เรื่องรัก..ไม่กล้าบอก ตอนที่๑๒
ตอนที่๑๒: สามวันที่ยาวนาน


“ตัวป่วนก็อย่าคิดถึงพี่มากล่ะ พี่เป็นห่วง”

การคุยโทรศัพท์ก่อนนอนประจำวันของพี่อากาศกับตัวป่วนคืนนี้ มีหัวข้อหลักเป็นการแจ้งข่าวกับไอ้หนูป่วนว่าพี่แกต้องไปต่างจังหวัด

“มั่วแล้วพี่ฟ้า อย่ามาพูดเลย รู้ได้ไงว่าผมจะคิดถึง” นี่ก็ทำปากเก่ง แค่รู้ว่าพี่เขาจะไม่โผล่มาให้เห็นสามวันก็จินตนาการล่วงหน้าไปแล้วว่าต้องเป็นสามวันเหงาๆแน่

“ก็เมื่อบ่ายนี้ไม่ได้เจอกันไม่ถึง 24 ชั่วโมง ตัวป่วนก็คิดถึงพี่แล้วนี่ แล้วนี่พี่จะไม่อยู่ตั้งสามวันเชียวนะ ตัวป่วนจะห้ามใจไม่คิดถึงพี่ไหวเร้อ..”
“พี่ฟ้าขี้ตู่ว่ะ ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่าคิดถึง” ไอ้หนูป่วนม้วนสายโทรศัพท์เล่นแก้เขิน ม้วนมันเข้าไปจนสายมันพันกันยุ่งไปหมด

“คร้าบบบบบ เก่งที่สุดแล้วคนเนี้ย ขอให้ใจแข็งได้อย่างปากแล้วกัน” ด้านพี่อากาศก็ไม่น้อยหน้า แหย่ไอ้ตัวปลายสายไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อินเลิฟไปมั้ยพี่ ออกนอกหน้าเกิ๊นนนน

“เฮ้อ..........”
“อ้าว แล้วคนเก่งถอนหายใจทำไมล่ะ?”
“ก็......ก็ตั้งสามวันนี่” โถ.....เสียงอ่อยอย่างนี้ไม่ต้องพูดออกมาพี่อากาศแกก็รู้หมดแล้วไอ้หนูเอ๊ย ว่าสามวันนี้ไม่ใช่แค่แกจะคิดถึงพี่เขา แต่จะคิดถึงมากกกกกก

“หึๆๆๆๆๆ”
“เอาเลยสิ ได้ที ขำผมใหญ่เลยนะ ฮ่าๆๆๆ พี่ฟ้าแหละผิดรู้มั้ย” กล่าวหาพี่อากาศแกไป ไอ้ตัวป่วนมันก็ขำตัวเองไป

“อ้าว ทำไมเป็นพี่ล่ะ?” พี่อากาศ..เอิ่ม ก็ไม่อยากเม้าท์แกนะ แต่แกทำอย่างกับโรคจิต มีการเอาโทรศัพท์หนีบไว้ซอกคอ แล้วไปหยิบรูปไอ้ตัวป่วนที่ถูกถ่ายไว้ตอนรับน้องมาถือไว้ในมือ ก่อนจะมาเอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ความสุขของเขาล่ะ ตาก็ดูรูปหูก็ฟังเสียง
“ก็ ก็พี่อ้ะมาหาผมทุกวัน ผมก็เลยชินน่ะสิ ผมคง.....ติดพี่ฟ้าซะแล้ว” เอ่อ.....สงวนท่าทีนิดนึงป่วน แกเล่นคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น ปิดไว้บ้างก็ได้นะหนู

“โอ๋ๆๆ พี่จะโทรหาทุกวัน เวลาเดิมเป๊ะเลย ดีมั้ย?” ตอนนี้มือพี่อากาศไม่ได้ถือรูปไอ้หนูป่วนไว้เฉยๆแล้ว มีการเอาปลายนิ้วเกลี่ยไปมาแถวๆปากมันในรูปอีก อึ๋ย.....ขนลุก “หรือว่าจะเพิ่มเป็นวันละสามเวลาหลังอาหารเลยดี?”

