พิมตะวัน ตอนที่04
ตอนที่๔ สายตาคู่นั้น


“หิวว่ะ ค่อยไปนั่งจ้องกันต่อในร้านข้าวที่ไหนสักร้านได้ป้ะ?”


ความเงียบจนได้ยินแต่เสียงแอร์รถญี่ปุ่นอายุเกือบสิบปีครางต่ำหวี่......หวี่...... จบลงด้วยเสียงเล็กเบาเหมือนกลัวตัวเองจะปลดสลักระเบิดของไอ้ตัวจุดประเด็นนั่นเอง แถมพอพูดจบมันยังชิ่งหนีเอนตัวนอนลงตักเดิมพร้อมเอาเสื้อเพื่อนก่อมาปิดหน้าปิดตาเสียมิด ปล่อยเพื่อนอีกสองคนที่ยังส่งสายตาไปรวมศูนย์ที่คนขับผลัดสอง พี่ดอนเองตอนนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนตักเหมือนจะหาเลขเด็ดงวดนี้เสียอย่างนั้น

ไอ้คุณจี๊ดซ่อนหัวหลบบรรยากาศมาคุ แล้วนับหนึ่งถึงสิบในใจช้าๆ กะว่าถ้านับครบสิบแล้วยังไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆก็จะหนีตายออกไปโบกรถข้างทางหรือถ้ามันยากนักเดินย้อนกลับไปไม่ถึงกิโลก็เห็นแวบๆว่ามีป้อมแขวงการทางของตำรวจทางหลวงอยู่ พึ่งใครไม่ได้ก็พึ่งคุณตำรวจทางหลวงนี่ล่ะวะ

“ไปหาอะไรกินกันดอน”

เสียงทุ้มเบาดังขึ้นทิศทางมาจากเบาะหน้า พร้อมๆกับที่ไอ้คุณจี๊ดรู้สึกว่าตักที่ยึดเป็นที่หลบระเบิดขยับไหวน้อยๆ ก่อนเสียงตั้บหนักๆจะดังขึ้นสองทีซ้อน แง้มหน้าออกไปดูก็ทันเห็นว่ามือหนาๆสีดำแดงกำลังละจากไหล่กว้างของคนขับที่ตอนนี้เงยหน้ามาส่งยิ้มอิ่มสุข ก่อนนายอรุณรุ่งจะรีบเบือนหน้าไปนอกหน้าต่าง.......หึๆ ทำเป็นเขิน เห็นกันหมดทั้งคันรถแล้วเว้ยไอ้พี่ดอนว่าเนียนยกหลังมือปาดน้ำตาอ้ะ


ร้านอาหารเรือนไม้โปร่งโล่งมีโต๊ะวางให้บริการอยู่เพียงหกตัว หากแต่มื้อกลางวันวันนี้กลับถูกจับจองเพียงตัวเดียวด้วยหนุ่มสาวสี่คน คุณยายเจ้าของร้านที่ทำหน้าที่บริกรยิ้มแย้มยืนรอรายการอาหารจากลูกค้าสี่คนที่จนแล้วจนรอดก็เอาแต่นั่งมองหน้ากัน แผ่บรรยากาศพิพักพิพ่วนจนรู้สึกได้ ทนขาแข็งอยู่ห้านาทีคุณยายก็ตัดสินใจเป็นคนทำลายบรรยากาศไม่ส่งเสริมความอยากอาหารของลูกค้าเสียเอง

“อาหารแนะนำวันนี้มีกรอบเปิดอก น้ำตกถึงใจ รวมเด็ดสี่สหาย แล้วก็หม้อไฟกระชับมิตร ถ้าให้ยายแนะนำ สั่งวุ้นมะพร้าวน้ำหอมเป็นของหวานล้างปากน่าจะเหมาะ”

