีใครตามมาได้ถูก ยกเว้นม่งเซอะ

เยี่ยม่งเซอะ: ยังจำศิษย์พี่คนนี้ได้อยู่อีกหรือ หลิวฝ่านหยีเจ้าไม่มีทางรอดหรอก ปล่อยฉินหงซะเถอะ ไม่อย่างนั้น
เสิ่นฉินหง: ฝ่านหยีอย่าทำร้ายศิษย์พี่ข้า
เยี่ยม่งเซอะ: ฉินหงกลับไปกับข้า
เสิ่นฉินหง: ไม่ ข้ารักฝ่านหยีข้าไม่สนใจอดีตของเค้า ข้ารู้แต่ว่าข้ารักเค้า และจะอยู่เคียงข้างเค้า พี่อยากให้ศิษย์พี่รองมีภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเค้าหรือ
เยี่ยม่งเซอะ: เจ้าคิดให้ดีนะ หลิวฝ่านหยีถูกฝ่ายธรรมะและอธรรมตามล่า เจ้าไปกับเค้าจะไม่มีวันมีความสุข
หลิวฝ่านหยี: ข้าจะไม่ให้ใครทำร้ายนางได้ ข้าจะถอนตัวจากยุทธภพ
เยี่ยม่งเซอะ: อย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเลย ยังไงฉินหงก็ต้องกลับไปกับข้า
เสิ่นฉินหง: ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็จะไปกับฝ่านหยีพี่ลองคิดดูสิว่า ถ้าเป็นพี่ จะแต่งงานกับคนที่พี่ไม่รัก หรือจะหนีไปกับคนที่พี่รัก พี่มักจะอยู่ข้างข้าเสมอนี่นา ข้าขอร้องล่ะ ศิษย์พี่ ได้โปรดช่วยข้าเป็นครั้งสุดท้าย
เยี่ยม่งเซอะ: เมื่อเจ้าตัดสินใจเช่นนี้ ข้าก็หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจภายหลัง ข้าอาจไม่มีโอกาสได้พบเจ้าอีก รักษาตัวด้วย






ในที่สุด ม่งเซอะก็ใจอ่อนยอมปล่อยฉินหงไป แถมยังช่วยหลอกล่อศิษย์อื่นๆ ให้ไปผิดทางอีกด้วย



ขณะที่ทั้งคู่กำลังดีใจว่าหลบหนีพ้นแล้ว ก็ต้องมาเจอเข้ากับเจ้าสำนักเสิ่นที่มาดักรออยู่

เสิ่นฉินหง: พ่อ
เจ้าสำนักเสิ่น: หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นพ่อ ก็หลบไป ให้ข้าฆ่าเจ้ามารร้ายนี่ซะ
เสิ่นฉินหง: ไม่ ข้ากับฝ่านหยีรักกัน
เจ้าสำนักเสิ่น: ลูกสาวข้าไม่มีวันคบกับฝ่ายอธรรมหรอก หลิวฝ่านหยีถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว
เสิ่นฉินหง: ถ้าท่านจะฆ่าฝ่านหยี ก็ฆ่าข้าก่อน
เจ้าสำนักเสิ่น: หากเจ้ายังดื้อดึงไม่เลิก ก็อย่าหาเรียกข้าว่าพ่ออีก ข้าเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะ ข้าไม่มีลูกสาวเช่นนี้ ข้ายินดีให้เจ้าตายซะยังจะดีกว่าให้เจ้าอยู่ทำลายชื่อเสียงสำนัก
หลิวฝ่านหยี: ข้าไม่ยอมให้ใครทำร้ายนาง
เจ้าสำนักเสิ่น: จะตายแล้วยังทำปากดีอีก





ตอนแรก หลิวฝ่านหยีไม่ยอมชักดาบออกมา ทำให้ตกเป็นรอง เค้าจึงต้องใช้พลังดาบเข้าช่วย




แต่แม้พลังดาบของหลิวฝ่านหยีจะร้ายกาจ ก็ยังสู้เจ้าสำนักเสิ่นไม่ได้ โชคดีที่หลี่ปูยีเข้ามาช่วยเหลือได้ทัน

หลี่ปูยี: เจ้าสำนักเสิ่นโปรดยั้งมือไว้ไมตรี ไว้ชีวิตบุตรสาวท่านด้วย
เจ้าสำนักเสิ่น: หลี่ปูยี นี่เป็นเรื่องในครอบครัว เจ้าอย่ายุ่ง
หลี่ปูยี: ข้าเป็นหนี่บุญคุณท่านผู้เฒ่าหลิว ข้ายอมให้ท่านฆ่าหลิวฝ่านหยีไม่ได้
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้ารู้มั้ยว่า เป็นศัตรูกับฝ่ายธรรมะ ผลจะลงเอยอย่างไร
หลี่ปูยี: การช่วยชีวิตคน กับการตั้งตนเป็นศัตรูกับฝ่ายธรรมะ เป็นคนละเรื่องกัน พวกเจ้ายังไม่หนีอีก





ได้หลี่ปูยีช่วยสกัดเจ้าสำนักเสิ่นไว้ หลิวฝ่านหยีและเสิ่นฉินหงจึงหนีรอดไปถึงศาลเจ้าแม่กวนอิม

เสิ่นฉินหง: พระโพธิสัตว์โปรดคุ้มครองข้ากับฝ่านหยีด้วย
หลิวฝ่านหยี: พระโพธิสัตว์ ข้าสมควรตายเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แต่โปรดเมตตา ฉินหงขอให้นางปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง ข้ายินดีรับกรรมที่ข้าเป็นผู้ก่อ
เสิ่นฉินหง: อย่าพูดอีกเลย ข้าเป็นภรรยาของท่าน ต่อให้ข้าต้องตายวันนี้ ข้าก็ไม่เสียใจ