“บ้าแล้วพี่ นั่นก็เกินไป ถ้าพี่ยุ่งๆก็ไม่ต้องโทรมาทุกวันก็ได้”
“หึๆ กัดฟันพูดเลยใช่มั้ยเนี่ย.....” แหม...เอ็นดูมันมากเนอะ แค่แก้มมันในรูปก็จะจิ้ม เอ้า จิ้มเข้าไป จิ้มให้พรุน ถ้ารูปมันเสื่อมสภาพจะสมน้ำหน้าให้
“ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ แค่สามวันเอง ยังไม่ทันคิดถึงหรอก” ไอ้ข้างนี้ก็สงสัยเริ่มรู้ตัวว่าม้วนสายโทรศัพท์เล่นมากเกินไปแล้ว ตอนนี้เลยพยายามจะแกะไอ้ที่พันกันยุ่งออก

“ไม่คิดก็ไม่คิดครับ ให้พี่คิดถึงป่วนคนเดียวก็พอ”
“แหวะ พอเหอะพี่ เลี่ยนจะแย่” ปากว่าเลี่ยน แต่มือมันนะ เพิ่งเริ่มแกะสายที่พันกันยุ่งได้ไม่เท่าไหร่ แต่สติหลุดจนเริ่มม้วนเข้าไปอีกแล้ว
“ใจร้าย....” ลากเสียงอ้อนมันเข้าไป พี่อากาศแกน่าจะได้เห็นนะว่าตอนนี้ไอ้หนูป่วนแทบจะละลายไปกับที่นอนอยู่แล้ว

“พี่ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้ต้องขับรถเองด้วยใช่มั้ย?”
“เป็นห่วงพี่เหรอ?”
“....อืม” เวร ก็บอกว่าให้สงวนท่าทีบ้าง ไอ้นี่นี่ ไม่ได้ดั่งใจเลย
“ขอบคุณนะครับ ชื่นใจจัง” เอ่อ....จุ๊บรูป เดี๋ยวรูปไอ้หนูป่วนเปื้อนน้ำลาย อย่าทำอย่างง้านนนนนนน
“....เขินว่ะพี่ รีบวางสายแล้วไปนอนเลยไป”
“งั้นก็ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะเด็กน้อย.....”

“เดี๋ยวพี่ฟ้า เอ่อ.....พรุ่งนี้ต้องออกกี่โมงเหรอ?”
“หกโมงเช้าครับผม ไม่ต้องตื่นมาส่งพี่ล่ะ หึๆๆๆ”
“ใครว่าผมจะไปส่งเล่า ก็แค่ถ้าออกหกโมง ไม่เกินเที่ยงก็ควรจะถึงแล้ว คือ....ถ้าไปถึงแล้วโทรมาบอก ไม่ก็เมสเสจมาบอกผมด้วยนะ แค่นี้แหละ”

