lliliil Work it harder, Make it better, Do it faster, Make us Stronger liilill
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
13 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

กับดักชีวิตชนชั้นกลาง



ก่อนเรียนจบ ผมมีความคิดว่า อยากจะทำงานกลางกรุงเทพ
ใช้ชีวิตหนุ่มออฟฟิศจ๋า ๆ ลัลล่ามีความสุขกับที่กินที่เที่ยวเต็มที่

แต่พอฝึกงานตอนปิดเทอมปี 3 จะขึ้นปี 4 
ผมฝึกงานแถวห้วยขวางครับ ผ่านโพไซดอนทุกวัน 55555
ที่นั่นทำให้ผมเริ่มคิดเลยครับว่า เฮ่ย.....หรือนี่จะไม่ใช่สิ่งที่กูต้องการวะ....



เพราะผมต้องตื่นตี 5 ออกจากบ้านก่อน 6 โมงเช้า
คือเมื่อก่อนผมอาบน้ำนาน 5555 ไหนจะเซตผม ไหนจะคิดว่าจะใส่อะไรไป
แล้วขึ้นมอร์เตอร์ไซต์ไปขึ้นรถตู้ ต่อรถไฟฟ้าที่แน่นจนแทบจะได้เสียกัน
เรียกว่าไม่ต้องจับราวครับ ตัวที่ดันกันไปดันกันมาอยู่แบบนั้น
ไปถึงต้องก่อน 7 โมงครึ่ง ตอกบัตร แล้วไปหาอะไรกินนิดหน่อย
ขากลับบ้านเลิกงาน 6 โมงเย็น ขึ้นรถไฟฟ้าที่แน่นเสมอต้นเสมอปลาย
แล้วต่อรถตู้กลับบ้าน ถึงบ่าย 2 ทุ่ม 2 ทุ่มครึ่ง
วันไหนคิวรอรถตู้ยาว 4-5 ทบ หรือฝนตก ก็ถึงบ้าน 3 ทุ่ม 3 ทุ่มครึ่ง




ขอโทษนะครับ....ไม่มีเวลาทำเฮียอะไรเลยชีวิต! 
กินข้าว อาบน้ำ นอนเลย เป็นแบบนี้ทุกวัน




ตอนทำงานจริง ผมขับรถไปทำงานในกรุงเทพนี่แหละครับ
ความลำบากลดลงมาก จากการไม่ต้องขึ้นๆ ลงๆ รอๆ รถโดยสารสาธารณะ
ไม่ต้องเปียกเวลาฝนตก แต่เมื่อยขามาก ๆ จากรถติดแทน
ก็รู้สึกว่าดีแล้วนะ แต่บังเอิญไม่กี่เดือนต่อมาได้งานใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม
เลยออกเลยครับ
ผ่านโปรฯแล้วออกเลย 555555
มาทำงานที่ปัจจุบัน ซึ่งออฟฟิศเก่าอยู่แถวอารีย์
ก็ดีขึ้นไปอีกครับครับ ใกล้กว่า รถติดหน่อยกว่า ขับชินเส้นทางมากกว่า
ใช้ชีวิตมีความสุขมากตอนอยู่ตรงนั้น แถมงานก็ไม่ได้เข้าออฟฟิศตลอด
ออกต่างจังหวัด หรือชานเมืองเรื่อยๆ ก็ยิ่งไม่ต้องหงุดหงิดรถติดไปกันใหญ่
เลยรู้สึกว่า เริ่มชอบชีวิตรอบนอกมากกว่าชีวิตในเมือง 
แต่เข้าออฟฟิศบ้างประปราย ไปกินไปเที่ยวก็โอเค








ทำงานได้ ประมาณปีนิดๆ ย้ายออฟฟิศครับ!!!
ไปอยู่ตึกใหม่ ที่ใกล้เข้ามาอีก และออกนอกกลางใจเมือง
รถติดพอเป็นพิธี พอหลบหลีกได้บ้างในบางที 
และไม่ได้เข้าออฟฟิศทุกวัน ตอนนั้นเลยรู้สึกว่า แบบนี้มันโคตรดีครับ