สายตาสี่คู่ของคุณลูกค้าที่ดูออกว่าวัยหลานย้ายมาจับที่คุณยายที่ผมเป็นสีดอกเลาทั้งศีรษะตวัดเกล้าเป็นมวยต่ำอยู่ที่ท้ายทอย สวมผ้ากันเปื้อนสีขาวทับเสื้อผ้าลูกไม้ทั้งตัวสีชมพูอ่อนกับผ้าถุงพื้นสีเขียวเข้มเป็นตาเดียว ก่อนรอยยิ้มจะผุดขึ้นถ้วนทั่วทุกใบหน้า

“แหม.....ชื่อเข้าสถานการณ์จังคุณยาย เอามันหมดทั้งสี่อย่างเลยค่ะ แล้วเพิ่มข้าวเปล่าอีกโถ”

“ใจง่ายว่ะไอ้จี๊ด ชื่อถึงใจขนาดนั้นเผ็ดมากรึเปล่าไม่รู้ คุณยายฝากใส่ดอกจันตัวเบ้งๆว่าอย่ารสจัดนักนะครับ พวกผมเดินทางอีกหลายชั่วโมง" ปากแบบนี้มีไอ้คุณก่อคนเดียว ทั้งจิกกัดทั้งออกคำสั่งแกมขอร้องได้ในประโยคเดียวกัน

“เดี๋ยวยายบอกแม่ครัวให้ค่ะ เอารสไม่จัดเนอะ แล้วก็......เพื่อนกัน มีอะไรก็คุยกันดีกว่า” คุณยายจดรายการอาหารลงกระดาษโน้ตในมือไปก็พูดออกความเห็นไปด้วยโดยที่ใบหน้ามีร่องรอยอมยิ้มน้อยๆอยู่ตลอด

“แหะๆ ดูออกเลยเหรอคะ?”

“เพื่อนกันน่ะ ขอแค่คุยกันแบบเปิดอก ไม่ต้องพยายามมากก็เข้าใจกันแล้วล่ะ....”
เสียงจากคุณยายใจดีหยุดไปเพราะมีมือหนึ่งมาสะกิดไหล่ พอพวกพี่ดอนหันไปมองด้านหลังคุณยายคนแรกก็เจอเข้ากับคุณยายคนที่สอง ท่าทางอายุพอๆกัน ผิดก็แต่คุณยายที่เพิ่งออกมาท่าทางจะใช้ออด๊าซ ผมที่ปล่อยยาวเคลียไหล่ถึงดำสนิทไม่แพ้คุณเจ้าของตำแหน่งรองนางสาวไทยสมัยคุณแม่ยังสาวเลยสักนิด

“เชอร์รี่.......มาหลอกอะไรเด็กๆฮะแก?”

“เปล่าเว้ย! เด็กๆเหมือนจะมีปัญหากัน แล้วแกก็รู้ว่าฉันชักสังขารแย่ ยืนนานไม่ได้ ขืนปล่อยให้มัวแต่จ้องหน้ากันไปมาอยู่ฉันนี่แหละจะเดี้ยงเอา......รออาหารไม่เกินยี่สิบนาทีนะจ๊ะ”

คุณยายเชอร์รี่หันไปตอบเพื่อนแล้วจึงเดินตามกันไปทางด้านหลังที่คงจะเป็นส่วนครัว พอคุณยายลับตาไปปุ๊บก็มีเสียงสูดลมหายใจเข้าดังเฮือกจากหนุ่มลูกครึ่งที่ถอดแว่นออกพับวางบนโต๊ะอาหารแล้วหลับตาลง ก่อนจะใช้นิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายบีบคลึงดั้งโด่งๆของตัวเอง

ท่าทางที่แสดงออกถึงความว้าวุ่นใจเต็มที่ที่คนร่วมโต๊ะได้เห็นไม่บ่อยนักทำให้อีกสามคนลอบสบตาแล้วส่งยิ้มเข้าอกเข้าใจให้กัน มอบหน้าที่พูดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวให้ไอ้คุณเชท่านซะ เพราะอีกสองรายนั่นเก่งในทางพูดไม่เป็นเรื่องมากกว่า แต่ก่อนที่ผู้สืบสานปณิธานหัวใจปฏิวัติอย่างนายเชจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไป ไอ้ดอนของเพื่อนๆก็ลืมตาขึ้นกราดมองหน้าเพื่อนรักทีละคน

“ถ้าพวกแกรับไม่ได้........”