ตัวป่วนมันออกคำสั่งเสร็จก็วางสายทันที แล้วลงไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาเขินอายอยู่คนเดียว ในขณะที่พี่อากาศของมันก็นอนแผ่เอารูปไอ้เด็กขี้อายวางแหมะไว้บนอก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่อย่างนั้นจนหลับไป


~~~~~~~~~~~~~


12.00 น. เดินออกจากห้องเรียนปุ๊บ โทรศัพท์ไอ้หนูป่วนสั่นปั๊บ

“พี่ฟ้า.....”
“แวะกินข้าวที่ร้านอาหารริมทางน่ะครับ เลยยังไม่ถึงโรงแรมที่มาฟังบรรยาย”
“อาฮะ แล้วอร่อยมั้ย?”
“ก็อร่อยนะ อาจารย์สั่งต้มยำไก่บ้านมา อร่อยดี ไว้วันหลังพี่พาตัวป่วนมากินดีกว่า”
“แล้วอย่างอื่นล่ะ พี่ฟ้ากินอะไรอีก?”

“ผัดผักรวมมิตรน่ะ ไม่อร่อยเลยด้วย มะเขือเทศแหยะๆไงไม่รู้”
“ฮ่าๆๆ แล้วนี่จะไปต่อรึยัง?”
“อืม นี่พี่มาเข้าห้องน้ำในร้านอาหารน่ะ เดี๋ยวไปถึงแล้วโทรหาตัวป่วนอีกทีนะครับ”
“ไม่ต้องแล้วพี่ ไว้ ถ้าคืนนี้ไม่ยุ่งพี่ฟ้าค่อยโทรหาผมดีกว่า ขับรถดีๆนะพี่ฟ้า ผมเป็นห่วง”
---ตื้ดดดดดดดดดด ตื้ดดดดดดด---


“แผนจ๋า......แผนเดินดีๆนะ ระวังสะดุดด้วยล่ะ นุ่นเป็นห่วง.......”
ไอ้เพื่อนนุ่นมันไม่ปล่อยโอกาส กัดได้เป็นกัด แซวได้เป็นแซว แต่....แกคิดดีแล้วเหรอนุ่นไปเล่นกับไอ้แผนมันน่ะ
“ก็ถ้ากลัวแผนสะดุด นุ่นก็จูงไว้สิ.....จ๊ะ” เออ เอากะมัน เก๊กหน้านิ่งได้อีก นิ่งให้ตลอดนะไอ้คุณแผน

“ได้สิจ๊ะ มามะ เนี่ยแผนอย่าไปห่างจากสายตานุ่นรู้มั้ย แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่ได้ เข้าใจมั้ยจ๊ะ?” ไอ้นุ่นคว้าข้อมือไอ้คุณแผนทันที แล้วถึงจะกำไม่รอบก็จะจูง แผนเอ๊ย....ดีใจด้วยนะ กับไอ้คุณนุ่นน่ะ ถ้าแกไม่พูดกับมันตรงๆชาตินี้ทั้งชาติมันก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าแกจะเอาจริง
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไอ้นุ่น ไอ้บ้า พอเลย ไม่ต้องล้อแล้ว” ตัวป่วนมันทนไม่ไหว ต้องขำออกมาจนได้ ก็ทั้งท่าทางทั้งน้ำเสียงของไอ้เพื่อนนุ่นมันนางร้ายเจ้ามารยาในละครน้ำเน่าชัดๆ

“อ้าวนุ่น ปล่อยทำไมล่ะ จูงต่อสิ”
“จูงบ้าไรล่ะ ข้อมือคนรึข้อมือช้างเนี่ย ใหญ่จนกำไม่รอบแล้ว คนบ้าอะไรมือเท้าใหญ่ชะมัด ดูรองเท้าซิ อย่างกับเรือแจว”
“ถ้าแกจูงยากงั้นฉันจูงแกเองดีกว่าเนอะ”

ว่าแล้วไอ้คุณแผนก็จัดการคว้ามือไอ้คุณนุ่นแล้วลากให้เดินไปทางโรงอาหารทันที ไอ้คุณนุ่นได้แต่ทำหน้าเอ๋อ หันกลับมามองตัวป่วนที่ก้าวช้าๆตามมาข้างหลังอย่างงงๆ ในใจก็คิดว่า...นี่ไอ้แผนมันไม่รู้รึยังไง ว่าแค่ไอ้ป่วนมันหลุดขำออกมาได้ การแกล้งครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จแล้ว ไม่เห็นต้องเล่นต่อเลย

ส่วนในใจไอ้คุณแผนน่ะเหรอมันจะคิดอะไร นอกจากคิดว่า เอ๋อเข้าไปไอ้นุ่น ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่รู้เรื่องอีก คราวหน้าเหอะ จะจับจูบเสียให้เข็ดเลย อยากรู้นักใช่มั้ยว่าจูบมันเป็นยังไง
เอาเถิด...ไว้ว่างๆเมื่อไหร่จะเป็นคนสอนให้เอง..


วันศุกร์.....วันนี้พี่อากาศแกจะกลับมาแล้ว
เมื่อคืนพี่อากาศโทรมาราตรีสวัสดิ์เป็นปกติ แล้วก็บอกว่าจะออกจากพิษณุโลกตอนสายๆ เดี๋ยวเย็นนี้จะมาหา ไอ้หนูป่วนเลยเริงร่าตั้งแต่ตื่นมาตอนเช้า อารมณ์ดีถึงกับไปเคาะประตูเรียกไอ้เพื่อนแผนให้ไปใส่บาตรเป็นเพื่อนตั้งแต่ยังไม่หกโมง

เรียนไปก็ดูนาฬิกาไปว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกเรียนเสียที พอตอนบ่ายถึงชั่วโมงว่ายน้ำก็เอาแต่มองนาฬิกาที่ข้างสระ จนถูกอาจารย์ดุเอาตั้งสองครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นตัวป่วนมันก็ยังไม่วาย เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องเหลือบตามองนาฬิกาทุกที

“ศศินทร์ คุณศศินทร์”
“ครับ ครับอาจารย์”

“มีญาติมาขอพบด้านนอก ผมให้รอคุณอยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ ถ้ายังไงวันนี้คุณออกก่อนก็ได้นะ มิน่าถึงได้มองแต่นาฬิกาตลอด คราวหลังถ้ามีธุระสำคัญอะไรก็คุยกันได้ วิชานี้ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แค่คุณสอบผ่านก็พอแล้ว”
“ญาติผม?”
“ใช่ รีบไปสิ”
“เอ่อ.....ขอบคุณครับอาจารย์”

ไอ้หนูป่วนไม่ได้เอะใจหรอกว่าญาติที่ว่าน่ะคือว่าที่แฟน มันยกตัวขึ้นมาจากสระได้ก็ถอดแว่นกันน้ำ หมวกว่ายน้ำ สะบัดหัวเหมือนลูกหมาสะบัดไล่น้ำสองสามทีก็เดินตรงไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
จนเมื่อมองไปเห็นพี่อากาศตัวโตนั่งหลับตาเอาหลังพิงไปกับล๊อคเกอร์นั่นแหละ ถึงได้ก้าวเข้าไปจนใกล้ พร้อมกับที่คนนั่งหลับรอลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย


“พี่ฟ้า.....”
พี่ฟ้าของตัวป่วนยื่นมือข้างหนึ่งออกมาหา ตัวป่วนมันก็ตรงเข้าไปจับเอาไว้ทันที ก่อนสองคนเขาจะส่งยิ้มให้กันและกัน
“คิดถึงจังเลย......”
“อืม....ผมก็เหมือนกัน คิดถึงมากจริงๆ”



มือใหญ่ๆอุ่นจัดของพี่อากาศจับมือน้อยๆเย็นชืดจากการอยู่ในน้ำมาเป็นชั่วโมงของไอ้หนูป่วนไว้แน่น

ตอนแรกด้วยความคิดถึงสายตาก็มองแต่หน้าไอ้ตัวเล็กดีอยู่หรอก แต่กลิ่นคลอรีนมันรบกวนใจให้รับรู้ว่าไอ้สถานที่ที่สบตากันหวานชื่นอยู่นี่น่ะมันข้างสระว่ายน้ำ แล้วก็.....ตอนนี้ไอ้หนูป่วนมันเพิ่งขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ

คิดได้อย่างนี้ทั้งๆที่ไม่ตั้งใจ แต่สายตาของพี่อากาศที่จับอยู่ที่ใบหน้าที่คิดถึงมากมายก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนต่ำลงอยู่ดี และก็แทบจะต้องหลับตาเสียเดี๋ยวนั้นเมื่อมองเห็นสภาพตัวแดงๆเป็นกุ้งเพราะถูกแดดเผา ปกคลุมไปด้วยหยดน้ำที่บางส่วนก็เริ่มแห้งเพราะลมที่พัดเข้ามาตามช่องระบายอากาศ แถมพอมาอยู่ในระยะใกล้แค่มือเอื้อมแบบนี้ แว่นสายตาของคุณพี่อากาศท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีจนเห็นชัดเจนไปถึงรูขุมขนที่แข่งกันลุกชันอยู่ทั่วตัวบางๆตรงหน้า