ต่างกันยังไงกับตอนอยู่อารีย์ กับที่ปัจจุบัน
อย่างแรกเลยครับ....
ค่าครองชีพ
ที่อารีย์กินทีคือสตาร์ทที่ 55-60บาท บวกน้ำ กาแฟอะไรอีก 
ก็ตกประมาณ 150 บาทต่อวัน หรืออาจจะ 200 บาทได้
แต่ที่ปัจจุบัน มีร้านข้าวบ้าน ๆ อยู่ในซอย เมื่อก่อนข้าวจานละ 35-40
ตอนนี้ขยับตัวมาเป็น 40-45 บาท ร้านน้ำประจำหน้าออฟฟิศริมถนนก็ถูกมาก
แดงโซดา 25 บาท กาแฟธรรมดา 30 ปั่น 35
ร้านอีกร้านแพงกว่าหน่อยก็ 35 บาท ปั่น 40-45 

แต่อะเมซอน อินทนิน ดิโอโร่ หรือเฟรนไชด์ก็มีนะ ถ้าใครอยากกิน
ใกล้ปั้มใหญ่ร้านเยอะ ใกล้ห้างเล็ก ห้างใหญ่ หรือที่แฮ้งเอ้าท์







ยิ่งพอย้ายไปอยู่คอนโด ทีนี้วิ่งน้อยลงเกือบครึ่งครับ
ประหยัดค่าน้ำมันเพิ่มได้อีกพัน
ตอนนี้มาอยู่บ้านใหม่ ก็วิ่งเพิ่มเอา 5555 แต่ไม่ลำบากเลยครับ


ถ้าออกไซต์ โอ้! ข้าวฟรี กินอะไรดีๆ ก็เปิดบิลเอามาวางบิลเอา
หรือถ้างานติดพันต้องทำต่อไซต์ก็หาให้กินครับ
ฟรี! 
ขับรถกลับก็วิ่งยาวๆ ไม่ติดแบบหยุดเลย มุดซ้ายมุดขวาได้ถ้ามีอารมณ์
ตอนนี้เลยตอบโจทย์ตัวเองได้แล้วว่า


อ๋อ กูคงไม่ชอบชีวิตหนุ่มออฟฟิศกลางเมือง




แต่จะว่าไป เวลาไปประชุมกับลูกค้ากลางเมืองผมก็คิดทุกครั้งครับ
ว่าโอ้โห....ต้องเงินเดือนเท่าไหร่วะ ถึงจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ทุกวัน
ร้านกาแฟก็แพง ข้าวก็แพง รถก็โคตรติด







วันนึงผมเลิกงานที่ไซต์ไว ก็แวะไปรับหลานที่โรงเรียน
คือต้องขับออกนอกเส้นทางไปเป็น 10 โลนะครับ โรงเรียนหลานเนี้ย
เวลาเหลือๆ ผมเลยแวะกินข้าวที่ห้างทางผ่าน


ได้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 55  คือ คุ้มค่าความเป็นชานเมืองมากครับ
มี Mixue ไอติมถ้วยละ 40 มีบัตรลดอีก 5 บาท  น้ำมะนาว 20 บาท



โอ้โห! โคตรดี










ห้างนี้พนักงานบริษัทแถวนั้นมากินกันเยอะเลยครับ
สาวออฟฟิศแถวนั้นแจ่มๆ เลย 55555
จังหวะเดินสายตาผมเล่นเห็นว่าเค้าห้อยบัตรพนักงานมากินข้าวด้วย
เลยนึกขึ้นได้ว่า แล้วผมเอาอะไรห้อยคอมาวะ ก็เราไม่ได้เข้าออฟฟิศ

ป๊าดดดดดด  ผมห้อยบัตรรับนักเรียนของหลานมาวะ!!!!!!
เขินมากครับ  แล้วรีบยัดบัตรใส่ไปช่องระหว่างกระดุมเสื้อ 5555


เซ็ง! สาวคงคิดว่ามารับลูก!!!



อีกวันก็แวะเข้าหากินตามปั๊ม
มื้อนี้จบที่ 100 บาท อิ่มกำลังดีครับ
อิ่มกำลังดีที่ต้องขมใจไม่เดินไปเบอร์เกอร์คิง 555555







ดังนั้น ถ้าเห็นผมใช้ชีวิตลักซูรี่
อันนั้นคือ กินเบิกได้นะครับ 5555 







ก็มีแก้วนี้แหละที่ซื้อกินเอง เพราะอร่อยอดใจไม่ได้
แต่ผมก็ซื้อมาแบ่งกับพัทคนละครึ่งครับ ผมจ่าย แล้วกินกัน 2 คน คุ้มอยู่







ไอ่
ไทไทสเลอปี้นี่ก็ดีครับ ถูกกว่า40 บาท แต่...แร๊งงงงแรง
พัทกับผมแบ่งกันคนละครึ่งตอนบ่าย แม่งดีดถึงเย็น 
ไอ่พัทกลับไปดูหนังถึงตี 1 แต่ไอ่ผมน่ะ....5 ทุ่มหลับเหมือนเดิม







นอกจากค่าครองชีพแล้ว
คุณภาพชีวิต นี่ละมั้งครับ
ที่มีผลต่อชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างผม




คุณภาพชีวิตเราอยู่ที่ไหน?