หลิวฝ่านหยี: ข้าไม่เข้าใจ ข้าคิดฆ่าท่านครั้งแล้วครั้งเล่า ทำไมท่านยังช่วยข้าอีก ต่อให้ท่านเป็นหนี้บุญคุณพ่อข้า ท่านก็ชดใช้หมดสิ้นแล้ว
หลี่ปูยี: ข้าเป็นหมอดู ข้ารู้ว่าเนื้อแท้เจ้าเป็นคนดี (อ้าว แล้วทำไมท่านหมอดูเจ้าสำนักเสิ่นไม่ออกหว่า) หากครอบครัวของเจ้าไม่ประสบเคราะห์กรรม เจ้าคงไม่เดินทางผิด
หลิวฝ่านหยี: ครั้งแรกที่ท่านดูดวงให้ข้า ท่านทำนายว่าข้ามี 9 ชีวิต ข้าฝึกยุทธ์อย่างหนักเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว รู้ตัวอีกที ข้าก็กลายเป็นมือสังหารไปเสียแล้ว
หลี่ปูยี: คนเราล้วนเคยทำผิดพลาด สำคัญที่เจ้ารู้จักแก้ไข

อ้าวๆ ยังพูดไม่จบเลย หลิวฝ่านหยีก็หมดสติไปซะก่อน แบบนี้ ต้องหาหมอรักษาซะแล้ว หุหุ





บรรดาศิษย์น้องอดงสงสัยไม่ได้ว่าจะมีคนปล่อยให้หลิวฝ่านหยีหนีไป



นอกจากโดนหลี่ปูยีลบเหลี่ยมแล้ว ยังต้องมาโดนเจ้าสำนักคงท้งถากถางอีก
เพื่อรักษาชื่อเสียงของสำนัก เจ้าสำนักเสิ่นจึงประกาศตัดขาดจากเสิ่นฉินหง
นับจากนี้นางไม่ใช่ศิษย์สำนักเขาปลาบินอีกต่อไป

เจ้าสำนักคงท้งกำลังพยายามปลุกกระแสให้ปลดเจ้าสำนักเสิ่นจากผู้นำฝ่ายธรรมะอยู่เชียว
เจ้าสำนักเสิ่นก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการเผยว่าถูกหลี่ปูยีทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ






เจ้าสำนักเสิ่น: พวกเจ้าคิดว่าที่อาจารย์ทำกับฉินหงมันมากเกินไปรึเปล่า
เยี่ยชูเซิน: อาจารย์ย่อมมีเหตุผลสมควร
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่ว่านางจะทำผิดอย่างไร นางก็ไม่สมควรตาย ท่านทนได้หรือ
เจ้าสำนักเสิ่น: ไม่มีพ่อคนไหนทนได้หรอก แต่อาจารย์ไม่มีทางเลือก ในฐานะผู้นำฝ่ายธรรมะ อาจารย์ต้องเห็นชื่อเสียงสำนักมาก่อนสิ่งอื่นใด ต่อให้ต้องสละครอบครัวอาจารย์ก็ต้องยอม
เยี่ยม่งเซอะ: ชื่อเสียงสำคัญขนาดนั้นหรือคะ
เจ้าสำนักเสิ่น: ใช่ เพื่อรักษาเกียรติและชื่อเสียงของสำนัก อาจารย์จะไม่ยอมให้ใครทำลายเป็นอันขาด การกระทำของฉินหงทำให้อาจารย์และชูเซินต้องเสียใจ ชูเซินอาจารย์ผิดต่อเจ้านัก
เยี่ยชูเซิน: อาจารย์อย่ากล่าวเช่นนั้น ข้ารู้ว่าท่านทำไปเพื่อข้า
เจ้าสำนักเสิ่น: ศิษย์เอกของข้า 4 คน เหลือเพียงเจ้าสองคน สำนักเราคงต้องพึ่งพวกเจ้าแล้ว





เยี่ยม่งเซอะ: ศิษย์พี่รอง หากท่านได้พบกับฉินหงอีก ท่านจะทำอย่างไร
เยี่ยชูเซิน: ข้าไม่มีทางเลือก ข้าต้องทำตามคำสั่งอาจารย์
เยี่ยม่งเซอะ: เราเติบโตมาด้วยนะกัน หรือว่าท่านจะทำได้ลงคอ
เยี่ยชูเซิน: ข้าใส่ใจศิษย์น้องทุกคน แล้วดูซิข้าได้อะไรตอบแทน
เยี่ยม่งเซอะ: เห็นแก่ความหลัง ท่านจะยอมปล่อยนางไปมั้ย
เยี่ยชูเซิน: ข้าจะไม่ให้ความรู้สึกมาอยู่เหนือเหตุผล ไม่ว่าใครก็ตาม หากทำให้สำนักต้องเสียชื่อเสียง ข้าจะไม่ยอมปล่อยไปหรอก
เยี่ยม่งเซอะ: ยังไงนางก็เป็นศิษย์ร่วมสำนัก
เยี่ยชูเซิน: ไม่ใช่อีกต่อไป




ม่งเซอะเสียใจที่นางใจอ่อนปล่อยฉินหงไป ทำให้เจ้าสำนักเสิ่นต้องตัดความสัมพันธ์กับบุตรสาว

ฮูหยินเสิ่น: เจ้าทำดีที่สุดแล้ว ถึงแม้เจ้าจะรั้งนางไว้ เรื่องอาจเลวร้ายยิ่งกว่านี้ ในเมื่อนางตัดสินใจเช่นนี้ พวกเราก็ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากภาวนาให้นางปลอดภัยไร้อันตราย
เยี่ยม่งเซอะ: อาจารย์หญิง การยอมสละทุกสิ่งเพื่อความรัก เป็นเรื่องโง่เขลารึเปล่าค่ะ
ฮูหยินเสิ่น: เจ้าเห็นว่าอย่างไรล่ะ
เยี่ยม่งเซอะ: หากการเสียสละนั้นทำให้เรามีความสุข ข้าก็คิดว่ามันคุ้มค่า แต่ข้าคงไม่อาจทำเช่นนางได้
ฮูหยินเสิ่น: ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำตามใจตนเอง โดยไม่ฟังเสียงครหาจากผู้อื่น ข้าเองก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน





เครียดกันพอแล้ว มาคั่นจังหวะกับคู่ท่านหมอหล่ายกันดีกว่า
ท่านหมอกำลังพยายามสอนวิชาให้กับเยียนเยี่ยไหลเอาความรู้ไปใช้ทำอาหารเพื่อสุขภาพ
แต่ที่ไหนได้ คนที่จำได้หมดกลับเป็นเสี่ยวซาน ตัวแค่นี้ก็อ่านตำราแพทย์ยากๆ ได้แล้ว อนาคตไกลแน่





เยียนเยี่ยไหล: ให้เสี่ยวซานเป็นศิษย์ท่านยังพอว่า อย่าคิดว่าเค้าเป็นลูกชายท่านล่ะ
หล่ายเหยิกยี: แล้วมันต่างกันตรงไหน
เยียนเยี่ยไหล: คิดเอาเปรียบพวกเราแม่ลูก ท่านไม่รู้จักอายบ้างหรือไง

ฮู้ย คู่นี้เค้าหยอกกันแร้ง แรงนิ




หลี่ปูยีพาหลิวฝ่านหยีมาให้ท่านหมอหล่ายช่วยรักษา
โชคดีที่อาการบาดเจ็บไม่กระทบกระเทือนอวัยวะภายใน
เพียงช่วยฝังเข็มปรับลมปราณ และกินยาสักเทียบสองเทียบ ก็น่าจะหาย





ท่านหมอหล่ายตรวจอาการพบว่าหลิวฝ่านหยีได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือทรายชาด
จึงสงสัยว่าเจ้าสำนักเสิ่นนี่แหละ คงเป็นตัวการวางยาพิษมารดาของหมอปีศาจ
แต่หลี่ปูยี ก็ดันจะมาทำซื่อเอาตอนนี้ ถ้าไม่มีหลักฐานอย่าเพิ่งใส่ร้ายคนดี
เอาเหอะ ไม่ได้เจอหน้ากันนาน ท่านหมอหล่ายเลยอัพเดทข่าวคราวให้หลี่ปูยีได้รู้เรื่องหล่ายเหยิกหลงและเจ็ดสุดยอด มีเสี่ยวซานเป็นผู้สืบทอดวิชา ถึงตายก็นอนตาหลับ





หลิวฝ่านหยี: สมัยข้ายังเด็ก เราจะมีอาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้เวลามีงานเลี้ยงเท่านั้น
เสี่ยวซาน: พอท่านแต่งงานกับพี่ฉินหงก็จะมีอาหารเต็มโต๊ะอย่างนี้ทุกวัน
แม่สามี: จริงด้วย เราน่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานให้พวกเจ้า
เสี่ยวซาน: ข้าว่าท่านแม่กับอาจารย์น่าจะแต่งงานกันก่อน
แม่สามี: พูดอีกก็ถูกอีก ท่านหลี่ ท่านช่วยเลือกวันมงคลให้กับพวกเค้าด้วยนะคะ





หล่ายเหยิกยี: งานนึ้ต้องพึ่งเจ้าแล้วนะ
หลี่ปูยี: เลือกวันมงคลไม่ใช่เรื่องยาก แต่ข้าอาจกลับมาไม่ทันดื่มเหล้ามงคลของพวกเจ้า
ข้ารับปากท่านโจวฉีไว้ว่าจะไปชำระหนี้ให้
หล่ายเหยิกยี: เราจะรอเจ้ากลับมา
หลี่ปูยี: ข้าไม่อยู่ ฝากดูแลพี่หลิวด้วย
หล่ายเหยิกยี: ใครคิดทำร้ายเค้า ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน






เสิ่นฉินหงตั้งใจว่าเมื่อหลิวฝ่านหยีหายดี พวกเค้าจะเดินทางออกด่านนอก ไม่กลับสู่ยุทธภพอีก

หลี่ปูยี: ที่ข้าขัดขวางไม่ให้เจ้าสำนักเสิ่นฆ่าเจ้า เพราะเกรงว่าเค้าจะเสียใจภายหลัง ไม่ใช่ว่าข้าเห็นด้วยกับการกระทำของเจ้าสองคนหรอกนะ ยังไงเจ้าสำนักเสิ่นก็เป็นบิดาเจ้า เจ้าควรไตร่ตรองให้รอบคอบ
เสิ่นฉินหง: ข้ารู้ดีว่าข้าไม่ใช่ลูกกตัญญู แต่ข้าก็ไม่เสียใจที่ตัดสินใจเช่นนี้
หลี่ปูยี: เช่นนั้น ข้าก็ขอฝากหลิวฝ่านหยีด้วย
เสิ่นฉินหง: ฝ่านหยีทำเพื่อข้ามากมาย เค้ายอมถอนตัวจากยุทธภพเพื่อข้า แค่นี้ข้าก็มีความสุขแล้ว
หลี่ปูยี: ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าเป็นดาวนำโชคของเค้า
เสิ่นฉินหง: หากฝ่านหยีไม่ใช่มือสังหาร พ่อข้าไม่ใช่ผู้นำฝ่ายธรรมะ บางทีเรื่องอาจไม่ลงเอยเช่นนี้





เกอซูเทียนไม่พอใจที่หลิวฝ่านหยีไม่ได้ลงมือสังหารหลี่ปูยี เมื่อมือสังหารมีความรัก ก็ไม่มีคุณค่าที่จะใช้สอยต่อไป เจ้าวังสวรรค์คิดกำจัดหลิวฝ่านหยีซะ แต่หมอปีศาจเสนอให้ตั้งรางวัลค่าหัว และปล่อยข่าวไปว่าชะตา 9 ชีวิต ของหลิวฝ่านหยีหมดสิ้นแล้ว เพื่อให้ทั้งมือสังหารฝ่ายอธรรมร่วมกันตามล่า เท่านี้วังสวรรค์ก็ไม่ต้องลงมือเองให้เหนื่อย



