พิมตะวัน ตอนที่08
ตอนที่๘ น้องคนนั้น....



เช้าวันจันทร์ของนักศึกษาฝึกงานตัวสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นเมื่อไอ้คุณชายเชของเพื่อนๆยื้อแย่งผ้าห่มออกจากตัวอีกสามคนที่ต่างก็พากันรั้งเอาไว้สุดชีวิต


ก็เล่นไปเที่ยวกันกว่าจะกลับมาถึงบ้านเช่าที่ตากก็ก่อนเที่ยงคืนไปไม่ถึงสองชั่วโมง แล้วพอมีไอ้แว่นคนหนึ่งมันเกิดฟิตพยายามพาความรู้เข้าหัว ไอ้สามตัวที่เหลือเลยพากันทำพฤติกรรมเลียนแบบ กว่าจะได้นอนกันจริงๆก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปเรียบร้อย ไอ้เรื่องจะให้มาตื่นเช้าตามเวลาแบบนายวิสุทธิ์ อีกสามคนมันก็ไม่มีนาฬิกาปลุกอยู่ตรงปลายลำไส้ใหญ่เหมือนคุณชายแห่งกิจการเช่ารถหกล้อเสียด้วยสิ

ทั้งสี่คนจัดการกับตัวเองและพร้อมจะออกจากบ้านตอนที่เหลือเวลาอีกแค่สิบนาที เครื่องแบบฝึกงานเหมือนกันทั้งผู้หญิงผู้ชายเป็นเสื้อกาวน์สั้นคอวีกระดุมป้ายไปด้านข้าง ปักตราสถาบันเรียบร้อยและชื่อสกุลปักด้วยไหมสีเขียวเข้มที่อกเบื้องซ้าย กางเกงสแล๊คดำและรองเท้าหนังสีดำสนิท ไอ้ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่ยอมลุกจากที่นอนอุ่นๆเป็นคนสุดท้ายยังมีหน้าส่งเสียงบ่นหงุงหงิงอีกว่าไม่มีเวลาแม้แต่จะทาครีมโบกแป้ง ยิ่งอากาศเย็นๆแห้งๆผิวแตกหมดแหง

และด้วยเวลาที่บีบกระชั้น มื้อเช้าของสี่คนเลยเริ่มต้นแบบกระพร่องกระแพร่งด้วยนมที่ไปซื้อมาติดตู้เย็นไว้ตั้งแต่วันก่อนคนละกล่องสองกล่องแล้วแต่ความจุกระเพาะ เดินผ่านแผงขายโดนัทโฮมเมดก็ได้แต่มองตาปรอยเพราะไม่อยากจะไปถึงหน้าแผนกปุ๊บเพลงชาติขึ้นปั๊บให้เสี่ยงกับการถูกจับตาตั้งแต่วันแรก

ทั้งสี่คนเร่งฝีเท้าแทบเป็นวิ่งเมื่อนาฬิกาหน้าตึกฉุกเฉินบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงห้านาที ต้องเดินไปด้านหลังตึกฉุกเฉินและผู้ป่วยนอก แล้วเลี้ยวขวาไปตามโถงทางเดินผ่านตึกผู้ป่วยในตึกหน้าก่อนจะถึงแผนกกายภาพบำบัดที่ตั้งอยู่เกือบจะหลังโรงพยาบาลใกล้กับส่วนโภชนาการและสวัสดิการที่เป็นอาคารชั้นเดียว ซึ่งติดกับสนามกีฬาของโรงพยาบาลซึ่งถ้าเดินข้ามไปก็จะเป็นหอพักแพทย์และพยาบาลลักษณะเหมือนแฟลตความสูงสามชั้น


“อ้ะ!!”

เสียงอุทานที่ดังขึ้นเบาๆพร้อมกับภาพตัวแกร็นๆของไอ้ตัวจี๊ดที่เดินแกมวิ่งอยู่หน้าสุดแต่จู่ๆก็เซแซ่ดๆทำให้มือที่คอยระวังหลังให้อยู่เสมอยื่นไปรั้งไว้ไม่ให้ล้มได้ทันท่วงที ยังไม่ทันตั้งหลักได้หรือโวยวายอะไรมากกว่านั้นก็มีเสียงแหบห้าวเอ่ยคำขอโทษในระยะประชิด

“ขอโทษครับ ไม่เป็นอะไรนะ?”