อากาศ.....3-4 ปีมานี่ มาถึงฟดู ค่าฝุ่น กทม ก็ขึ้นเป็นร้อยเหมือนมาตามนัด
โดนอย่างงี้ทุกปี ไม่รู้อายุสั้นลงไปแล้วเท่าไหร่



ภาพล่างนี้ทั้งหมอกทั้งฝุ่น นัวๆ เลย






รถติด.....ผมเคยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ในเส้นทางแค่ 1.5 กิโล
บ้า!!!!! ...ใช่ครับ ผมรถติดอยู่กลางกรุงเทพในช่วง prime time แบบนั้น
จังหวะนั่งเซอะๆอยู่ในรถ ผมมองไปที่รถเมล์ร้อนที่แน่นเต็มคัน ในวันอากาศร้อน
ก่อนที่จะมีคนเริ่มทะยอยลงรถ แล้วออกเดิน ซึ่งเร็วกว่าอยู่บนรถแน่นอน
ในใจผมตอนนั้นคิดว่า เชี้ยเอ้ย....ถ้ากูไม่ขับรถมา กูคงสบายกว่านี้
ในขณะเดียวกัน ผมมองเห็นสายตาคนบนรถมองมาที่รถ
แต่น่าจะไม่เห็นผมนะครับ เพราะฟิล์มมืด เค้ามองเหมือนรู้สึกว่า
เชี้ยเอ้ย...ถ้าอยู่ในรถเย็นๆ นั่งฟังเพลงสบายๆ ก็น่าจะดีนะ 
ตอนนั้นเลยปลงครับ ว่า เออช่างแม่งกุเลือกไม่ได้ ดีเท่าไหร่ที่ไม่ปวดฉี่ 5555







แล้วเราทำงานลำบากลำบนแบบนี้ไปเพื่ออะไร???

ก็เพื่อเอาเงินไปใช้ชีวิตชิลๆ สบายๆ  ในวันหยุด
อย่างผม.....ผมพาหลานออกไปหาที่บรรยากาศดีๆ เล่นของเล่นเนี้ย
แค่ผมกับหลาน 2 คน น้ำคนละแก้ว พร้อมเฟรนฟราย 1 จาน
นี่ก็สแกนจ่ายไป เกือบ 400 บาท ถึงจะได้นั่งชิลๆ ดูหลานเล่น
พร้อมกลับมากินเฟรนฟราย ท่ามกลางวิวสวยๆ อากาศดีๆ 
กินอาหารคุณภาพค่อนข้างดี 






หรือขับรถร่วม 150กิโล เพื่อพาพี่สาวกับหลานไปที่ที่หลานเรียกมันว่า

"ทุ่งหญ้าแสนสวย"
พร้อมเสียค่าเข้าคนละ 50 บาท และอาหารเครื่องดื่มตามกฎอีกคนละอย่าง
เบ็ดเส็ด 500 บาท.....


เหมือนกับที่พี่สาวผมบอก
ว่าทุก วันนี้ทำงานส่งหลานไปเรียนที่ดีๆ ไม่ใช่แค่ซื้อการศึกษา
แต่ซื้อสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้หลานด้วย












นี่คงเป็นกับดักชนชั้นกลางละมั้งครับ
ทำงานหาเงินมาเพื่อซื้อชีวิตดีๆ แค่ไม่กี่นาที
เหมือนความสุข สิ่งสวยงามที่ว่าเป็นปราสาททราย
สร้างขึ้นในวันเสาร์อาทิตย์ แล้วสลายไปเป็นโลกแห่งความจริงในวันจันทร์
ที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป broken แล้ว broken อีก



เพื่อยิ้มปลอมๆ ในวันหยุดอีกครั้ง...







