จินตนาการจากความว่างเปล่า
Imagination from the emptiness
Group Blog
 
<<
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
11 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

ชื่อเสียงบนกระดาษ

" Try not to become a man of success
  but rather to become a man of value. "

-- Albert Einstein


ช่วงเดือนก่อนมีเพื่อนของคุณพ่อเอาหนังสือพิมพ์มาให้ (ไทยรัฐ) ก็งงๆ ว่าเอามาให้ทำไม เลยพบว่า อ้าวมีข่าวไร้นามลงหนังสือพิมพ์นินา (หน้าข่าวสังคม ลงทั้งภาพ ทั้งชื่อ ทั้งนามสกุล) ยังงงๆ อยู่ว่าใครเอาไปลงแล้วรู้ชื่อนามสกุลจริงเราได้ไง พอไร้นามเอามาดูเสร็จก็วางทิ้งไว้ตรงมุมตู้หนังสือ อาทิตย์ก่อนเพื่อนแวะมาเที่ยวบ้าน แล้วก็คุยกันเรื่องลงหนังสือพิมพ์ (คือเพื่อนก็มีข่าวลงหนังสือพิมพ์) ก็เลยหยิบให้ดูหน่อยว่าแปลกดีที่ใครก็ไม่รู้เอาชื่อไร้นามประกอบรูปไปลงแล้วก็เอาไปไว้ที่เดิม (ซึ่งมีหนังสือ ฯลฯ วางทับอยู่ก่อนดึงออก) เพื่อนก็โวยวายใหญ่ ว่าทำไมไม่ดูแลดีๆ ไม่ตัด/ไม่เอาไปเคลือบเหรอ?

แต่ทุกวันนี้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ก็ยังกองอยู่ตรงนั้น... และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไร้นามทำอะไรประมาณนี้ จำได้ว่ามี column นึงลงหนังสือพิมพ์ มติชน สมัยจบใหม่ๆ (ประวัติที่จบได้ที่หนึ่งมหาลัยอะไรประมาณนั้น) ลงรูป ลงภาพ ลงประวัติ เป็นมุมพิเศษ พออ่านหนังสือพิมพ์เสร็จ... แล้วมันก็ผ่านไปหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ (ไม่ได้เก็บไว้)... สัมภาษณ์ออก ITV สมัยก่อนโน้นก็ไม่ได้อัดไว้ (จริงๆ คือไม่ได้มาตามดูด้วยซ้ำ แหะ แหะ) ฯลฯ...

มีใครบ้างไหม ที่เรียนจบ PhD จากเมืองนอกมา แล้วเผลอเอาใบปริญญาบัตร (ปริญญาโท & เอก) รวมไปกับขยะทิ้งไป? เพราะไร้นามเห็นปริญญาเป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งจริงๆ (ความรู้/กระบวนการคิดอยู่ในหัว) จำได้ว่าตอนเข้างาน (พอดีไม่ได้สมัครงานแต่โดนเรียกมาเพราะรู้จักกันอยู่แล้วเลยไม่ต้องใช้ใบปริญญา) แต่สุดท้ายตอนเซ็นต์สัญญาเข้างานต้องเอาใบปริญญามาให้แผนกบุคคลเก็บเป็นหลักฐาน ตอนนั้นวุ่ยวายเลย เพราะต้องเขียนจดหมายไปขอให้เคมบริดจ์ออกใบปริญญามาให้ใหม่ (ซึ่งปัจจุบันนี้ - วันก่อน รื้อๆ กองเอกสาร ก็เจอใบปริญญาเอกแทรกอยู่ /ขนาด A4 รวมกับพวกเอกสารธรรมดา ^^') ใครๆ ก็บอกว่าปริญญาเอกเลยนะ ให้เอาไปใส่กรอบแขวนไว้เลย ไร้นามก็ยังรู้สึกเฉยๆ และก็เอาปริญญาเอก โท กองรวมกับกระดาษพวกนั้นต่อไป...