“ทำไมวะ ถ้าพวกเรารับไม่ได้ แกจะทำไงไอ้ดอน?”
ไอ้คุณจี๊ดนี่ก็ขอซะหน่อย ไอ้เรื่องรับได้น่ะมันรับได้อยู่แล้วแหละ เพื่อนทั้งคนคบกันมาเกือบสี่ปี ต่อให้มารู้ทีหลังว่าที่จริงมันเป็นผู้หญิงแล้วแปลงเพศก่อนเข้ามาเรียนยังรับได้เลย นับประสาอะไรกับแค่รู้ว่ามันแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งมาสามปีล่ะ

เพียงแต่ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกแปลกหรือประหลาดใจสักนิดมันก็จะเป็นการโกหกกันเกินไป ก็ไอ้คุณดอนมันก็ผู้ชายนี่หว่า ไม่ได้นุ่มนิ่มปวกเปียกหรือออกสาวอะไรสักนิด เท่าที่รู้จักกันมามันก็แค่ผู้ชายเรียบร้อยพูดน้อยต่อยหนักคนหนึ่งเท่านั้น ที่เด่นหน่อยนอกจากหน้าตาลูกครึ่งฝรั่งจ๋าของมันก็คงไอ้ความนิ่งความเงียบนี่แหละ

เคยพนันกันกับไอ้ก่อลับหลังมันด้วยซ้ำ เล่นกันง่ายๆว่าวันนี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพื่อนดอนจะพูดเกินห้าประโยครึเปล่า บางทีไอ้เชมันก็ร่วมลงขันพนันด้วย ก็ไม่ได้เอาอะไรมาก แค่ไอติมโจ๊ยหมาตราเนสเล่แท่งละสิบบาทแค่นั้นเอง ถ้าวันไหนเล่นกันแค่สองคน คนได้ก็ได้ไอติมไปแท่งเดียว แต่ถ้าวันไหนเล่นกันสามแล้วมีคนเสียสองได้หนึ่ง ไอศกรีมสองแท่งนั่นก็จะถูกแบ่งให้คุณดอนท่านแท่งหนึ่งทุกที.....

คิดมาถึงตรงนี้นางสาวอิระวดีก็เริ่มเข้าใจ ก็ขนาดมีไอติมโจ๊ยหมาไปยื่นให้มันบ่อยๆ ไอ้ดอนมันยังไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้อาการพูดน้อยฉิบหายวายป่วงของมันถูกเอามาใช้ประกอบการเล่นของเพื่อนๆมาแล้วตั้งสามปี ทั้งๆที่ทั้งไอ้คุณจี๊ด คุณก่อ และคุณชายเชไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดกันด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้น เรื่องที่คุณเพื่อนรักแอบชอบรุ่นพี่ผู้ชายนานสามปีแบบหลบๆซ่อนๆ พวกมันสามคนจะไม่ระแคะระคายสักนิดก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

“ก็.....คงทำอะไรไม่ได้หรอกว่ะ แต่ถ้าทำให้พวกแกไม่สบายใจ เราก็ขอโทษ ถ้าอึดอัดที่จะอยู่ร่วมบ้านกับเรา เดี๋ยวไปถึงตากแล้วขอให้พี่ๆที่แผนกเขาช่วยหาบ้านเช่าให้อีกห้องต่างหากก็ได้........”