 



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2567 16:13:11 น. 18 comments
Counter : 504 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณSleepless Sea, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณปัญญา Dh, คุณnonnoiGiwGiw, คุณสองแผ่นดิน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณtanjira, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณดอยสะเก็ด, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณmultiple, คุณThe Kop Civil


 
สวัสดียามบ่ายแก่ๆค่ะ น้องปริ๊นซ์

มาลงชื่อก่องงงงง พรุ่งนี้มาอ่านค่าาา
วันนี้โครตยุ่ง กว่าจะได้เข้ามาเย็นย่ำใกล้เลิกงาน


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:16:33:26 น.  

 
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์

ทำงานในกรุงเทพฯก็เป็นแบบนี้ เดินทางทุกวัน อาหารแพง
แต่ออกไซต์งานก็เปลี่ยนบรรยากาศดีนะครับ ถ้าได้เพื่อนดี
ก็ทำงานสนุกขึ้น ขอบคุณน้องปรินซ์ ที่แวะไปที่บล็อกครับ


โดย: Sleepless Sea วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:17:05:37 น.  

 
อ่านช่วงแรก
นึกถึงคนญี่ปุ่นเลยครับน้องปริ๊นซ์
คือ ทำงานหนัก เดินทางเหนื่อย

กรุงเทพนี่ถ้าเสียเวลากับการเดินทาง
ก็ยิ่งเหนื่อยเลย
เพราะรถติดหนักมาก
ใครได้ทำงานใกล้บ้าน
พี่ก๋าว่าโชคดีสุดๆครับ

คำว่า "กับดักคนชั้นกลาง"
ฟังแล้วเหนื่อยเลยครับ 555
แต่ก็เป็นชีวิตที่ดีนะ
สามารถเที่ยวได้ในวันหยุด

พี่ก๋าทำงานมาตลอดชีวิต
แทบจะไม่ได้หยุดไปไหนเลย
ถ้าไม่ติดเรื่องเงิน
ก็อยากถามตัวเองเหมือนกัน
ว่าทำงานหนักแบบนี้ไปเพื่ออะไร 555





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:19:46:45 น.  

 
พี่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในชนบท ปีนึงจะเข้าเมืองหลวงสักครั้ง แค่นั่งรถจากบ้านขึ้นกทม.
ก็6ชั่วโมงแหละ

พอมาเจอ ฝุ่น ควัน รถติดในกทม.นะ พี่นี่แทบไม่อยากขึ้นมาเลย ถ้าไม่จำเป็น

จากบล้อก พี่ชอบอ่านมากกว่าชอบเขียนน่ะสิ ไม่รู้จะเขียนอะไร

ปล.ระวังแฟนรู้ว่าแอบมองสาวนะคะ 555+



โดย: แค่คนธรรมดาไม่พิเศษ (สมาชิกหมายเลข 7915129 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:20:08:52 น.  

 
สังคมเมือง กับ สังคมชนบทต่างจังหวัด ผมเลือกตจว.ครับ


โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:23:04:00 น.  

 
เคยเหมือนกันครับใช้เวลา 1 ชั่วโมงเดินทางได้แค่ 500 เมตร ผ่านไม่ผิดครับ รถติดมาก วันนั้นผมจำได้เลยว่า โบกมอเตอร์ไซด์แล้วไปต่อ BTS เอา รู้มั้ยครับมันเกิดจากอะไร รถถึงติดบ้าเลือดขนาดนั้น

มันเกิดจากมีรถส่งของร้าน 7 มาจอดส่งของ แล้วถนนมี 3 เลน ปิดไป 1 เพื่อสร้างรถไฟฟ้า โดนจอดส่งของ 1 ความบรรลัยจึงบังเกิด


อากาศเมืองไทยแย่ครับ แล้วก็น่าจะเป็นอย่างนี้ทุกปี เดี๋ยวนี้เครื่องฟอกอากาศกลายเป็นของจำเป็นสำหรับทุกบ้านไปแล้วทั้งที่แต่ก่อนมันเป็นเหมือนของฟุ่มเฟือย เราต้องซื้ออากาศหายใจกันแล้ว ค่าไฟก็ขึ้นเอาๆ เราทำงานไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ค่าแรงก็ถูกแสนถูก

แล้วตอนนี้รู้มั้ยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับรถเมล์ผลจากการปฏิรูปของ รมต. คนล่าสุดนำพาความลำบากมาให้ผู้ใช้บริการรถเมล์ได้อีก ด้วยการเปลี่ยนเลขสายรถ แล้วก็ตอนนี้รถหายไปจากระบบ 400 กว่าเกือบ 500 คัน แล้วคิดดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนโดยสารรถสาธารณะ ประเทศไทยขนส่งสาธารณะโคตรห่วยครับ เราต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่า โคตรห่วย ราคาก็แพงแสนแพง รถไฟฟ้าขาเดียว 100 กว่าบาทก็มี อย่าให้พูดครับ เหลาได้อีกยาว

แล้วเราต้องมาดูแลพ่อแม่ ลูกหลาน แล้วคิดว่าคนที่ยังไม่มีลูกหลานเขาจะอยากมีลูกหลานกันมั้ยล่ะ ดูค่ารถสิครับ เลี้ยงตัวเองยังไม่ค่อยรอดเลย

พูดถึงซื้อสังคม ก็เพื่อไม่ให้เจอพวกครูเรื้อนๆ ที่ไม่รู้จักหน้าที่ล่ะนะ วันๆ สอนหนังสือไม่เป็นมัวแต่บ้ากฎระเบียบที่เขายกเลิกไปแล้ว ห้องผมยังตามล่าครูคนหนึ่งอยู่ เพียงแต่ไม่จริงจังกัน ถ้าเจอพวกมันก็ยังอยากจะซัดหน้าครูคนนั้นให้คว่ำ แม้ว่าพวกมันจะมีลูกแล้วก็เหมือนจะยังไม่สามารถล้มเลิกความคิดนี้ได้ อีกอย่างที่คิดว่าไม่อยากให้ลูกเจอคือพวกเด็กขี้ยา ยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ไม่เป็นไร แบบนี้เปรมเลย


ถ้าหากว่ามีเงิน ก็คงไม่ต้องลำบากแบบนี้ครับ ลูกก็ส่งเรียนนานาชาติ ไม่ก็ไปเรียนต่างประเทศไปเลย จะได้ไม่ต้องมาเจอครู Toxic ไร้คุณภาพด้วย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:23:40:08 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:05:57 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องปริ๊น

พี่แวะมาลงชื่ออ่านไว้ก่อนนะคะ
เดี๊ยวสายๆมาคุยด้วยค่ะ



โดย: tanjira วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:6:58:10 น.  

 
ร้านไทไทนั่นน่าสนใจแต่ไม่ยักเคยเห็นปริ้น
ไม่งั้นต้องชิมบ้าง ภาพรองสุดท้ายสวยจริงๆ จ้า
สมควรแล้วที่หลานเลิฟจะชอบเนอะ



โดย: หอมกร วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:7:11:23 น.  

 
สวัสดียามบ่ายค่ะ น้องปริ๊นซ์


ความคิดของเราจะเปลี่ยนไปตามช่วงวัย และประสบการณ์ที่พบเจอมาค่ะ
สิ่งที่เราฝันไว้ กับเรื่องจริง ถ้ามันตรงกันมันจะดีต่อใจมากค่ะ
แต่เมื่อลองแล้วมันไม่ใช่ ก็แยกย้ายเนอะ หาทางออกที่ดีต่อตัวเรา

โชคดีมากค่ะ ที่ที่ทำงานน้องย้ายออฟฟิศ
ที่ใหม่สะดวกในทุกๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องกิน และราคาไม่แพงเวอร์
ได้มีเวลากับครอบครัว ได้ดูแลหลานที่รัก

เห็นแล้วอยากลองร้านไทไทเลยค่ะ พี่ล่ะชอบชาใต้เข้มๆ

กับดักชนชั้นกลาง ทำงานหาเงินมาเพื่อซื้อชีวิตดีๆ
อันนี้จริงค่ะ พี่นี่หมดเงินไปกับการท่องเที่ยว กับเรื่องกินเป้นหลักเลย

ตอนนี้พี่ก็นั่ง broken ทำงานหน้าดำหน้าแดงอยู่นี่หละค่ะ 55555
หยุดวันอาทิตย์วันเดียว อิจฉาคนหยุด2วัน ส-อา
แต่ก็ปลอบใจตัวเองไป ดีกว่าไม่มีงานทำนะเว้ย 555