หลี่ปูยีไปยังโรงเตี๊ยมที่โจวฉีสั่งเสียก่อนตายเพื่อใช้หนี้ให้กับเค้า เถ้าแก่โรงเตี๊ยมปฏิเสธว่าโจวฉีไม่เคยติดหนี้เค้า แต่ได้ฝากเหล้าไว้ไหหนึ่ง ในไหเหล้ามีจดหมายที่โจวฉีเขียนไว้ก่อนตาย เพื่อให้หลี่ปูยีได้รู้ว่าเจ้าสำนัก Siu เป็นผุ้บริสุทธิ์ และขอให้เค้าช่วยสืบหาตัวไส้ศึกต่อไป




บรรดานักล่าค่าหัวต่างแห่แหนกันมาที่โรงเตี๊ยมของแม่นางเยียน ขนาดเสี่ยวซานแกล้งบอกทางให้ไปผิด ยังอุตส่าห์ตามมาจนได้ ดูท่าทางคงไม่ได้มากินน้ำแกงสูตรพิเศษของท่านหมอหล่ายแน่




หล่ายเหยิกยี: พวกเค้ามาตามล่าหลิวฝ่านหยีแน่นอน
เยียนเยี่ยไหล: ท่านจะสู้กับพวกเค้าหรือ
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่มีทางเลือก
เยียนเยี่ยไหล: แต่พวกเค้ามีมากกว่าท่าน ท่านทำอย่างนี้เหมือนกับฆ่าตัวตาย
หล่ายเหยิกยี: ข้าสัญญากับหลี่ปูยีไว้แล้วว่าจะดูแลพวกเค้า ข้าต้องรักษาสัญญา
เยียนเยี่ยไหล: แล้วข้าล่ะ ท่านก็สัญญาว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับข้า ท่านจะผิดสัญญาหรือไง
หล่ายเหยิกยี: ข้านึกว่าเจ้าให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตรซะอีก เจ้าคิดถึงแต่ตัวเองแบบนี้ ข้าผิดหวังเหลือเกิน
เยียนเยี่ยไหล: ระหว่างข้ากับสหาย อะไรสำคัญกว่ากัน ตอบข้ามาสิ





เสี่ยวซาน: ท่านแม่ ไหนท่านเคยสอนข้าว่า คนเราต้องรักษาสัญญา เราไม่ควรหักหลังท่านลุงหลิวนะ
หล่ายเหยิกยี: เจ้าพูดถูกต้องแล้ว เจ้าอย่าได้บอกใครนะว่า บุรุษที่มีคิ้วเขียวพักอยู่ในห้องโชคลาภ




บรรดานักล่าค่าหัว บุกไปยังห้องพักของหลิวฝ่านหยีแต่เค้าไหวตัวทันหนีไปซะก่อน
เมื่อไล่ตามไป ปรากฏว่าที่แท้เป็นท่านหมอหล่ายปลอมตัวมานั่นเอง





เยียนเยี่ยไหล: เหยิกยีล่อพวกนั้นไปทางอื่นแล้ว คิดว่าคงถ่วงเวลาได้ซักชั่วโมง
เสิ่นฉินหง: พวกเราต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เยียนเยี่ยไหล: เหยิกยีเอาตัวรอดได้ พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง
หลิวฝ่านหยี: ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนอย่างข้าต้องหลบหนีโดยไม่ได้ต่อสู้
เสิ่นฉินหง: เจ้าไม่ได้กลัวพวกเค้าซักหน่อย เจ้าไม่อยากให้มือเปี้อนเลือดอีกต่างหาก





หลิวฝ่านหยี: ข้าสร้างศัตรูไว้มาก ข้าเหนื่อยกับการล้างแค้นและการนองเลือดเต็มที
เยียนเยี่ยไหล: จำไว้ว่าอย่าหนีไปทางทิศตะวันออก หน้าผาพยัคฆ์เป็นผาขาด





ระหว่างหลบหนี พวกเค้าก็ถูกนักล่าค่าหัวตามมาทัน ขนาดเยี่ยไหลเตือนไว้แล้ว ยังไม่วายหนีไปทางหน้าผาพยัคฆ์จนได้





หลิวฝ่านหยีไม่สามารถใช้กำลังภายใน ทั้งคู่จึงหมดทางหนี ฉินหงนึกได้ว่าคืนก่อนหลี่ปูยีได้ทำนายว่าพวกเค้าจะประสบคราเคราะห์ เมื่อถึงเวลาให้เปิดถุงกำยานออกดู




เสิ่นฉินหง: เจ้าเชื่อใจหลี่ปูยี กับข้ามั้ย
หลิวฝ่านหยี: ไม่ว่าเจ้าจะว่าอย่างไร ข้าก็ยินดีทำตาม ต่อให้ต้องตายก็ไม่เสียใจ
เสิ่นฉินหง: ถ้าเจ้าต้องตาย ข้าอยู่ไปก็ไร้ความหมาย ไม่ว่าอยู่หรือตาย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป





ทั้งคู่ตัดสินใจโดดหน้าผาพยัคฆ์ คำทำนายเขียนว่าเมื่อจนหนทางจงอย่าได้หวั่น คู่รักจบชีวิตพร้อมกัน ยามตะวันตกดิน








 

Create Date : 14 เมษายน 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 15:02:34 น.
Counter : 1687 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 21





จากตอนที่แล้ว หลี่ปูยีใช้เลือดของเยี่ยม่งเซอะและพลังของผลึกหินลาวา ถอดวิญญาณเพื่อตามหาบิดาของนาง จนทำให้ได้รับบาดเจ็บภายใน



นอกจากเกอซูเทียนแล้ว ไม่มีใครเห็นหลี่ปูยี เค้าจึงรู้ว่าหลี่ปูยีฝึกวิชาจนสามารถถอดวิญญาณได้




