เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก ตอนที่๑๔
**นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบชายรักชาย
ถ้าท่านใดเข้ามาแต่รับกับเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้ กรุณากดผ่านไปด้วยนะคะ



ตอนที่๑๔: 'คำรัก'


“ฟ้าๆๆ”
“ว่าไงชมพู เปียกมาเลย”


พี่อากาศที่นั่งปล่อยให้ทีวีดูตัวเองอยู่หันไปตามเสียงเรียกของพี่พิภพน้องชายคนเดียวของแก คนที่ทำให้พี่ชายได้เจอพรหมลิขิตของแกอีกครั้ง

อย่าได้งงไป คือว่าที่พี่อากาศแกต้องพยายามหาทางเรียกร้องความสนใจ ให้ตัวป่วนมันจำตัวเองได้น่ะมันมีเหตุ ใช่ว่าพี่แกจะเริ่มจีบด้วยการเขียนเพลงยาวส่งแต่แรกเสียเมื่อไหร่ แกพยายามทำอย่างอื่นแบบที่คนทั่วไปเขาทำกัน อย่างส่งสายตา พาตัวไปให้เห็น เคยทำแม้แต่เนียนเข้าไปช่วยหยิบของตอนที่ตัวป่วนมันซุ่มซ่ามทำของตกแล้วพยายามพรีเซนต์ตัวเองสุดฤทธิ์ด้วยซ้ำ แต่วิธีการเหล่านั้นไม่เคยได้ผล....ไม่มีวี่แววว่าตัวป่วนมันจะจำพี่อากาศแกได้สักที

อยากรู้แล้วรึยังว่าครั้งที่สองที่ทำให้พี่อากาศแกปักใจเชื่อว่าไอ้หนูป่วนมันคือคนที่ “ใช่” สำหรับแกน่ะ มันเกิดขึ้นตอนไหน........


---วันที่ 10 พฤษภาคม 2544---
วันแรกพบ

“น้องๆปีหนึ่งกิจกรรมต่อไปเป็นกิจกรรมเพื่อให้พี่ๆได้รู้จักน้องๆเฟรชชี่นะคะ เราจะเล่นเกมหาของกัน กติกาง่ายๆคือ พี่จะพูดชื่อสิ่งของที่น้องๆต้องไปหามาให้ได้ ใช้วิธีไหนก็ได้ยกเว้นวิ่งไปซื้อ เช่น พี่บอกว่า ‘ดินสอกด’ น้องๆก็ต้องไปหาดินสอกดมาไว้ในกลุ่มให้ได้ มีเวลาจนกว่าเพลงจะจบ ทุกคนในกลุ่มต้องช่วยกันนะ อีกอย่าง....ถ้าคิดว่าจะไปขอของจากรุ่นพี่ อย่าลืมแนะนำตัวด้วยนะ บอกชื่อจริง ชื่อเล่น แล้วก็ข้อมูลส่วนตัวอะไรก็ได้ แต่ต้องให้แน่ใจว่าพี่คนที่น้องไปขอจะจำน้องได้ เข้าใจนะ”

“เข้าใจครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะพร้อมม้ายยยยยย?”
“พร้อมมมมมมมมมม”
อย่าไปสนใจดีกว่าว่าไอ้รุ่นพี่บ้านั่นมันออกคำสั่งให้น้องๆเฟรชชี่ไปหาของอะไรกันบ้าง สนใจวิธีการได้มาซึ่งของตามคำสั่งของรุ่นพี่ที่ชอบแกล้งน้องกันทุกคนดีกว่า

ในเมื่อส่วนใหญ่ของที่ต้องการจะมีอยู่ที่รุ่นพี่ เพราะฉะนั้นกว่ารุ่นพี่ทั้งหลายจะยอมยกของให้น้องๆได้ ก็ต้องมีเหนื่อยกันบ้าง อาจจะต้องทำตามคำสั่งกระโดดกบสิบครั้ง เดินเป็ดรอบสนาม หรือร้องเพลงรักให้ฟังก่อน แต่เราก็จะไม่ใส่ใจ เพราะที่เราสนใจคือคำสั่งนี้ต่างหาก
“เอาล่ะ ของชิ้นต่อไป ‘ปากกาหมึกสีเขียว’ เริ่มได้”


ไอ้หนูป่วนตอนนั้นเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่เข้าใจว่าเป็นรุ่นพี่ปีแก่ๆคนหนึ่ง มันเห็นใบหน้าประดับแว่นนั่นปุ๊บ ความรู้สึกก็บอกว่าพี่คนนี้ใจดีแน่นอน มันก็เดินตรงเข้าไปหา
“พี่ครับ ผมชื่อศศินทร์ ชื่อเล่นชื่อป่วน เป็นลูกคนเล็กแล้วก็ชอบสีฟ้า พี่มีปากกาหมึกสีเขียวรึเปล่า?”

พี่อากาศที่เผอิญเอาของที่น้องชายสุดที่รักลืมไว้ที่คอนโดทั้งๆที่จำเป็นต้องใช้วันนี้มาส่งให้ กำลังจะเดินผ่านบริเวณที่ปีสองใช้ทำกิจกรรมรับน้องไปก็สะดุดตากับเด็กผู้ชายใบหน้าเปื้อนยิ้มที่แสนคุ้นตาพอดี

พอมองไป น้องมันก็มองมา สบตากันปุ๊บพี่อากาศแกก็รู้สึกว่าเวลากำลังย้อนกลับ เพ่งให้แน่ใจอยู่เชียวว่าใช่รึเปล่านะ เด็กที่ได้พูดกันแค่ประโยคเดียวในลิฟต์วันนั้น คำเฉลยก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรายงานชื่อตัวเองให้รู้เสร็จสรรพ พี่อากาศที่ติดนิสัยพกปากกาสีติดตัว แถมวันนี้ยังโชคดีสองชั้นเพราะด้ามที่พกมาเป็นสีเขียว ก็จัดการล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบปากกาส่งให้ไอ้หนูป่วนผู้ซึ่งไม่รู้เลย ว่าต่อแต่นี้ชีวิตของมันจะต้องเปลี่ยนไป

คืนนั้นกลับถึงบ้าน พี่อากาศวุ่นวายใจอยู่จนดึกดื่น จะบอกว่าคนหน้าเหมือนก็ไม่ใช่ ก็เพราะพี่เขาจำได้ว่าบนเสื้อนักเรียนของเด็กในลิฟต์คนนั้นปักชื่อเอาไว้
....ศศินทร์.......ในที่สุดเราก็เจอกันอีกจนได้


น่าสงสารพี่อากาศแกจริงๆที่ไอ้หนูป่วนมันเป็นประเภท ถ้าเป็นคนที่ไม่สนิท แบบว่า ‘ไม่ใช่เพื่อน’ หรือใครก็ตามที่แค่เดินผ่านไปผ่านมาตามท้องถนนแล้วล่ะก็ มันก็จะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจไปเสียทั้งหมด

ด้วยเหตุผลที่ไอ้หนูป่วนมันเป็นอย่างนี้ ความพยายามเสนอหน้าและเสนอตัวของพี่แกเลยไม่บังเกิดผลใดๆเสียที พยายามอยู่ครึ่งปี จนในที่สุดแกก็ปิ๊งไอเดีย ว่าถ้าทั้งหน้าทั้งตัวนี่มันไม่สะดุดตานัก งั้นก็จะใช้ความคิดนี่แหละเป็นตัวเจาะเข้าไปถึงตัวไอ้หนูป่วนมันให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้เจ้าของรอยยิ้มที่ประทับอยู่ในใจตั้งแต่แรกเห็นมาเป็นคนข้างใจให้ได้

~~~~~~~~~~~~~


“อืม....พอออกจากสถานีบีทีเอสฝนก็เทเลยไม่ได้ซื้ออะไรกินเลยอ้ะ หิวว่ะ”
“มีข้าวก้นหม้อเหลืออยู่หน่อย แล้วก็ผัดกะหล่ำ ชมพูไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวไม่สบาย เราจะอุ่นข้าวไว้ให้”
“ผัดกะหล่ำที่อยู่ในตู้เย็นอ้ะนะ?”
“อืม.....”
“โอเค เดี๋ยวเรามา”

ไม่ถึงสิบนาทีนายพิภพก็ออกมาในสภาพกางเกงเลกับเสื้อกล้ามเน่าๆ บนหัวมีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่เจ้าตัวใช้ขยี้ผมอยู่อย่างเมามัน พี่ชายที่แสนดีจัดการตักข้าวใส่จานพร้อมราดกับที่มีอยู่อย่างเดียววางไว้ให้บนโต๊ะหน้าทีวีเรียบร้อย
“หน้าตาแย่แต่รสชาติใช้ได้ ใส่ปลาเค็มด้วยเหรอ.....แปลก ฟ้าไม่เคยทำแบบนี้นี่?” พี่น้องคู่นี้นิสัยพอกัน กินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องวิจารณ์ไปด้วย

“ก็เราไม่ได้เป็นคนทำ......”
“ฮ้า....นี่หลอกน้องเรามาบ้านได้แล้วเหรอ?”
“ไม่ได้หลอกเว้ย พูดดีๆ” เอิ่ม.....ปฏิเสธเต็มปากเต็มคำมาก ได้ข่าวว่าขับรถมาถึงแล้วค่อยบอกไม่ใช่เรอะว่าที่นี่เป็นคอนโดแกอ้ะ แถมถ้าไอ้หนูป่วนมันไม่ถามตั้งแต่ลานจอดรถคงได้มารู้ตอนอยู่ในห้องแล้วมั้ง

“ตอนพาไปบ้านสุพรรณก็เข้าใจนะว่าจะพาไปเปิดตัวกับพ่อจ๋าแม่จ๋า แต่พามาบ้านนี้นี่....เราชักไม่ไว้ใจว่ะ คิดจะรวบหัวรวบหางน้องเราเรอะ?”
“ก็ เด็กมันน่ารัก น่ากอด น่า.....”
พูดไปก็ทำหน้าเคลิ้มไป แถมเอาปลายนิ้วมาแตะแก้มซ้ายตัวเองอีก พี่ชมพูแกรู้หมดแล้วว่านอกจากมาทำกับข้าวให้กิน ตัวป่วนมันยังทำอะไรไว้บ้าง

“พอเลย ท่าทางอย่างนี้แสดงว่ายังไม่ได้ทำไอ้ ‘น่า’ สุดท้ายนั่นใช่มั้ย?”
ช้อนในมือถูกยกมาชี้หน้าพี่ชายสุดที่รัก พร้อมน้ำเสียงคาดคั้นที่ออกจากปากที่มันเยิ้มเพราะผัดผัก เอ่อ....น่าเกรงขามมากพี่ชมพู ฮ่าๆๆๆ
“ยัง....” ส่วนคนนี้ก็ตอบน้องด้วยน้ำเสียงละห้อยปนหมายมั่น ประมาณว่าถ้าทำได้ไม่มีทางจะยอมพลาดแน่

“ฝึกงานเป็นไงบ้าง?”
“เหนื่อย นี่ถ้าไม่ต้องนั่งรถเมล์สองต่อ แล้วยังมาต่อบีทีเอสอีกคงสบายกว่านี้”
“เอารถเราไปใช้ไม่ได้เหรอ?”
“เอาไปก็ไม่มีที่จอด ไปจอดทิ้งๆขว้างๆเดี๋ยวก็เป็นห่วงรถอีก” กินเสร็จพี่ชมพูก็เดินเอาจานไปล้างเรียบร้อย ยกน้ำในตู้เย็นกรอกใส่ปากอั้กๆแล้วก็กลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่อากาศอีกครั้ง


“ฟ้า....ไอ้ป่วนมันเด็กดีนะ จะทำอะไรน้องมันก็คิดให้ดี อย่าให้มันต้องเสียใจเข้าใจมั้ย?”
“เฮ้ย....คนนี้ตัวจริงนะ เรารักจริงหวังแต่งงานเลยตามเฝ้าตามดูมาตั้งนาน”
“เรารู้ แต่น้องมันไม่ได้รู้ด้วย ป่วนมันเพิ่งรู้จักฟ้ามาไม่ถึงเดือนเลยนะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกชมพู เราไม่เร่งรัดตัวป่วนหรอก เรารักเราก็ต้องถนอมสิ เรารู้หรอกว่าน้องมันเด็ก เรียนๆเล่นๆไปวันๆ ก็ขนาดจูบ ยังไม่เป็นเลย.....” พูดเองแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เองอยู่คนเดียว หมั่นไส้จริงเว้ย
“ฟ้ามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองมันก็ดี แต่ถ้าจะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ เราแนะนำว่าฟ้าควรจะมั่นใจในความรู้สึกของไอ้ป่วนมันที่มีให้ฟ้าด้วยนะ”

“เราก็มั่นใจนะ เวลาที่ตัวป่วนอยู่กับเรา เรารู้สึกได้ว่าน้องมันก็มีใจ แต่เราสัญญากับชมพูก็ได้ เราจะรอ จนกว่าตัวป่วนจะพูดออกมาจากปากว่ารักเรา เราจะไม่คิดสรุปเอาเองเด็ดขาด ให้สัญญาอย่างนี้แล้ว.....พอใจรึยังน้องชายที่เคารพ?”
“ทำได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว.....งั้นเราไปนอนเลยนะ พรุ่งนี้วันเกิดเค้ก”
“ยังไงกินยาไว้ก่อนก็ดีนะชมพู” พี่ชมพูมันหันมาพยักหน้าให้พี่ชายหนึ่งหงึก แล้วก็เดินเข้าห้องส่วนตัวไป ทิ้งให้พี่อากาศนั่งถอนใจอยู่ที่เดิมตามลำพัง

~~~~~~~~~~~~~


“พี่ฟ้า....เพิ่งแยกกันเมื่อหัวค่ำ ไม่ต้องโทรมาราตรีสวัสดิ์ผมก็ได้”
“ถ้าไม่ได้ราตรีสวัสดิ์ตัวป่วนพี่จะหลับฝันดีได้ยังไงล่ะ?” นี่ก็หวานไม่บันยะบันยัง มาถึงก็หยอดน้องมันเลย

