" Queen of Tropic Flower "
( ราชินีแห่งไม้ดอกเมืองร้อน )

เป็นไม้สกุล Hibiscus มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิม เชื่อกันว่าอยู่ใน ประเทศจีน
อินเดีย และหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น หมู่เกาะฮาวาย

ที่มีความสวยงาม ทั้งรูปทรงของ ลำต้น ใบ ดอก และ สีสรร
สวยงามตระการตา ตลอดจนปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่ายด้วย


ยังเป็น " ดอกไม้ประจำชาติของมาเลเซีย และ จาไมก้า "
และ เป็นดอกไม้ " ประจำรัฐฮาวาย " อีกด้วยค่ะ










ต้นชบามีความแข็งแรงทนทาน ปลูกง่าย ตายยาก จึงนิยมปลูก
เป็นแนวรั้ว เพราะเพียงแต่ตัดลำต้นหรือกิ่งแก่ๆ เป็นท่อนๆ แล้วปักเฉียงๆ
ลง ในดิน รดน้ำพอชุ่มก็พอแล้ว ไม่ต้องทำร่มเงา หรือเพาะชำในโรงเรือน
ให้ยุ่งยาก ตามโรงเรียนในชนบท มักนิยมใช้ชบาหรือพู่ระหงเป็นแนวรั้ว
นักเรียนบ้านนอกในอดีตจึงรู้จักชบาเป็นอย่างดี
เพราะส่วนใหญ่เคยปลูกชบากันมาแล้ว


ตามบ้านเรือนของคนไทยในอดีต มักจะปลูกชบาเอาไว้ดูดอก
เพราะ ปลูกง่าย ดอกดกตลอดปี ปัจจุบันตาม ชนบทยังพบชบาพันธุ์เก่าๆ

อยู่บ้าง ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ดอกซ้อนสีแดงและสีชมพู สำหรับพันธุ์ใหม่ๆ
ที่นิยม ในปัจจุบันเป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นจากต่างประเทศ


มักนิยมชนิดกลีบดอกชั้นเดียว เน้นที่กลีบดอกขนาดใหญ่ สีสัน
สดใสมากมาย ออกดอกง่ายตลอดปี นอกจากนี้ยังมีชบาพันธุ์ใบด่าง
ที่มีใบสีเขียวด่างขาว หรือ แดงด่างขาวใช้ปลูกประดับ ได้สวยงามดีค่ะ












☆ ชบา เป็นพืชที่ปลูกเลี้ยงง่าย ☆

● หากมีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
จะทำให้ชบาออกดอกสวยงามตลอดปี


● ดินปลูก ควรเป็นดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี
อาจผสมดินร่วน ขี้เถ้าแกลบ การมะพร้าวสับ และ
ปุ๋ยคอก อย่างละ 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน


● การให้น้ำขึ้น อยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศ เช่น ในฤดูฝน
ควรให้น้ำเมื่อเห็นว่าฝนไม่ตก เป็นเวลานานหรือผิวดินแห้ง
ส่วนใหญ่ฤดูแล้งให้น้ำเพียงวันละครั้ง และไม่ควรมีน้ำขังแฉะ


● การให้ปุ๋ย ใช้สูตร เสมอ เช่น 16-16-16 หรือ 15-15-15
ทุกๆ เดือนๆละครั้ง พร้อมกับพรวมดินรอบพุ่มต้น ส่วนปุ๋ยอินทรีย์
เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก นำมาปรับปรุงดินเป็นตรั้งคราว


● โดยธรรมชาติ ชบาเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดจัด
ขึ้นได้ในดินทุกสภาพ และมักจะทนแล้งได้ดี






เกร็ดน่ารู้ของดอกชบา
ที่ไม่ธรรมดา !



