พิมตะวัน ตอนที่02
ตอนที่๒ ละครหนึ่งฉาก


ถึงน้องรุ่งที่รักของพี่

วันนี้พี่มีบทละครจบในฉากเดียวมาให้ลองอ่านค่ะ
กะว่าจะเอาไปเสนอขายให้ไอ้พวกที่มันคิดจะทำละครฉลองงานวันเกิดคณะต้นเดือนพฤศจิกานี้เสียเลย


เปิดม่านมาฉากเป็นซุ้มการะเวกกำลังออกดอกดก มีรังมดแดงใหญ่เบ้อเริ่มอยู่หนึ่งรังด้วย
ถัดไปด้านหลังมีม้านั่งยาวทำจากเหล็กมีพนักพิงทาสีเขียวเข้ม

ชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สั้นสีขาวกางเกงสแล็คและรองเท้าหนังสีดำเปื้อนคราบโคลนเล็กๆเพราะน้ำท่วมเพิ่งลดยืนเผชิญหน้าระยะประชิดกับหญิงสาวสูงเพรียวในชุดนักศึกษาเสื้อพอดีตัว กระโปรงทรงสอบยาวแค่เข่าตามระเบียบเป๊ะกับรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด

ชายหนุ่มยื่นมือไปจับปอยผมที่ระอยู่ข้างแก้มชื้นเหงื่อของหญิงสาวทัดให้ที่ใบหูอย่างนุ่มนวล
หญิงสาวก้มหน้า(หันออกหาผู้ชม) มีสีหน้าลำบากใจ หัวคิ้วขมวด ปากเม้มแน่น มือทั้งสองกำสายเป้ทั้งสองข้างที่สะพายติดหลังจนแน่น แล้วพูดว่า

“เรา.....ลองห่างกันสักพักดีกว่ามั้ยคะ พี่เอ”
“บี!?”
ชายหนุ่มอุทานเสียงพร่า มือทั้งสองยื่นไปบีบที่ต้นแขนทั้งสองข้างของหญิงสาวทันทีโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นช้าๆ สบตากับชายหนุ่มด้วยแววตาสั่นระริก

“ไม่ใช่ว่าเราจะเลิกกันนี่คะ เพียงแต่บีรู้สึกว่า....ต้องการพื้นที่ส่วนตัวอีกนิด คือ......บีขอโทษค่ะ”

ชายหนุ่มทิ้งมือทั้งสองข้างที่จับอยู่ที่ต้นแขนของหญิงสาวออกอย่างคนหมดแรง ส่งแววตาตัดพ้อและไม่เข้าใจไปให้หญิงสาว
ค่อยๆก้าวถอยหลังจนไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วเท้าศอกทั้งสองข้างลงกับหัวเข่ามือประสานรองรับหน้าผาก
สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น

“มีเหตุผลรึเปล่าครับ มีอะไรที่พี่ทำไปแล้วทำให้บีลำบากใจ....บอกพี่ได้มั้ย?”
“ไม่หรอกค่ะ พี่เอเป็นคนดี ดีกับบีทุกอย่าง......แต่.....”

หญิงสาวหยุดประโยคไว้แค่นั้น แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม นั่งยองๆบนปลายเท้าแล้วจับมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มลงมากุมไว้ตรงหน้าขาของชายหนุ่มเอง
ทั้งสองสบตากัน.......

ไฟรอบหรี่ลง เหลือไว้แต่สปอตไลท์ที่จับอยู่ที่นักแสดง ก่อนจะค่อยๆหรี่ลงช้าๆ
เพลง ‘ดีเกินไป’ ท่อนฮุคขึ้น (เวอร์ชันอะคูสติค)

*หมายเหตุ เผื่อน้องรุ่งจำไม่ได้ เพลงนี้ดังมากตอนเราอยู่ประมาณ ป.๓- ป.๔ เนื้อท่อนฮุคก็ “เลิกพูดได้มั้ย ว่าฉันดีเกินไป นั่นหรือเหตุผลที่ให้ได้.......ไม่รักก็อย่าทำเห็นใจ ฮื่อ..ฮือ ถ้าเลือกจะไป ให้บอกคำเดียวเท่านั้น.....อย่ามาฆ่ากันด้วยคำว่าดีเกินไป”


เป็นไงบ้างคะ น้องรุ่งว่าบทละครฉากนี้จะขายออกมั้ย? อย่างที่เดาได้แหละค่ะ แค่เปลี่ยนชื่อตัวละครเสียใหม่ ให้นายเอเป็นพี่ดอน ส่วนน้องบีเป็นน้องขวัญ ด้วยขั้นตอนง่ายๆนี้ คุณก็จะพบกับสถานการณ์จริงช่วงหกโมงเย็นวันนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีไทม์แมชชีน

แซร่าห์ : โอ้ววววว นี่มันยอดมากเลยค่ะจอร์จ ชั้นไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย โอ.......พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก
จอร์จ : และยิ่งไปกว่านั้น เพียงคุณสั่งด่วนภายในสิบนาทีนี้ เราจะแถมโปรโมชั่นลดอีกสิบเปอร์เซ็นต์ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มจริงๆนะครับแซร่าห์ ผมรอที่จะกดสั่งซื้อไม่ไหวแล้วครับ

อะไรนะคะน้องรุ่ง? อ้อๆ อย่าเพิ่งสติแตกเหรอคะ? ฮ่าๆๆๆๆ ก็พี่ไม่อยากเศร้าไปมากกว่านี้นี่นา เฮ้อ....ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

คงเป็นเพราะพี่เองนะคะ ที่ทำตัวติดหนึบกับน้องขวัญมากเกินไป โดยไม่ทันเตรียมใจน้องขวัญคนดีถึงยื่นข้อเสนอนี้มาให้ พี่ไม่ได้ไร้ประสบการณ์จนไม่รู้นี่คะ ว่าไอ้คำว่า ‘ห่างกันสักพัก’ มันก็เท่ากับการขอเลิกแบบนุ่มนวลนั่นเอง

ห้าเดือนเชียวนะคะระยะเวลาของความสัมพันธ์ที่น้องขวัญเรียกว่าลองคบๆกันดูครั้งนี้ ทั้งๆที่พี่เริ่มรู้สึกว่า “ใช่” แล้วแท้ๆ แต่คำตอบของอีกคนกลับกลายเป็น “ไม่ใช่” ไปเสียได้

ถ้าน้องรุ่งจะถามพี่ดอนว่าแล้วตกลงความเจ็บมันเท่าครั้งก่อนรึเปล่า พี่ตอบได้เลยนะคะว่ามันไม่เท่า คราวก่อนพี่อกหักเพราะแอบรักแฟนคนอื่น แอบมองแอบหวังอยู่ถึงสามปี แต่ตลอดเวลาสามปีนั้นก็เผื่อใจไว้ตลอดเวลาว่าเขามีเจ้าของแล้ว มันยากที่จะสมหวัง

พี่ภพเข้ามาให้พี่อยากยึดเป็นที่พักหัวใจได้ถูกที่ถูกเวลาที่สุด เพราะเข้ามาหลังจากที่น้องสาวของพี่จากไปแค่ไม่ถึงเดือน แล้วลักษณะอบอุ่น พร้อมจะเข้าใจน้องๆของพี่เขาก็เป็นสิ่งที่พี่ต้องการ ทำให้พี่ประทับใจ จนพอรู้ตัวอีกทีก็คอยแต่จะมองตามทุกการเคลื่อนไหวของพี่เขาไปเสียแล้ว