“งั้นพี่ฟ้าพูดมาสิ ผมง่วงแล้วด้วย ขืนช้าผมหลับไปก่อนไม่รู้ด้วยนะ”
“อย่ามาแกล้งหลอกพี่เลย เสียงใสอย่างนี้มาบอกว่าง่วง ฮ่าๆๆๆ”
“แย่ๆ รู้ทันอย่างนี้ก็แกล้งไม่สนุกสิ” เอาน่าตัวป่วน แกล้งไม่สนุกแต่คุยทางโทรศัพท์ยังมีอารมณ์ร่วมถึงขั้นย่นจมูกใส่โทรศัพท์นี่ก็ถือว่าใช้ได้อยู่นะ
“งั้นคราวหน้าพี่จะทำเป็นไม่รู้ ดีมั้ย? แต่ห้ามเบื่อพี่เชียว ไม่งั้น......”

“ไม่งั้นอะไร?”
“อืม....ไงดีล่ะ ไม่งั้นพี่จะฟ้องแม่จ๋า ว่าตัวป่วนเบื่อพี่ ไม่รักพี่แล้ว....ดีมั้ย?”
“เหอะ พี่ฟ้านี่ขี้ตู่จริงๆ ผมยังไม่เคยบอกว่ารักพี่สักคำ”
“ว้า....แย่จัง นึกว่าจะหลุดปากมาสักนิด พอให้พี่ได้ชื่นใจ......”เสียดายแทนหนูป่วนมันที่ไม่ได้เห็นสีหน้าของพี่อากาศแก น้ำเสียงน่ะล้อเลียนล้อเล่น แต่สีหน้านี่สิบ่งบอกชัดเจนว่าเสียดายเอาจริงๆ

“พี่ฟ้า......รอผมอีกหน่อยนะ สัญญา...ถ้าผมแน่ใจเมื่อไหร่ ผมจะบอกกับพี่เอง”
“พี่จะรอ ให้นานแค่ไหนก็จะรอ....”
“ผม....ไม่ใจร้ายให้พี่รอนานหรอกน่า...ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะพี่ฟ้า”
---ตื๊ดดดดดดดดดดดด ตื๊ดดดดดดดดดด---

ไอ้หนูป่วนนอนกลิ้งไปมาหน้าแดงอยู่บนเตียง ไม่เข้าใจตัวเองว่ากล้าพูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง ในขณะที่พี่ฟ้าของมันก็หน้าแดงเหมือนกัน แต่เป็นหน้าแดงเพราะความดีใจ......

‘ที่บอกว่าจะไม่ให้พี่รอนาน......มันหมายถึงกี่วันกันนะตัวป่วน’

~~~~~~~~~~~~~


“กลีบกุหลาบยามแย้มแฉล้มรื่น
ทั้งยามตื่นยามฝันกระสันหา
อยากแตะลิ้มชิมรักทุกเวลา
ไม่เห็นหน้าพี่ก็เฝ้าชะแง้คอย
สัมผัสแผ่วแห่งกุหลาบที่ข้างแก้ม
กระจ่างแจ่มให้ใจพี่ไม่ท้อถอย
จะเงือดงดอดใจไว้รอคอย
วันเจ้าลอยมาซบลงตรงอกเรียม”


ตัวป่วนมันชินแล้ว ทำใจได้แล้วที่การ์ดจากพี่ฟ้าจะต้องถูกโจรประจำกลุ่มฉกไปอ่านด้วย แต่ที่ไม่ชินคือข้อความในการ์ด คราวนี้อ่านผ่านตาครั้งแรกก็ไม่ได้อะไรมาก อะไรกุหลาบๆแล้วก็จะรอๆ แต่พอไอ้เพื่อนนุ่นมันเอาไปอ่านออกเสียงซะเสียงอ่อนเสียงหวาน แถมทำหน้าล้อเลียนอีกเลยชักตงิดใจ หยิบมาอ่านซ้ำอีกรอบถึงค่อยกระจ่างแจ่มแจ้งขึ้นมาบ้างว่าวันนี้พี่ฟ้าของมันเล่นมาแบบฮาร์ดคอร์

ก็ไอ้กลีบกุหลาบที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์แทนปาก แถมเป็นปากของไอ้หนูป่วนเองเสียด้วย ไอ้นุ่นจะล้อเลียนไปหน้าตาแดงไปก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อพี่อากาศเล่นบรรยายมาซะชัดเจนขนาดนั้นว่าได้จูบแล้วเลยอยากจูบอีก แถมตรงบทที่สองยังแอบบอกอีกว่าไม่ใช่แค่พี่เขาที่เป็นฝ่ายจูบ ตัวป่วนเองมันก็เอาปากไปแตะตรงแก้มพี่เขาแล้วเรียบร้อย

ตัวป่วนน่ะ แค่ที่มันเข้าใจอยู่เท่านี้มันก็เขินเพื่อนสองคนจะแย่แล้ว แต่ไอ้นุ่นมันกลับสนใจความหมายแฝงในวรรคสุดท้ายมากกว่า

ไอ้อาการลอยมาซบลงตรงอกเรียมนี่ มันซบยังไงหว่า.......
ซบแล้วยอมให้ทุกอย่าง หมดทั้งตัวและทั้งหัวใจเลยรึเปล่าหนอ


คิดไปคิดมา ทั้งเพื่อนป่วนเพื่อนนุ่นเลยหน้าแดงกันอยู่สองคน ทิ้งให้ไอ้เพื่อนแผนอมยิ้มแก้มแทบแตกกับอาการของมันทั้งคู่ ถึงอยากจะหัวเราะก็ไม่กล้า เพราะรู้ว่าถ้าหลุดหัวเราะออกไปคงถูกทำร้ายร่างกายแบบสองรุมหนึ่งแน่นอน

จากวันที่ตัวป่วนมันบอกให้พี่อากาศรอ นี่ก็ผ่านไปจะสองเดือนแล้ว พี่อากาศแกก็ท้นทนรอแล้วรอเล่า ไปมาหาสู่ไม่ได้ขาด วันไหนจะต้องออกต่างจังหวัดเก็บข้อมูลทำวิจัยก็ต้องรายงานตัวก่อนไปและระหว่างเดินทางเป็นประจำ


จนวันนี้.......วันที่ตัวป่วนมันกำลังหงุดหงิดงุ่นง่าน เดินไปเดินมาแถมมองแต่นาฬิกามาทั้งวันแล้ว ก็อยู่ๆพี่อากาศก็ไม่โทรมา พอมันโทรหาพี่เขาก็ไม่รับ โทรหาพี่ภพพี่ภพก็ไม่รู้เรื่องเพราะเดือนนี้ฝึกงานตัวสุดท้ายต้องไปฝึกต่างจังหวัด ตัวป่วนมันร้อนรนทนไม่ไหวในที่สุดตกบ่ายเลยแล่นไปหาพี่อากาศของมันถึงคอนโด แต่แค่มันมาถึงหน้าคอนโดเท่านั้นแหละ พี่ฟ้าจอมเจ้าเล่ห์ก็โทรเข้ามาหา

“พี่ฟ้า อยู่ไหนน่ะ ทำไมไม่รับสายผม?”
“พี่อยู่ที่คอนโดครับ สงสัยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ขอโทษที่ทำให้ตัวป่วนเป็นห่วงนะ”
“งั้นเปิดประตูให้ผมด้วยนะ ผมถึงชั้นล่างแล้ว”
“หา???”



ไอ้หนูป่วนเข้ามาในห้องได้ก็สำรวจเจ้าของห้องเป็นอย่างแรก สภาพตาเชื่อมๆ ปากแดงจัด แบบคนมีไข้ทำให้ถึงอยากจะโกรธก็โกรธไม่ลง ใบหน้าที่เคยได้เห็นแต่ตอนที่เกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน ตอนนี้มีไรหนวดเขียวจางๆทำให้รู้ว่าพี่อากาศแกคงหลับยาวตั้งแต่เมื่อคืน ท่าทางเดินเซๆนั่นคงเป็นเพราะเพิ่งตื่นแล้วยังมึนๆอยู่แน่ๆ

“พี่ฟ้าไม่สบายทำไมไม่บอกผม? แล้วนี่กินอะไรรึยัง?”
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นไข้นิดหน่อยเองกินยาแล้วเลยหลับลึกไปหน่อย”

“ไหนปรอท?”
“หืม?”
“ปรอทวัดไข้น่ะ อยู่ที่ไหนครับ?”
“ไม่มี......” เสียงอ่อยๆแล้วยังแววตาเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าทำความผิดทำให้ตัวป่วนมันต้องรีบหันหน้าหนีไปแอบยิ้ม

“ไม่ได้วัดไข้ แล้วรู้ได้ยังไงว่าตัวเองเป็นไข้นิดเดียว”
ตัวป่วนมันยังเก๊กขรึมดุคนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง แถมยังเดินเข้าหาทำท่าจะใช้ตัวเองเป็นปรอทวัดไข้ “แล้วนี่ตั้งแต่เช้ามาได้อาบน้ำรึยัง?”
“ยังครับ ตัวป่วนอย่าเข้ามาใกล้นะ พี่ตัวเหม็น” คนนี้ก็กลัวไอ้เด็กน้อยจะรังเกียจคนสกปรก เลยถอยหลังออกห่าง

“หยุดถอยเดี๋ยวนี้ แล้วไปนั่งที่โซฟา”
น้ำเสียงเด็ดขาดของไอ้หนูป่วนทำให้คนป่วยยอมหยุด แล้วลนลานไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตามคำสั่งทันที ส่วนคนออกคำสั่งก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งแปะบนที่เท้าแขน โน้มตัวเข้าไปหาแล้วแนบหน้าผากลงกับหน้าผากคนป่วย

“มีไข้ไม่นิดเลยนะพี่ฟ้า นี่ขนาดผมมาจากข้างนอกอากาศร้อนๆพี่ฟ้าอยู่ในห้องเปิดแอร์รูดม่านปิดหมดไม่มีแดดอย่างนี้ยังตัวร้อนกว่าผมเลย......”
“ป่วน......”

ไอ้หนูป่วนยกมือทั้งสองข้างขึ้นประคองที่สองข้างแก้มของพี่ฟ้าของมัน แล้วทั้งๆที่หน้าผากยังแนบกันอยู่มันก็ส่ายหน้าไปมา
“ทีหลังถ้าไม่สบาย พี่ต้องบอกผมนะ นี่ถ้าผมไม่มาเห็นเอง ก็จะไม่มีทางรู้เลยใช่มั้ยว่าแฟนของผมไม่สบายน่ะ......”
“พี่ขอโทษนะครับ”


“เฮ้อ...ผมกลัวรู้มั้ย..” ตัวป่วนมันทอดเสียงท้ายประโยคแล้วค่อยๆแนบริมฝีปากลงกับริมฝีปากสีแดงสดแต่ร้อนผ่าวและเริ่มจะแห้งแตกของคนเป็นไข้
“กลัวอะไรครับ?” พี่อากาศแกก็ถามทั้งๆที่ปากยังแตะกันอยู่แบบนั้นแหละ
“กลัวว่าพี่จะหมดแรงรอ......”


~~~~~~~~~~~~~


ไอ้หนูป่วนมันพูดเอง แล้วมันก็เขินเอง พอมองหน้าพี่ฟ้าของมันถึงได้รู้สึกประสบความสำเร็จขึ้นมาหน่อยเพราะเห็นร่องรอยบนใบหน้าที่บ่งบอกว่าพี่ฟ้าเองก็เขินมันเหมือนกัน

“พูดอย่างนี้จำได้ใช่มั้ยว่าสัญญากับพี่ไว้ว่ายังไง?” ตัวป่วนมันได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก มือที่ประคองสองแก้มของพี่อากาศแกอยู่ตอนนี้เลื่อนลงมาโอบที่รอบคอ
“อืม.......”

“งั้น คำตอบล่ะครับ ปล่อยให้พี่รอนานแล้วนะ” คนป่วยเห็นท่าทางเขินอายพูดอะไรไม่ออกของไอ้หนูป่วนมันแล้วเลยยิ่งได้ใจคาดคั้นจะเอาคำตอบ
“ก็......ก็พี่ฟ้ายังไม่ได้ถาม” ตัวป่วนมันเริ่มเขินจนอยู่ไม่สุข ตั้งท่าจะผละออกจากท่าที่นั่งอิงๆอยู่บนที่วางแขนโซฟา พี่อากาศแกเลยออกแรงดึงเอวมันลงมาให้นั่งซ้อนอยู่บนตักแล้วโอบแขนพาดไปตามเอวอีกมือก็จับยึดข้อมือเล็กๆนั่นเอาไว้

“งั้นถ้าพี่ถามคราวนี้ ตัวป่วนต้องให้คำตอบพี่นะ” มือที่จับยึดมือของไอ้หนูป่วนอยู่เลื่อนมาแตะบังคับให้ไอ้ตัวก้มหน้างุดๆมันต้องเงยหน้าขึ้นสบตาด้วยทั้งๆที่ยังไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้นเลยด้วยซ้ำ

“พี่รักตัวป่วน รักมาก รักมานาน แล้วก็จะไม่เลิกรักด้วย......แล้วตัวป่วนล่ะครับ รักพี่รึยัง?”

“ผม......ผม......” แววตาที่แสดงออกว่ากำลังรอคอยอย่างมีความหวังทำให้ตัวป่วนมันแข็งใจพูดออกไปจนได้ แถมพอพูดออกได้คำพูดก็พรั่งพรูออกมารัวเร็วอย่างกับน้ำในเขื่อนที่ถูกปล่อยลงคลองชลประทาน

“ผมก็รักพี่ รักมาก แล้วก็จะไม่เลิกรักด้วย”
ตัวป่วนมันพูดๆๆ แล้วก็อายตัวเองจนต้องซุกหน้าลงบนบ่าของพี่อากาศ ในใจก็คิด ‘จะทำไงดี บอกรักไปแล้วถ้าพี่เขาขอทำรักขึ้นมาจะว่ายังไง กลัวๆๆ แต่คงไม่หรอกนะ ก็พี่ฟ้าไม่สบายคงไม่มีอารมณ์ทำอะไรแบบนั้นหรอก’

ส่วนพี่อากาศน่ะเหรอ ดื่มด่ำกับคำรักของไอ้หนูป่วนอยู่เสี้ยววินาที มือที่โอบเอวเด็กน้อยที่มัวแต่ถามตัวเองในใจก็เริ่มเลื้อยลงไปดึงชายเสื้อนักศึกษาของไอ้ตัวเล็กบนตักออกจากกางเกง แล้วชั่วขณะที่หนูป่วนมันยังคิดเองเออเองไม่จบ พี่ท่านก็สอดมือเข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อที่เฝ้ารอเวลาจะได้สัมผัสมานานนักหนาแถวชายโครงเสียแล้ว


ตัวป่วนมันสะดุ้งกับสัมผัสจากฝ่ามือร้อนผ่าวของคนตัวโตที่กำลังเป็นไข้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอเข้ากับแววตาดำสนิทที่กำลังส่งผ่านความต้องการมาอย่างเปิดเผย ปากที่ขยับจะส่งเสียงปฏิเสธก็ถูกยับยั้งไว้ด้วยริมฝีปากรุมร้อนของอีกคนจูบที่เคยมีแต่รสหวานละมุนให้กับเจ้าตัวเล็กมาตลอดวันนี้กลับเต็มไปด้วยอาการเร่งเร้าและเรียกร้อง ลิ้นที่เคยค่อยขยับและเล็มเชื่องช้ากลับฉกตวัดอยู่ภายในปากบางอย่างถี่รัว.....เหมือนการฉกเข้าหาเหยื่อของงูไม่มีผิด

ตัวป่วนมันไม่รู้หรอกว่าตัวเองส่งเสียงงึมงำอะไรไม่ได้ศัพท์ออกไปบ้าง มือทั้งสองข้างที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระกำขยำลงกับเสื้อยืดเนื้อบางของพี่อากาศตัวโตเสียแน่น
ใบหน้าแหงนเงยตอบรับการซุกไซ้ดูดดุนไปตามซอกคอจนผิวบางๆขึ้นรอยของคนที่ไม่ยอมห้ามใจอีกต่อไป จนรับรู้ถึงสัมผัสที่ยอดอกจากปลายนิ้วของพี่อากาศนั่นแหละ คนถูกรุกเร้าโดยไม่ทันตั้งตัวถึงได้มีสติขึ้นมาเพราะตกใจกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัส ตัวป่วนมันโก่งตัวออกห่างจากมือของพี่อากาศคนเอาแต่ใจ แล้วก็รวบรวมสติออกปากห้าม

“พี่ฟ้า หะ....หยุด”
“ทำไมล่ะครับ” ตอบน่ะตอบน้องมัน แต่มือไม้กลับดึงรั้งให้ตัวบางๆนั่นเข้ามาแนบชิดใหม่ แถมไม่พูดธรรมดา แต่กลับกระซิบตอบที่จุดอ่อนตรงริมหูไอ้หนูป่วนเข้าให้ แล้วยังแลบลิ้นออกมาลากเลียไปตามใบหูนิ่มๆนั่นอีก

“พอนะ นะ หะ...หะ.......” เสียงพูดกระท่อนกระแท่นเจือกับเสียงหายใจหอบยิ่งทำให้พี่อากาศได้ใจ มือที่ไม่ได้ใช้โอบประคองแผ่นหลังเจ้าตัวป่วนไว้เลยเริ่มสอดมาด้านหน้าลงมือปลดหัวเข็มขัดที่คาดทับอยู่บนกางเกงนักศึกษาของคนที่พยายามจะดิ้นหนีมือทั้งที่ตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด

“พี่ฟ้า......ฮึก ฮือ.....”
“ตัวป่วน พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ ไม่ร้องนะครับ พี่ไม่ทำแล้ว อย่าร้องไห้นะ ไม่ทำอะไรแล้วนะครับ โอ๋ๆๆๆ”


เอิ่ม.....นั่นแหละ ความพยายามในการขอร้องของไอ้หนูป่วนมันไม่ได้ผล มันเลยปล่อยโฮออกมาง่ายๆ อย่าเข้าใจผิดนะ ไอ้หนูป่วนมันไม่ได้บอบบางอะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องไห้นะ มันแค่เสียใจ มันคิดว่าพี่อากาศที่เคยแต่ตามใจมาตลอดอยู่ๆก็จะบังคับมัน ก็มันอุตส่าห์บอกไปแล้วว่ารักพี่เขามาก นี่คนที่มันรักมากกลับมาขัดใจมัน มันก็เลยบ่อน้ำตาแตกเอาง่ายๆ