น้องๆ ที่บริษัทและพวกเด็กๆ วงการคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบันตอนนี้ดูจะเห่อๆ การสอบใบ certificate ไร้นามเห็นแล้วสะท้อนใจยิ่งนัก เพราะเป็นการท่องตำราไปสอบ ใครท่องได้ ก็สอบได้ แต่การปฏิบัติจริง... ก็ต้องว่ากันอีกที... พอถามไปว่าได้ใบ cer แล้วดียังไง... หลายๆ คนก็ตอบว่าเป็นที่ยอมรับ (?) ไม่รู้เด็กๆ รุ่นหลังจะรู้ไหม ว่าคนดังในวงการคอมพ์เรานั้น ไม่ค่อยสนใจพวกนี้เลย (นอกจากอยากไปทำงาน consult) เช่น Bill Gates ก็ทิ้งปริญญาไม่เรียนตรีให้จบเลย ออกไปทำงาน, พวกคนที่ invent ระบบคอมพ์ต่างๆ ของโลกเช่นเพื่อนๆ ของไร้นามที่ทำงานกันที่ Microsoft Research Lab เคมบริดจ์ หรือ เพื่อนที่สถาบันวิจัยอย่าง Cambridge MIT Institute หรือเพื่อนสมัยฝึกงานเอกชนที่ IBM UK ที่ไร้นามได้พบได้เจอมาเค้าก็ไม่ได้ห่วงสอบใบ cer หรือห่วงหารับคนมีใบ cer เข้าไปทำงาน แต่เค้าคนหาคนที่ "รู้" มาสร้างงานใหม่ๆ หรือทำงานที่มีให้ work ได้ออกมา...

กลับมาเมืองไทยหลายๆ ครั้งไร้นามรู้สึกเบื่อๆ กับสังคมที่เห็นกระดาษ ดีกว่าการพิสูจน์ด้วยความสามารถ บางคนก็บอกว่าถ้าไม่มีกระดาษที่รับรองอะไรเลย จะรู้ได้อย่างไรว่าคนๆ นั้นมีความสามารถ? แต่ไร้นามอยากถามกลับกัน... สำหรับคนที่มีกระดาษมากๆ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคนๆ นั้นมีความสามารถในภาคการปฏิบัติจริง? ไร้นามชอบสังคมที่คนเรารักจะทำอะไรก็ทำจนเชี่ยวชาญจริงๆ และอยู่กับมัน แล้วคนอื่นเมื่อเจอปัญหาที่ความเชี่ยวชาญเค้าจะช่วยเหลือได้ก็เชิญให้มาช่วยเหลือกัน ถ้าเป็นแบบนี้ความรู้มวลรวมของไทยจะแข็งขึ้น แต่สังคมไทยเรากำลังสร้าง เด็กรุ่นใหม่ ที่สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจากการสะสม 'กระดาษ' แล้วนำมาใช้อ้างขอมาแก้ปัญหาด้วยมีวุฒิ แต่พอปฏิบัติจริง หลายๆ คนที่มีกระดาษรับรองว่าผ่าน cer อันนี้ อันนั้น ก็กลับแก้ไม่ได้ คราก่อนมีปัญหาระบบใหญ่มากระบบหนึ่ง เรียกคนที่มี 'กระดาษ' เยอะมากสุดในเมืองไทย มาทำงานเรียกมาลองหลายคนค่าแรงต่อวันเหยียบแสน! กลับแก้ไม่ได้ ไร้นามเดินไปถามคำถามง่ายๆ ที่คนที่เคยทำงานด้านนี้ในชีวิตประจำวัน ต้อง "รู้" กลับตอบว่า ขอโทษนะครับ... ผมไม่คุ้ยเคย... พอเรามี idea อะไร ก็... ประมาณอย่าลองเลยครับ ทฤษฏีมันห้ามไว้... เสื่อมศรัทธาไปเลย... (แล้วจะจ้างผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งด้านนี้มาทำไมให้เสียเงิน ซื้อตำรามาศึกษาเองทำเองดีกว่าไหม!)... สุดท้ายก็ตัดสินใจทำนอกทฤษฏีก้นเองเตะไอ้พวกนั้นออกไป (หลายบริษัท)... ทุกอย่างก็ work... นี่หรือสังคมวงการธุรกิจคอมพิวเตอร์เมืองไทย รู้อะไรกันแค่ผิวๆ สะสมกันแต่กระดาษ สร้างชื่อเสียงด้วยกระดาษ ทำงานได้ตามตำรา/ทฤษฏี อะไรนอกคอก ไม่กล้าทำ (ไม่กล้าลอง ไม่คิดจะลองหลายๆ วิธีก่อนไปอาสาทำงานให้คนอื่น)

แต่ก็ยอมรับว่ามีหลายๆ คนที่แหวกแนวออกมา คนไทยเก่งๆ จริงๆ โดยไม่ยึดติดกับกระดาษก็มี หรือโดยมีกระดาษติดตัวมาตามความสามารถก็มี แต่สังคมไทยเรากำลังทำให้วงการทั้งวงการต้องเสียชื่อโดยการออก 'กระดาษ' กันเกลื่อนกราดให้กับคนที่ทำงานไม่เป็น (ทำ"ได้" กับ ทำ"เป็น" นั้นไม่เหมือนกัน) แต่มีแรงอ่านตำรา และ มีตังค์สมัครสอบใบ cer ออกมาในตลาดแรงงานอย่างมากมาย ถ้าระบบของไทยเรายังเป็นแบบนี้ต่อไป แล้วถึงวันนึงศรัทธาต่อ 'กระดาษ' ที่มากมายนั้นๆ มันจะด้อยค่าลง ด้วยเพราะตัวกระดาษมันนั้นเองจะลดคุณค่าตนเองไป...

มองไปในโลกลวง
มีบ่วงหลอกลุ่มหลง
ตรากฏเกณฑ์ปักลง
สร้างพงให้หลงเดิน

กระดาษก่อชื่อเสียง
ก็เพียงสิ่งผิวเผิน
ความรู้ช่างหมางเมิน
สรรเสริญเพียงแต่เงา

ทำงานด้วยใจรัก
รู้จักใช่ไหมเจ้า
ศึกษาสร้างค่าเรา
ให้เท่าที่พึงเป็น

เพื่อเกิดภาคภูมิใจ
อยู่ไหนคนจะเห็น
ถึงค่าที่คุณเป็น
ซ่อนเร้นในตนเอง




 

Create Date : 11 กันยายน 2550
27 comments
Last Update : 11 กันยายน 2550 22:42:30 น.
Counter : 659 Pageviews.

 

ผมชอบคุณ
ผมเรียนมาน้อย
ผมอ่านแล้วซึม
แค่นี้

 

โดย: สกายโดง IP: 61.7.165.33 11 กันยายน 2550 22:48:11 น.  

 

many people tend to go about life superficially. and the society here tends to reward them, superficially also. that's why we've singers who cannot really sing. actors who don't know acting. chemists who do not understand chemistry. and the list go on unending...

it's a world of "ลิเก...", if i get myself right.

 

โดย: alejandro IP: 58.9.101.214 11 กันยายน 2550 23:56:40 น.  

 

--- คุณสกายโดง ---

บทความไร้นามทำผู้อ่านซึมเลยเหรอคะ แย่จัง ^^'


--- คุณ alejandro ---

That's the sad truth of our society T_T

 

โดย: ไร้นาม 12 กันยายน 2550 18:03:31 น.  

 

อุ๊จ๋า

เห็นด้วยจ้า กระดาษใบเดียว(หรือหลายๆใบ)ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

ความรู้จริง คือความรู้ที่เป็นประโยชน์ สามารถนำมาช่วยผู้อื่นทีีมีปัญหาได้ ลดอัตตาตัวตนพร้อมสร้างบุญ หากความรู้นั้นมีไปเพื่อเพิ่มอัีตตาตัวตนและสร้่างบาป สู้อยู่เฉยๆดีกว่า


คิดถึงจ้่า อืม...ยุ่งๆนะช่วงนี้

 

โดย: เป่าจิน 13 กันยายน 2550 8:57:34 น.  

 

เห็นด้วยอย่างยิ่ง

คิดถึงจัง ฮือ ๆ

 

โดย: ชาบุ 13 กันยายน 2550 16:39:11 น.  

 

คนที่ anti การสอบ cert. โดยส่วนใหญ่แล้ว จะไม่เคยสอบ cert. และไม่มีใบ cert. ครับ จะมีเป็นส่วนน้อยที่เคยสอบ cert. แล้วตอนหลังรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น (ด้วยเหตุผลว่า มันเป็นเรื่องธุรกิจมากกว่าการศึกษา)

คุณไร้นามลองสอบ cert. ดูซักใบสิครับ cert. ก็มีหลายระดับครับ มีง่ายมียาก ความคิดอาจจะเปลี่ยนไปครับ :)

cert. บางตัวได้รับการยอมรับอย่างสูงยิ่ง เช่น PMP (Project Management Professional) ของสถาบัน PMI ใครมี PMP ต้องเก่งจริง ๆ ครับ แค่คนที่มีคุณสมบัติจะสอบได้ ต้องเป็น Project Manager มาอย่างน้อย 3 ปี (แต่ถ้าจะโกงก็อีกเรื่องนึง)

งานบางอย่าง เช่น ด้านการเงิน บางตำแหน่งต้องมี cert. เท่านั้นครับ ถึงจะทำได้

cert. มันมีหลายมุมมองครับ บางใบเค้าก็มองว่าคล้าย ๆ ใบประกอบโรคศิลป์ของแพทย์แหละครับ ว่าต้องมีถึงจะทำงานได้

 

โดย: kengkaj IP: 210.203.179.23 13 กันยายน 2550 22:31:26 น.  

 

เ้พิ่มเติมอีกหน่อย cert. บางตัวก็จะมีกำหนดอายุด้วยครับ ว่า valid กี่ปี เช่น cert. ของ CISCO ก็จะต้องต่ออายุเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการรับประกันว่ามีความรู้อยู่ตามเทคโนโลยีที่อัปเดต

หรืออย่าง PMP พอได้มาแล้ว ก็ต้องทำงานส่งตามที่กำหนดไปเรื่อย ๆ ครับ เพื่อรักษาสถานะของ PMP ไว้ได้ ไม่แน่ใจว่าทุกปีรึเปล่า เป็นต้น

อีกอย่างคุณไร้นาม อาจจะไม่เข้าใจ (อย่างแ้ื้ัท้จริง) ว่า cert. มันคืออะไร คนมี cert. ไม่ได้แปลว่าเป็นคนเก่งนะครับ เพียงแค่บอกว่าคนที่มี cert. นั้น "มีความรู้ผ่านเกณฑ์หนึ่ง ๆ" ตามแต่ที่ข้อสอบ cert. ใบนั้นจะทดสอบครับ

คือ แค่มีความรู้ผ่านเกณฑ์ครับ คนสอบ cert. ผ่าน 10 คน อาจจะมีแค่ผ่าน เก่ง เก่งมาก เก่งสุด ๆ ปน ๆ กันไปครับ
ก็เหมือนเรียน ทำงานแหละครับ เรียนก็จบทุกคน ทำงานก็ตำแหน่งเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งเท่ากันหมดทุกคน

ถ้าคิดว่ามี cert. แล้วน่าจะเก่งคงไม่ใช่แล้วล่ะครับ มันเป็นแค่ตัวยืนยันอย่างหนึ่ง ว่าคนที่มี มีความรู้ความสามารถระดับหนึ่งครับ (ผ่านเกณฑ์ที่ cert. ใบนั้นกำหนด)

 

โดย: kengkaj IP: 210.203.179.23 13 กันยายน 2550 22:38:38 น.  

 

--- เป่าจิน ---

ดีจ้า (ความเห็นเรื่องอัตตา)


--- ชาบุ ---

ว่างๆ นัดกินข้าวกันเถอะนะ (จะว่างไหมเนี่ย ^^')


--- คุณ kengkaj ---

มีแวะมาชวนให้ลองไปสอบ cer ด้วย

มีหลายใบแล้วค่ะ เคยไปเป็นทีมร่างข้อสอบ cer อันนึง
ด้วยค่ะ (สมัยเป็น Post Doc Fellow อยู่ที่ต่างประเทศ)
พอดีตอนนั้นไปร่างหลักสูตรการเรียนการสอนให้กับ
มหาวิทยาลัย MIT (ที่อเมริกา) ก็เลยมีเพื่อนที่โน่นชวน
ออกข้อสอบในหัวข้อที่เชี่ยวชาญหน่อย (แต่ขออนุญาติ
ไม่บอกว่าเป็นข้อสอบของ cer ใบไหน)...

ไม่เคยคิดว่าคนที่มี cer นั้นเก่ง เพราะถ้าทฤษฏีแม่นก็ได้
แต่มีหลายๆ คนคิดแบบนั้นยิ่งตอนนี้มีมหาลัยๆ นึง
(ไม่ขอเอ่ยนาม) ให้ปริญญาโท กับคนที่ได้ cer สองใบขึ้น
ไป โดยไม่ต้องทำงานวิจัยนี่คือค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้นเป็น
กระแสใหม่ขึ้นมาในเมืองไทย ที่เห็นแล้วสะท้อนใจนัก...

 

โดย: ไร้นาม 14 กันยายน 2550 15:38:49 น.  

 

ถ้าสอบ cert แล้วได้ปริญญา นี่ผมว่าก็แย่นะครับ เหมือนกับมหา'ลัยไม่ต้องเหนื่อยเลย ให้ไปสอบ cert ที่สถาบันอื่นคิดข้อสอบ ก็ให้ปริญญานักศึกษาได้ อาจารย์ก็สบายไป ไม่ต้องทำงานสร้างคน

เรื่อง cert ปัญหาใหญ่อยู่ที่ มันจะมีพวกข้อสอบหลุดออกมา แล้วก็จะท่องข้อสอบไปสอบกัน บางคนสอบ cert ได้คะแนนสูงมาก โดยไม่มีความรู้เลยก็มีครับ
เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก แต่คนที่สอบ cert ผ่านโดยความสามารถจริง ๆ ผมว่าก็ ok นะครับ การสอบผ่านก็แสดงว่ามีความรู้ระดับที่ผ่านเกณฑ์ครับ

 

โดย: kengkaj IP: 58.10.155.213 14 กันยายน 2550 17:56:26 น.  

 

...miew, miew, miew.

 

โดย: alejandro IP: 58.9.97.201 14 กันยายน 2550 21:39:22 น.  

 

in this blue planet, all is based on "assupmtion"

we have our own condition, known as culture,

if passing, you win,

if not , then, you loose

just the name of the game we play

that's why the lord said more than twentyfive hundred years that

all stuff is unsustainable, suffering, without any real thing.

hence, that's why we have learnt about NIRVANA since our kindergarten, up to now.

by the way, read a lot of LW201, you will find a lot of interesting thing (in addition, do not concern with the author of the text, he's quite freak)

( first to be test in 1/50 is LW411 this coming 27 September, r u ready ?)

 

โดย: khon na derm IP: 203.170.231.230 15 กันยายน 2550 9:46:21 น.  

 

แวะมาเยี่ยมค่ะ ....
ไม่ได้แวะมาสักพักแล้วเห็นจะได้ ...
หวังว่าคงสบายดีนะจ๊ะ ....
เรืองที่เขียนไว้ย๊าววว ยาว เดี๊ยวต้องย้อนขึ้นไปอ่านอีกรอบ อิอิ....

 

โดย: naragorn 15 กันยายน 2550 11:54:35 น.  

 

พูดยากนะครับ
หากคุณจะมองคนหนึ่งคน สัมผัสแรกจะมองอะไร คงหน้าตา บุคคลิก
แล้วหากต้องเลือกมาทำงานด้วย คงต้องดูกระดาษนี่แหละครับ ไม่ว่าปริญญา ใบเกรด และข้อความในใบสมัคร

หลังจากนั้น คงพูดคุย

และเมื่อมาทำงาน ก็ต้องสัมผัสกันเรื่อยๆ กระดาษข้างต้นจะหมดความหมาย แต่กระดาษที่เป็นผลงานจะสำคัญกว่า คงไม่มีใครมาถามเกรดเรา ตอนทำงานไปแล้วห้าปีมั้งครับ

คบกันใช้ใจครับ ไม่ใช่กระดาษ

เข้ามานี่เพราะชอบชื่อคุณครับ หนังจีนดี

 

โดย: คนขับช้า 15 กันยายน 2550 14:32:19 น.  

 

--- คุณ kengkaj ---

จริงค่ะ ;)


--- คุณ alejandro ---

miew miew?


--- คุณ khon na derm ---

Today my LW432 just close the class (2 wks earlier)
Time flies so fast!... Exam period comes again!


--- คุณ naragorn ---

เขียนยาวจริงๆ ค่ะ อิอิ


--- คุณ คนขับช้า ---

ส่วนตัว "บ้า" หนังจีนเลยค่ะ เด็กๆ งี้ต้องรีบกลับจากโรงเรียน
มาดูหนังจีนกำลังภายใน (ช่องสาม) เดี๋ยวนี้ทำงานวันไหน
เปาบุ้นจิ้น
ตอนอวสานแต่ละคดี ก็จะพยายามรีบมาดูตอนสุดท้ายให้ทัน (ทั้งๆ ที่ดูแล้ว)

 

โดย: ไร้นาม 15 กันยายน 2550 20:00:41 น.  

 

I have taken 432 this semester

Arjarn says 2 on Arbitration Act 2002 AD : arts. 7/9/12/13/14/16/17/19/23/24/25/29/30/34/35/37/39/41/42/43/44/45 and take a close look at arts. 11+40

1 on payment condition : letter of credit, collected bill of exchange and - what's that - trust receipt ?

1 on international trade : InCoTerm 2000 AD, exwork, free on board, cost insurance freight, ddp?
transfer of ownership + risk ?


Ha, ha, this is an elective subjcet, however, there's a number of item to familiarize / wish to have a G like 420

 

โดย: khon na derm IP: 124.120.72.182 16 กันยายน 2550 11:46:13 น.  

 

บอกตามตรงว่าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับใบปริญญาเท่าไร ตอนนี้ก็วางแหมะๆไว้ในตู้ แต่ให้ความสำคัญกับใบเกรดหรือใบ cer ที่ว่าให้ความสำคัญก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะสังคมที่ฉันต้องไปสมัครงาน เขาเองก็มองตรงจุดนี้

สังคมยังเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ เราอยู่ในสังคมก็ต้องดิ้นตามไป แต่ไม่ได้ลืมว่าอะไรคือแก่นของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เพราะเห็นด้วยว่าถึงมีมากต่อมาก แต่ถ้าไม่ได้มีความรู้เป็น back-up อย่างจริงๆ ก็ไม่รอดนะ

 

โดย: cottonbook 16 กันยายน 2550 17:38:22 น.  

 

--- K. khon na derm ---

Surprise! So we studied the same subject ;)


--- K. cottonbook ---

That's true... we live in the society of certificates ^^'

 

โดย: ไร้นาม 16 กันยายน 2550 18:41:14 น.  

 

as for LW201, i was told by my private tutor, a freak also this one, we should read a book by อาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์. i believe him but i haven't read it yet. some days, perhaps.

by the way, i already passed LW201 with a "G". oh my god, did i say that? self congratulation could be a sin. Mi Madre Maria! Madre de Dios!

 

โดย: alejandro IP: 58.9.94.230 18 กันยายน 2550 0:52:10 น.  

 

--- K. alejandro ---

Wow... "G" in LW201. You must be very genious then ;)

 

โดย: ไร้นาม 20 กันยายน 2550 23:20:58 น.  

 

...but after that i've to repeat every courses for several times i.e. lw 203 i failed times already, lw 103 i took the exams for 4 times before i could pass.

so, i wonder the G i got from lw201 could have been a mistake of the prof., but promise me, don't tell any body about this, especially the prof.

 

โดย: alejandro IP: 58.9.96.116 25 กันยายน 2550 2:22:07 น.  

 

ธรรมชาติของคนทุกคนย่อมอยากจะได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ
คนบางคนก็อยากจะได้กระดาษ เพื่อให้ได้รู้ว่าตัวเองได้รับการยอมรับ ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านั้น
สำหรับบางคนกระดาษที่คุณเหยียดนั้น เป็นเครื่องช่วยปลอบใจให้รู้ว่าเรายังมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้

คุณคงต้องการแสดงออกว่า คุณเป็นพวกที่ไม่ได้ยึดติดสิ่งจอมปลอมเยี่ยงคนอื่นไนสังคม เป็นคนที่เอาจริงเอาจัง ไม่ไร้สาระ จนดูเหมือนคนที่มองผลลัพธ์เป็นสำคัญมากกว่าวิธีการ
ควรจะระวังการยึดติดกับอัตตาของตัวเอง จนมองข้ามความเป็นปุถุชนของคนรอบข้าง

 

โดย: Dust In The Wind IP: 125.25.129.65 25 กันยายน 2550 10:11:47 น.  

 

--- K. alejandro ---

Same here ka (repeat test many times)


--- K. Dust in the Wind ---

เป็นเรื่องควรระวังจริงๆ ค่ะ
รับทราบค่ะ :)

 

โดย: ไร้นาม 1 ตุลาคม 2550 16:07:51 น.  

 

บอกตรงๆ ค่ะคุณเป็นคนอัจฉริยะ จนไม่กล้าคุยด้วย
แต่อดภูมิใจที่คุณเป็นคนไทย ไม่ได้อยู่ดี เพราะบ้านเมืองของเรา สังคมของเรา ต้องการคนคุณภาพเช่นคุณ

ถ่ายทอดมาเถอะนะคะ ถ้าจะมีคนผ่านมาเจอคุณ ทุกคนคงจะได้รับแต่สิ่งดี ดิฉันเองรู้และผ่านอะไรมาน้อย แต่สิ่งต่างๆ เรื่องราว มีประโยชน์และมีค่ามากมายต่อผู้อื่น

ถ้าจะแวะมาฉกฉวยสิ่งดีดีๆ(เรื่องราวดีๆ) อย่าว่ากันนะคะ

น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเด็กและเยาวชนสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งจริงๆ ในตัวตนของคุณ คือ ความเป็นไทย ชื่นชมนะคะ
หลายเรื่องราวของมีความเป็นไทยแท้แทรกอยู่ ทุกอณู

จากท่อง บล๊อกมา คนมีความสามารถอย่างคุณบางคนไม่อยากเขียนภาษาไทยให้เราได้เก็บเกี่ยวสิ่งดีดี ขอบคุณมากที่แบ่งปัน

 

โดย: โมกสีเงิน 3 ตุลาคม 2550 16:12:03 น.  

 

--- คุณโมกสีเงิน ---

เขินสุดๆ เลยค่ะ

ถ้ารู้จักกันดีๆ ไม่ได้เป็นคนอัจฉริยะอะไรหรอกค่ะ ค่อนข้างจะต๊องๆ ซนๆ นิดๆ ด้วยซ้ำ ที่ดูไทยๆ คงเป็นเพราะเป็นคนชอบเจ้าบทเจ้ากลอนแบบไทยๆ พอควร

ขอบคุณที่แวะมาเยือน และฝากข้อความดีๆ ไว้นะคะ

 

โดย: ไร้นาม 3 ตุลาคม 2550 21:39:30 น.  

 

เป็นคนนึงที่ไม่ชอบระบบ "กระดาษ" เลยเอาใบปริญญากับรางวัลต่างๆ ไปไหนแล้วไม่รู้

แต่ที่ บ. ก็รับคนเข้ามาใหม่ด้วยใบ "กระดาษ" จนเกิดปัญหาทำงานกันไม่เป็นแม้ว่าจะผ่านมาเกือบปีแล้วก็ตาม ทำให้คนทำงานอย่างเราท้อแท้ เลยอยากลาออก (อิอิ) เพราะมันคงเปลี่ยนแปลงระบบ"กระดาษ" ไม่ได้ง่ายๆ

แต่ตอนนี้กำลังพาตัวเองเข้าสู่วงจรที่ว่า เพราะประสบการณ์ 4 ปีที่ทำงานมา ตลาดแรงงานก็ยังถามหาใบ "กระดาษ" อยู่ดี อนิจจัง

ปล.กำลัง google หาข้อมูลเรื่อง cert ต่างๆ แล้วผ่านมาเห็นที่นี่เข้าค่ะ

 

โดย: plaKAHO IP: 58.8.85.76 12 กรกฎาคม 2551 21:57:54 น.  

 

ชอบสิ่งที่คุณแสดงความคิดเห็นจังเลยครับ คราวหน้าขออนุญาติคุยด้วยได้ใหมครับ ?
midror@hotmail.com

 

โดย: พเนจร IP: 118.173.254.223 20 สิงหาคม 2551 16:08:31 น.  

 

--- คุณ plaKAHO ---

ดีใจที่มีคนเห็นเหมือนกันค่ะ


--- คุณพเนจร ---

คุยกันได้ตามสบายเลยค่ะ

 

โดย: ไร้นาม 2 ตุลาคม 2551 21:51:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไร้นาม
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]





"อ่านคนอ่านที่ความคิด
หาใช่ชื่อเสียงเรียงนาม"
Friends' blogs
[Add ไร้นาม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.