เมื่อคนถูกชนและคนช่วยพยุงอย่างไอ้คุณเชเงยหน้าขึ้นก็พบกับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่น ผิวคร้ามเข้ม ดวงตาคมจัดใต้คิ้วหนาที่กำลังขมวดมองตอบมาเขม็ง ท่าทางราวกับกำลังรีบร้อนอย่างยิ่งทำให้ทั้งสองคนพยักหน้าตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก

ใบหน้าเคร่งเครียดนั้นยกมุมปากยิ้มให้เหมือนจะแทนคำขอโทษ และแค่รอยยิ้มเล็กๆนั่นก็ทำให้ใบหน้าที่เห็นว่าเหมือนยักษ์ในตอนแรกเปลี่ยนเป็นน่ามองได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ขณะกำลังจะผละไปอย่างรีบเร่งคุณหมอตัวโตอย่างกับตึกก็พลันชะงักกึกเมื่อมองกราดไปเห็นผู้ร่วมขบวนคนท้ายสุด สายตาคมสบกับนัยน์ตาสีอ่อนอยู่เสี้ยววินาทีก่อนจะผงกศีรษะให้น้อยๆพร้อมรอยยิ้มที่เพิ่มมากขึ้น แล้วจึงรีบเดินสวนออกไปทางตึกผู้ป่วยนอกจนกาวน์ยาวที่ใส่อยู่ปลิวสะบัดตามแรงก้าวเดิน

อรุณรุ่งไม่รู้ตัวว่าสายตาของคุณหมอตัวโตหยุดที่ตัวเองนานกว่าเพื่อนคนอื่น เพราะพอคุณหมอจ้ำออกไปทั้งสี่คนก็เริ่มออกวิ่งไปทางแผนกอย่างไม่ห่วงภาพพจน์กันอีกแล้ว
เสียงฝีเท้ารัวก้องโถงทางเดินและสภาพหอบหายใจของน้องนักศึกษาฝึกงานทั้งสี่คนทำให้พี่ๆในแผนกอมยิ้มไปตามๆกัน พี่กุ้งนี่ถึงกับขมวดคิ้วทำตาดุไปหัวเราะไปด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่ทั้งสี่คนโผล่หน้าผ่านประตูแผนกเข้าไป เสียงสัญญาณเตือนให้ยืนเคารพธงชาติก็ดังขึ้นทันที

“เกือบสายตั้งแต่วันแรกเลยนะ เมื่อคืนกลับมาถึงกันกี่โมง?”

“แหะๆ ก็ประมาณสี่ทุ่มอะค่ะพี่กุ้ง”

หลังยกมือไหว้ทักทายตามประสานางสาวอิระวดีก็ตอบคำถามหัวหน้าแผนกผู้แผ่รังสีใจดีขั้นสุดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆประจำตัวที่จะออกมาเองโดยไม่ต้องพยายามทุกครั้งที่เจ้าตัวมันอยู่ในโหมดอ้อน

“อืม.....แล้วกว่าจะได้นอนอีกเนอะ หึๆๆๆ เอาล่ะเผื่อลืมที่แนะนำกันไปวันนั้น นี่พี่สี่คนที่จะดูแลพวกเราสลับกันไป อย่างที่ตกลงกันนะก่อคุณกับอิระวดี ไม่เอาดีกว่าเรียกชื่อจริงไม่ถนัดปากเลย ไหนว่ามาใหม่ดิ๊ สี่คนชื่อเล่นอะไรกันบ้าง?”

พี่กุ้งจัดการแยกสี่คนให้อยู่กับพี่นักกายภาพบำบัดประจำโรงพยาบาล...ก็ลูกน้องของพี่กุ้งนั่นแหละเรียบร้อย ต่างคนก็ต่างแยกกันไป นายอรุณรุ่งได้เดินวอร์ดสมใจโดยมีรุ่นพี่ที่ปรึกษาคือพี่ดาที่ถึงเวรต้องขึ้นเดินวอร์ดประจำเดือนนี้เหมือนกัน แต่นักศึกษาฝึกงานจะสลับหน้าที่ทุกสองสัปดาห์