“พี่ฟ้า....เป็นอะไรน่ะ หน้ามืดรึเปล่า?” ไอ้นี่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าอาการจู่ๆก็หลับตาลงกะทันหันแถมถอยตัวเข้าไปพิงล็อคเกอร์ใหม่อีกครั้งนั่น ไม่ใช่เพราะความอ่อนแอทางกาย แต่เพราะพี่อากาศแกเกิดหวั่นไหวทางใจขึ้นมาต่างหาก
“เปล่าๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นอะไรทำไมอยู่ๆเหงื่อแตก ไหนดูซิ”

เอาแล้วไง พี่เขาอุตส่าห์ปิดตาจะได้ไม่เห็นภาพ แกก็ดันไปเพิ่มสัมผัสเข้าเสียอีก ก็ดูมัน ตัวป่วนมันเป็นห่วงว่าที่แฟน ห่วงว่าขับรถมาเหนื่อยๆมานั่งรอในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกแบบนี้จะหน้ามืดเป็นลม เลยขยับเข้าไปใกล้แล้วเอาหลังมือเย็นๆทาบไปกับหน้าผากคนที่กำลังระงับอารมณ์บางอย่างอยู่เต็มที่

พี่อากาศถึงกับสะดุ้ง ลืมตามาสิ่งแรกที่อยู่ในลานสายตายังมาเป็นแผ่นอกขาวๆที่แดงเพราะแดดยามบ่าย เบนสายตาหนีขึ้นด้านบนก็ต้องเจอกับแนวไหปลาร้า ซึ่งชักนำสายตาไปสู่ลาดไหล่ที่ประกอบขึ้นจากกล้ามเนื้อน้อยๆบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนดูแลสุขภาพและออกกำลังกายเป็นประจำ

“พี่ฟ้า ไม่เป็นไรแน่นะ ตัวร้อนๆด้วย”
“พะ....พี่ไม่เป็นไร เอ่อ.....รีบไปอาบน้ำแต่งตัวนะ เดี๋ยวพี่ออกไปรอข้างนอก”
“ครับ” ตัวป่วนมันรับปาก เดินไปเปิดล็อคเกอร์หยิบของแล้วหันหลังเดินไปห้องอาบน้ำ ปากก็พูดต่อ

“พี่ฟ้าเหนื่อยมากรึเปล่า ถ้าไม่เหนื่อยไปกินมื้อเย็นกับผมนะ” เปิดประตูห้องอาบน้ำแล้วเอี้ยวตัวกลับมาคาดคั้นเอาคำตอบอีก “....ว่าไงครับ? นะพี่ฟ้า.....”
เล่นเอาพี่ฟ้าของไอ้หนูป่วนถอนสายตาที่จ้องเป๋งไปที่ส่วนที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกางเกงว่ายน้ำสีดำที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะก้าวเดินนั่นแทบไม่ทัน

“ครับ ดะ.....เดี๋ยวพี่รอข้างนอกนะ ในนี้อากาศอ้าวเนอะ ร้อนจัง”
“อื้ม ผมอาบแป๊บเดียวแหละ” พูดเสร็จส่งยิ้มกว้างขวางให้อีกหนึ่งที ไอ้หนูป่วนมันก็ผลุบหายเข้าไปในห้องอาบน้ำ ทิ้งให้พี่อากาศที่เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังกลั้นหายใจอยู่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ และก็ได้สำนึกขึ้นมาทันทีว่าการห่างกันทำให้การควบคุมอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงเป็นไปได้ยากกว่าปกติ

คง....ต้องค่อยๆสอนแล้วมั้ง
คนรักกัน จะให้อยู่ใกล้กันโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางกายไปเรื่อยๆแบบนี้ สักวันอึดอัดตาย ยิ่งหนูป่วนมันน่ารักเท่าไหร่ และแสดงออกว่ามีใจให้มากแค่ไหน ก็ยิ่งเสี่ยงที่จะทำผิดสัญญา
ถ้าไม่ค่อยๆทำให้ชินกับร่างกายของอีกฝ่ายไว้ สักวันคงได้ผิดสัญญาแล้วทำให้ไอ้ตัวเล็กมันเสียใจแน่ๆ