ไอ้เรื่องชีวิตคนเมื่องเนี่ย มันแล้วแต่คนจริงๆนะคะ
บางคนชอบที่จะมีชีวิตแบบนั้น บางคนชอบที่จะอยู่ ตจว.
พี่ก็เป็นอีกคนที่ถอยหนี กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า
เบื่อรถติด เบื่อผู้คนมากมาย แต่เวลาได้นั่งรถเมล์ช่วงรถติด
แล้วมองชีวิต2ข้างทาง มันคิดอะไรได้เยอะนะคะ

แปดริ้ว10ปีที่ผ่านมานี่ ความเจริญเริ่มมาเยือน รถติดค่ะ เบื่อเลย 5555
แต่พี่เป็นสายแว้น และ สายเลาะ ค่ะ เลยไม่ค่อยอะไรมากกับเรื่องรถติด


จากบล็อก

จริงๆค่ะน้องปริ๊นซ์ พี่นี่เหมือนโรคจิต แต่ถ้าจะพูดให้สวยๆคือ ชาเลนจ์ตัวเอง
ถ้ามีใครเดินเร็วๆอยู่ข้างหน้า จะสปีดไปให้ทันจนแซงเค้าค่ะ
แล้วก็รักษาสปีดไป ไม่ให้เค้าแซง 55555 สนุกดีค่ะ

พี่อ่ะเสียดายอนาคตเด็กๆ สงสารพ่อแม่เค้าเนอะ
นี่คือเหตุผลหลักเลยที่ไม่ให้หลานเรียนเทคนิคค่ะ
แค่เดินเฉยๆก็ตายได้ เรียนสถาบันอื่นดีกว่าค่ะ


โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:15:55:59 น.  

 
สวัสดีครับ

ขอบคุณน้องปรินซ์ที่แวะไปอ่านเรื่องสั้นครับ


โดย: Sleepless Sea วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:17:15:26 น.  

 
กายป่วย แต่ใจไม่ป่วย
พี่ก๋าก็ไม่ค่อยเจอครับ
แต่เคยอ่านประวัติพระเถระบางรูป
ขนาดท่านเป็นมะเร็งลำคอระยะสุดท้าย
ก็ยังรักษาความสงบได้จนสวาระสุดท้ายของชีวิต
น่าทึ่งมากๆครับ

พี่ก๋าเคยไปกรุงเทพช่วงสั้นๆ
1.5 กิโล
รถติด 2 ชั่วโมง
ถ้าลงเดินก็ถึงบ้านแล้ว 555

พี่ก๋าโตมากับร้านนี้จริงๆครับ
ให้ทำอย่างอื่นก็คงไม่รู้จะทำอะไร
จริงๆอยากลองทำอย่างอื่นนะ
แต่ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:19:37:46 น.  

 
ชีวิตคน กทม ปัญหาใหญ่คือ การเดินทางนี่แหละครับ
ตั้งแต่เรียนหนังสือ จนมาทำงาน ปัญหาขนส่งมวลชนที่ไม่พอเพียง
คนก้ดิ้นรน ซื้อรถ เป็นที่มาของควันพิษ ฝุ่นตามมาอีก

อ.เต๊ะ ตอนเรียนลาดกระบังนี่ ต้องย้ายบ้านจากดอนเมือง ไปอยู่ใกล้ๆ
ไม่งั้นไปเรียนไม่ไหว สมัยนั้น ยังเป็นทุ่งนา นกเอี้ยงบินมาเกาะหลังอยู่เลย เย้ย 555

พอมาทำงานนี่ office อยู่แถวซอยทองหล่อ งานก็แยะ
ต้องทำ ot อยู่บ่อยๆ หลังๆเลยไม่กลับบ้าน นอนที่office มันซะเลย ทำ ot เป็นเดือนๆ
ข้อดีคือ ได้เงินค่า ot มากกว่าเงินเดือนซะอีก
จนผจก ต้องมาขอร้องว่า เอ็งกลับบ้านก็ได้นะ งานไม่ได้เร่งขนาดนั้น555

ข้อเสียคือ รุ่นพี่ senior แกมีแฟนเป็นนักร้อง แถวนั้น
กลางคืนเขียนแบบเสร็จ ก็พากันออกตระเวณไปทั่วทั้งซอย
เช้ามาหน้าเป็น หมีแพนด้าเลยเชียว 555

เรื่องอาหารการกินนี่ก้สำคัญ สมัยหนุ่มๆนี่ อ.เต๊ะผ้อม ผอม คิดว่า
ไม่มีทางอ้วน แน่นอน กินไม่เลือก รุ่นพี่ที่ทำงาน ก็ขยันชวนกันไปกินของอร่อย ที่นู่นที่นี่ ผ่านไปๆ รู้ตัวอีกทีก็พุงพลุ้ยซะแล้ว 555

เรื่องการเดินทางนี่ ต้องยอมลงทุนครับ หาบ้านใกล้ที่ทำงานดีที่สุด ประหยัดน้ำมัน สมัยทำงานสนามบิน นี่ อ.เต๊ะ ก็ย้ายมาอยู่แถวบางเขน พอเค้าจะย้ายไป สุวรรณภูมิอีก โหไม่ไหว
เลยลาออกมาเป็น อาจารย์ นี่แหละครับ ได้สอนแถวรังสิต ยังพอไหว แต่เทอมไหนไปสอนลาดกระบัง ก็ต้องตาเหลือกออกแต่ตี5 เหมือนกันละครับ

เรื่องการได้กินอาหารดีๆ นี่ก็ดี แต่การได้อยู่กับครอบครัว
คนที่เรารัก กินข้างทางก็อร่อยนะครับ

ชีวิตคนเรา แม้จะต้องลำบาก ดิ้นรนแค่ไหน แต่ ระหว่างทาง ความสุขก็มีให้ ค้นหาได้ตลอดทางนะครับ

สู้ต่อไปนะ ทาเคชิ ไอ้มดแดง อิอิ

น้องปริ๊นซ์บอก หูย เก้า เก่า ข้าเกิดไม่ทันอะ 555





โดย: multiple วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:4:52:15 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:4:58:53 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณน้องปริ๊นซ์..

แวะมาทักทายน้องหนูด้วยคะ

น่ารักดีนะคะ



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:11:51:20 น.  

 
บูโคลิกเขาใหญ่ใช่ไหม พี่เป็น FC แอดมินร้านนี้อยู่
มีการนำเสนอเพจเป็นฮาร์ทคอร์ตลกดีมาก 555

พี่ก็ชอบชีวิตรอบนอกมากกว่าชีวิตในเมืองนะ
แต่ทุกวันนี้ ก็เหนื่อยกับการเดินทาง 20 กิโล มาทำงาน
ไปกลับ 40 กิโลเหมือนกัน ดีว่า ขับมอไซค์ได้ นี่ถือ
เป็นสกิลหนึ่งของพี่ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการไปทำงานได้ดีมาก
จากเอารถยนต์ไป ใช้เงินเดือนละเกือบหมื่น เปลี่ยนมาเปนมอไซค์
ค่าน้ำมันอาทิตย์ละ 150 แค่...............
มันเสี่ยงตายกว่ากันแค่นั้นเอง 555

ฝุ่นช่วงนี้โหดร้ายมาก อากาศก็แย่ๆ
พี่เกือบป่วยแนะ แต่นี่ยังรู้สึกว่า
ใส่แมสอื่นๆ แว้นมากทำงานยังไง
ก็สู้ยูนิชามไม่ได้ ก็เลยต้องใช้ต่อไป





โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:13:54:05 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องปริ๊น

วันก่อนอ่านจบหมดเวลาคุยพอดีค่ะ
ชีวิตในเมืองที่ดูวุ่นวาย แต่พี่ว่ามันมีความชอบส่วนตัวซ่อนอยู่นะคะ
พี่ว่าถ้าเราอยู่แบบไม่ต้องปากกัดตีนถีบก็น่าอยู่ค่ะ
เพราะมีความสะดวกสบาย มีทุกอย่างครบจบในที่เดียว
แต่ก็ต้องรู้จักใช้ รู้จักกิน ก็พอไหวมั้งคะ

ในส่วนคนชอบเมืองกรุงอย่างพี่ป่านก็ต้องดูแลตัวเองดีดี บริหารงานเงินดีดีด้วยค่ะ
พี่เลยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับรายได้ของพี่ป่านเค้าค่ะ นอกจากเค้าจะจัดสรรมาให้ด้วยใจเสน่หา

ทุกอย่างคือต้องรู้จักตัวเองและจัดการชีวิตตัวเองได้นะคะ
ถึงจะอยู่รอดปลอดภัยค่ะ

ข้าวหอมเป็นเด็กน่ารักและเก่งเหมือนน้าปริ๊นค่ะ
เด็กๆต้องอยู่กับธรรมชาติไว้ โตขึ้นค่อยไปศิวิไลในเมืองค่ะ
อย่างพี่สาวน้องปริ๊นบอกแหละค่ะ ต้องซื้อสังคมให้ลุก มันใช่เลยค่ะ

จากที่อ่านเรื่องข้าวหอมมาในทุกครั้ง พี่อยากให้ดาริญมีโอกาสได้เรียนรู้แบบข้าวหอมนะคะ
แต่ว่าดาริญอยู่กับปู่ย่าที่คิดคนละแบบกับพี่และน้องป่าน
แต่ก็ยังถือว่าดาริญได้มีอโอกาสดีดีหลายอย่างค่ะ
ถึงแม้ว่าน่าจะได้ดีกว่านี้นะคะ เพราะแม่เค้าพร้อมซับพอร์ตลูกอยู่ค่ะ

แม่เค้าคุยกับพี่ว่าอยากให้ดาริญเรียนโรงเรียนนานาชาติ แต่ปู่อยากให้เรียนโรงเรียนวัดใกล้บ้าน
นี่ก็สุดโตงไปนะคะ งงตรรกะปู่มากค่ะ ล่าสุดบอกไม่อยากให้ดาริญเรียนโรงเรียนอนุบาล
เพราะอาดาริญเรียนโรงเรียนอนุบาลแล้วโตขึ้นมาไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลยจนป่านนี้
เฮ้ยยย ปู่คิดได้ไงหว่ะ พี่บอกกับพี่ป่านว่าตรรกะอะไรของเขาเนี่ย งงจริง

ดาริญเป็นเด็กฉลาดมากค่ะ คอยดูนะ ปู่ย่าเขาตามไม่ทันแน่ๆค่ะ

ข้าวหอมโชคดีนะคะมีน้าปริ๊นที่คอยดูแลอย่างกับลูกตัวเองแบบนี้

ส่วนป้าป่านบอกว่า ดาริญต้องเอาตัวรอดให้ได้ ท่ามกลางคนเลี้ยงที่มีแนวคิดต่างกันสุดโต่งแบบนี้
เราก็ช่วยกันลุ้นค่ะ ให้หลานได้เจอกับสิ่งดีดีสังคมดีดี แม่ดาริญมีอะไรมักจะปรึกษาพี่ป่านค่ะ
เราให้คำแนะนำได้ แต่เขาจะทำตามไหมก็อีกเรื่องนะคะเนาะ

สวนสัตว์แถวเขาใหญ่ที่น้องปริ๊นบอก ดาริญไปมาหมดแล้วค่ะ ป๊ากับแม่เค้าพาไปค่ะ

ต้องรอลุ้นค่ะว่าดาริญจะมีน้องชายไหม?

ฝุ่ยเยอะมากค่ะ เมื่อคืนพี่ป่านบอกว่า ช่วงนี้ให้ WFH แต่ไม่มีใครทำ
พี่ป่านถ่ายรูปส่งมาให้ดูเมื่อเช้า อากาศน่ากลัวนะคะ

น้องปริ๊นอย่าลืมรักษาสุขภาพนะคะ ถ้าไอมาช่วงนี้คงยาวๆเลย
ส่วนพี่ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่ยังมีไอบ้าง






โดย: tanjira วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:15:36:43 น.  

 
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
พี่พลาดบล็อกนี้ไปได้งัย แต่ก่อนข้าวจานละ 10 บาทเอง รถเมล์ 2 บาท ปัจจุบัน ไปไกลแล้ว พี่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเข้าไปในกรุงเทพฯ ตอนเช้าแทบจะไม่มีที่ยืนเลย เบียดกันเท่าที่จะเบียดได้ โชคดีมาก ๆ ที่พี่ทำงานในกรมฯ ปั่นจักรยานไปทำงาน 3 นาทีถึงละ
สมัยพี่จบใหม่ ๆ จะบรรจุเข้ารับราชการ ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ เลย อยากไปต่างจังหวัดไกล ๆ กลับบ้านก็ได้ ปรากฏว่าย้ายไม่ได้ พออยู่กรุงเทพฯ นาน ๆ ไป กลายเป็นชินและดันชอบซะงั้น 555
พอรถไฟฟ้าผ่านหน้ากรมฯ การเดินทางเข้าในเมืองของพี่ สะดวก สบายกว่าแต่ก่อนเยอะเลยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:16:06:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




* Engineer
* Guitar trainer
* Casual gamer



space
space
space
space
[Add จันทราน็อคเทิร์น's blog to your web]
space
space
space
space
space