นั่นหมายความว่าสองสัปดาห์แรกพี่ดอนจะผูกติดกับพี่ดาตลอด แต่พอครบแล้วก็จะเวียนลงมาอยู่ประจำแผนกที่ชั้นล่างรับผู้ป่วยที่พอจะเคลื่อนย้ายได้ง่ายๆและผู้ป่วยนอกบ้าง ในขณะที่เพื่อนคนอื่นก็จะหมุนไปทำหน้าที่ตรงอื่นแทน


พี่ดาหญิงสาววัยยี่สิบปลายๆเฮี้ยบจริงเหมือนที่เดาได้จากท่าทางตั้งแต่ได้เจอวันแรก ชายหนุ่มเริ่มต้นการฝึกงานโดยการถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับกายวิภาคช่องอกละเอียดยิบ ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นแยกย้ายกันไปเริ่มดูคนไข้แล้วเพราะที่แผนกด้านล่างเปิดรับคนไข้ตั้งแต่แปดโมง ในขณะที่พี่ดาจะเริ่มเดินวอร์ดตอนเก้าโมง พอถามคำถามพื้นฐานจนพอใจพี่ดาก็ยังมีเวลาหยิบเอาแฟ้มประวัติคนไข้ในที่ค้างอยู่ในแผนกมาให้เด็กในความควบคุมลองอ่านดูอีก

“วันนี้มีคอนซัลท์มาใหม่เจ็ดเคส ที่อายุรกรรมชายสาม อายุรกรรมหญิงสอง วอร์ดเด็กหนึ่งแล้วก็ไอซียูอีกหนึ่ง ดอนไม่เคยเจอคนไข้ทางเดินหายใจเลย งั้นวันแรกพี่แบ่งให้สองเคสพอ แต่บังคับเลือกระหว่างคนไข้เด็กกับไอซียูนะ ต้องเลือกรับไปหนึ่งเคส ว่าไงเอาไรดี?”

“เด็กครับ”

“โอเค งั้นเราลุยกันเลย”


การฝึกงานวันแรกผ่านไปพร้อมกับพลังชีวิตของพี่ดอนและผองเพื่อนที่หดหาย ไอ้ที่พี่ดาบอกว่าแบ่งให้สองเคสพอ เอาเข้าจริงที่ว่าสองเคสนั่นคือให้เขียนรายงานแค่สองเคส แต่เคสอื่นๆพี่ดาเรียกให้เดินไปด้วยกันแล้วก็เอาแฟ้มประวัติให้พี่ดอนอ่านพร้อมๆกันแล้วป้อนคำถามเกือบตลอดเวลา
แถมเด็กดีอย่างพี่ดอนยังเสนอตัวช่วยลงมือให้การรักษาคนไข้ตามใบสั่งที่พี่ดาและพี่ดอนเองช่วยกันคิดหลังจากศึกษาข้อมูลด้วยประวัติและตรวจร่างกายคนไข้อีกด้วย นอกจากนี้ช่วงบ่ายยังมีคนไข้ใหม่ที่แพทย์ส่งปรึกษาเพิ่มมาอีก ทำให้ชายหนุ่มสูญเสียพลังงานความคิดและแรงกายไปเยอะ

พอกลับลงมาจากวอร์ดที่เดินตั้งแต่ชั้นห้าตึกหลังไล่ลงมาเรื่อยๆจนไปจบที่ไอซียูชั้นสามของตึกหน้า แถมมื้อกลางวันยังได้กินขนมจีนน้ำเงี้ยวไปแค่จานเดียวก็ทำให้มือใหม่ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง

แต่พอหันไปข้างๆเห็นพี่ดาที่ตัวเล็กกว่าตั้งเยอะยังก้าวฉับๆแบบสบายๆ เหมือนกับว่าต่อให้คนไข้มากกว่านี้อีกสามเท่าฉันก็ยังไหว พี่ดอนก็เลยยืดตัวขึ้นอกผายไหล่ผึ่งทำท่าข้าก็ยังสบายดูบ้าง

ก่อนสี่โมงครึ่งทั้งสี่คนล่ำลาพี่ๆบางคนที่ยังไม่รีบกลับและพี่สองคนที่อยู่เวรคลินิกนอกเวลาต่อ แล้วเลยพากันเดินกลับบ้าน ต่างคนเห็นสภาพเพื่อนก็พอเดาได้แล้วว่าคงเจอมาหนักไม่ต่างกัน มีแต่ไอ้คุณก่อที่เริ่มต้นสองสัปดาห์แรกที่ห้องออกกำลังกายที่ดูจะสบายกว่าเพื่อนเพราะเคลียร์คนไข้ส่วนใหญ่หมดไปตั้งแต่ครึ่งวันเช้า หลงเหลือมารอบบ่ายแค่สองคนเท่านั้น