ในอดีตเกอซูเทียนหลุดจากที่คุมขังมาได้ เค้าสังหารศิษย์ร่วมสำนักจนหมดสิ้น

เกอซูเทียน: มอบผลึกหินลาวามาให้ข้า
อาจารย์: ผลึกหินลาวา เป็นผลึกแห่งสวรรค์และพิภพ ใช้ต่อต้านมาร เจ้าได้ไป มันจะนำหายนะมาสู่เจ้า

เกอซูเทียนทำร้ายอาจารย์บาดเจ็บสาหัส แต่อาจารย์ข่มกลั้นเอาไว้ ขับไล่เกอซูเทียนไป





เกอซูเทียนเห็นดาวธรรมะสว่างสดใส ดาวอธรรมอับแสง เค้าวิตกว่าหลี่ปูยีจะเป็นคนนำหายนะมาสู่ฝ่ายอธรรม



เยี่ยม่งเซอะ: ในที่สุดท่านก็ฟื้น ท่านเป็นอะไรมั้ย
หลี่ปูยี: ข้าไม่เป็นอะไร
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านเห็นบิดาข้าหรือเปล่า
หลี่ปูยี: ขอโทษด้วย ข้าไม่เห็น
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่เป็นไร นี่อาจเป็นโชคชะตาของข้า ท่านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ข้ากับหลวงจีนอยากตายเป็นห่วงท่านมาก





ภารกิจสิ้นสุด ก็ถึงเวลาต้องแยกย้ายกัน หลวงจีนอยากตายคิดกลับวัด ส่วน เยี่ยม่งเซอะตัดสินใจกลับสำนัก
หลวงจีนอยากตายเตือนหลี่ปูยีให้คิดเรื่องม่งเซอะให้ดีๆ





ระหว่างทางขึ้นเขาปลาบิน ม่งเซอะเกิดหิวขึ้นมา นางจึงชวนหลี่ปูยีทำไก่ป่าย่างน้ำผึ้ง

เยี่ยม่งเซอะ: แม้ภารกิจเราจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่เสียดายท่านโจวถูกหลิวฝ่านหยีสังหาร ทำให้ขาดผู้ร่วมประลองไปคนหนึ่ง ข้าว่าท่านเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หลี่ปูยี: เรื่องของยุทธภพ ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยว ครั้งนี้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ อีกอย่างข้าก็ไม่ใช่ศิษย์ 5 สำนัก ถึงข้าเต็มใจ บรรดาเจ้าสำนักคงไม่ยอม






เสิ่นฉินหงคิดหลบออกจากสำนักไปพบหลิวฝ่านหยีจึงอ้างว่าจะไปช่วยพ่อบ้านซื้อของเข้าสำนัก พอลงเขาได้ นางก็หาทางชิ่งทันที




หลิวฝ่านหยี: ข้ารอเจ้ามาสองวันแล้ว
เสิ่นฉินหง: ข้ารู้ ข้าต้องคอยจังหวะหลบออกมา เราหนีตามกันไปเถอะ
หลิวฝ่านหยี: ข้ายังมีงานต้องทำ
เสิ่นฉินหง: ท่านต้องฆ่าหลี่ปูยีให้ได้หรือ ท่านพ่อเพิ่งได้รับสารจากหลี่ปูยี เค้าหาผู้ร่วมประลองได้ครบแล้ว เจ้าสำนักท่านอื่นๆ กำลังเดินทางมา
หลิวฝ่านหยี: หลี่ปูยีกำลังจะมาที่นี่งั้นหรือ
เสิ่นฉินหง: ท่านไม่เข้าใจ ท่านสู้พวกเค้าไม่ได้หรอก
หลิวฝ่านหยี: สงบใจไว้ ข้ามีถึง 9 ชีวิต ไม่มีใครทำร้ายข้าได้หรอก





ฮูหยินเสิ่นสงสัยในท่าทีของฉินหงจึงสะกดรอยตามนางมา

ฮูหยินเสิ่น: นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะอยู่กับหลิวฝ่านหยี





ฮูหยินเสิ่น: เจ้าก็รู้่ว่าบิดาเจ้าเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะ เจ้าไม่ควรประพฤติตัวเช่นนี้
เสิ่นฉินหง: ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ชีวิตมักมีเรื่องให้เราประหลาดใจเสมอ ข้ารู้ว่าระหว่างพวกเรามันเป็นไปไม่ได้
ฮูหยินเสิ่น: เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องระหว่างพวกเจ้า แต่มันเกี่ยวพันกับฝ่ายธรรมะและอธรรม ถ้าบิดาเจ้ารู้เข้า เค้าต้องไม่ปล่อยเจ้าไปแน่
เสิ่นฉินหง: อย่าบอกท่านพ่อนะ ข้าขอร้อง
ฮูหยินเสิ่น: หลิวฝ่านหยีสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เสิ่นฉินหง: ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า




ฮูหยินเสิ่นเห็นฉินหงรักจริงใจกับหลิวฝ่านหยีนางก็อดใจอ่อนไม่ได้

ฮูหยินเสิ่น: เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป ข้าปิดให้เจ้าตลอดไปไม่ได้หรอกนะ
เสิ่นฉินหง: ฝ่านหยีเค้าจะกลับตัวใหม่ เค้าไม่ใช่คนเลวร้าย
ฮูหยินเสิ่น: จะถอนตัวจากฝ่ายอธรรมไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าขอเตือนเจ้า เหล่าเจ้าสำนักใกล้มาถึงแล้ว หากพวกเค้ารู้ว่าหลิวฝ่านหยีอยู่ละแวกนี้ เค้าจะเป็นอันตราย เจ้ารีบส่งเค้าไปที่อื่นเถอะ





เมื่อฉินหงกลับไปที่ศาลเจ้าร้าง หลิวฝ่านหยีก็จากไปตามหาหลี่ปูยีซะแล้ว
ฉินหงไม่รู้ตัวว่าพ่อบ้านได้ตามนางมา และกลับไปรายงานเจ้าสำนักเสิ่น เสร็จแน่ ฉินหงเอ๊ย





เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าคิดจะโกหกพ่อไปอีกนานแค่ไหน
เสิ่นฉินหง: ท่านพ่อหมายถึงอะไร
เจ้าสำนักเสิ่น: อย่ามาตีหน้าตายหน่อยเลย เจ้ามั่วสุมกับหลิวฝ่านหยีทำลายชื่อเสียงข้า
เสิ่นฉินหง: ท่านพ่อ
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าไปรักกับมันได้อย่างไร
เสิ่นฉินหง: นั่นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือเค้ารักข้า
เจ้าสำนักเสิ่น: เรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้ากลับกล้าพูดออกมาได้
ฮูหยินเสิ่น: ท่านอย่าโกรธเลย ฉินหงเพียงถูกหลิวฝ่านหยีล่อลวง





เสิ่นฉินหง: เจ้าไม่ต้องมาตีสองหน้าเลย ไหนสัญญาว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ (อ้าว ซวยแล้วมั้ยล่ะฮูหยิน)
เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้าก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ (อึ้งค่ะ อี้ง) เจ้าอย่าโทษแม่เจ้าเลย นางไม่ได้บอกข้า
เสิ่นฉินหง: ท่านไม่ต้องปกป้องนางหรอก ท่านรู้รึเปล่าว่านางรักคนอื่น ก่อนแต่งงานกับท่าน นางรักกับหลี่ปูยี นางทำเป็นอ้างว่าจะไปตามหาข้า ที่แท้อยากพบกับชายชู้
ฮูหยินเสิ่น: ทำไมเจ้าพูดเช่นนี้ ข้ากับหลี่ปูยีเป็นอดีตไปแล้ว พวกเราไม่เคยทำอะไรนอกลู่นอกทาง
เสิ่นฉินหง: ท่านพ่อ ท่านยังไม่เห็นตัวตนของนางอีกหรือ
เจ้าสำนักเสิ่น: เรื่องอดีตของนางข้ารู้ดี เจ้าทำผิดใหญ่หลวง ไม่เพียงไม่สำนึก ยังพยายามใส่ไคล้ผู้อื่น
เสิ่นฉินหง: ข้ารู้ตัวว่าข้าทำอะไรอยู่ ข้ารักหลิวฝ่านหยีจริง ข้าไม่ปฏิเสธ
เจ้าสำนักเสิ่น: หุบปาก กลับเข้าห้องไป หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ห้ามเจ้าก้าวออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว






ฮูหยินเสิ่นพยายามปรับความเข้าใจกับสามี

ฮูหยินเสิ่น: ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกท่านเรื่องหลี่ปูยี ข้าพบเค้าก่อนแต่งงานกับท่านจริง แม้เราสองคนจะมีความรู้สึกต่อกัน แต่ข้ารู้ตัวว่าข้าหมั้นหมายแล้ว ข้าจึงแยกทางกับเค้า เราสองคนไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ข้าขอสาบานต่อสวรรค์ว่า พวกเราไม่มีอะไรกันจริงๆ คนที่ข้ารักมีเพียงท่านคนเดียว ท่านไม่เชื่อข้าหรือ (พูดจนน้ำลายแห้งแล้วนะยะ)
เจ้าสำนักเสิ่น: เชื่อสิ ข้าเชื่อเจ้า ข้าว่าฉินหงก็เหมือนเจ้านั่นแหละ นางเพียงลืมตัวไปชั่วขณะ ข้าจะให้นางแต่งงานกับชูเซิน ผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้ว นางย่อมจะลืมอดีตได้ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่
ฮูหยินเสิ่น: ข้าคิดเช่นเดียวกับท่าน






หลี่ปูยีและเยี่ยม่งเซอะเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมตีนเขาปลาบิน ม่งเซอะรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับสำนัก

เยี่ยม่งเซอะ: ข้าได้กลับเข้าสำนักหนนี้ ต้องขอบคุณท่าน
หลี่ปูยี: ทีหลวงจีนอยาตาย เจ้าให้มันฝรั่งเค้าตั้งถุงหนึ่ง ทีข้าได้แค่คำขอบคุณเองหรือ
เยี่ยม่งเซอะ: งั้นข้าจะเลี้ยงข้าวท่านแล้วกัน ท่านอยากจะกินอะไรล่ะ
หลี่ปูยี: ข้าอยากกินไก่ย่างน้ำผึ้งที่เจ้าทำ
เยี่ยม่งเซอะ: ได้ วันหลังข้าจะทำให้ท่านกินอีกแน่

หลี่ปูยีสัมผัสได้ถึงไอมารจากหลิวฝ่านหยี เพียงเค้าอยู่ในละแวกใกล้เคียงก็ทำให้ต้นไม้เฉาหมด




หลี่ปูยีคลาดกับหลิวฝ่านหยีเพราะเจอเข้ากับเหล่าเจ้าสำนักซะก่อน



บรรดาเจ้าสำนักต่างชื่นชมหลี่ปูยีที่ปฏิบัติภารกิจสำเร็จ หลี่ปูยีได้ยินว่าฮูหยินเสิ่นไม่สบาย เค้าร้อนใจถามถึงนาง ยิ่งทำให้เจ้าสำนักเสิ่นหวาดระแวง




เจ้าสำนักเสิ่นประกาศรับเยี่ยม่งเซอะกลับเข้าสำนัก ศิษย์พี่รองชักเขม่นหน้าหลี่ปูยี




ศิษย์พี่รองอยากรู้ใจม่งเซอะว่านางคิดอย่างไรกับเค้ากันแน่ เค้าจึงบอกนางเรื่องการแต่งงาน