นายอรุณรุ่งมัวแต่มองมือตัวเองที่ตอนนี้วางประสานกันอยู่บนโต๊ะ ปากก็พูดไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีก็เพราะได้ยินเสียงกึกๆกักๆเหมือนใครหลายคนสำลักอากาศอยู่ใกล้ๆ ปากบางๆที่กำลังขยับพูดประโยคยืดยาวหุบฉับ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองถึงได้เห็น.....สภาพสีหน้าเพื่อนทั้งสามคนที่อมยิ้มกลั้นเสียงหัวเราะ เสียงที่รู้สึกว่าเหมือนกำลังสำลักอากาศกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะร่าฮาครืนของเพื่อนรักสามตัวที่ถือโอกาสปลดปล่อยออกมาทันทีที่รู้ตัวว่าถูกจับได้

แก้มขาวๆของนายอรุณรุ่งแปรเปลี่ยนเป็นสีจัดขึ้นทันตา ไม่ใช่เพราะโกรธหรือเขินอาย แต่เพราะความดีใจที่พุ่งขึ้นกะทันหัน ทั้งชีวิตนี้คนที่ชายหนุ่มใส่ใจกับความรู้สึกนับหัวได้ถ้วนโดยใช้มือข้างเดียว
ครอบครัวก็เหลือแค่แม่คนเดียว เพราะตั้งแต่จำความได้เขาก็ไม่เคยได้รู้จักกับญาติที่ไหนอีกไม่ว่าจะข้างพ่อหรือข้างแม่ นอกนั้นก็เพื่อนสนิทตั้งแต่ม.ต้น ที่แม้จะห่างหายกันไปแต่นานๆทีที่ติดต่อกันก็ยังรู้สึกสนิทใจอยู่เสมอ นอกจากนั้นก็แค่ไอ้คุณเพื่อนสามคนนี้ เป็นเพื่อนที่แม้จะต่างคนต่างมาเจอกันเพราะสอบติดมาเรียนคณะเดียวกันหลักสูตรเดียวกัน แต่ต่างก็ยอมรับในกันและกัน และมีนิสัยเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ที่ปิดบังมาตลอดไม่ใช่แค่เพราะคนที่ไปแอบชอบมีแฟนแล้ว แต่เพราะความสัมพันธ์ที่สังคมเห็นว่าผิดธรรมชาติทำให้พี่ดอนพาลกลัวว่าถ้าคนสำคัญที่มีอยู่น้อยยิ่งกว่าน้อยรับรู้แล้วมองมาด้วยสายตาแปลกไป หรือยิ่งกว่านั้นรับไม่ได้กับความเป็นตัวตนของพี่ดอนแล้วเลือกจะผลักไสตัวเขาออกจากชีวิต ทีนี้นอกจากเจ็บเพราะอกหักรักคุด เขาคงยิ่งเจ็บหนักและชีวิตที่เงียบเหงาอยู่แล้วก็คงยิ่งเหงาลึกเพราะไม่เหลือใครแน่ๆ

พอเงยหน้าขึ้นเห็นแววตาฉายความรู้สึกเข้าอกเข้าใจแถมยังเสียงหัวเราะร่าของเพื่อนสนิททั้งสามคนชายหนุ่มจึงรู้สึกเหมือนปลดเปลื้องความกังวลในหัวใจออกไปได้เกือบหมด อย่างน้อยๆสามในห้าคนสำคัญก็ยอมรับได้แล้วล่ะนะ

และด้วยความที่ชายหนุ่มมีความสุข รอยยิ้มที่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงทอประกายแห่งความสุขอย่างเต็มที่ ยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบที่น้อยครั้งนักจะยิ้มได้หลังจากน้องสาวฝาแฝดคนเดียวจากไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ จนทำให้เกิดความสูญเสียซ้ำรอยกับครอบครัวโพเวลล์เมื่อสามปีก่อน รอยยิ้มที่มีให้เพื่อนทั้งสามเผื่อแผ่ไปถึงคุณยายสองคนที่หนึ่งในนั้นคือผู้ครองตำแหน่งเชฟของร้านเดินออกมาเสิร์ฟอาหารด้วยตัวเอง

