bloggang.com mainmenu search


เดือนใหม่เปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นบล็อกกิน ๆ เที่ยว ๆ บ้าง จะได้ร่วมกิจกรรมเที่ยวไปทั่วกับทางบล็อกแก็งค์ด้วย
เลยควักเอา draft มาปัดปุ่น  ไปมาตั้งหลายเดือนแล้วเพิ่งจะได้ฤกษ์ดีมาเขียนบล็อกค่ะ
เป็นปรกติของเดอะแก็งค์ค่ะถ้าเรานัดหมายกันจะไปเที่ยวไปกินล่วงหน้ามักจะเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
แต่ทริปนี้อยู่ ๆ น้องหนึ่ง adrenalinerush ก็บอกว่าอยากไปดูดอกชมพูพันธ์ทิพย์ที่กำแพงแสน
คุณแหม่ม narellan ก็เลยเสนอว่าไปแม่กลองดีกว่า โดยเอาสารพัดของกินมาร่ายมนต์ใส่น้องหนึ่ง
คุยกันคืนวันเสาร์ ไปเช้าวันอาทิตย์เลยค่ะ ตกลงไปกันได้ 4 คน
ถึงวันเดินทางวันนี้ฤกษ์เย็นอีกต่างหาก พระพิรุณโปรยปรายแต่เช้า 
ทำเอาเรากับน้องดา phunsud เปียกแล้วเปียกอีกที่จุดนัดพบ  ตกเหมือนแกล้งด้วยนะ
ลงมาซู่ใหญ่ ๆ ตอนจังหวะสำคัญสองสามรอบ  แล้วก็หยุดราวกับปิดก๊อกทีเดียวเชียว


กำหนดการและสถานที่ของพวกเราปรับเปลี่ยนตลอดทริป เริ่มแรกเราก็ตรงดิ่งไปที่แม่กลองก่อนค่ะ
แผนการเดิมคือจะไปตลาดน้ำก่อน  แต่รถติดเลยเปลี่ยนเป้าหมายไปตลาดแม่กลอง
หาที่จอดรถได้แล้วก็ตรงดิ่งหาของกินก่อนเลยค่ะ ไปชิมบะหมี่เกี๊ยวร้านดังก่อนเลยอย่าได้ช้า
คิดว่าร้านนี้น่าจะทำบะหมี่เองนะคะ ตอนเดินออกจากร้านเห็นลิ้นชักบะหมี่แง้ม ๆ อยู่ 
 เลยขออนุญาตอาม่าเจ้าของร้านช่วยเปิดลิ้นชักให้ถ่ายรูปหน่อย







น้องหนึ่งสั่งบะหมี่น้ำมา ชิมคำแรกบอกน้ำซุปไม่อร่อย   ของเรายังไม่มาเลยรีบเปลี่ยนเป็นบะหมี่แห้งทันทีทันใด 
น้ำซุปไม่อร่อย แต่หมูแดงพอจะช่วยกู้ชื่อเสียงไว้ได้ค่ะ







กินบะหมี่เสร็จพวกเรายังไม่ดื่มน้ำค่ะน้องหนึ่งบอกเราจะไปดื่มน้ำกันที่ร้านข้าวขาหมูเป้าหมายต่อไป
ปรากฏว่าร้านเขาขายหมดปิดร้านตั้งแต่เช้าก่อนเราออกจากกรุงเทพเสียอีกค่ะ 
จากนั้นก็เดินไปแวะร้านข้าวมันไก่ให้คุณแหม่มกินข้าวก่อน เพราะคุณแหม่มไม่กินหมู
เลยไม่ได้กินบะหมี่ที่ร้านแรกกับพวกเรา   ร้านข้าวมันไก่ร้านนี้เคยออกรายการครัวคุณต๋อยด้วยนะคะ   
คุณแหม่มว่าน้ำจิ้มกับน้ำซุปรสดีใช้ได้ 