เยี่ยชูเซิน: อาจารย์อยากให้ข้าแต่งงานกับฉินหง
เยี่ยม่งเซอะ: วิเศษไปเลย
เยี่ยชูเซิน: ดูเจ้าดีใจยิ่งกว่าข้าซะอีก
เยี่ยม่งเซอะ: ฉินหงชอบท่านมาตลอด ท่านกับนางเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ถ้าข้าเป็นท่าน ข้าจะตอบตกลงแน่นอน
เยี่ยชูเซิน: พวกเราเติบโตมาด้วยกัน แต่ลึกๆ ในใจ ข้ามีคนที่ข้าห่วงใยมากกว่า
เยี่ยม่งเซอะ: สำหรับข้า ข้าห่วงใยทุกๆ คนเท่าๆ กัน





ม่งเซอะได้รู้จากศิษย์พี่รองว่าฉินหงถูกกักบริเวณอยู่ในห้อง นางจึงเข้าไปเยี่ยม

เยี่ยม่งเซอะ: ข้ามีข่าวดีมาบอกเจ้า อาจารย์ยอมรับข้ากลับเข้าสำนักแล้ว
เสิ่นฉินหง: ศิษย์พี่สาม ข้ายินดีด้วย
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าก็ต้องยินดีกับเจ้าเช่นกัน
เสิ่นฉินหง: ยินดีเรื่องอะไร
เยี่ยม่งเซอะ: อาจารย์ยกเจ้าให้แต่งงานกับศิษย์พี่รอง
เสิ่นฉินหง: อะไรนะ ทำไมพ่อทำเช่นนี้





เยี่ยม่งเซอะ: เจ้าไม่อยากแต่งงานกับศิษย์พี่รองหรือ
เสิ่นฉินหง: ไม่ ข้าไม่อยากแต่ง
เยี่ยม่งเซอะ: แต่เจ้าชอบศิษย์พี่รองไม่ใช่หรือ
เสิ่นฉินหง: นั่นมันเมื่อก่อน
เยี่ยม่งเซอะ: หรือว่า เจ้าพบคนอื่น
เสิ่นฉินหง: ข้าคิดว่าพี่รักศิษย์พี่รอง ทำไมพี่ไม่แต่งงานกับเค้าล่ะ หรือว่า ท่านเองก็พบคนอื่น (คิดไปคิดมาก็สงสารศิษย์พี่รองนิ แห้วทั้งคู่)
เยี่ยม่งเซอะ: ถ้าเจ้ารักคนอื่น เจ้าก็ต้องรีบบอกอาจารย์นะ
เสิ่นฉินหง: ไม่มีประโยชน์ ข้าพูดอะไรพ่อก็คงไม่ฟัง




เจ้าสำนักคงท้งติดสินบนศิษย์สำนักเขาปลาบิน จึงได้รู้ความลับของเสิ่นฉินหง



เสิ่นฉินหงหาทางหนีจากห้อง นางแสร้งทำเป็นปวดท้อง ให้ศิษย์น้องคนหนึ่งออกไปเอายา แล้วทำร้ายศิษย์อีกคนสลบ



ระหว่างทางถูกเจ้าสำนักคงท้งดักจับตัวได้

เจ้าสำนักคงท้ง: สารภาพมาดีกว่า หลิวฝ่านหยีอยู่ไหน
เสิ่นฉินหง: ฝันไปเถอะ
เจ้าสำนักคงท้ง: นึกเหรอว่ามันจะรักเจ้าจริง คนเสเพลอย่างมัน ป่านนี้คงกอดนางคณิกา หัวเราะเยาะเจ้าอยู่
เสิ่นฉินหง: อยากฆ่าข้าก็เชิญ แต่อย่าได้หยามเค้านะ ข้าไม่มีวันทรยศเค้าเด็ดขาด

ฉินหงยังอ่อนหัด แค่โดนเจ้าสำนักคงท้งหลอกล่อ นางก็หลุดปากยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับหลิวฝ่านหยีออกแล้ว





บรรดาเจ้าสำนักนำตัวเสิ่นฉินหงกลับมายังสำนัก เจ้าสำนักคงท้งต้องการให้เจ้าสำนักเสิ่นถอนตัวจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายธรรมะ เค้าสนับสนุนให้หลี่ปูยีขึ้นเป็นผู้นำแทน แต่หลี่ปูยีปฏิเสธ
เจ้าสำนักเสิ่นทำหยิ่ง อยากให้ถอนตัวก็ไม่มีปัญหา ชิลๆ อยู่แล้ว เรื่องเสิ่นฉินหงจะลงโทษอย่างไรก็แล้วแต่บรรดาเจ้าสำนักแล้วกัน






หลี่ปูยีเกรงว่าหากเค้ายังอยู่ เรื่องราวจะบานปลาย เค้าจึงตัดสินใจมาอำลาเจ้าสำนักเสิ่นกลับมาเจอฮูหยินเข้าซะก่อน เจ้าสำนักเสิ่นกลับมาเห็นยิ่งอารมณ์ไม่จอย จะไปก็รีบๆ ไปเลย





เจ้าสำนักเสิ่น: หนนี้ นับว่าเจ้าโชคดีที่เจ้าสำนัก Kwok ยอมปล่อยเจ้า หากเค้าจับเจ้าได้อีกครั้ง แม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้
ฮูหยินเสิ่น: ข้าเชื่อว่าฉินหงคงได้รับบทเรียนแล้ว
เสิ่นฉินหง: ท่านพ่อ ข้าขอโทษ
เจ้าสำนักเสิ่น: ถ้าเจ้าสำนึกได้จริง ก็เลิกคิดถึงหลิวฝ่านหยีแล้วเตรียมตัวแต่งงานกับชูเซินซะ
เสิ่นฉินหง: ไม่ ข้าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้น
ฮูหยินเสิ่น: ฉินหงที่พ่อเจ้าทำเช่นนี้ เพื่อยุติข่าวลือทั้งหมด เจ้าเองก็ชอบชูเซินนี่นา นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วนะ





เสิ่นฉินหงสารภาพกับบิดาว่านางกับหลิวฝ่านหยีมีความสัมพันธ์กันแล้ว
เจ้าสำนักเสิ่นโกรธจัดเกือบลงมือทำร้ายนาง แต่ฮูหยินเสิ่นห้ามไว้