แต่คราวนี้น้องขวัญเป็นฝ่ายหยิบยื่นโอกาสที่จะรักมาให้พี่ พี่เลยศึกษาน้องเขาด้วยความมั่นใจเต็มร้อย
พอมาเจอกับเหตุการณ์เมื่อเย็นเข้าพี่เลยรู้สึกเหมือนจะเข็ดๆขยาดๆยังไงก็ไม่รู้สิคะ มันไม่ถึงกับเจ็บจนหายใจลำบากแบบคราวก่อน แต่กลับรู้สึกจุกๆหน่วงๆ แถมยังทำให้พี่สรุปได้ว่า....
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเข้าหา หรือเป็นฝ่ายถูกเข้าหา เราก็มีสิทธิ์เจ็บจากความสัมพันธ์ได้เหมือนกัน

เจ็บคราวนี้ถึงไม่รุนแรงนัก แต่พี่ดอนคงต้องใช้เวลาทำใจอีกยาวเลยล่ะค่ะ
พี่ดอนผู้กำลังอยู่ในช่วงขยาดแต่ยังไม่เข็ด



ปล.ฉบับหน้าพี่จะเปลี่ยนสถานที่เขียน ดีใจกับพี่ล่วงหน้าได้เลยนะคะน้องรุ่ง เหลือฝึกงานตัวเดียว....ตัวต่างจังหวัด พี่จะไปใช้เวลาทำใจหกสัปดาห์เต็มที่ตาก โรงพยาบาลประจำจังหวัดยกกลุ่มสี่คนเลยค่ะ คาดว่าจะเป็นหกสัปดาห์ที่สนุกแล้วก็หนาวมากแหงๆ



พี่ดอนของน้องรุ่งหยิบกระดาษจดหมายสองแผ่นซ้อนกันแล้วพับสามทบอย่างเคย ก่อนจะสอดใส่ซอง แล้วจ่าหน้าถึงน้องสาวบนสวรรค์
ปิดไฟแล้วไปล้มตัวลงนอน หลับตาข่มใจให้หลับอยู่สักพักก็กลับหลับไม่ลงทั้งๆที่รับรู้ว่านี่เป็นเวลาย่างเข้าวันใหม่และร่างกายที่เหนื่อยล้าก็ต้องการการพักผ่อนเต็มที

หลังจากพลิกซ้ายพลิกขวา คว่ำหน้า กลับหัวนอน ยกหมอนออก จนเวลาผ่านไปอีกเกือบชั่วโมง เลยตัดสินใจย่องออกจากห้องแล้วเดินไปเปิดประตูห้องตรงกันข้ามอย่างเบามือ
ชะโงกหน้ามองคนในครอบครัวหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ที่กำลังนอนหลับสนิทฟากด้านที่ชิดผนังบนเตียงกว้างขนาดนอนเรียงกันได้สามคนสบายๆเหมือนเมื่อสิบปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน ก่อนจะสอดตัวเองเข้าไปใต้ผ้าห่ม สูดหายใจเข้าสุดปอดแล้วข่มตานอนอีกครั้ง

“พี่ดอน.....นอนไม่หลับเหรอ?”

“ครับหม่าม้า....”


คุณเอมอรเท้าแขนขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน ชะโงกตัวมองโครงหน้าลูกชายในความมืด แล้วก้มลงแตะกึ่งปากกึ่งจมูกลงบนหน้าผากที่โผล่พ้นผ้าห่มนวมออกมาเพียงนิด ตามด้วยวางมือเล็กบางลูบช้าๆบนศีรษะที่เห็นเพียงเงาๆ

“นอนให้หลับนะพี่ดอน.....แล้วในใจมีอะไรวุ่นวายนักก็เปิดปากพูดระบายออกมาบ้างเถิดนะคะลูก ยังไงพี่ดอนก็มีหม่าม้าอยู่ตรงนี้นะ”


..โปรดติดตามตอนต่อไป..



Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2554 2:36:11 น.
Counter : 352 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
3
6
8
16
18
19
20
21
22
24
27
 
 
14 กุมภาพันธ์ 2554
All Blog