พวกเราสั่งน้ำที่ร้านนี้ค่ะ  แก้วละ 10 บาทเอง ถ้าใส่นมเพิ่มแก้วละ 2 บาทค่ะ







หน้าร้านนี้มีขนมถ้วยใบเตย น้องหนึ่งบอกอร่อยนุ่มหอมมันไม่หวานมาก 20 บาท
ร้านนี้ก็น่าจะเป็นที่นิยมเหมือนกัน  เพราะเห็นถ้วยที่แคะขายเกือบหมดแล้ว







ติด ๆ กับร้านขนมถ้วยเป็นร้านขายกะลอจี๊ ตอนแรกแค่ยืนมองและถ่ายรูป 
คุณแหม่มคนรักแป้งและน้ำตาลอดใจไม่ไหวต้องซื้อมาชิม
น้องดาไม่เคยทาน  เลยถูกพวกเราคะยั้นคะยอให้ชิมจะได้คุยกับคนอื่นรู้เรื่อง อิอิ...
พอชิมแล้วทุกคนลงความเห็นว่าอร่อย  กล่องละ 20 บาท







ไอศกรีมกะทิแบบบ้าน ๆ เหมือนที่เราเคยทานตอนเด็ก ๆ แบบใช้ทัพพีตักค่ะ
ถ้วยละ 10 บาทเอง ร้านนี้น่าจะเป็นที่นิยมเช่นกัน  เห็นลูกค้าซื้อแบบเป็นกิโลด้วยค่ะ  







ด้านหลังคือร้านข้าวมันไก่ที่คุณแหม่มเพิ่งกินมา







อิ่มท้องแล้วก็เดินย่อยค่ะ แวะเช็คอินที่สถานีรถไฟแม่กลองซักหน่อย







พอดีเราไปไม่ตรงช่วงเวลารถไฟเข้า เลยไม่ได้เห็นตลาดร่มหุบค่ะเห็นแต่ตลาดที่ยังไม่หุบร่ม
คุณแหม่มถามว่ามีใครจะซื้อใบชะครามมั๊ย   ถุงละ 20 บาท 
ซื้อมาแล้วยังไม่รู้จะทำอะไรกินดี เลยจัดการต้มบีบเอาน้ำออกแล้วส่งให้นอนอยู่ในห้องดับจิตค่ะ








บรรยากาศก็เหมือนตลาดทั่ว ๆ ไป แต่ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาคงเป็นอาหารทะเลทั้งแบบสดและแห้ง  
ไม่แตกต่างจากตลาดที่เมืองชลบ้านเรา  แต่ก็ซื้อนะ 555 เดี๋ยวจะมาไม่ถึงแม่กลอง







หอยดองเจ้านี้ ส่งขายต่างประเทศด้วยนะคะ







ไปต่อค่ะคราวนี้ไปตลาดเก่าบางนกแขวก จะตามรอยไปกินข้าวแห้งกับผัดไทยในตลาด
แต่ขาเข้าถูกร้านแป๊ะก๋วยเตี๋ยวปูสกัดดาวรุ่ง คุณแหม่มสั่งบะหมี่ปูมาทาน
เธอว่าเห็นรีวิวเป็นร้านที่ต้องชิม  เราชิมของคุณแหม่มไปคำหนึ่งก็ว่าธรรมดา ๆ นะ
เราสั่งข้าวกระเพราปู แต่ข้าวหมดอดกิน  ไม่เป็นไรหวังไปกินในตลาดเอาดาบหน้า







ตลาดเก่าริมแม่น้ำ บรรยากาศเงียบถึงเงียบมากเหมือนว่าจะมีพวกเราเดินกันอยู่แค่สี่คน
นี่ขนาดว่าเป็นวันอาทิตย์นะเนี่ย  แล้ววันธรรมดาจะเงียบขนาดไหน







ไรว๊า....  ข้าวแห้งหมด  ผัดไทยไม่ขาย  ไม่ได้กินทั้งสองอย่าง อดข้าวกลางวันสิเรา
ได้น้ำตาลมะพร้าวของผู้ใหญ่บ้านมาสองก้อน อมน้ำตาลแก้หิวไปพลาง ๆ ก่อนละกัน ^__^







แล้วก็ได้กล้วยน้ำว้ามาหวีละ 10 บาทเท่านั้นเอง ตลาดรามอินทราขาย 35 - 40 ค่ะพี่น้อง
ตอนซื้อมายังเขียวอยู่นะคะ มาเหลืองต่อที่บ้านค่ะ







ไปต่อกันที่วัดบางนกแขวก ไปถึงแดดร้อนเปรี้ยงเลย ได้ถ่ายรูปข้างนอกมานิดหน่อย
กำลังจะเข้าไปข้างใน  ทางวัดก็มีงานศพเข้ามาพอดีค่ะ







จะบอกความจริงให้ว่า มัวแต่โอ้เอ้แอบถ่ายรูปหนุ่มนักปั่นจักรยานคนนี้กันอยู่นั่นเอง







ถ่ายกันเองบ้าง เดี๋ยวเหยื่อจับได้ว่าถูกแอบถ่าย















ตอนแรกว่าจะไม่ไปชมดอกไม้สวย ๆ ที่กำแพงแสน เพราะคนละเส้นทางกัน
อย่างที่บอกกำหนดการและสถานที่เราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา  
ประมาณว่าคนร่วมทริปยังไม่รู้เลยว่าคนขับจะพาไปไหนต่อ
น้องหนึ่งขับรถมุ่งหน้าพาลูกทัวร์เป็ดน้อยสู่กำแพงแสน เพื่อชมดอกชมพูพันธุ์ทิป
แต่... เมื่อไปถึงดอกไม้ยังไม่บานค่ะ 555  โชคดีมีดอกให้ชมตั้งหนึ่งต้นแน่ะไม่เสียเที่ยว
เปรียบเทียบภาพที่คาดหวัง กับภาพแห่งความเป็นจริง ^__^













ตอนแรกว่าจะไปทานข้าวเย็นกันแถวพระปฐมเจดีย์ก่อนกลับ แต่คุณแหม่มต้องรีบกลับ
เลยตรงดิ่งกลับเข้ากรุงเทพเลย  รถติดพอประมาณค่ะ 
ระหว่างรอรถแท็กซี่กลับเข้าบ้านกับน้องดา  เจอผู้ชายนิสัยไม่ดีมาตัดหน้าขึ้นแท็กซี่เฉยเลย  
โกรธ...โมโหหิวด้วยนะ  เพราะทั้งวันกินแต่บะหมี่แห้งที่ไม่อร่อยไปชามเดียว  
กลับถึงบ้านด้วยความหิวโหย โดยสวัสดิภาพประมาณสองทุ่ม



หลายวันต่อมา  เราก็จัดการงัดเอาปลาแดดเดียวที่ซื้อมาทำกับข้าวค่ะ
ปลากุเราแดดเดียว กับปลาอินทรีย์แดดเดียว   เอามาทอดทานกับน้ำยำมะม่วง 
ทำคนละวันกันนะ   อร่อยเริ่ดค่า   ได้ยินน้องหนึ่งบ่นว่าเสียดายว่าซื้อมาน้อยไปหน่อย














แต่กว่าจะได้อัพบล็อก  เราก็เอาใบชะครามออกมาแกงคั่วกุ้งกินหมดไปเรียบร้อยแล้ว






ส่วนกล้วยน้ำว้าก็เอามาทำกล้วยเชื่อมสีแดง ๆ ตามธรรมชาติ
ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่า  ทำไมกล้วยเชื่อมถึงเป็นสีแดงได้เอง ตัวไหนไปทำปฏิกิริยาทางเคมีกับตัวไหน
เพราะบางคนเชื่อมยังไงก็ไม่แดง แปลกดีนะคะ








ขอบคุณรูปจากบล็อกน้องหนึ่ง Adrenalinerush และคุณแหม่ม narellan ค่ะ
ขอบคุณเพือน ๆ ที่แวะมาทักทายกันนะคะ  แล้วพบกันใหม่บล็อกต่อไปค่ะ





Create Date :01 พฤศจิกายน 2558 Last Update :1 พฤศจิกายน 2558 14:13:49 น. Counter : 3403 Pageviews. Comments :34