เจ้าสำนักเสิ่น: เจ้ามีทางเลือกแค่สองทาง แต่งงานกับชูเซิน ไม่งั้นก็รอเก็บศพหลิวฝ่านหยีได้
ฮูหยินเสิ่น: เพราะเจ้า พ่อเจ้าเกือบต้องถอนตัวจากยุทธภพ หากเจ้ายังไม่ตัดสัมพันธ์กับหลิวฝ่านหยีฝ่ายธรรมะจะตามล่าพวกเจ้า เจ้าคงไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนใช่มั้ย อย่าดื้อดึงอีกต่อไปเลย แต่งงานกับชูเซินเถอะ
เสิ่นฉินหง: ถ้าพวกท่านยอมปล่อยหลิวฝ่านหยีข้าก็จะยอมแต่งงาน






หลี่ปูยีอำลาเยี่ยม่งเซอะ

เยี่ยม่งเซอะ: เราจะได้พบกันอีกมั้ย
หลี่ปูยี: แน่นอน เจ้ายังเป็นหนี้ไก่ย่างน้ำผึ้งข้าอยู่




ว่าจะออกไปส่งหลี่ปูยีซะหน่อย ศิษย์พี่รองดันเข้ามาขอเคลียร์

เยี่ยชูเซิน: ที่ข้าไม่อยากแต่งงานเพราะข้ารักเจ้ารู้มั้ย ข้าจะปฏิเสธอาจารย์
เยี่ยม่งเซอะ: ไม่ได้นะ ระหว่างเราจบสิ้นแล้ว ท่านอย่ารื้อฟื้นขึ้นมาอีกเลย ท่านเป็นเหมือนพี่ชายข้า
เยี่ยชูเซิน: บอกข้าซิ เพราะหลี่ปูยีใช่มั้ย บอกสิว่า เจ้ารักข้า
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าขอโทษ





เจ้าสำนักเสิ่นนำเยี่ยชูเซินขึ้นไปที่ผาสำนึกตน

เจ้าสำนักเสิ่น: ข้าเชื่อว่าฉินหงแค่สับสนไปชั่วครู่เพราะถูกหลิวฝ่านหยีล่อลวง เพื่อหยุดข่าวลือ ข้าต้องให้ฉินหงแต่งงานให้เร็วที่สุด ข้าอยากให้เจ้าแต่งงานกับนาง ข้ารู้ดีว่าทำเช่นนี้ มันไม่ยุติธรรมกับเจ้า





เจ้าสำนักเสิ่นแสดงกระบี่ปลาบินท่าที่ 13 ให้เยี่ยชูเซินดู

เยี่ยชูเซิน: กระบี่ปลาบินมี 12 ท่า 48 กระบวนเองไม่ใช่หรือครับอาจารย์
เจ้าสำนักเสิ่น: ที่เจ้าไม่รู้ เพราะกระบวนท่านี้จะถ่ายทอดให้กับทายาทเจ้าสำนักเท่านั้น เจ้าอยากศึกษาหรือไม่
เยี่ยชูเซิน: อาจารย์ ท่านหมายความว่า...
เจ้าสำนักเสิ่น: ฉินหงเป็นบุตรสาวคนเดียวของข้า บุตรเขยข้าย่อมเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป
เยี่ยชูเซิน: อาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ข้าจะรักฉินหงตลอดไป






หลิวฝ่านหยีดักท้าสู้กับหลี่ปูยี

หลี่ปูยี: อย่ามัวมาสู้กับข้าเลย ไปช่วยแม่นางเสิ่นเร็วเข้า เจ้าสำนักเสิ่นจะให้นางแต่งงานกับเยี่ยชูเซิน
หลิวฝ่านหยี: เป็นไปไม่ได้ ฉินหงไม่มีวันยอม
หลี่ปูยี: บรรดาเจ้าสำนักจับได้ว่านางมีความสัมพันธ์กับเจ้า เพื่อความปลอดภัยของเจ้า นางไม่มีทางเลือก






วันแต่งงานของเสิ่นฉินหงบรรดาเจ้าสำนักต่างมาร่วมแสดงความยินดี การตัดสินใจของเจ้าสำนักเสิ่น ทำให้เค้าได้รับการยอมรับจากบรรดาเจ้าสำนักให้เป็นผู้นำฝ่ายธรรมะอีกครั้ง




หลิวฝ่านหยีลักลอบเข้ามาพบกับเสิ่นฉินหง




หลิวฝ่านหยี: ไปกับข้า
เสิ่นฉินหง: ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ารับปากท่านพ่อไว้ว่าจะแต่งงานกับศิษย์พี่รอง
หลิวฝ่านหยี: เจ้ารักเค้าหรือ
เสิ่นฉินหง: ใช่
หลิวฝ่านหยี: เจ้าโกหก
เสิ่นฉินหง: ข้าคิดดูดีแล้ว พวกเราทำตามอารมณ์ หาใช่ความรักไม่
หลิวฝ่านหยี: ไม่จริง เจ้าไม่คิดเช่นนี้
เสิ่นฉินหง: จริง ข้าไม่ต้องการจะหนีไปกับเจ้า เจ้าไปซะ
หลิวฝ่านหยี: เลิกโกหกตัวเองซะที ข้ารู้ว่าเจ้ารักข้า ข้ามานี่ไม่คิดจะรอดออกไป
เสิ่นฉินหง: อย่าโง่ไปหน่อยเลย เจ้ารีบหนีไปก่อนที่พวกเค้าจะมาพบเจ้า
หลิวฝ่านหยี: ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็ไม่ไป





กว่าเจ้าสำนักเสิ่นจะมาถึง ทั้งคู่ก็หนีตามกันไปแล้ว






 

Create Date : 05 เมษายน 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 12:15:18 น.
Counter : 962 Pageviews.  


magarita30
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add magarita30's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.