“โรงพยาบาลประจำจังหวัดก็งี้แหละ คนไข้เยอะ” คุณชายเชท่านพูดขึ้นเบาๆขณะเดินจับกลุ่มกันกลับบ้าน

“แกเลยไอ้ก่อ เป็นไงล่ะอยากมาตาก ชิ!” ส่วนไอ้แคระที่เดินระโหยโรยแรงทำท่าจะกระดื๊บไปคล้ายพยาธิตัวจี๊ดเอาจริงๆก็หันไปแยกเขี้ยวขู่ฟ่อใส่ไอ้คุณก่อคุณ

“หึๆๆ” ทำได้แค่หัวเราะแบบไม่มีปากมีเสียงก็นายอรุณรุ่งของเรานี่แหละ

“อ้าว......ก็อยากไปทีลอซูนี่หว่า คนไข้เยอะก็ดีไง จะได้ได้เคสเยอะๆ ประสบการณ์นะเว้ย”

นี่ไงเหตุผลที่แท้จริงของการเลือกมาฝึกงานถึงจังหวัดติดชายแดน ไอ้คุณก่อมันอยากไปทีลอซู น้ำตกที่มีคำห้อยท้ายว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์
“มึงอย่ามาหัวเราะไอ้ดอน มึงก็ด้วยแหละอยากไป ทำนิ่งปล่อยให้กูโดนคนเดียวนะมึง”

----ผัวะ!!----

“หึๆๆ”

“ไอ้ดอนแม่งหนาว่ะ โดนโบกไปเต็มๆดูมันดิ ทำแค่หัวเราะหึๆ แกไม่ตอบโต้มันหน่อยวะ ขอชั้นเห็นเป็นบุญตาที”

ขนาดผู้หญิงคนเดียวของกลุ่มเรียกร้องขนาดนั้น พี่ดอนมันยังทำแค่เอื้อมมือไปโยกหัวเพื่อนตัวจี๊ดเล่นเบาๆแล้วแจกยิ้มให้เพื่อนสามคนถ้วนหน้าเท่านั้นเอง


หลังกลับถึงบ้านเช่าโดยใช้เวลาเดินเอื่อยๆไม่ถึงสิบนาที สี่คนก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเริ่มทำกิจกรรมเฉพาะตัว เขียนรายงานบ้าง เล่นเกมในมือถือบ้าง....ไม่ใช่ใครหรอกไอ้ขี้ดองอย่างคุณก่อนั่นไง มันบอกว่าเอาไว้มืดๆก่อนค่อยเขียนรายงานคนไข้ประจำวัน สว่างๆแบบนี้ยังไม่มีอารมณ์
พอแดดร่มลมตกพี่ดอนก็ชวนเพื่อนอีกสามใส่กางเกงวอร์มเสื้อยืดพร้อมร้องเท้าผ้าใบเดินไปตลาดริมแม่น้ำ แล้วก็จ๊อกกิ้งก่อนมื้อเย็นมันริมถนนเลียบแม่น้ำปิงนั่นเอง


อรุณรุ่งไม่รู้เลย ว่าจากโต๊ะหนึ่งของร้านขายข้าวต้มกุ๊ยในตลาดริมปิง มีสายตาคู่หนึ่งที่มองตามการเคลื่อนไหวสม่ำเสมอของตัวเองที่วิ่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ

เจ้าของสายตาวาววับมาดหมายในใจ พรุ่งนี้แหละจะตามไปทำความรู้จักถึงแผนกเลย เย็นนี้ปล่อยไปก่อน ตำราพรหมชาติท่านว่าปีนี้วันอังคารเป็นวันธงชัย เพราะงั้นต้องรอฤกษ์ก่อน
ดูความคิดนายแพทย์ใหญ่.....นักวิทยาศาสตร์ตัวโตเท่าตึกผู้เปิดหนังสือพิมพ์ทุกเช้าต้องมุ่งมั่นอ่านคอลัมน์ ‘ดวงคุณวันนี้’ แกล้มกาแฟใส่นมข้นหวานก่อนจะให้ความสนใจกับพาดหัวหน้าหนึ่งเสียอีก


“อ้าวคุณหมอ วันนี้มาเองเลยเหรอคะ?”

“ครับ ผมอยากดูคนไข้ both bone fracture ที่ส่งมาหัดเดินน่ะ ขึ้นไปวอร์ดเขาบอกลงมากายภาพแล้ว”

นายแพทย์ตัวโตเท่าตึกส่งยิ้มหวานเป็นทัพหน้าเมื่อจู่ๆก็โผล่หน้าเข้ามาในแผนกกายภาพบำบัด เนียนๆกวาดตามองหาเจ้าของนัยน์ตาโศกสีน้ำตาลอ่อนที่ได้สบเพียงแวบเมื่อเช้าวาน และความบังเอิญที่ทำให้ได้เห็นอากัปกิริยาเป็นธรรมชาติเวลาอยู่นอกเครื่องแบบเมื่อเย็นวานอีก

ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่วันนี้อยู่ในชุดเสื้อกาวน์สั้นกับกางเกงผ้าสีเทาเข้มเกือบดำที่ทำให้ยิ่งเห็นได้ชัดว่าช่วงขายาวอย่างยิ่งรับแฟ้มประวัติคนไข้รายที่เอามาเป็นข้ออ้างพลางเดินล่วงเข้าไปที่ห้องออกกำลังกายด้านใน หัวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นน้อยๆเมื่อเห็นว่าคนที่ดูแลให้คนไข้ผู้ตกเป็นเครื่องมือเข้าใกล้คนบางคนโดยไม่รู้ตัวนั้นไม่ใช่คนที่ต้องการ

“น้องก่อ นี่คุณหมอเจ้าของเคส จะมาขอดูคุณฟองหัดเดินด้วย”

“สวัสดีครับ เพิ่งออกกำลังเพิ่มความแข็งแรงกล้ามเนื้อเสร็จ เดี๋ยวผมจะให้ใช้ไม้ค้ำเดินแบบโฟร์ พอยท์ ไม่ลงน้ำหนัก คุณหมอโอเคมั้ยครับ?”

ก่อคุณเงยหน้าจากคนไข้อุบัติเหตุกระดูกขาท่อนล่างหักที่ยังมีทั้งเฝือกและเหล็กยึดกระดูกโผล่ออกมาจากผ้าพันแผลขึ้นเจอกับหน้าตาคมเข้มที่เกือบจะมีเหตุการณ์อุบัติเหตุรักกับเพื่อนตัวจี๊ดไปเมื่อวานแล้วส่งยิ้มให้อย่างระลึกได้ ในขณะที่พี่เจ้าหน้าที่ที่เดินนำคุณหมอตัวโตเข้ามาผละไปประจำที่ตรงเคานท์เตอร์หน้าแผนกตามเดิม

คุณหมอที่มีจุดประสงค์แอบแฝงส่งยิ้มตอบแล้วพยักหน้า หันไปถามคำถามทั่วไปกับคนไข้วัยสาวเหลือน้อยที่นั่งมองตาแป๋ว แล้วส่งคำถามที่ทำให้นายก่อคุณชักตงิดใจออกจากปาก
“แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะน้อง มากันสี่คนไม่ใช่เหรอ?”

“แยกกันน่ะครับ คุณหมอจะถามถึงคนไหนล่ะ?”

นายก่อคุณรับออร่าแปลกประหลาดบางประการจากนายแพทย์ตัวโตที่น่าจะมีส่วนสูงน้อยกว่าสองเมตรไม่มากได้ในทันที และปล่อยคำถามตรงประเด็นแบบที่มีแต่มันแหละที่ทำได้ออกมา และนายแพทย์ตัวโตคนนี้ก็ประสานสายตาแสดงความต้องการโจ่งแจ้งแล้วตอบเต็มปากเต็มคำไม่มีหลบเลี่ยงอย่างทันควัน

“น้องคนที่เป็นลูกครึ่ง ที่น่ารักๆน่ะ”

“อ๋อ.......ไอ้ดอน มันขึ้นวอร์ดครับ แต่เห็นมันบอกว่าบ่ายนี่เหลือเก็บอีกแค่สามเคส อีกเดี๋ยวคงลงมาแล้วแหละ”