● ในทางศาสนา ... ชบาเป็นต้นไม้สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร


ศาสนาฮินดู ที่นับถือ "พระพิฆเนศ" เทพประจำวันอังคาร
จะใช้ดอกชบาเพื่อบูชาพระพิฆเนศเช่นกัน


ชาวอินเดีย (ที่นับถือศาสนาพราหมณ์) ทางอินเดียตอนใต้ใช้ดอกชบา
บูชา "เจ้าแม่ กาลี" และ ใช้ร้อยเป็นพวงมาลัยสวมคอ
นักโทษประหาร จึงเชื่อกันว่า คนไทยคงรับเอาอคติการใช้ดอกชบา
ในทางร้าย มาจากชาวอินเดีย ดังได้ถูกกล่าวไว้ในกฎหมายสมัย
โบราณของไทยในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๑

"ใช้ดอกชบาในการประจาน "ผู้หญิงอันร้าย" หรือ"ผู้หญิงแพศยา"
ตัวอย่างเช่น มาตรา ๖..."ส่วนหญิงอันร้ายให้เอาเฉลวประหน้า
ทัดดอกชบาแดงทั้ง ๒ หู ร้อยดอกชบาแดงเป็นมาลัยใส่ศีรษะใส่คอ
แล้ว ให้เอาหญิงนั้นเข้าเทียมแอก..."


จึงทำให้คนไทยไม่นิยมมี หรือ ปลูกชบ กัน













แต่ฐานะของดอกชบาในที่อื่นๆ
(นอกจากไทยและอินเดีย) กลับต่างกัน
มากมาย เริ่มจากมาเลเซีย อินโดนีเซียที่
นิยมนำดอกชบา มาประดับตกแต่งร่างกาย
เช่น ทัดหู หรือแซมผม ยิ่งชาวเกาะต่างๆ
ในมหาสมุทรแปซิฟิก ฮาวาย ตาฮิติ เป็นต้น



ชบายิ่งได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ
สาวๆชาวเกาะในชุดแต่งกายพื้นเมือง
ต้อง มีดอกชบาทัดหูหรือแซมผมเสมอ
จนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ขาด
ไม่ได้ของหมู่เกาะเหล่านี้ไปซะแล้วค่ะ




จากความนิยมดังกล่าวนี้เอง ทำให้มีผู้พัฒนาชบาสายพันธุ์
ใหม่ๆ ที่มีดอกงดงามแปลกตายิ่งขึ้นจนคนไทยรุ่นใหม่ เริ่มหันมานิยม
ปลูกชบาที่มีดอกงดงาม สดใสเหล่านี้กันมากขึ้น และราคาต้น ชบา
พันธ์ใหม่ๆ ก็แพงไม่แพ้ดอกไม้ชนิดอื่นๆ เลยทีเดียว




★ ประโยชน์ของชบา ★

ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน บรรยายว่า..
"ดอกมีสีต่างๆ พันธุ์ที่ สีแดง ดอกและยอดใช้ทำยาได้"



ตำราประมวลสรรพคุณยาไทย และสรรพคุณสมุนไพร กล่าวถึง
เฉพาะการใช้ รากชบา กำหนดให้ ใช้พันธุ์ดอกขาวหรือแดง
ให้ใช้รากสดๆ ตำให้ละเอียดใช้พอกฝี แก้ฟกบวม ถอนพิษร้อน
หากนำไปต้มดื่มช่วยขับน้ำย่อย ทำให้อาหารมีรสชาติดีขึ้น









● หากไม่ยึดติดกฎหมายในอดีต (ที่ยกเลิกไปนานแล้ว)
ชบาก็เป็น " ดอกไม้ที่ทัดหู" ได้งดงามที่สุดชนิดหนึ่ง




ขอบคุณทุกท่าน...ที่แวะมาทักทายกันค่ะ !





Special ThankS :

ข้อมูล จาก ... :-
- //th.wikipedia.org/wiki/%
- //www.doctor.or.th/node/2339
- //www.panmai.com/PvFlower/fl_11.shtml
- //www.ganeshmuseum.com/modules.php?
name=News&file=article&sid=50

● คลิก อ่านเพิ่มเติม www.wikipedia.org/Hibiscus

หรือ www.doctor.or.th