สงสารแต่พี่อากาศ อุตส่าห์วางแผนใช้อาการป่วยของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ไม่รับโทรศัพท์จนล่อไอ้หนูป่วนมาหาได้ถึงที่ กะจะเปลี่ยนคอนโดเงียบเหงาให้เป็นรังรัก แค่เห็นน้ำตากับอาการสะอึกสะอื้นของไอ้ตัวบางๆนี่เท่านั้นแหละ ไอ้ที่กำลังพองมันก็ยุบลงได้ทันที

“พี่ฟ้า.....ไม่รักผมแล้วเหรอ?”
ดูมันนะ จนพี่อากาศแกหยุดการกระทำทุกอย่าง เปลี่ยนมาเป็นโอบประคองไอ้ตัวสะอึกสะอื้นบนตักไว้หลวมๆแล้วโยกตัวไปมาเหมือนกล่อมเด็กแล้วแท้ๆ ไอ้หนูป่วนมันก็ยังไม่เลิกตัดพ้อต่อว่าพี่เขา

“รักสิครับ พี่รัก....รักมากที่สุดเลย ไม่เอานะ อย่าขยี้ตานะคนเก่ง” พอเห็นตัวป่วนมันยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตา พี่ฟ้าของมันก็โน้มตัวไปจูบซับให้แทน แล้วเลยแตะจูบเบาๆไปทั่ววงหน้า


“งั้นอย่าทำอย่างนี้กับผมอีกนะ ได้มั้ย?”
“พี่.....ป่วนก็รู้ว่ามันยาก..”
“งั้น......ถ้าผมไม่อนุญาตห้ามทำอีก รอผมอีกนิด.....ไม่ได้เหรอพี่ฟ้า?” เออนะ ใครมาเห็นไอ้ลูกกะตาแดงๆฉ่ำน้ำตาแบบนี้เงยขึ้นอ้อนในระยะประชิดจะใจแข็งไม่ทำตามคำขอก็ให้มันรู้ไป

“ตกลงครับ.....พี่จะรอ แต่ตอนนี้หายโกรธพี่นะ.....” โถ......ตัดใจตอบตกลงแล้วก็ถอนหายใจเฮือกๆ ใจอ่อนเอง ช่วยไม่ได้นะพี่อากาศ
“อืม.......งั้นพี่ฟ้าไปอาบน้ำนะ ผมจะทำอะไรให้กิน แล้วจะได้กินยา” ไอ้หนูป่วนที่หยุดร้องไห้ไปตอนไหนไม่รู้ออกคำสั่งกับคนป่วยแล้วก็ตั้งท่าจะลุกขึ้นจากตัก


“พี่ไม่มีแรง ป่วนเช็ดตัวให้ไม่ได้เหรอ?”
“อย่ามา......ไม่มีแรงบ้าอะไรเล่า เมื่อกี้ทำอะไรได้ตั้งมากมายขนาดนั้น ยังมีหน้ามาบอกไม่มีแรงอีกนะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลย แล้วไม่ต้องเปิดน้ำอุ่นจัดนะพี่ฟ้า ถ้าอาบน้ำเย็นไม่ไหวอนุญาตให้เปิดน้ำอุ่นได้นิดหน่อย ไข้จะได้ลดเร็วๆ”
“คร้าบบบบบบบบบๆๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะคร้าบ”


พี่อากาศปล่อยตัวไอ้หนูป่วนแล้วยอมขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำแต่โดยดีนานแล้ว แต่ไอ้หนูป่วนยังนั่งหน้าแดงกองอยู่บนโซฟาตัวเดิมนั่นแหละ ก็มันลองยืนขึ้นเมื่อกี้นี้ แต่ขามันสั่นนี่นา โดนทำไปขนาดนั้นจะให้เดินไหวทันทีได้ยังไงเล่า โถ.....เด็กน้อยเอ๊ย

~~~~~~~~~~~~~





Create Date : 01 มีนาคม 2554
Last Update : 1 มีนาคม 2554 19:50:05 น.
Counter : 361 Pageviews.

2 comments
  
พี่ฟ้ารุกเร็วมาก แต่ก็แพ้น้ำตาหนูป่วนเรา อิอิ
โดย: sai IP: 58.137.154.162 วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:11:21:12 น.
  
พี่ฟ้าก็งี้แหละค่ะ แพ้เด็ก กร๊ากกกกกกกกกกกก
โดย: paina วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:21:12:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
มีนาคม 2554

 
 
2
3
4
7
10
11
13
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog