เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก ตอนที่๕


“พี่ฟ้า.....”

หลังการสบตาเนิ่นนานกินเวลาไปเกือบสิบวินาทีก็มีเสียงเพ้อๆหลุดออกจากปากเจ้าตัวป่วน แถมพอได้ยินเสียงตัวเองเรียกชื่อคนที่ยังนั่งอยู่ออกไปแบบนั้นสติคงกลับมาอย่างสมบูรณ์ และพอสติสมบูรณ์ปุ๊บตัวป่วนมันก็อายปั๊บ ขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าก็ทำท่าจะเปลี่ยนทิศหันหลังกลับซะอย่างนั้น
ไอ้เพื่อนแผนเห็นท่าไม่ดีเลยรีบคว้าต้นแขนเพื่อนเอาไว้ก่อน พอดีกับคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะส่งเสียงมา

“พี่มารอ...”
ประโยคนั้นถูกเจ้าของประโยคทอดเสียงที่คำท้ายจนเหมือนกำลังออดอ้อน และได้ผล ไอ้ตัวป่วนที่เริ่มคิดได้ว่าหนีไปก็เท่านั้นค่อยๆก้าวเข้าไปหาเจ้าของเสียงตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เพียงก้าวไปถึงและกำลังจะทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับคนที่บอกว่ามารอ ก็ได้ยินประโยคที่ทำให้วางหน้าไม่ถูกดังมาอีก

“พี่มารออยู่ตั้งนานแน่ะ ตั้งแต่ซุ้มน้ำตรงนั้นยังไม่เปิดเลย เมื่อคืนตื่นเต้นมากรู้มั้ย แทบนอนไม่หลับ ป่วนตื่นเต้นที่จะได้เจอพี่รึเปล่า?” อึ๋ย แหวะ ช่างกล้าพูดออกมาได้ หน้ามึนไปมั้ยคุณพี่ฟ้า

“ก็..นิดนึง” คำตอบที่งุบงิบตอบไปนั่นคงถูกใจคุณพี่ฟ้าแกมาก รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปากถึงแย้มออกไปอีกจนเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้ายเป็นรอยบุ๋มลงไปชัดเจน

“นิดนึงมาก นิดนึงจนลำบากเพื่อนต้องตื่นเช้าไปด้วยเลยนะไอ้ป่วน” ไอ้คุณแผนมันคงเริ่มหมั่นไส้กับสถานการณ์โลกนี้มีเพียงสองเราเลยอดแทรกขึ้นไม่ได้

“แผนกับป่วนยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่มั้ย ไปหาอะไรกินกัน พี่เลี้ยงเอง” ดีมากพี่ฟ้า รักจะจีบเพื่อนมันก็ต้องเอาใจมันหน่อย ทางจะได้สะดวก คุณพี่แกชวนไปก็เริ่มเก็บข้าวของลงกระเป๋าเป้ไปด้วย

“ไม่ดีกว่าครับ พี่ไปกับไอ้ป่วนมันเหอะ เดี๋ยวผมหาอะไรกินตรงนี้แหละ” ไอ้แผนนี่ก็ไม่เสียเวลาคิดสักนิด ปฏิเสธได้ทันทีทันใดจริงๆ แต่มีหรือไอ้ตัวป่วนมันจะยอมไปกับพี่ท่านแค่สองต่อสองง่ายๆ

“แผน ไปด้วยกันเหอะ”

“ไม่เอาเว้ย เดี๋ยวไอ้นุ่นมาแล้วไม่มีใครอยู่สักคนมันจะหงอย”

“งั้นเราก็กินกันที่นี่หมดเลยดีกว่านะ ไม่ต้องไปหรอก”

“ไม่ต้องเลยไอ้ป่วน แกมีเรื่องอยากคุยกับพี่เขาไม่ใช่เหรอ? นี่อีกตั้งเกือบสองชั่วโมงนะกว่าจะเข้าแล็บ ก็ถือโอกาสคุยซะเลยสิวะ”

“ป่วน เรามีเวลาตั้งนาน ข้ามไปฝั่งนู้นหาอะไรกินก็เดินไม่ถึงห้านาทีเอง คราวนี้ป่วนสงสัยอะไร อยากรู้เรื่องอะไรพี่จะตอบให้หมดเลย นะครับ ไปกับพี่นะ”

“แต่..ผม..”

“งั้นเรากินข้าวตรงนี้ก็ได้ แต่ถ้าอีกเดี๋ยวเพื่อนๆในคณะมา ป่วนจะแนะนำพี่ว่ายังไงครับ?”

ตอนนี้ตัวป่วนมันเข้าใจแล้วว่าแววตาวิบวับหลังเลนส์นั่นแสดงออกว่าเจ้าของตาคมๆนั่นเจ้าเล่ห์แค่ไหน นี่ตอนชวนก็คงแน่ใจอยู่แล้วสินะว่ายังไงมันก็ต้องยอมไปด้วยจนได้ เพราะอย่างไรเสียมันคงไม่ยอมให้เพื่อนทั้งคณะมารู้ด้วยหรอก ว่าเจ้าของกลอนคนนั้นรุกเข้ามาถึงตัวแล้ว

อันที่จริงคุณพี่ฟ้าแกคาดการณ์เอาไว้แต่ต้น ตั้งแต่ที่เลือกมานั่งรอตรงนี้เลยด้วยซ้ำว่ามื้อเช้านี้ยังไงก็ต้องได้ไปกินด้วยกันสองคน

“หงะ..งั้นไปกันเลยดีกว่าพี่”

ได้ยินอย่างนั้นไอ้ตัวป่วนมันก็เริ่มออกอาการลนลาน จะบอกว่ามันกลัวที่ใครๆจะมองว่ามันถูกผู้ชายจีบก็ไม่ใช่ แต่ที่ลนลานน่ะเพราะมันอายมากกว่า อายเพื่อนไม่เท่าไหร่ แต่อายไอ้พี่บ้านี่มากกว่า
ก็กลอนที่เคยได้มาทุกบทไอ้นุ่นมันจัดการอ่านออกเสียงให้เพื่อนๆรับรู้รับฟังกันหมดแล้ว ถ้ามาเห็นมันอยู่พร้อมกับไอ้พี่หน้าไม่อายคนนี้ยังไงก็ต้องมีไอ้พวกปากมอมเข้ามาแซวแน่ๆ

ลำพังเพื่อนแซวไอ้ตัวป่วนมันไม่มีกลัวหรอก ก็แค่ตอบโต้ไปบ้าง แซวกลับไปบ้าง แต่ไอ้ตัวป่วนมันกลัวตัวเองจะตอบโต้ไม่ออกเพราะอยู่ต่อหน้าไอ้พี่บ้านี่น่ะสิ แค่พี่แกพูดออกมาแต่ละประโยคมันก็อายจะแย่ ไม่รู้จะตั้งหน้าตั้งตาจีบอะไรนักหนา

“พี่ มือ...”

“.....?....”

“คือ มือพี่มันจับมือผม คือ..”

“ก็ต้องจูงไว้สิครับ เดี๋ยวเผื่อตัวป่วนเปลี่ยนใจไม่ไปกินข้าวกับพี่ พี่ก็แย่สิ”

แน้....สะบัดยังไงก็ไม่ยอมปล่อย แถมยังอมยิ้มซะแก้มตุ่ยอีกต่างหาก ท่าทางจะมีความสุขมากนะไอ้คุณพี่ฟ้า นิ่มดีมั้ยล่ะมือไอ้หนูป่วนน่ะ

“ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกน่า พี่ไม่ต้องจูงก็ได้”
คุณพี่ฟ้าแกไม่ธรรมดาจริงๆ สงสัยจะมีเชื่อสายมนุษย์ปลาหมึก พอตัวป่วนมันตกลงจะไปกินข้าวด้วยปุ๊บ พี่แกก็อาศัยจังหวะเผลอๆฉวยมือน้อยๆของมันไปกุมไว้แล้วพาออกเดินทันที
ไอ้หนูป่วนมันออกจะรักนวลสงวนตัวมันเลยพูดเตือนให้ปล่อย พอไม่ได้ผลก็ทั้งบิดข้อมือ ทั้งสะบัด แต่ยังไง้ยังไงก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมของมือใหญ่ๆนั่นสักที

“ทำไมล่ะครับ ตัวป่วนไม่ชอบให้พี่จับมือเหรอ?”
นั่น ดูคุณพี่ฟ้า ถ้ามีรางวัลพระเอกแหลยอดเยี่ยมจะยกให้แกเลย ทำเป็นถามน้องมันเสียงอ่อย แล้วไอ้ตาหมาหงอยนั่นมันอะไรกัน นี่แกหวังเรียกความเห็นใจใช่มั้ย แกเชื่อทฤษฎีความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรักล่ะสิ

“เอ่อ...ก็ ก็ไม่ใช่อย่างนั้น” ไอ้นี่ก็ใจอ่อนเกิ๊นนนนนน แล้วหน้าน่ะจะแดงไปไหน แกเป็นโรคความดันโลหิตสูงรึไงไอ้หนูป่วน

“ไม่ได้ไม่ชอบ แล้วทำไมถึงต้องห้ามพี่ด้วยล่ะครับ? หืม?” ตีบทแตกจริงเว้ย จะหงอยเอาโล่เลยใช่มั้ย

“ก็มันไม่เหมาะ” ไอ้ตัวป่วนนี่ก็มัวแต่ก้มหน้างุดๆ เขาจูงไปทางไหนก็เดินตามเขาต้อยๆ นี่ถ้ามันเงยหน้ามาเสียหน่อยก็จะได้เห็นหรอก....ว่าสีหน้ากับแววตาคุณพี่ฟ้ามันออกจะระริกระรี้ห่างไกลกับความหงอยของน้ำเสียงหลายขุม

“ไม่เหมาะตรงไหนล่ะครับ คนรักกันเดินจับมือกัน ไม่เห็นแปลกเลย”

“ฮะ...พี่ว่าไงนะ?” ตัวป่วนมันตาโตหลังประโยคลอยๆนั่น แถมอาการอ้าปากค้างเข้าไปอีก กว่าจะสำลักคำถามนี้ออกมาได้ ไอ้คนพูดให้คิดนั่นก็ทำหน้าซื่อตาใสส่งกลับมาให้ซะงั้น อย่าไปคิดเชียวว่าจะได้ยินคำยืนยันว่าเมื่อกี้หลุดพูดอะไรออกมา

“อ้ะ ร้านนี้นะครับ กินโจ๊กกัน เช้าๆอย่างนี้ป่วนไม่กินอะไรหนักๆใช่มั้ย?” ว่าแล้วไอ้พี่ฟ้ามันก็จัดการกดไหล่ตัวป่วนให้นั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย แล้วดูเถอะ เถียงกันไปเถียงกันมาเรื่องจับมือปล่อยมือมาตลอดทาง
สรุปพี่ฟ้ามันก็จูงไอ้หนูป่วนมาจนถึงร้านโจ๊กนั่นแหละ ได้กำไรไปเต็มๆไอ้คนเจ้าเล่ห์

กินโจ๊กเสร็จคุณพี่ฟ้ามันก็จูงน้องไปร้านกาแฟข้างๆ ไม่ยอมคุยที่ร้านโจ๊กเพราะเหตุผลว่านั่งนานไม่ได้ เดี๋ยวเจ้าของร้านจะสาปแช่งเอา

ตัวป่วนมันก็ตามเขาไปแบบลอยๆ อายคนเดินผ่านไปผ่านมาที่มาถูกผู้ชายตัวใหญ่ๆจูงให้เดินตามต้อยๆจนเลิกอายแล้ว และท่ามกลางกลิ่นกาแฟคั่วใหม่ๆหอมจนอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้นั่น ตัวป่วนมันก็เริ่มตั้งคำถาม ก็ในเมื่อคนสร้างปัญหาให้หัวใจมานั่งอยู่ตรงหน้าอย่างนี้ จะปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆทำไมล่ะ ยังไงซะวันนี้ก็ต้องเคลียร์ให้ได้

“พี่ฟ้า............”

“ครับ?”

“พี่จะจีบผมเหรอ?”

“ใครบอก...”

“เอ๊ะ งั้นทำไม..”

“ก็พี่ไม่ได้จะจีบนะครับ แต่พี่จีบไปแล้ว ตอนนี้ก็รออยู่เนี่ยว่าตัวป่วนจะใจดียอมรับรักพี่รึเปล่า”

ตัวป่วนมันมองเข้าไปในตาคมๆของคนที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ง่ายๆแล้วก็ต้องยอมรับ....ยอมรับว่าคนตรงหน้ารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ และยิ่งได้รู้ ตัวป่วนมันก็ยิ่งอาย...และมันก็กัดฟันถามต่อไปทั้งๆที่อายแทบตายนั่นแหละ

“ทำไมถึงเป็นผม?”

“เพราะพี่เชื่อในพรหมลิขิตน่ะสิ”

“พรหมลิขิต?”

“ใช่ ตัวป่วนจำพี่ไม่ได้ แต่พี่จำได้ จำได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน”

“แปลว่า...ไม่ใช่ในห้องเรียนที่อักษร?”

“ในลิฟต์ ที่แพทย์ สี่ปีที่แล้ว.......”

“สี่ปี นานจังเลย...”

“ตอนนั้นพี่ไปหาเพื่อนที่แล็บพยาธิอะไรไม่รู้ของมันที่ชั้น11 ประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็มีเด็กผู้ชายใส่ชุดนักเรียนคนหนึ่งเรียกเอาไว้ พอพี่กดเปิดให้ลิฟต์รอ เด็กคนนั้นก็วิ่งเข้ามากดเลือกชั้น12 เด็กนั่นยิ้มขอบคุณพี่ ยิ้มกว้างจนตาหยี หูก็เสียบหูฟัง สีหน้ามีความสุขจนพี่ต้องพลอยยิ้มตามไปด้วย ลิฟต์ขึ้นจากชั้น1ไปชั้น11ก็นานเหลือเกิน นานจนพี่จำได้ทั้งหมด ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าของเด็กคนนั้น...”

“พี่ฟ้า....ผม.....”

“...พอลิฟต์ขึ้นไปจะถึงชั้น11พี่ก็รู้ตัวเสียแล้วว่าอยากจะเก็บรอยยิ้มแบบนั้นไว้เป็นของพี่ แต่ตอนนั้นพี่ยังไม่รู้ว่าอาการแบบนั้นคืออาการของคนตกหลุมรัก และพอพี่จะออกจากลิฟต์ที่ชั้น11 เด็กผู้ชายคนนั้นก็รั้งแขนพี่เอาไว้ หึๆๆ แล้วก็บอกกับพี่ว่า ‘พี่ช่วยขึ้นไปเป็นเพื่อนผมเถอะนะ ผมกลัวผี’ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“ก็มันกลัวจริงๆนี่ ลิฟต์โรงบาล ขึ้นคนเดียวไม่ไหวหรอก น่ากลัวจะตาย ฮะๆๆๆ พี่ฟ้า หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้” ห้ามคนตรงข้าม แต่ตัวเองกลับหัวเราะขำเสียเองจนตัวงอ ป่วนเอ๊ยป่วน

“ฮ่าๆๆๆๆ อะไรตัวเองก็หัวเราะ แล้วจะมาห้ามพี่เนี่ยนะ”

สองคนคุยกัน หัวเราะกันไปหัวเราะกันมา มือของตัวป่วนก็ถูกคุณพี่ฟ้ากุมเอาไว้อีกแล้ว

“พี่ฟ้า..........”