จานอาหารถูกลำเลียงออกจากถาดสแตนเลสลงวางบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล พร้อมกับบอกชื่อแต่ละจานไปด้วย ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะร่วนของคุณยายร่างเล็กผิวขาวจัด มือเล็กบางที่ยกจานลงวางให้นั้นขาวละเอียด ปลายเล็บเจียนเรียบและที่ดึงดูดสายตาคือแหวนทองประดับเพชรเม็ดเดี่ยวที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย แล้วทั้งๆที่มีเหงื่อเม็ดโตซึมอยู่ตามไรผมสีดอกเลา แต่แววตาหลังกรอบแว่นกลับสุกใสจนไม่ต้องจินตนาการให้ยุ่งยากก็รู้ว่าสมัยสาวๆคงมีไอ้หนุ่มแย่งกันจีบแน่ๆ
“จานนี้กรอบเปิดอก นี่น้ำตกถึงใจ ส่วนนี่รวมเด็ดสี่สหาย แล้วก็หม้อไฟนั่นล่ะจ้ะ หม้อไฟกระชับมิตร....ถ้ายังไงทานกันแล้วช่วยบอกด้วยนะคะ ว่าพอกินได้รึเปล่า”

“แปลว่านี่เมนูใหม่เหรอครับ?” แทบจะเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่เมื่ออยู่รวมกันครบทั้งสี่คนแล้วคนแรกที่เปิดปากคุยกับคนอื่นเป็นคนแรกคือไอ้ดอนของเพื่อนๆ ในใจทั้งไอ้คุณก่อเริ่มคิดว่าดีนะที่วันนี้ไม่พนันกัน ไม่งั้นได้แพ้หลุดลุ่ยแน่

“เด็กรับออเดอร์รายนั้นคิดขึ้นสดๆร้อนๆเลยล่ะค่ะ แถมเดินเข้าไปถึงครัวแล้วยื่นมาให้คิดเองอีกตะหากว่าชื่อแบบนี้ฉันจะเอาของแบบไหนมาทำ หึๆๆ พยายามทานให้อร่อยแล้วกันนะคะ เดี๋ยวเข้าครัวก่อน แล้วจะออกมาถามว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง”
คุณยายแม่ครัวใหญ่เดินลับไปทางครัว พี่ดอนและผองเพื่อนอีกสามชีวิตถึงได้รับรู้ว่าตอนนี้ลูกค้าไม่ได้มีแค่โต๊ะเดียวแล้ว แต่อีกโต๊ะที่อยู่ห่างไปจนเกือบสุดขอบเรือนมีลูกค้าอีกคนนั่งอยู่ และต้องแปลกใจเมื่อเห็นคุณยายที่มารับออเดอร์คนแรกนั่งพูดคุยอยู่ด้วยอย่างสนิทสนม สงสัยจะเป็นลูกค้าขาประจำ

มื้อกลางวันกับเมนูพิเศษวันนั้นเกือบจะเป็นการกินอาหารที่อรุณรุ่งรู้สึกปลอดโปร่งเต็มร้อย ถ้าไม่ติดที่ว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารหน้าตาน่ากินตรงหน้าทีไร ชายหนุ่มก็จะเห็นลูกค้าอีกโต๊ะที่ช่างเลือกที่นั่งได้ตรงกันข้ามกับเขาพอดิบพอดีจับตามองมาตลอดเวลา นี่ถ้าปากเป็ดพะโล้ทอดกรอบกับซอสรสหวานหอมน้ำมันงา หรือผัดเผ็ดเนื้อสี่อย่างของคุณยายไม่อร่อยขนาดนั้นสงสัยว่าชายหนุ่มคงไม่มีทางเจริญอาหารได้แน่ๆ