~~~~~~~~~~~~~


“พี่ฟ้ารู้ได้ไงว่าผมเรียนว่ายน้ำ?”

ตอนนี้พี่อากาศแกกำลังขับรถ ไอ้หนูป่วนก็ประจำตำแหน่งผู้โดยสารคนพิเศษเหมือนเดิม
“ถามชมพู ตอนแรกพี่โทรเข้าเครื่องป่วน แต่ติดต่อไม่ได้ เลยโทรหาชมพู ถามว่าปีหนึ่งเรียนที่ไหน หึๆๆ”
“ถามว่าเรียนที่ไหนแล้วทำไมต้องขำด้วย?”
“ก็ชมพูมันรู้ทันน่ะสิ มันสวนมาว่า ไม่ต้องมาทำเป็นถามหาน้องทั้งปีหนึ่งหรอก จะถามหาตัวป่วนก็ให้บอกมันไปตรงๆ ฮ่าๆๆๆ”


“ไม่ดีเลยอ้ะ เรียนว่ายน้ำตอนบ่าย แดดแรงจนแสบตัวไปหมดเลย”
“ไม่อยากเรียนแล้วลงเรียนทำไมล่ะ?”
“โห่พี่ฟ้า ก็นี่วิชาบังคับจะไม่ลงเรียนได้ไงเล่า”
“จริงด้วย พี่ก็ลืมไปว่าภาคป่วนต้องเรียนว่ายน้ำ ถ้าแสบตัวก็ต้องทาครีมกันแดดสิครับ”
“ทาแล้ว ไอ้นุ่นมันบังคับ แถมซื้อมาให้ด้วย มันสั่งยังกะแม่ บอกว่ายิ่งผิวขาวๆน่ะโอกาสเป็นมะเร็งผิวหนังสูง แล้วก็บ้าหัวเราะโฮะๆบอกว่า เห็นมั้ย ดีแค่ไหนที่มันเกิดมาดำ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

“เออ น้องนุ่นนี่ตลกดี แล้วน้องนุ่นบังคับน้องแผนด้วยรึเปล่า?”
“ไอ้แผนก็โดนด้วย มีเหรอจะรอด พอไอ้แผนมันบอกมันไม่ต้องทาก็ได้ เพราะมันไม่ใช่คนขาว ไอ้นุ่นมันก็บอกว่าให้ทาๆไปเหอะ อุตส่าห์ซื้อครีมกันแดดหลอดใหญ่มาให้ ผมตัวเล็กใช้คนเดียวทั้งเทอมก็ไม่หมด เสียดายของ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“ไอ้นุ่นมันบ้า”

“ก็นั่นล่ะมั้งเสน่ห์ของน้องนุ่น ความที่คิดอะไรแปลกๆนี่แหละ ไม่เหมือนใครดี”
“...................”
“อะไรครับ ตัวป่วนจ้องพี่ทำไม?” ตอนนี้นอกจากไอ้หนูป่วนจะไม่พูดอะไรโต้ตอบแล้ว มันยังหันมาจ้องหน้าพี่อากาศแกเสียเขม็ง

“พี่ฟ้า.......หลงเสน่ห์ไอ้นุ่นรึเปล่า?”
“หา?????”

“พี่ฟ้า....ถ้าชอบไอ้นุ่นมันก็ต้องสู้กับไอ้แผนหน่อยนะ มันเฝ้าของมันอยู่......” อ้าว แล้วพูดไปทำไมต้องหันหน้าออกไปทางกระจกขนาดนั้นด้วยล่ะ
“ตัวป่วน......คิดอะไรแบบนั้นเล่า เสน่ห์แบบแปลกๆของน้องนุ่นไม่มีผลกับพี่สักนิด เพราะพี่ยกหัวใจให้ตัวป่วนไปหมดแล้ว ตัวป่วนก็รู้ไม่ใช่หรือ?” รายนี้ก็ร้อนรนสิ คุยกันอยู่ดีๆจะมาเข้าใจผิดเสียแล้ว แต่......ถ้ามองไม่ผิด ไอ้หนูป่วนมันก้มหน้าแอบยิ้มนี่หว่า

“ป่วน......อย่าเงียบแบบนี้สิครับ ที่พี่พูดถึงน้องนุ่นก็พูดในฐานะน้อง ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยนะครับ”
พอดีขับมาถึงจุดหมาย พี่อากาศที่กำลังร้อนรนก็รีบหักพวงมาลัยเข้าไปจอดรถในลานจอด แต่ยังไม่ดับเครื่อง แล้วก็หันมาคว้ามือทั้งสองข้างของไอ้ตัวป่วนที่วางประสานกันแน่นอยู่บนตักมันไปกุมไว้
“ตัวป่วน พี่ไม่ชอบแบบนี้เลย หันมาทางนี้หน่อยเร้ว มองพี่หน่อย นะครับ นะ.....”


“ฮะๆๆ แบร่ๆๆๆ เชื่อผมด้วยเหรอ พี่ฟ้านี่เชื่อคนง่ายจริงน้า....ผมแกล้งแค่นี้ก็เชื่อด้วย” ไอ้หนูป่วนเงยหน้ามายิ้มทะเล้นส่งให้พร้อมกับแววตาซุกซนที่เดี๋ยวนี้เริ่มจะมีให้คนถูกแกล้งบ่อยขึ้น

“เดี๋ยวนี้แกล้งพี่เหรอ หืม...ดีแล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กแกล้งผู้ใหญ่อย่างนี้มันต้องทำโทษ” เอ่อ....น้ำเสียงของพี่จะมุ่งมั่นไปมั้ย ทำไมดูสมใจที่จะได้ทำโทษไอ้หนูป่วนมันขนาดนั้นล่ะพี่
“อะไร ทำโทษอะไรกัน แกล้งนิดแกล้งหน่อยแค่เนี้ย ว่าแต่...พี่ฟ้าพาผมมากินข้าวที่ไหนเนี่ย?”
“คอนโดพี่เอง”
“หืม? คอนโดพี่มีร้านอาหารด้วยเหรอ อร่อยรึเปล่า?”
“ร้านอาหารน่ะมี แต่วันนี้เราจะทำกับข้าวกินกันเอง”

“โห......แกล้งนิดแกล้งหน่อย พี่ฟ้าจะทำโทษด้วยการใช้งานให้ทำกับข้าวเลยเหรอ วันนี้ผมหิวมากด้วยนะ เพิ่งว่ายน้ำมาอ้ะ” ตัวป่วนมันอ้อนขอความเห็นใจแถมยังเขย่ามือที่ถูกกุมเอาไว้เล่นไปด้วย

“ใครบอกว่าการทำกับข้าวคือการทำโทษล่ะครับ”
“เอ๋? แล้ว........”

ยังไม่ทันได้ถามพี่อากาศจอมเจ้าเล่ห์ก็จัดการทำโทษด้วยการปิดกั้นทางเดินหายใจของตัวป่วนขี้แกล้งเสียแล้ว และคราวนี้ไม่ใช่แค่เอาปากมาแตะแบบที่ตัวป่วนมันเคยเล่าให้เพื่อนรักฟังเสียด้วย เพราะพอแตะลงมาแล้วพี่อากาศแกก็ฉวยโอกาสที่ตัวป่วนมันจะโวยวายสอดลิ้นเข้าไปผ่านริมฝีปาก ลึกเข้าไปจนแตะเข้ากับลิ้นของคนที่ตกใจจนตัวแข็งไปแล้ว

ต้องยอมให้คนที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ฉวยโอกาสลงโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เนิ่นนาน.....จนแทบขาดใจ


~~~~~~~~~~~~~



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2554 8:13:04 น.
Counter : 259 Pageviews.

2 comments
  
:)
โดย: Natee IP: 98.27.161.7 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:40:41 น.
  
คุณNatee ขอบคุณสำหรับรอยยิ้มค่ะ
แค่นี้ก็ได้เติมกำลังใจแล้ว ^o^
โดย: paina วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:16:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

paina
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามานะคะ


ที่นี่ก็แค่ห้องเล็กๆของผู้หญิงธรรมดา......ที่พยายามจะเป็นคนดี.....เท่านั้นเอง
กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
3
6
8
16
18
19
20
21
22
24
27
 
 
All Blog