ไอ้ก่อกรรมทำเวรปฏิบัติการณ์เปิดทางโดยดี ไม่ใช่เพราะเกรงรัศมีหมอ แต่เป็นเพราะนึกถูกใจความตรงไปตรงมาของหมอขึ้นมาง่ายๆ ก็เพื่อนดอนมันก็เคยชอบทั้งหญิงทั้งชาย ถึงนายแพทย์ตรงไปตรงมาคนนี้จะเข้ามาจีบเพื่อนจริงอย่างที่สงสัย ก็ไม่ทำให้เพื่อนเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเป็นสาเหตุให้เบี่ยงเบนนี่นะ

วัดความยาวแขนขาคนไข้พร้อมปรับความยาวไม้ค้ำเรียบร้อยนายก่อคุณก็หมดความสนใจในตัวนายแพทย์เจ้าของไข้ หันไปแนะนำวิธีการใช้ไม่ค้ำยันที่ถูกต้อง แล้วช่วยพาคุณฟองลุกขึ้นยืนโดยไม่ยอมให้ลงน้ำหนักขาข้างที่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว

นายแพทย์โอฬาร ที่ขนาดตัวโอฬารสมชื่อสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของคนไข้แล้วเขียนอะไรขยุกขยิกลงแฟ้มเงียบๆ ปากก็คุยถามอาการคนไข้อีกนิดหน่อย

เมื่อเงยหน้ามองไปทางคนไข้อีกทีก็เห็นคนที่ตั้งใจพาตัวเองมาทำความรู้จักโผล่มาจากไหนไม่ทราบ แต่ลากเก้าอี้มีพนักตัวใหญ่มารอที่ด้านหลังคนไข้แล้วค่อยๆช่วยเพื่อนพาคนไข้ที่เริ่มแขนขาสั่นลงนั่งเรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวไปเรียกเวรเปลก่อน แกอยู่เป็นเพื่อนคนไข้ให้แป๊บนะ”
ต่อหน้าคนไข้สรรพนามแทนตัวของนายก่อคุณก็เปลี่ยนไป และพอได้โอกาสนายแพทย์โอฬารก็พุ่งเข้าคว้าทันที

“น้องดอนใช่มั้ยครับ พี่ชื่อใหญ่นะ ฝึกงานที่นี่เป็นไงบ้าง?”

“เอ่อ.....ก็ดีครับคุณหมอ”

“เฮ้ย ไม่ต้องเกร็ง เรียกพี่ใหญ่ก็ได้ พี่เป็นรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเดียวกะเรานะ บอกเพื่อนๆด้วยนะครับ ไว้ว่างๆพี่พาไปเลี้ยง”

รอยเคร่งเครียดที่พี่ดอนเห็นว่าทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าคล้ายยักษ์ปักหลั่นเมื่อวานไม่มีอยู่เลย โดยเฉพาะเมื่อนายแพทย์โอฬารส่งยิ้มหวานใส่ตามาให้ แถมข้อมูลใหม่ที่บอกมาว่าเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันก็ทำให้อาการเกร็งและเกรงใจเกือบจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ไอ้ดอนของเพื่อนๆส่งยิ้มกว้างขวางกลับไปให้ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าแค่ยิ้มหวานๆครั้งเดียวก็ทำเอาผู้ชายตัวใหญ่ถึงกับหัวใจกระตุก

พอก่อคุณเดินกลับมา ก็ถูกเพื่อนรักเรียกให้ทำความรู้จักกับ ‘พี่ใหญ่’ พร้อมคำสัญญาว่าวันไหนฤกษ์ดีจะพาน้องไปเลี้ยงยกกลุ่มแบบอิ่มจังตังค์อยู่ครบเรียบร้อยแล้ว

.........................................................................................

..โปรดติดตามตอนต่อไป..

*หมายเหตุ both bone fracture สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคย ในที่นี้หมอพี่ใหญ่หมายถึง กระดูกขาท่อนล่าง(บริเวณหน้าแข้ง)หักทั้งสองชิ้นค่ะ



Create Date : 08 มีนาคม 2554
Last Update : 8 มีนาคม 2554 18:24:42 น.
Counter : 316 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
มีนาคม 2554

 
 
2
3
4
7
10
11
13
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog