จินตนาการจากความว่างเปล่า
Imagination from the emptiness
Group Blog
 
 
เมษายน 2556
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 เมษายน 2556
 
All Blogs
 

เส้นทางก้าวเดิน

อาทิตย์ก่อนมีลูกน้องเก่าแสนน่ารักแวะมาเยี่ยมที่บริษัท เจอกันแล้วคิดถึงทีเดียว ลูกน้องคนนี้เป็นลูกน้องคนสนิทสายตรงของฉันที่ทำงานด้วยกันมา 7-8 ปี ตอนมาลาออก มาด้อมๆ มองๆ ที่โต๊ะฉันทำท่า เขินๆ แล้วก็พูดประโยคที่ทำให้ฉันมึนคือ "พี่อุ๊อย่าโกรธนะ" (คือฉันมึนว่าฉันต้องโกรธทำไม?) คือมี story นิดหน่อยว่าน้องเค้าจะลาออก ฉันก็ไปคุยกับผู้ใหญ่ขอให้เค้าได้เงินเดือนขึ้น(เพราะน้องคนนี้เก่งและฉันก็อยากดึงไว้ถ้าเป็นไปได้) แต่สุดท้ายก็มีปัญหานิดหน่อยแล้วน้องเค้าก็เลือกออกเพราะอีกที่ให้โอกาสในชีวิตเค้าดีกว่า ฉันก็เข้าใจ ฉันก็บอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ไปได้เลย เพราะแต่ละคน มีเส้นทางชีวิตของตัวเองให้ก้าวเดิน และฉันก็ดีใจ ที่เค้าได้มีโอกาสชีวิตที่ดีๆ รอให้เค้าก้าวต่อไป (ก็น้องคนนี้ได้ offer ตำแหน่งดีๆ เงินเดือนดีๆ ในบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกนี่นะ < คนวงในคงรู้แล้วสินะว่าพี่อุ๊เขียนถึงใคร อิอิ)

ฉันทำงานมาหลายปี มีลูกศิษย์ ลูกน้องรวมกันพันกว่าคนแล้ว... พบเจอผู้คนมามากมาย... ด้วยความเป็นอาจารย์เราก็อยากเห็นลูกศิษย์ที่เราหลอก เอ๊ย! ไม่ใช่ หมายถึงลูกศิษย์ที่เราปั้นให้ทำงานหนักๆ มากับมือ (อิอิ) เรียนจบไปได้งานดีๆ ในวงการคอมพ์เมืองไทย (หรือวงการอื่นๆ อะไรก็แล้วแต่ที่เค้าจะเลือก) - สำหรับฉัน ลูกน้อง ก็ไม่ต่างไปจากลูกศิษย์ เป็นเด็กๆ ที่ฉันปั้นเหมือนกัน ฉันก็อยากให้เค้าได้อะไรดีๆ ในชีวิตเหมือนๆ กัน (ถึงแม้บางทีในที่ทำงาน ฉันจะมีโหดบ้างอะไรบ้าง หลอกทำงานหนักบ้างอะไรบ้าง ก็ทำตามบทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน ยิ่งพอมีลูกน้อง ของลูกน้อง ลงไปเป็นสาย ก็รับรู้ว่าน้องๆ จะเกร็งๆ เวลาฉันไปคุยเรื่องงานอย่างเป็นการเป็นงาน)


ความฝันของฉันไม่ใช่ว่ามีลูกน้อง อยู่คอยทำงานให้ฉันตลอดเวลา ฉันมีความฝันว่า อยากจะปั้นลูกน้องให้ เจ๋งกว่าลูกศิษย์(ที่ก็ปั้นอยู่เหมือนกัน แต่ลูกศิษย์ก็จะได้ปั้นแค่เทอมหรือสองเทอม) แต่ลูกน้องเป็นคนที่อยู่ด้วยกันหลายปี ก็อยากให้มี Stamp ติดตัวไปเลยว่า คนที่เคยทำงานกับ Dr. Panit พอออกไปที่ไหนในวงการคอมพ์ในประเทศไทยหรือวงการอะไรก็ตามก็ไม่อายใคร (เลยเป็นสาเหตุให้ ลูกน้องฉัน มี workshop ทำงานกลุ่ม โน่นนี่ แก้ปัญหาต่างๆ มีงานเพิ่มพิเศษเป็นระยะๆ นอกเหนือไปจากงานที่ customers/users ปกติ requests มา < ตอนนี้ก็กำลังคิดจะจัด workshop อะไรซักอยากใหม่อีกรอบ เตรียมตัวกันไว้ให้ดีนะ หึหึ)

ความสำเร็จของฉัน ไม่ใช่ว่าเป็นการที่ลูกน้องอยู่ทำงานเบื้องหลังให้ฉันขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตประสบความสำเร็จ แต่เป็นความฝันที่จะผลักน้องๆ พวกนี้แต่ละคนให้เดินไปข้างหน้า ให้โดดเด่นในวิถีทางที่ดี-ที่เหมาะของตนเอง (บางคนอาจถูกผลักแรงไปบ้าง เบาไปบ้างตามสถานการณ์ของแต่ละคน) มีลูกน้องคนนึงถามฉันว่า เค้าไม่เข้าใจแนวคิดของฉัน น้องคนนี้สนิทเลยรู้ว่าฉันถูก head hunter หรือบริษัทอื่นๆ มาตามล่าตัวบ่อยๆ ชวนให้ไปทำงานตำแหน่งใหญ่โต ที่โน่น ที่นี่ หรือเงินเดือนขึ้นมากมาย แต่ฉันเลือกจะไม่ไป ถึงแม้ว่า offer ที่อื่นๆ มันดี เค้างงว่าทำไม?

ฉันก็บอกน้องไปว่า คนเรามีแนวคิดในชีวิตไม่เหมือนกัน หลายคนวิ่งหาความสำเร็จในชีวิต พยายามไขว่คว้าหาเงินทองมากมาย เพื่ออะไร? ถ้าเพื่อเอาเงินหรือความสำเร็จเหล่านั้นไปซื้อความสุข ก็แสดงว่าเค้าไขว่คว้า หา "ความสุข" -- งั้นฉันก็ short-cut กว่าผู้คนเหล่านั้น คือฉันเลือกทำอะไร ที่ฉันมีความสุขสายตรง ฉันชอบทำงานปัจจุบัน เพราะมีหัวหน้าที่ดี มีลูกน้องที่ดี ที่ทำงานไม่ไกลบ้าน ฉันมีเวลาให้ครอบครัว และที่สำคัญคือที่ทำงานให้โอกาสฉันรับงานสอนหนังสือมหาวิทยาลัยข้างนอกที่ฉันชอบ (เคยมีประเด็นในที่ประชุมผู้บริหารของบริษัทฉันเลย คือมีผู้บริหารท่านหนึ่งยกมือถามขึ้นมาว่า ตามหลัก Code of conduct -- จรรยาบรรณในการทำงาน การที่ Dr. Panit รับงานสอนหนังสือข้างนอกอย่างเป็นที่รู้กันไปทั่วบริษัทนั้น ถูกต้องหรือไม่ /ปล. จริงๆ คนถามก็สนิทกัน เป็นการถามแนวหยอกล้อกันเล่นเฉยๆ -- ผู้บริหารในที่ประชุมถามฉันว่า ฉันทำงานเสร็จตามเวลาไหม ตอนนั้น record การทำงานของทีมฉันเสร็จตรงตาม SLA 99.8% และฉันก็ถูกถามว่าฉันใช้เวลางานไปทำงานนอกไหม ฉันก็ตอบว่าวันไหนถ้าชนกับเวลาทำงาน ฉันก็จะใช้วันลาพักร้อนของฉันลาไปเอง แต่ปกติจะพยายามจัดงานนอกให้เป็นนอกเวลางาน -- เลยมีมติที่ประชุมสรุปว่า งั้น Dr. Panit รับงานนอกไม่ผิดจรรยาบรรณ /Yeah)

