เสน่ห์ฝรั่งเศส : 08-มหาวิหารมงแซงมิเชล (Mont Saint-Michel)
สวัสดีครับ มงแซงมิเชล เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของประเทศฝรั่งเศส อยู่ห่างจากกรุงปารีสประมาณ 360 กิโลเมตร เป็นวิหารคริสตจักรที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลชายฝั่งแถบตะวันตก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกตะวันตก มหาวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดหนึ่งในสามของฝรั่งเศส แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมกว่า 3 ล้านคนเลยทีเดียว วันนี้จะพาไปชมครับ
เกาะนี้มีประวัติเริ่มต้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 6 และ 7 โดยใช้เป็นฐานที่มั่นของชาว Gallo-Roman ก่อนที่จะถูกตีแตกพ่ายไปและเข้ายึดครองโดยชาว Franks และเรียกเกาะแห่งนี้ว่า Mont Tombe โดยตามตำนานกล่าวไว้ว่าเทวทูต Michael (เซนต์ไมเคิล) ได้มาเข้าฝันนักบุญ Aubert บิชอปแห่ง เมือง Avranches และในฝันองค์ Michel ได้รับสั่งให้บิชอปสร้างวิหารขึ้นบนเกาะหิน แต่นักบุญ Aubert ไม่ได้ปฏิบัติตามนั้น เนื่องจากนึกว่าที่เข้าฝันเขานั้นคือปีศาจที่พยายามชักนำ จนถึงการเข้าฝันครั้งที่สาม องค์ Michel ได้ใช้นิ้วชี้เผาบริเวณหน้าผากของ Aubert ในฝันและเมื่อตื่นขึ้นมา ก็มีร่องรอยอยู่ที่หน้าผากจริง Aubert จึงได้รับสั่งให้ดำเนินการสร้างวิหารตามที่ได้รับสั่งมาในฝัน
การสร้างวิหารนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากต้องขนหินมาจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยส่วนใหญ่นำมาจากเกาะ Chausey นอกชายฝั่งไปสิบกว่ากิโลเมตรและจากเขต Bretagne (Britany ในภาษาอังกฤษ) หลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จ มงแซงมิเชลได้กลายเป็นที่แสวงบุญของนักบวชชาวคริสต์ และศาสนิกชนที่เคร่งครัดในศาสนา มีการเดินทางจากฝั่งไปที่เกาะเป็นจำนวนมาก
ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 11-16 มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเพิ่มเติมภายในเกาะ และมีประชาชนย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น มีการตั้งหมู่บ้านขึ้นมาที่เชิงเขา และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการป้องกันตัวเอง ทำให้เกาะแห่งนี้ถูกใช้เป็นทั้งที่มั่นทางทหารด้วย นอกเหนือจากศาสนสถาน และยังสามารถต้านทานการบุกของอังกฤษ ในช่วงสงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337-1453) ขณะเดียวกันคณะสงฆ์ของมหาวิหารแห่งนี้ก็เพิ่มความมั่งคั่งและอิทธิพลขึ้น แต่ก็กลับตกต่ำลงเมือถึงยุคการปฏิรูปศาสนา (Reformation)
ต่อมาในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส วิหารแห่งนี้ก็ร้างผู้คนจนถูกนำมาใช้เป็นคุกคุมขังนักโทษสำคัญแทน ในปี ค.ศ. 1836 กลุ่มปัญญาชนของฝรั่งเศส รวมทั้งวิกเตอร์ ฮูโก (Victor Hugo นักประพันธ์ที่มีอิทธิพลทางความคิดในยุคนั้น) ได้พากันเรียกร้องให้อนุรักษ์มรดกสำคัญของชาตินำไปสู่การเลิกใช้คุกในปี ค.ศ. 1863 และประกาศเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1874
และด้วยเหตุที่กระแสน้ำขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วของแถบนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างการเดินข้ามไปที่เกาะอยู่หลายครั้ง ต่อมาเกิดตะกอนทับถมปากแม่น้ำ Couesnan ให้ตื้นเขินขึ้นมากและสามารถเดินได้รอบเกาะ จึงมีการสร้างทางเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ (Causeway) ขึ้นในปี ค.ศ. 1879 ทำให้สามารถเดินหรือขับรถยนต์ไปที่เกาะนี้ได้ในขณะที่น้ำลง
ในปี ค.ศ. 1966 มีงานเฉลิมฉลองการครบรอบ 1,000 ปี ของการก่อตั้งมหาวิหาร คณะสงฆ์และเหล่าผู้แสวงบุญเริ่มกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง จนถึงปี ค.ศ.1979 องค์การยูเนสโก้ ได้ขึ้นทะเบียนให้มงแซงมิเชลเป็นมรดกโลกทั้งทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และความสวยงามตามธรรมชาติ
ในปี ค.ศ. 2006 รัฐบาลได้ลงทุนกว่าหกพันล้านบาท สร้างเขื่อนเพื่อควบคุมกระแสน้ำทำให้สลายการทับถม จนมงแซงมิเชลกลับมาเป็นเกาะอีกครั้ง พร้อมรื้อทางเชื่อมและสร้างสะพานที่ให้น้ำไหลลอดผ่านได้ โดยเพิ่งเปิดใช้งานเมื่อปี ค.ศ.2014 นี่เอง ส่วนลานจอดรถตรงทางเชื่อมก็ถูกรื้อและย้ายขึ้นไปบนฝั่ง โดยมีรถชัตเติลบัสรับส่งระหว่างที่จอดรถข้ามสะพานไปยังเกาะแทน ปัจจุบันตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของมหาวิหารที่เป็นหินแกรนิต มีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร ถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 เมตร และมีประชากรบนเกาะนี้ประมาณ 60 คนเท่านั้น
ภาพและข้อมูลข้างบนนำมาจากวิกิพีเดีย (https://th.wikipedia.org)
ปัจจุบันมงแซงมิเชลได้ปรับพื้นที่โดยรอบใหม่ โดยจะมีศูนย์นักท่องเที่ยวอยู่บริเวณจอดรถยนต์-รถบัส ที่ห่างออกมาจากตัววิหารอยู่ประมาณหนึ่ง เราต้องจอดรถแล้วนั่งรถชัตเติลบัสบริการฟรี ข้ามสะพานไปยังตัวเกาะ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที มองเห็นตัววิหารอยู่ข้างหน้าแล้ว
ระหว่างรถแล่นผ่านไปสังเกตเห็นมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งใช้วิธีเดินไป ศรัทธาแรงกล้าจริง ๆ
มองเห็นมหาวิหารชัดเจนขึ้นตามลำดับ
รถชัตเติลบัสแล่นข้ามสะพานมาจอด ณ สถานีสุดท้าย เราต้องเดินไปยังมหาวิหาร อีกประมาณ 150 เมตร เป็นช่วงน้ำลงพอดี มองเห็นพื้นดินเป็นบริเวณกว้าง แต่สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ มีเมฆมาก กระแสลมแรง และอุณหภูมิค่อนข้างหนาวเย็น
เดินผ่านประตูทางเข้ามาถึงบริเวณภายในกำแพงแล้ว พวกเรายืนอยู่หน้าร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของมงแซงมิเชล ชื่อร้าน La Mere Poulard ซึ่งเป็นทั้งโรงแรมและร้านอาหาร เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1888 ร้านจะใช้ผ้าใบสีแดงเป็นสัญลักษณ์
อาหารเด่นของร้านคือออมเล็ต (Omelette) ต้นตำรับดั้งเดิมของฝรั่งเศส
เรามีไกด์ท้องถิ่นพาไปชมมหาวิหารด้านบนด้วย การเที่ยวในมงแซงมิเชลจะต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เพื่อไปดูมหาวิหารบนยอดเขา ซึ่งต้องขึ้นบันไดนับร้อยขั้น จึงต้องค่อยๆ เดินขึ้นไปช้าๆ และระหว่างทางก็มีวิวบริเวณอ่าวให้ชม
สองข้างทางเดินจะเป็นอาคารโรงแรม ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก
ไกด์ท้องถิ่นพาเราไปทางลัด คือจะขึ้นบันไดบริเวณนี้เพื่อไปยังทางเข้าวิหาร กว่าจะถึงยอดเขาจะสูงขึ้นไปอีกประมาณ 80 เมตร
เมื่ออยู่ในที่สูงจะมองเห็นถนนด้านนอกและสะพานที่รถชัตเติลบัสพาเรามา
ผ่านบริเวณสุสานของมงแซงมิเชล
ถึงด่านตรวจตั๋วเพื่อจะเข้าไปยังโซนชั้นในวิหารแล้ว ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไปอายุมากกว่า 18 ปี คนละ 9 ยูโร (ประมาณ 350 บาท) ช่วงเดือนพฤษภาคม สิงหาคม เปิดตั้งแต่เวลา 9:00 18:00 น. และช่วงเดือนกันยายน เมษายน เปิดตั้งแต่เวลา 9:30 17:00 น.
เดินขึ้นบันไดสูงขึ้นไปอีก ภายในจะมีสภาพเป็นเหมือนปราสาทหรือป้อมปราการขนาดใหญ่
จุดนี้มองเห็นบริเวณสะพานที่เราเดินข้ามทะเลมาได้ชัดเจน ทะเลบริเวณมงแซงมิเชลถือว่ามีระดับน้ำขึ้น-ลงแตกต่างกันมากที่สุดในยุโรป โดยจุดที่น้ำขึ้นสุดลงสุดมีความแตกต่างกันมาก บางครั้งอาจมีความสูงแตกต่างกันถึง 14 เมตร สถิติน้ำขึ้นสูงที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ.2015 สูงถึงขนาดสะพานที่เห็นอยู่นี้จมอยู่ใต้น้ำเลยทีเดียว
ตัววิหารสร้างต่อๆ กันมาหลายยุคหลายสมัย แต่ตัววิหารปัจจุบันเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สร้างในศตวรรษที่ 12
ภายในโซนวิหารยังมีพิพิธภัณฑ์ให้ดูประวัติความเป็นมาของ Mont Saint-Michel ด้วย โดยมีโมเดลจำลองสภาพของเกาะและวิหารในแต่ละยุคสมัย ที่พัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
ในการฟื้นฟูยอดวิหารครั้งล่าสุด ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ยกมาวางบนยอดกันเลยทีเดียว ซึ่งในส่วนของพิพิธภัณฑ์มีโมเดลจำลองให้ดูกันตามภาพนี้ครับ
มาถึงด้านบนสุด มีลานกว้างให้ชมวิวทะเล
เข้ามาในโบสถ์แล้ว จะเห็นผนังและเพดานโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สวยงาม
ออกจากโบสถ์เดินผ่านบริเวณที่ใช้เดินจงกรม เป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามอีกบริเวณหนึ่ง
เข้ามายังบริเวณวิหารที่อยู่ชั้นล่าง
เสาขนาดใหญ่ทำด้วยหินแกรนิตที่เป็นฐานของโบสถ์ชั้นบน
เดินมาถึงบริเวณที่เป็นรอกขนาดใหญ่ทำด้วยไม้ ใช้ยกอาหาร น้ำ และสิ่งของต่าง ๆ จากด้านล่างขึ้นมายังตัววิหารที่อยู่บนยอดเขา
เดินผ่านห้องพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ชั้นล่างสุด
มาถึงบริเวณทางออกจากโบสถ์ซึ่งอยู่ทางด้านหลัง เป็นด้านที่ติดทะเล
แล้วเดินย้อนกลับมาทางด้านชายฝั่ง มองเห็นสะพานที่รถชัตเติลบัสจอดอยู่ กระแสน้ำยังอยู่ในช่วงน้ำลง
มองเห็นหนุ่มสาวคู่นี้ลงไปเดินเล่น แสดงว่าดินบริเวณนี้คงเป็นดินปนทราย เท้าจึงไม่จมลงไป
เดินลงมาถึงร้านค้าที่อยู่ด้านล่าง พบว่ามีบันได้ให้เดินขึ้นไปตามทางเดินที่ติดกับกำแพงรอบ ๆ เกาะ คล้ายกับเชิงเทินของป้อมปราการ ช่วงนี้อากาศเริ่มเปิด ท้องฟ้ามีแสงแดด เราจะไปหามุมถ่ายภาพมหาวิหารกันอีกครั้ง ได้ภาพชุดนี้ครับ
บนยอดวิหารเป็นรูปปั้นสีทองของอัครทูตสวรรค์มิคาเอล สร้างโดยแอมานุแอล เฟรมีเย (Emmanuel Fremiet) ต้องแสงอาทิตย์ดูสว่างงดงามจริง ๆ
ได้เวลานัดหมาย เราจะเดินออกจากมงแซงมิเชลเพื่อไปขึ้นรถชัตเติลบัส มองย้อนกลับไปเห็นทางเข้า และกำแพงรอบเกาะได้ชัดเจน รวมทั้งมหาวิหารมงแซงมิเชลที่สวยงามคุ้มค่าที่ได้มีโอกาสมาเยือนอย่างตั้งใจ
มุมที่ถ่ายภาพเหล่านี้ถือว่าเป็นมุมมหาชน บางคนคิดว่าได้มาถ่ายภาพมงแซงมิเชลที่บริเวณนี้ก็นอนตายตาหลับแล้วครับ
คืนนี้เราพักค้างคืนที่โรงแรม Mercure at Mont Saint-Michel ซึ่งมีภัตตาคารอาหารเย็นอยู่ทางด้านขวามือ
เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ได้เวลาพักผ่อนเสียที มองเห็นพระจันทร์เต็มดวงจากหน้าต่างในห้องพักด้วย คงจะหลับฝันดีแน่นอน
เชิญอ่านรายละเอียดของตอนอื่น ๆ ได้ที่ Link ด้านล่างครับ
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 01-อารัมภบท
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 02-โมนาโก (Monaco)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 03-เมืองกาซิส (Cassis)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 04-สะพานส่งน้ำโรมัน (Pont du Gard)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 05-เมืองการ์กาซอน (Carcassonne)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 06-ปราสาทอองบัวส์ (Royal Chateau of Amboise)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 07-ปราสาทเชอนงโซ (Chateau de Chenonceau)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 09-พระราชวังแวร์ซาย (Chateau de Versailles)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 10-พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 11-มนต์เสน่ห์แห่งกรุงปารีส
Create Date : 08 มิถุนายน 2561 |
Last Update : 30 มิถุนายน 2561 9:33:09 น. |
|
14 comments
|
Counter : 3810 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณตุ๊กจ้ะ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเรียวรุ้ง, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmambymam, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณKavanich96, คุณหงต้าหยา, คุณเนินน้ำ, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณnewyorknurse, คุณtuk-tuk@korat |
โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 8 มิถุนายน 2561 เวลา:11:18:03 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 8 มิถุนายน 2561 เวลา:13:42:12 น. |
|
|
|
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 8 มิถุนายน 2561 เวลา:14:23:44 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 9 มิถุนายน 2561 เวลา:3:59:15 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 9 มิถุนายน 2561 เวลา:7:51:03 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 10 มิถุนายน 2561 เวลา:7:49:53 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 11 มิถุนายน 2561 เวลา:3:07:03 น. |
|
|
|
โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 11 มิถุนายน 2561 เวลา:12:38:04 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 11 มิถุนายน 2561 เวลา:15:45:59 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 12 มิถุนายน 2561 เวลา:6:51:02 น. |
|
|
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ชมพร About Weblog ดู Blog
ตะลีกีปัส Diarist ดู Blog
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น