เสน่ห์ฝรั่งเศส : 07-ปราสาทเชอนงโซ (Chateau de Chenonceau)
สวัสดีครับ ออกจากปราสาทอองบัวส์ในตอนที่แล้ว เราเดินทางต่อไปอีก 12 กิโลเมตร ก็ถึงปราสาทอีกแห่งหนึ่ง ที่นับว่าสวยงามที่สุดในบรรดาปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์ด้วยกัน นั่นก็คือปราสาทเชอนงโซ วันนี้จะพาไปชมครับปราสาทเชอนงโซ เป็นปราสาทเก่าแก่ มีอายุมากกว่า 400 ปี อยู่ในแคว้นนอร์มังดี ทางตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส อาณาบริเวณโดยรอบเป็นทุ่งหญ้าและป่าเขา จึงมีทัศนียภาพที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ตัวปราสาทเป็นการออกแบบก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเรเนสซองซ์กับศิลปะแบบคลาสสิคสมัยใหม่เข้าด้วยกัน มีการสร้างต่อเติมหลายครั้ง ตัวปราสาทหลังใหญ่จะตั้งอยู่ริมน้ำ และมีการต่อเติมส่วนแกลอรี่ (Galerie) หรือเฉลียง บนตอม่อโค้ง 5 ช่อง คร่อมลงบนแม่น้ำแชร์ (Cher River) จนทำให้ตัวปราสาททั้งหมดขวางอยู่กลางลำน้ำ แต่ไม่ขวางกระแสน้ำเพราะออกแบบอย่างดี ปราสาทเชอนงโซเป็นปราสาทที่สง่างามที่สุดในเขตลุ่มแม่น้ำลัวร์ เป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมเป็นจำนวนมาก เป็นอันดับสองรองจากพระราชวังแวร์ซายน์เท่านั้นประวัติความเป็นมาของปราสาทแห่งนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1513 โดยโทมาส์ โบลิแยร์ เจ้าหน้าที่จัดเก็บภาษีของแคว้นนอร์มังดีเป็นผู้ซื้อไว้ และมอบหมายให้นางแคทเธอรีน บริซองเน ภรรยาของตนเอง คอยควบคุมดูแลและก่อสร้างปราสาทเพิ่มเติม แต่ต่อมาตระกูลโบลิแยร์ประสบปัญหาการเงินถึงขั้นล้มละลาย บุตรของโทมาร์ จึงได้ขายปราสาทนี้ให้กับพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ในปี ค.ศ.1535 ซึ่งพระองค์ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับ ในการเสด็จออกล่าสัตว์ในบริเวณนี้ ในปี ค.ศ.1547 พระเจ้าอองรีที่ 2 ได้รับช่วงปราสาทต่อจากพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 แต่กลับมอบปราสาทนี้ให้กับพระสนมคนโปรดของพระองค์ คือ ดียาน เดอ ปัวติแยร์ (Diane de Poitiers) นางได้พำนักอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้จนหลงรักปราสาทแห่งนี้มาก ต่อมาจึงได้ว่าจ้าง ฟิลิแบร์ เดอลอร์ม ออกแบบต่อเติมปราสาทจากเดิมที่เป็นแค่ปราสาทหลังใหญ่อยู่ริมแม่น้ำ ให้สร้างอาคารบนฐานสะพานโค้ง 5 ช่วง คร่อมแม่น้ำแชร์ ยาวถึง 260 ฟุตจนสามารถข้ามไปถึงอีกฝั่งหนึ่งได้ ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก เมื่อพระเจ้าอองรีที่ 2 สิ้นพระชนม์ลง ราชินีของพระองค์คือ พระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิซี (Catherine de' Medici) จึงได้ถือโอกาสขอแลกเปลี่ยนปราสาทโชมองต์ (Chaumont) กับปราสาทเชอนงโซแห่งนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ นางดียาน เดอ ปัวติแยร์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงจำใจยอมรับข้อเสนอนี้ หลังจากนั้น พระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิซี ก็ได้ให้ ฟิลิแบร์ เดอลอร์ม ออกแบบต่อเติมปราสาท และสวนดอกไม้รูปทรงเรขาคณิตที่สวยงามเพิ่มขึ้นอีก และใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นที่เลี้ยงรับรองแขกผู้มีเกียรติในงานรื่นเริงต่างๆ จนล่วงเข้าสมัยพระเจ้าอองรีที่ 3 ที่ครอบครองปราสาทจนสิ้นพระชนม์ลง พระราชินีของพระองค์ คือพระนางลุยส เดอ ลอเรน-โวเดมง ก็ได้ประทับอยู่อย่างโศกเศร้า โดยตกแต่งห้องบรรทมเป็นสีออกโทนดำ ที่ยังปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ภาพข้างบนนำมาจากวิกิพีเดีย (https://th.wikipedia.org)ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กัสตง เมอนีเย (Gaston Menier) เจ้าของปราสาทในขณะนั้น ได้ดัดแปลงห้องทุกห้องในวังเป็นโรงพยาบาลด้วยเงินส่วนตัว และระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เชอนงโซถูกใช้เป็นที่หลบหนีจากฝั่งที่ถูกยึดครองโดยนาซี ไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำแชร์ที่เป็นอิสระจากเยอรมนี นอกจากนี้ปราสาทเชอนงโซยังเป็นสถานที่จุดดอกไม้ไฟครั้งแรกในฝรั่งเศสอีกด้วยเราเดินทางมาถึงที่ตั้งของปราสาทเชอนงโซแล้ว อาคารที่เห็นทางด้านซ้ายมือเป็นที่จำหน่ายของที่ระลึกและตั๋วเข้าชม ปราสาทเชอนงโซเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. 18.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ คนละ 14 ยูโร (ประมาณ 550 บาท) ออกจากอาคารหลังนี้ เดินตรงไปข้างหน้าประมาณ 20 เมตรแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนใหญ่ทางเดินของเราอยู่ด้านซ้ายมือ มีป้ายแสดงว่าปราสาทเชอนงโซได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้สองข้างถนนที่ตรงไปสู่ปราสาทมีต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียงรายหนาแน่น จนดูคล้ายอุโมงค์ต้นไม้ มองเห็นตัวปราสาทอยู่ด้านหน้าแล้วแผนผังนี้แสดงถึงที่ตั้งของปราสาท ประกอบด้วย ตัวปราสาท (Logis) เฉลียง (Galerie) สร้างคร่อมลำน้ำแชร์ (Cher River) มีสวนอยู่ทั้งสองด้านผ่านอุโมงค์ต้นไม้เข้ามาจะมองเห็นตัวปราสาทอยู่ข้างหน้าแล้วด้านซ้ายมือเป็นสวนขนาดใหญ่ คือสวนดียาน เดอ ปัวตีเย พระสนมเอกของพระเจ้าอ็องรีที่ 2ด้านขวามือก็มีอีกสวนหนึ่ง เป็นสวนของพระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิซีอาคารประกอบที่อยู่ทางด้านขวามือเป็นร้านขายของที่ระลึก และภัตตาคารเราจะเดินเลี้ยวซ้ายเพื่อไปถ่ายภาพปราสาทหลังนี้จากด้านข้าง ทำให้ได้ภาพปราสาททั้งหลังที่งดงาม จะสังเกตเห็นว่าตัวปราสาทมี 3 ชั้น คือชั้นล่าง ชั้นที่สอง และชั้นที่อยู่ใต้หลังคาเดินกลับมาอีกด้านหนึ่ง จะพบสวนและปราสาทในอีกมุมหนึ่ง ที่สวยงามไม่แพ้กันกลับมาที่ด้านหน้าของตัวปราสาทมีหอคอย สำหรับทหารรักษาพระองค์ต้องเดินข้ามสะพานสั้น ๆ เพื่อเข้าไปยังตัวปราสาทเข้ามาในตัวปราสาทแล้ว แวะชมห้องที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ เป็นโบสถ์ขนาดเล็ก (Chapel)ห้องที่อยู่ทางด้านขวามือเป็นห้องพักผ่อนของพระนางแคทเธอรีน เดอ เมดิซีห้องนอนของดียาน เดอ ปัวตีเย ระหว่างทางเดินไปยังห้องต่าง ๆ จะเห็นเพดานห้องเป็นปูนปั้นสวยงามมากห้องรับรอง (Galerie) อยู่ที่ชั้นล่าง เป็นห้องโถงยาวบนสะพานข้ามแม่น้ำแชร์ มีความยาว 60 เมตรและกว้าง 6 เมตร มีหน้าต่าง 18 บาน พึ้นเป็นหินชอล์คและหินชนวน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ห้องรับรองนี้ใช้เป็นทางเดินข้ามจากบริเวณที่ถูกยึดครองโดยเยอรมนี ไปอึกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำแชร์ที่มิได้ถูกยึดครองและเคยใช้เป็นโรงพยาบาลในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914-1918) มีทหารมาเข้ารับการรักษาถึง 2,254 นายแม่น้ำแชร์ เมื่อมองผ่านหน้าต่างในห้องรับรองห้องนั่งเล่นของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ห้องบรรทม 5 พระราชินี ตั้งชื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระธิดา 2 องค์และพระธิดาสะไภ้ 3 องค์ ของพระราชินีแคทเธอริน เด เมดิชิ ได้แก่ (1) พระราชินีมาร์โกท์ (Marguerite de Valois) พระชายาของพระเจ้าอ็องรีที่ 4 (2) พระราชินีเอลิซาเบธแห่งวาลัวร์ (Elisabeth of Valois) พระชายาของพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปน (3) พระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ พระชายาของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2 (4) พระราชินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย (Elisabeth of Valois) พระชายาของพระเจ้าชาร์ลที่ 9 (5) พระราชินีลุยส เดอ ลอเรน-โวเดมง พระชายาของพระเจ้าอ็องรีที่ 3ห้องบรรทมของพระราชินีแคทเธอริน เด เมดิชิมีห้องพิพิธภัณฑ์อยู่ที่ชั้นสอง ด้านบนของห้องรับรองแสดงประวัติความเป็นมาและภาพวาดของปราสาทบนวัสดุชนิดต่าง ๆปิดท้ายด้วยแจกันดอกไม้จัดแบบฝรั่งเศส พบเห็นตามมุมห้องต่าง ๆ ที่เดินผ่านไปเชิญอ่านรายละเอียดของตอนอื่น ๆ ได้ที่ Link ด้านล่างครับเสน่ห์ฝรั่งเศส : 01-อารัมภบทเสน่ห์ฝรั่งเศส : 02-โมนาโก (Monaco)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 03-เมืองกาซิส (Cassis)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 04-สะพานส่งน้ำโรมัน (Pont du Gard)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 05-เมืองการ์กาซอน (Carcassonne)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 06-ปราสาทอองบัวส์ (Royal Chateau of Amboise)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 08-มหาวิหารมงแซงมิเชล (Mont Saint-Michel)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 09-พระราชวังแวร์ซาย (Chateau de Versailles)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 10-พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)เสน่ห์ฝรั่งเศส : 11-มนต์เสน่ห์แห่งกรุงปารีส
ธรรมชาติโดยรอบสวยจับใจจริงๆ
ประวัติความเป็นมาก็น่าสนใจ
การตกแต่งแต่ละห้องงดงาม
การจัดดอกไม้แบบฝรั่งเศสสวยคลาสสิคมากมายค่ะ
ไว้แวะมาชมใหม่ค่ะ