ถ้าจะว่าไปแล้วการสอนหนังสือกับการทำงานบริหารไปนั้นเกื้อกูลกัน หลายครั้ง นิสิตที่ฉันสอนซึ่งส่วนใหญ่ทำงานที่หลายๆ บริษัท หรือเป็นพวกเด็กๆ เก่ง Technology ก็จะเอาอะไรๆ ทันสมัยในวงการคอมพ์ (ที่เปลี่ยนแปลงบ่อย) มาบอกให้ฉันฟัง ซึ่งหลายเรื่องก็มีประโยชน์กับบริษัทฉันเอง หรือฉันได้เอาประสบการณ์ที่ได้ทำงานอย่างเข้มข้นในชีวิตจริงๆ ไปสอนนิสิต เพราะเรื่องที่เจอในชีวิตทำงานจริงภาคเอกชนมันมีมากกว่าตำราไหนๆ วิชาที่สนุกที่สุดที่ฉันสอน คือวิชาที่ฉันสอนให้นิสิตรวมตัวกัน แล้วตั้ง "บริษัท" ของตัวเอง (ซึ่งนิสิตบางมหาลัย /บางวิชาอาจจะไม่ได้เรียนเพราะจำนวนคน และจำนวนเวลาไม่พอต้องขออภัย)

ฉันอยากให้เด็กๆ ได้ลองทำอะไรยากๆ แล้วในวันที่สำเร็จ เค้าจะภูมิใจกับมัน มีนิสิตบางคนเขียนมาหาฉันหลังจากจบไปหลายปี ว่าวิชาที่ฉันสอน ตอนเรียนเค้าก็เรียนไปอย่างนั้น แต่พอขึ้นเป็นผู้บริหารแล้วพบว่ามีประโยชน์จริงในชีวิตการทำงานของเค้า (ซึ่งฉันฟังแล้วก็ดีใจ ^^) หรือมีน้องที่ทำงานอีกคนที่ออกไปหลายปี พอขึ้นเป็นใหญ่เป็นโต ก็กลับมาพูดคุยปรึกษาโน่นนี่กัน (นึกไปแล้วเมื่อวานนี้เองก็มีน้องโทรมาปรึกษาคนนึง ทำงานที่บริษัทอื่นแล้ว < บอกฉันด้วยประโยคซึ้งๆ ว่า เค้าเจองานยากมากๆ จนไม่รู้ว่าหันไปทางไหนแล้วจะมีใครให้เค้าปรึกษาได้ เลยคิดถึงพี่อุ๊เพราะรู้ว่าพี่อุ๊ให้คำแนะนำเค้าได้แน่ๆ เลยโทรมา ด้วยความเกรงใจสุดๆ ฉันบอกว่าไม่เป็นไร ฉันดีใจออก ที่เค้าคิดถึงฉันในวันที่เค้าเครียดและมีปัญหา แสดงว่าเค้าไว้ใจในคำแนะนำฉันเลยโทรมา ^^)

@}---,---'------

เส้นทางก้าวเดิน
เผชิญต่อไป
ฉันช่วยส่งให้
บันไดต่อทาง

ได้เพียงชี้นำ
เน้นย้ำหลักวาง
ส่งเสริมให้ห่าง
เพื่อสร้างทางตน

เส้นสายชีวิต
ลิขิตก่อผล
ยิ้มแย้มกมล
สร้างคนรุ่งเรือง

@}---,---'------




 

Create Date : 23 เมษายน 2556
0 comments
Last Update : 23 เมษายน 2556 22:14:09 น.
Counter : 1063 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ไร้นาม
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]





"อ่านคนอ่านที่ความคิด
หาใช่ชื่อเสียงเรียงนาม"
Friends' blogs
[Add ไร้นาม's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.