“คืนนั้นพี่กลับถึงบ้าน พี่ก็ได้แต่คิดว่า ถ้ามีโอกาสอีกสักครั้ง ถ้าได้เจอเด็กคนนั้นอีกครั้ง พี่จะถือว่ามันเป็นพรหมลิขิต แล้วพี่ก็จะไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปอีกแน่นอน....”
คราวนี้ตาสองคู่สบกัน แล้วในที่สุดตัวป่วนมันก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ หลุบตาลงมองที่โต๊ะ แต่พอมองไปที่โต๊ะก็เจอกับภาพมือตัวเองที่ถูกมือใหญ่ๆของอีกคนกุมไว้แนบแน่น และทั้งที่อาย แต่มันก็ไม่มีความคิดที่จะดึงมือออกจากการเกาะกุมนั้นเลย


“พี่ไม่ต้องเดินไปส่งผมหรอก แค่ข้ามถนนเอง”

“พี่อยากไปนี่นา”

“เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ แล้วไม่เหนื่อยเหรอ?”

“ฮ้า....ชื่นใจ”

“หืม..?”

“ก็ชื่นใจที่ตัวป่วนเป็นห่วงพี่ไงครับ”

ตอนนี้หัวใจไอ้หนูป่วนกำลังเต้นแรงจนมันกลัวว่าใจจะหลุดออกมานอกอกแบนๆของมันแล้ว ไอ้พี่บ้านี่ก็พูดเรื่องแบบนี้ออกมาอย่างกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ ไม่เข้าใจว่าไม่อายปากบ้างเลยหรือไง แล้วอะไรกันนักหนากับมือเนี่ย จับอยู่ได้ บอกไม่ต้องจูงก็ยังจะทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้เสียอีก

แถมพอเดินมาจนจะถึงโต๊ะคณะ คุณพี่ฟ้าเธอก็ล้วงเข้าไปในเป้สะพายหลัง แล้วหยิบกล่องแบนๆยาวๆออกมากล่องหนึ่งแล้วส่งให้ บอกให้ตัวป่วนเอาช็อคโกแลตข้างในออกมาแบ่งกินกับเพื่อนได้ แต่การ์ดที่แนบไว้อยากให้เปิดอ่านก่อนนอน แถมยังบอกอีกว่าคืนนี้จะโทรหา พอบอกว่าไม่ต้องโทรมาก็ทำเสียงออดๆใส่อีก

“ให้พี่โทรหานะครับ พี่สัญญาจะไม่รบกวนนาน นะครับ นะ”

“อืม........”

เพราะรับปากไปนั่นแหละตอนนี้ตัวป่วนเลยกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอน ในมือมีการ์ดกระดาษสารูปวงกลม หมึกสีเขียวกับลายมือเป็นระเบียบที่เริ่มคุ้นตาเขียนตัวอักษรที่ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดรุนแรงจนใบหน้าขาวๆนั้นแดงเถือก

‘ขอกุมมือน้อยไว้ถ่ายไออุ่น
โปรดการุณย์รับรักที่พี่เฉลย
อย่าสลัดตัดไมตรีนะทรามเชย
โปรดจงเผยความในใจให้พี่ฟัง
ขอเพียงมีโอกาสอีกสักหน
ให้ใจล้นรักของพี่นี้มีหวัง
เปิดหัวใจให้พี่เพียงสักครั้ง
พี่จะฝังทั้งชีวิตที่แก้วตา’


---กริ๊งงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงง---
~~~~~~~~~~~~~

อายยยยยยยยยยยยยย
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ



Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2554 7:03:21 น.
Counter : 392 Pageviews.

2 comments
  
พี่ฟ้าขาาาาา หวานได้โล่จริงๆๆๆ


อยากมีแบบนี้สักกะคนฮิ้วววว
โดย: sai IP: 58.137.154.162 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:9:03:23 น.
  
คุณsai พี่ฟ้าของไอ้หนูป่วนม้านนนนนน

ขอบคุณที่ชอบนะคะ นายอากาศแกคงปลาบปลื้มค่ะ
โดย: paina วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:09:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
3
6
8
16
18
19
20
21
22
24
27
 
 
All Blog