ตุลาคม 2552

 
 
 
 
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
26
27
28
30
31
 
All Blog
บทที่ 15 เรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่กลายเป็นเรื่อง
หลังจากเหตุการณ์ในครัวกับราณีในวันนั้น วิทสามารถรู้สึกได้ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม ...

ราณีทำท่ามึนตึง และไม่พูดทักทายเขาอีก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วิทรู้สึกอะไรมากนัก เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนผิดหรือ "เห็นแก่ตัว" ตามที่โดนต่อว่า และไม่เ็ห็นประโยชน์ที่จะต้องไปเคลียร์กับราณีในเรื่องนี้ ... ตรงกันข้ามเขาคิดว่าราณีต่างหากควรจะเป็นฝ่ายมาขอโทษมากกว่า

แต่ท่าทีของทอมและเจมส์ต่างหากที่เปลี่ยนไป ทั้งๆที่ทั้งสองคน จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย ... สิ่งแรกที่สังเกตได้คือทอมไม่แวะมาดูโทรทัศน์ในห้องของวิท และเวลาเจอหน้ากันในครัว ก็จะไม่พูดคุยเล่นเหมือนแต่ก่อน จะมีก็แค่ทักทายตามมารยาทเวลาเดินสวนกันเท่านั้น ...

********************************************************************************

ในกลางวันวันหนึ่ง วิทเอาไก่ทอดแช่แข็งใส่ไว้ในเตาอบ แล้วขึ้นไปปรับทุกข์กับพี่เล็กที่อยู่ชั้นบน

"พวกเพื่อนที่เคยคบกันชั้นล่าง ตอนนี้มีท่าทีแปลกๆ" วิทถาม หลังจากที่เล่าเรื่องโทรศัพท์และคำพูดของราณีให้ฟังคร่าวๆ "ไม่รู้ว่าราณีไปพูดอะไรหรือเปล่า" เขานิ่งไปนิดนึง ก่อนจะถามคำถามคาใจ "พี่ว่าวิทเห็นแ่ก่ตัวอย่างที่เค้าว่ามั้ย?"

"ไม่หรอก ... แต่พี่ว่านะ พวกข้างล่างถ้าเค้าไม่คบกับวิทเพราะเรื่องนี้ก็ไม่ต้องไปสนใจ ข้างบนก็ยังมีพี่ๆอยู่ แล้วก็ยังมีพี่คนไทยอีกหลายคน" พี่เล็กพูดเหมือนไม่เห็นเป็นเรื่องสลักสำัคัญอะไร

"แต่เพื่อนคนนึงในนั้น ชวนวิทไปบ้านเค้าที่เยอรมันนีตอนช่วงวันหยุด แล้วก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้วด้วย ... พอตอนนี้มาทำท่าแปลกๆ เลยไม่รู้จะทำยังไงดี"

"งั้นก็ไม่ต้องไป" พี่เล็กสรุปง่ายๆ

และเมื่อวิทรู้สึกว่าพี่เล็กไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ก็เลยตัดสินใจว่าจะลองแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง ...

เมื่อวิิทลงมาจากข้างบน ก็เพิ่งนึกได้ว่าก่อนจะขึ้นไปได้เอาไก่ไปอบไว้ในเตา และตอนนี้ก็เลยเวลาที่กำหนดมาราวๆ 15 นาทีแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปในครัว และเมื่อผลักประตูเข้าไปก็เห็นว่าราณีกับเจมส์กำัลังนั่งกินอาหารกลางวันอยู่ที่โต๊ะ ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ในขณะที่ิเขาเปิดประตูเข้าไป แต่พอเห็นว่าวิทเข้ามาทั้งสองคนก็หยุดการสนทนาทันที ...

ในนาทีนั้นวิทไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเตาอบ และเมื่อไปดูก็เห็นว่าเตาอบปิดไปแล้วแต่ไก่ยังอยู่ในเตา และเมื่อเอาออกมาก็ปรากฏว่าไหม้ดำไปหมด ... โดยปกติ กรณีอบอาหารไว้ในเตาแล้วลืมก็มีเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งโดยทั่วไปคนอื่นที่อยู่ในครัวก็มักจะเอาอาหารออกจากเตาให้ ก่อนที่อาหารจะำไหม้ ... แต่คราวนี้วิทจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่เผลอเรอไปได้แบบนั้น

"อาหารของนายใช่มั้ย" เจมส์ถาม

"ใช่ขอโทษนะ พอดีลืมไปน่ะ"

"คราวหน้าควรระวังมากกว่านี้" น้ำเสียงเจมส์มีแววตำหนิชัดเจน ส่วนราณีไม่พูดอะไร นั่งก้มหน้าก้มตากินอาหาร

และเมื่อเขาเห็นอาหารไหม้ไปหมดแล้วจึงเททิ้ง แล้วเดินออกจากครัวไปโดยงดมื้อนั้นไปโดยปริยาย

********************************************************************************

ส่วนปัญหาเรื่องทอม ... เช้าวันรุ่งขึ้นวิทจึงไปเขียนโน้ตเล็กๆใส่ซอง แล้วสอดใต้ประตูห้องทอมก่อนออกไปเรียนตั้งแต่เช้า โน้ตนั้นเขียนข้อความไว้สั้นๆว่า

"เย็นนี้ช่วยไปที่ทะเลสาบตอน 4 โมงครึ่ง ... มีเรื่องจะคุยด้วย ... วิท"

เขาใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องสมุดโดยไม่กลับไปที่หอพักอีก ส่วนมื้อกลางวันก็แวะไปกินที่ร้านอาหารของมหา'ลัย ... และเมื่อใกล้เวลานัดจึงไปนั่งรอทอมที่ทะเลสาบ ...

ทะเลสาบแห่งนี้ ว่ากันว่าขุดขึ้นมาตอนสร้างมหา'ลัยเพื่อใช้เป็นบ่อบำบัดน้ำเสียขั้นตอนสุดท้าย น้ำที่อยู่ในทะเลสาบจึงดูสะอาดไม่ต่างอะไรจากน้ำธรรมชาติทั่วไป ส่วนดินที่ขุดขึ้นก็เอาไปถมทำเป็นเนินเขาย่อมๆไม่ไกลกันเท่าไหร่ ... ตลอดปีจะมีนกเป็ดน้ำมาอาศัยอยู่ในทะเลสาบ และมักจะมีผู้คนเอาขนมปังมาเลี้ยงเป็ดพวกนี้ และในบางเดือนก็จะมีครอบครัวหงส์ขาวแวะมาอยู่ที่ทะเลสาบนี้ด้วย ...

แต่วันนี้วิทไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเอาขนมปังมาเลี้ยงเป็ดเหมือนที่ผ่านๆมา ... รอบๆทะเลสาบมีต้นไม้ที่ใบไม้ร่วงโรยไปแทบจะหมดต้น กับท้องฟ้าสีน้ำตาลหม่นๆ และลมเย็นเยือกของฤดูใบไม้ร่วง ทำให้บรรยากาศหดหู่มากยิ่งขึ้นไปอีก ...

วิทก้มมองนาฬิกา ก็เห็นว่าเป็นเวลาที่นัดทอมไว้ และในช่วงเวลาสั้นๆก็ได้ิยินเสียงคนเิดินลัดสนามหญ้ามาจากทางด้านหลัง ... วิทไม่ได้หันกลับไปดู ยังคงนั่งมองเป็ดที่ว่ายน้ำอย่างเพลิดเำพลินอยู่ในทะเลสาบ ... ในที่สุดคนๆนั้นก็เดินอ้อมมาทางด้านหน้า และันั่งลงที่ปลายอีกด้านหนึ่งของเก้าอี้สนามตัวนั้น ... วิทหันไปมองก็พบว่าเป็นทอมจริงๆ แต่ทอมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับมองหน้าวิทเหมือนจะถามว่ามีอะไรถึงนัดมาที่นี่

"นายคงจะรู้แล้วว่าเราจะพูดเรื่องอะไร" วิทเริ่มต้น หลังจากที่เรียบเรียงสิ่งที่จะพูดอยู่ครู่หนึ่ง

"ไม่รู้หรอก มีอะไรก็พูดมาสิ" ทอมพูดเรียบๆ แต่ฟังดูห่างเหิน ผิดกับทอมคนเก่าที่ขี้เล่นลิบลับ

"ก็เรื่องโทรศัพท์ ..." วิทต่อใ้ห้ แต่ทอมก็ยังทำหน้าเรียบเฉย "โอ ... เิลิกเสแสร้งซะทีเถอะ" เขาเริ่มหมดความอดทนแล้ว ... คราวนี้แววตาของทอมเปลี่ยนไป แต่ก็ยังเฉยอยู่อย่างเดิม "ถ้านายจะมานั่งเฉยๆแบบนี้ก็กลับไปเถอะ เราไม่มีอะไรจะพูดแล้ว" วิทพูดออกมาในที่สุด

"นายก็เล่ามาสิว่าเรื่องเป็นยังไง" ทอมตอบเรียบๆ ... วิทจึงเล่าให้ัฟังเหมือนอย่างที่เล่าให้พี่เล็กฟัง ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเพราะต้องถ่ายทอดเหตุการณ์ไปเป็นภาษาที่ยังไม่ชำนาญเท่าไหร่ ... ทอมนั่งฟังเงียบๆ ไม่ขัดอะไร จนกระทั่งเขาเล่าจบ

"นายคิดยังไง?" วิทถามขึ้น "แล้วเหมือนกับที่อีกคนเล่าให้ฟังมั้ยล่ะ"

"ก็คล้ายๆกันแหละ" ทอมตอบ มีท่าทางครุ่ีนคิดจนดูเครียดไม่เหมือนทอมคนเดิม "เพียงแต่ว่าถ้าเป็นเราก็คงจะให้เขาแชร์ไป ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย"

"แต่เราโดนว่าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวมากเนี่ยนะ ... แถมยังไปเล่าให้คนอื่นๆฟัง ไม่รู้เล่าอะไรไป แต่ตอนนี้ท่าทีของแต่ละคนก็แปลกๆ ... ทั้งเจมส์ แล้วก็นายไงล่ะ" วิทพูดออกไปตรงๆ "อีกอย่าง ... ถ้าเรายอม เราก็อาจจะมีเรื่องกับเจ๊แมงมุม แล้วใครจะรับผิดชอบ?" เขาถอนหายใจ "และถ้าเราบอกว่าเราขอติดตั้งโทรศัพท์เองมาใช้ส่วนตัว เสียเงินไปร้อยกว่าปอนด์ จะมีใครมาขอแชร์ด้วยมั้ย?" ...

ทั้งคู่จมอยู่ในความเงียบและสายลมของฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านมา ในขณะที่ท้องฟ้าก็ค่อยมืดลงไปทุกขณะ ...

"เราเป็นคนเห็นแก่ตัวมากจริงๆเหรอ?" วิทถามลอยๆ

"เราคิดว่า ... เห็นแีก่ตัวนิดหน่อย" ทอมตอบ สายตามองไปในทะเลสาบ "แต่เราไม่อยากอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝ่ายที่ทะเลาะกัน ... บางที ... เราอาจจะต้องเลือก" ทอมพูด แล้วก็ถอนหายใจยาวๆ

"ก็เลือกแล้วไม่ใช่เหรอ" วิทได้แต่คิดในใจ ... ในที่สุดก็พูดออกมาเหมือนกับตัดสินใจแล้ว "งั้นช่วงวันหยุดน่ะเราคงไม่ไปเยอรมันนีแล้วหละ ... เราไม่สามารถไปเที่ยวไปพักอยู่กับคนที่คิดว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัวได้หรอก"

ทอมอึ้งไปเหมือนไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินประโยคนั้น เสียงที่ตอบกลับมามีแววโกรธชัดเจน "แต่เราได้บอกที่บ้านไปแล้ว และทางบ้านก็ดีใจ เตรียมตัวต้อนรับไว้แล้ว ... ถ้านายไม่ไป จะทำให้เราเป็นคนเสียคำพูด ... และถ้านายไม่ไป เราก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีกต่อไป"

วิทนิ่ง บรรยากาศช่างน่าอึดอัดเหลือเิกิน แต่แล้วก็ตัดสินใจพูดออกมา "งั้นตกลงเราไปเที่ยวตามสัญญา เพื่อไม่ให้นายต้องเสียคำพูด โอเคมั้ย?"

ทอมพยักหน้า และเมื่อทั้งสองดูเหมือนไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป ทอมก้มมองนาฬิกาและท้องฟ้าข้างหน้า "เราคงต้องไปแล้ว จะต้องไปค้นหนังสือในห้องสมุด"

"ไปเถอะ ... เดี๋ยวเราจะอยู่ตรงนี้อีกสักพัก"

ว่าแล้วทอมก็ลุกขึ้นพร้อมกล่าวประโยคสุดท้าย "แต่อย่าอยู่นานนะ มืดแล้ว และอากาศก็หนาวด้วย" แล้วก็เดินลัดสนามหญ้ากลับไปทางเดิม ...

สงวนลิขสิทธิ์บทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร



Create Date : 21 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 9:46:29 น.
Counter : 377 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Historicus
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



คุณพ่อลูกสอง (ตัว)
"Have mercy, O Lord, and strengthen all broken wings." Kahlil Gibran

free counters



Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin