|
คนไทยขี้เมาติดอันดับ5โลก เสียค่าเหล้าปีละ1.25แสนล้าน--ข่าวกรุงเทพธุรกิจ
คนไทยขี้เมาติดอันดับ5โลก เสียค่าเหล้าปีละ1.25แสนล้าน
14 พฤษภาคม 2549 09:50 น. ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเผยงานวิจัยพบคนไทยดื่มเหล้าพร่ำเพรื่อ ติดอันดับ 5 ของโลก มูลค่ารวมปีละ 1.25 แสนล้านบาท
นายแพทย์ปราชญ์บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้คนไทยได้ชื่อว่าดื่มเหล้าติดอันดับ 5 ของโลก ดื่มเฉลี่ยคนละ 13.59 ลิตรต่อปี ถึงแม้ว่าสารเคมีและแอลกอฮอล์ในเหล้าจะส่งผลให้ผู้ดื่มรู้สึกผ่อนคลาย ครึกครื้น สนุกสนานร่าเริง ในระยะสั้นก็ตาม แต่ในระยะยาวจะเกิดโรคต่างๆมากมาย เช่นกระเพาะอาหารเป็นแผลทะลุ มีเลือดออก ซึ่งพบได้บ่อย ตับแข็ง เซลล์สมองถูกทำลาย หัวใจโต หากเป็นผู้หญิงดื่มจะทำให้แก่เร็ว เหี่ยว หย่อนยานก่อนวัย และเมื่ออายุมากขึ้นก็อาจ "หมดสภาพ" ได้ง่ายๆ ซึ่งรวมถึงการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศก่อนวัยอันควรด้วย
ทั้งนี้แอลกอฮอล์จะทำให้หยุดการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ ทำให้เต้านมเหี่ยว รังไข่ มดลูกเสื่อมสภาพเร็ว โดยผลสำรวจล่าสุดเมื่อพ.ศ.2544 มีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มเหล้ามากถึง 15.3 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นหญิง 2.3 ล้านคน มูลค่าบริโภครวมปีละ 125,000 ล้านบาท
ที่น่าตกใจกว่านั้น ยังพบว่ามีประชาชนบางกลุ่ม โดยเฉพาะเกษตรกรเกิดความเข้าใจผิด ว่าเหล้าสามารถขับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชออกจากร่างกายได้ โดยผลวิจัยที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเกษตรกรใช้สารเคมีทุกหมู่บ้าน และ 80 % แม้ว่าจะใช้อุปกรณ์ป้องกันแล้วก็ตาม แต่ยังขาดความมั่นใจ โดยเกษตรกร 2 ใน 5 ใช้วิธีแก้พิษเคมี ด้วยการดื่มสุราที่เรียกกันว่า "แก้เหล้า" ซึ่งมีทั้งดื่มก่อนและดื่มหลังใช้สารเคมี กลุ่มที่ดื่มก่อน มักจะใช้เหล้าขาว 40 ดีกรี ปริมาณครึ่งแก้วถึง 1 แก้วน้ำ หรือประมาณ 120-250 ซีซี. โดยดื่มตอนเช้า จากที่พักอาศัย เนื่องจากมีความเชื่อว่าเมื่อดื่มแล้วจะทำให้เหงื่อออก สารเคมีจะไม่เข้าร่างกาย
ส่วนในกลุ่มที่ดื่มหลังใช้สารเคมีจะใช้เหล้าขาวปริมาณพอๆกัน ดื่มเพื่อบรรเทาอาการน้ำลายเหนียว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย หากไม่ใช้เหล้าก็จะใช้เครื่องดื่มชูกำลังแทน เนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่า เหล้านอกจากจะช่วยลดอาการที่ได้รับจากสารพิษแล้ว ยังช่วยให้หายอ่อนเพลีย แก้อาการปวดเมื่อย ทำให้กินข้าวได้ ร่างกายสดชื่น ความเชื่อนี้ปฏิบัติสืบทอดกันมาถึงเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยกลุ่มที่ใช้วิธีแก้เหล้าดังกล่าว มักเป็นผู้ดื่มเหล้ามาก่อนอยู่แล้ว นอกจากนี้ในกลุ่มชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งยังมีการใช้สมุนไพรไปในทางที่ผิด ด้วยการนำรางจืดมาเคี้ยวและอมในปาก ระหว่างดื่มเหล้า โดยเชื่อว่ารางจืดจะทำให้ไม่เมาเหล้า ดื่มได้นานและมากขึ้น
"ความเชื่อทั้ง2 เรื่องนี้เป็นอันตราย เพราะจะทำให้อวัยวะในร่างกายถูกทำลายมากขึ้น โดยเฉพาะตับ ซึ่งเปรียบเสมือนโรงงานสร้างพลังงานให้ร่างกาย สร้างสารเคมีที่จำเป็นเช่นน้ำดี วิตามิน สารทำให้เลือดแข็งตัว และช่วยขจัดสารพิษต่างๆออกจากร่างกาย จะทำงานหนัก ถึงขั้นตับวาย ตับแข็ง เสียชีวิตเร็วขึ้น เนื่องจากการสูญเสียเซลล์ตับทุกเซลล์เป็นการสูญเสียที่ถาวร ไม่มีการสร้างขึ้นทดแทน " นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อไปว่า
ทางด้านแพทย์หญิงเพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า รางจืด เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง ดอกเป็นช่อออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน รางจืดมีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่กำลังช้างเผือก ชอบชะนาง เครือชาเขียว ยาเขียว กาย ดุเหว่า ทิดพูด น้ำนอง ย่ำแอกแอ
"สรรพคุณของรางจืดใช้แก้ไข้ ถอนพิษต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น อาการแพ้อาหาร เป็นต้น อาจใช้ใบสด นำมาคั้นกับน้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยที่กินยาฆ่าแมลง ดื่ม เป็นการปฐมพยาบาลก่อนนำส่งโรงพยาบาลได้ แต่จะไม่ให้ผลในการกินเพื่อป้องกัน ก่อนสัมผัสยาฆ่าแมลง ในทางกลับกัน สมุนไพรรางจืดนี้ ซึ่งหาได้ง่ายในแถบชนบทอยู่แล้วสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถนำใบรางจืดมาต้ม ทำเป็นชารางจืด ดื่มแทนน้ำธรรมดา เพื่อให้ทำลายและขับพิษสารเคมีไม่ให้ตกค้างในร่างกาย โดยพิษของยากำจัดศัตรูพืช จะทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก หายใจลำบาก "
แพทย์หญิงเพ็ญนภากล่าว แพทย์หญิงเพ็ญนภากล่าวต่อไปว่า สำหรับความเชื่อในวงคอเหล้า ที่นำรางจืดมาเคี้ยว เพื่อดับฤทธิ์เอทธิลแอลกอฮอล์ เพื่อทำให้ดื่มได้นาน ไม่เมานั้น ยังไม่เคยมีการศึกษาวิจัยมาก่อน และไม่แนะนำให้ปฏิบัติด้วย เพราะสุดท้ายเมื่อเหล้าเข้าสู่ร่างกาย ก็จะไปทำลายอวัยวะที่เป็นทางผ่านทั้งหมด และทำลายที่ตับ ทำให้ตับทำงานหนักที่สุด ตับจึงได้รับพิษจากเหล้ามากที่สุด เซลล์ตับที่ถูกทำลายจะมีไขมันไปเกาะแทนที่ ทำให้เกิดตับอักเสบเนื่องจากการคั่งของไขมัน ทำให้เซลล์ตับถูกทำลายมากขึ้นไปอีก และเมื่อเซลล์ตับตายลงถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีพังผืดไปขึ้นที่บริเวณนั้นลักษณะคล้ายแผลเป็น ส่งผลให้เนื้อตับที่เคยอ่อนนุ่ม แข็งตัวขึ้น เกิดอาการตับแข็งได้ในที่สุด โอกาสเสียชีวิตมีเร็วขึ้น
|
|
|
|
|
|
ลิ้งค์ บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่ครับ
เพื่อนท่านใดสนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงที่จังหวัดกาญจนบุรี ลองไปอ่านรายละเอียดทั้งหมดตามลิ้งนี้ครับ
ลิ้งค์ บล็อกคุณลำน้ำ C คลิก
Create Date : 14 พฤษภาคม 2549 |
|
17 comments |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2549 13:51:18 น. |
Counter : 832 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: กุมภีน 14 พฤษภาคม 2549 12:28:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 14 พฤษภาคม 2549 15:39:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 14 พฤษภาคม 2549 18:22:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: **mp5** 14 พฤษภาคม 2549 20:23:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ไม่ดื่มเลยดีที่ซู๊ดดดค่ะ