All Blog
|
บทที่่ 23 Sanssouci จาก Bradenburger Street ทอมพาเดินไปอีกไม่ถึง 5 นาที ก็มาถึงรั้วเหล็กโปร่งทาสีเขียวสลับกับสีทองที่ภายในเป็นสวนป่าโปร่ง "ถึงแล้วหละ ... ที่นี่คือ Sanssouci Park" ทอมหันมาบอก "Sanssouci? ... แปลว่าอะไรน่ะ" วิทสงสัย "แปลว่า 'no worries' [ไร้กังวล]" ทอมตอบ "เข้าไปข้างในกันเถอะ" ทอมพาเดินไปตามถนนที่มีหิมะคลุมอยู่บางๆ ในขณะที่สองข้างทางมีแต่ต้นไม้ที่เหลือเพียงกิ่งก้าน และพื้นดินที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ ... อยู่ๆทอมก็หยุดดูนาฬิกา แล้วบอกว่า "กินกลางวันกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปต่อ" ว่าแล้วก็หยิบแซนวิชที่ห่อด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ออกมาจากเป้ แล้วยื่นให้ิวิทห่อหนึ่ง ... วิทมองไปรอบๆตัว ตรงนี้มีแต่ถนน ต้นไม้ และหิมะ ไม่มีตรงไหนพอจะนั่งได้เลย เมื่อมองหน้าทอมเหมือนจะถาม ก็ได้คำตอบว่า "ยืนกินตรงนี้แหละ" ว่าแล้วก็หลบมาริมทางแล้วแกะห่อแซนวิชออกมากิน ... ระหว่างนั้นมีหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินสวนทางผ่านมา พลางร้องเพลงประสานเสียงคลอกันมา "เพลง Yellow submarine ของ The Beatles" ทอมบอกเบาๆ วิทพยักหน้ารับ แต่แปลกใจนิดหน่อยที่จะมีใครมาร้องเพลงนี้ในบรรยากาศแบบนี้ ... เมื่อทั้งสองกินแซนวิชเสร็จแล้ว ทอมพาเดินต่อมาอีกไ่ม่ไกลก็มาเจอกับสระน้ำวงกลมขนาดใหญ่ที่ตอนนี้น้ำในนั้นกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว และมีปล่องสีำดำอยู่ตรงกลาง "สระนี้ปกติเป็นน้ำพุ" ทอมอธิบาย "ตรงกลางนั่นเป็นที่ๆน้ำพุ่งขึ้นมา" "แล้วกล่องไม้พวกนั้นล่ะ" วิทหมายถึงซุ้มทึบทำจากไม้ ที่เรียงรายอยู่บนลานรอบๆน้ำพุ "ข้างในนั้นเป็นรูปสลักหินอ่อน ... ในช่วงฤดูหนาวก็จะเอาไม้มาครอบไว้เพื่อป้องกันความเสียหาย ... และนั่น ..." ทอมชี้ไปยังอาคารสีเหลืองที่มีหลังคาโดมสีเขียวอยู่บนเนินเตี้ยๆที่มีระเบียงเป็นขั้นๆทั้งหมด 6 ชั้น "คือ Schloss Sanssouci" "Schloss?" "แปลว่า palace [วัง] น่ะ ... ถ้าเรามาตอนหน้าร้อนนะ ชั้นระเบียงพวกนี้จะคลุมไปด้วยถาองุ่น และได้เห็นรูปสลักหินอ่อนอยู่รอบๆลานน้ำพุ" "มาตอนนี้ก็ดีแล้ว ... มีหิมะกับน้ำแข็ง ดูสวยไปอีกแบบ" [Schloss Sanssouci เป็นวังฤดูร้อนของกษัตริย์ Frederick II แห่งปรัสเซีย ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1745-1747 โดยเป็นศิลปะแบบ Rococo] ******************************************************************************** ไม่ไกลจาก Schloss Sanssouci เป็นอาคารหลังย่อมลงมาแต่มีสีสันและสถาปัตยกรรมแบบเดียวกัน "ตรงนี้คือ The New Chambers ... ส่วนที่เห็นด้านหลังคือกังหันลมประวัติศาสตร์" "กังหันลมอยู่ในวังเนี่ยนะ?" วิทสงสัย "กังหันลมอันนี้เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ไม่นาน ... แต่เดิมตรงนี้มีกังหันลมเก่าแ่ก่สมัยศตวรรษที่ 18 ที่ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2" [เรื่องนี้มีตำนานเล่าว่า ... กังหันลมดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1738 เพื่อใช้ในการโม่แป้ง ... ต่อมาเมื่อ Frederick II ซึ่งมาสร้างวังในบริืเวณติดกัน เกิดความรำคาญจากเสียงของกังหันลม จึงมีความพยายามจะไปยึดมาจากเจ้าของโรงโม่ ... แต่เจ้าของไม่ยอมและไปฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมในเบอร์ลิน ... ทำให้กษัตริย์ประทับใจในความเชื่อมั่นของเจ้าของโรงโม่ต่อกระบวนการยุติธรรมของปรัสเซีย และเปลี่ยนใจในที่สุด] ******************************************************************************** จากบริเวณกังหันลม ทอมพาวิทเดินไปตามถนนที่คลุมด้วยหิมะ สองข้างทางช่วงนี้มีแต่ต้นไม้และหิมะ จนเกือบจะถึงปลายอีกด้านหนึ่งของสวนป่า ก็มาเจอกับอาคารโทนสีน้ำตาลแดงที่มีโดมหลังคาสีเขียว อาคารนี้ใหญ่โตและดูหรูหรากว่า Schloss Sanssouci เสียอีก "ตึกนี้คือ New Palace ... สร้างทีหลัง Scholss Sanssouci ราวๆ 20 ปี" ทอมบอก "และในคืนเดือนมิุถุนายนของทุกปี จะมีการแสดงดนตรีที่หน้าปราสาทนี้" "ดนตรีประเภทไหน?" "ดนตรียุคคลาสสิก-โรแมนติกน่ะ ... ซิมโฟนี หมายเลข 9 ของเบโทเฟน [Ode to Joy] อะไรทำนองนั้นแหละ" ******************************************************************************** อีกพักใหญ่ ทอมมองดูท้องฟ้ายามบ่ายของเดือนมกราคมที่ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า แล้วหันมาถาม "อยากกลับหรือยัง ... ต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิมนะ ไกลเหมือนกัน" "ที่เราเดินกันมาดูเหมือนไม่ไกลนะ ... ระยะทางซักเท่าไหร่กัน" "ประมาณไมล์ครึ่ง" "ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะเดินกันมาไกลขนาดนั้น" "งั้นกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน" สงวนลิขสิทธิ์รูปภาพและบทความ ห้ามเผยแพร่ ทำซ้ำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร |
Historicus
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] คุณพ่อลูกสอง (ตัว) Waltz in B minor, Op. 69, No. 2 by Frédéric Chopin Friends Blog
Link |