การเดินทางช่วงบ่ายเริ่มขึ้นเมื่อทั้งสี่คนเติมอาหารลงกระเพาะจนเต็มทั้งของคาวของหวาน จ่ายค่าอาหารแบบมีส่วนลด แล้วเอ่ยคำลากับสาวงามตามวัยทั้งสามคนพร้อมตกปากรับคำว่าถ้าได้ผ่านมาที่นครสวรรค์อีกจะแวะมาชิมอาหารพิเศษที่ร้านของคุณยายทั้งสามอีกแน่ๆ

ออกมาขึ้นรถไอ้คุณจี๊ดก็เข้าประจำตำแหน่งคนขับผลัดสาม เพื่อนๆบอกให้มันนั่งสบายๆมันก็ไม่ยอม ยืนยันหัวชนฝาว่าคนเป็นเพื่อนกันเขาไม่มาคิดเล็กคิดน้อยแบ่งเพศหรอก แถมขู่ฟ่อๆว่าถ้าบังคับให้มันนั่งสบายไม่ต้องช่วยขับเลยมันจะงอนไปเจ็ดวัน ถึงสามหนุ่มร่วมทางไม่เชื่อขี้ปากว่าเจ้าตัวมันจะทำอย่างที่บอกได้แต่ก็ไม่อยากขัดใจ

และถ้าสายตาของนายอรุณรุ่งไม่หลอกตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกว่าตอนที่เขาลุกแล้วเดินออกมาจากร้าน ลูกค้าอีกโต๊ะนั้นก็ทำท่าเหมือนจะผวาลุกขึ้นตาม แต่พอลองหันไปมองกลับแถมด้วยเลิกคิ้วขึ้นส่งสายตาประมาณว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่าครับคุณ ผู้ชายหน้าตาท่าทางสะอาดสะอ้านดูเนี้ยบไปทั้งตัวทั้งที่อยู่ในเสื้อยืดสกรีนลายกราฟฟิคสีขาวกับบลูยีนส์สีซีดๆคนนั้นก็กลับนั่งลงอีกครั้งแล้วตอบโต้ด้วยการขมวดคิ้วส่งมาให้

ไอ้ดอนของเพื่อนๆได้แต่นึกสงสัยในใจ คิดค้นในลิ้นชักความจำอยู่นานว่าเคยพบผู้ชายคนนั้นมาก่อนรึเปล่ามาตลอดทางจนถึงหน้าโรงพยาบาลประจำจังหวัดตาก สถานที่ที่นัดเจอกับพี่หัวหน้าแผนกกายภาพบำบัดที่จะเป็นผู้ควบคุมและให้คำปรึกษาช่วงที่มาฝึกงานที่นี่ตลอดหกสัปดาห์ แต่ว่าค้นเท่าไหร่......ก็ค้นไม่เจอ


ถึงน้องรุ่งที่รัก

ตอนนี้พี่ดอนอยู่ในบ้านเช่าในซอยข้างโรงพยาบาลที่ตากค่ะ จากตรงนี้พวกพี่แค่เดินห้านาทีก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องจะเข้างานสายเลยล่ะ บ้านเช่านี้พี่ที่โรงพยาบาลเป็นคนหาเตรียมไว้ให้ แค่พวกพี่มาถึงวันแรกนี่พี่แกก็พาไปเลี้ยงมื้อค่ำมาแล้วเรียบร้อย เราสี่คนลงความเห็นกันว่าถ้าพี่ที่แผนกคนอื่นใจดีแบบพี่คนนี้(พี่เขาชื่อพี่กุ้งนะคะ เป็นผู้หญิงอายุสามสิบต้นๆ ตัวเล็กบางๆ หุ่นแบบเดียวกับหม่าม้าของเราสองคนเลยล่ะ) การมาฝึกงานของพวกเราครั้งนี้คงจะผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ

บ้านนี้เป็นทาวน์เฮาส์สองชั้น มีบริเวณหน้าบ้านพอสำหรับจอดรถได้หนึ่งคันพอดิบพอดีเลยค่ะ เราเช่าได้ในราคาถูกแสนถูกที่สองพันห้าร้อยบาทสำหรับอยู่หกสัปดาห์ ตัวบ้านมีห้องนอนสองห้องอยู่ชั้นบน ห้องใหญ่หนึ่งห้องเล็กหนึ่ง และห้องน้ำอีกสองซึ่งอยู่ชั้นล่างหนึ่งห้อง พวกพี่ตกลงกันให้ไอ้จี๊ดมันไปครอบครองห้องเล็กคนเดียว แล้วพี่ดอน ไอ้ก่อ และไอ้คุณชายเชจะนอนที่ห้องนอนใหญ่

แต่ทั้งๆที่ตกลงกันไว้อย่างนั้น ขณะที่พี่หลบออกมาเขียนถึงน้องรุ่งที่ระเบียงหน้าห้อง ก็ปรากฏว่าไอ้จี๊ดมันเข้ามายึดฟากหนึ่งของเตียงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ หึๆๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ แต่เห็นมันแข็งๆห้าวๆ ไอ้ตัวดีนี่มันเป็นตัวกลัวผีเลยล่ะค่ะ กลัวจริงจังจนตอนนั้นที่พวกพี่สามคนแกล้งลากมันไปดูหนังโดยไม่บอกก่อนว่าเป็นหนังผี พอหันไปมองมันอีกทีก็เห็นมันนั่งก้มหน้าก้มตาเอามืออุดหูน้ำตาไหลพรากจนพวกพี่สงสาร ต้องจูงมันออกมาเลี้ยงไอศกรีมกอบกู้จิตใจไปหนึ่งมื้อ
ตอนหลังพอเอาเรื่องนี้มาแซวไอ้จี๊ดมันก็บอกว่าพวกพี่สามคนถูกหลอกให้เลี้ยงไอศกรีมหรอก มันก็แกล้งทำท่าว่ากลัวไปงั้นเอง ปากแข็งไม่มีใครเกินจริงๆไม่น่ารักอ่อนหวานเหมือนน้องรุ่งของพี่สักนิด

วันนี้.....พี่สารภาพเรื่องที่แอบชอบพี่ภพไปค่ะ......
กังวลแทบแย่ว่าพวกมันจะเข้าใจและรับได้รึเปล่า แล้วก็ต้องโล่งใจมากมายที่พวกมันไม่ได้ปฏิบัติตัวกับพี่แปลกไปสักนิด ไอ้ก่อยังมีมาถามอีกว่าแล้วที่พี่รับปากคบกับน้องขวัญนั่นหมายความว่าไง ตั้งใจคบหญิงสร้างภาพรึเปล่า.....
พี่บอกได้เลยนะคะว่าพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน จนตอนนี้พี่ดอนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร เป็นเกย์ เป็นไบ หรือเป็นอะไรกันแน่ พี่รู้แต่ว่าพี่เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง

อีกเรื่องค่ะ ความจริงมันก็ไม่ได้สำคัญหรอกนะคะ แต่ว่าวันนี้พี่ดอนได้เจอใครบางคน เขาเอาแต่มองพี่ด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนว่าอยากจะเข้ามาทัก เหมือนว่าเขาเคยรู้จักพี่ แต่พอพี่มองกลับไปเขาก็กลับขมวดคิ้วใส่ซะงั้น.....
จนตอนนี้พี่ยังจำสายตาของเขาได้ติดตาอยู่เลยค่ะ มันแปลกเพราะไม่ใช่ทั้งสายตาชื่นชมหรือรังเกียจ แต่มันกลับเต็มไปด้วยความสงสัย.......บางครั้งเหมือนเขาจะระลึกได้ แต่พอมองไปอีกทีก็เหมือนเขาจะอารมณ์เสียใส่พี่
ไม่รู้สิคะ.....แต่พี่รู้สึกว่าสายตาคู่นั้นมันแฝงอันตราย

แต่ก็ช่างเถอะค่ะ เจอกันโดยบังเอิญ ชาตินี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หึๆๆ พี่ดอนนี่ชักจะบ้าเนอะ เก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดวกไปวนมาอยู่ได้ พรุ่งนี้พวกพี่จะไปซื้อของเข้าบ้านกัน แล้วก็ไปติดต่อเตรียมหาร้านรับซักรีดดู เอาไว้ส่งเครื่องแบบซัก แต่ถ้าหาไม่ได้ พวกพี่คงต้องซักกันเองทั้งหมด ไว้คืบหน้ายังไงพี่จะเขียนถึงน้องรุ่งอีกนะคะ

เพิ่งรู้ว่าการที่ความลับแตกจะทำให้รู้สึกดีได้ขนาดนี้
พี่ดอนผู้ตากำลังจะปิด



ปล. หรือว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของพี่คะ? หรือน้องรุ่งว่าไง?




อรุณรุ่งพับการดาษเขียนจดหมายถึงน้องสาวเป็นสามทบตามปกติ แล้วเปิดประตูมุ้งลวดกลับเข้าห้องนอนอย่างเบามือ พอสอดจดหมายใส่ด้านหน้าของกระเป๋าเสื้อผ้าเรียบร้อยก็มองไปที่ซากของเพื่อนสามคนอย่างปลงๆ

เตียงหลังใหญ่ถูกจับจองโดยชายหนุ่มร่างใหญ่สองคนและหญิงสาวที่ขดตัวจนแทบจะลีบติดผนังอีกหนึ่ง ผ้าห่มทั้งสองผืนกองเป็นก้อนขยุกขยุยอยู่ปลายเตียงหนึ่งผืน ส่วนอีกผืนไม่ใช่แค่อยู่ปลายเตียงแต่เกือบครึ่งของผ้าหล่นมากองอยู่บนพื้นห้อง ข้างเตียงมีฟูกหนาพอประมาณหุ้มด้วยผ้าปูที่นอนลายดอกไม้กระจายทั่วผืนไว้เรียบร้อย พร้อมกับหมอนหนุนและผ้าห่มที่พับวางซ้อนไว้ให้

อรุณรุ่งอมยิ้มในหน้า จัดการคลี่ผ้าห่มออกคลุมร่างให้เพื่อนทั้งสามที่หลับสนิทและไอ้ก่อกรรมทำเวรมันเริ่มส่งเสียงกรนเบาๆเป็นจังหวะช้าๆตามจังหวะการหายใจ ก้าวไปปิดไฟเพดานห้องเรียบร้อยแล้วอาศัยแสงนวลของพระจันทร์ที่ลอดเข้ามาตามบานเกล็ดเดินไปทรุดตัวคุกเข่าสวดมนต์บนฟูก กราบสามครั้งลงบนหมอนแล้วจึงนอนหลับอย่างสบายใจ

หากแต่คืนนั้น ในความฝันภายใต้ม่านแห่งความหลับ สายตาทะลุทะลวงที่เต็มไปด้วยการค้นหาคำตอบของอีกคนกลับตามหลอกหลอน ในฝันอรุณรุ่งพยายามจะส่งเสียงถามออกไป แต่เหมือนมีอะไรสักอย่างมาปิดปากไว้
แม้แต่ในความฝันเขาสองคนก็ยังไม่ได้พูดกันสักคำ....ไม่ต่างกับความจริง

..................................................................


..โปรดติดตามตอนต่อไป..



Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 9:38:19 น.
Counter : 321 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
3
6
8
16
18
19
20
21
22
24
27
 
 
17 กุมภาพันธ์ 2554
All Blog