|
คุณภาพชีวิตแรงงานไทยในสายตาสื่อและบทความจาก "กาแฟดำ"
คุณภาพชีวิตแรงงาน
บทนำมติชน
วันที่ 1 พฤษภาคมของทุกปี รัฐบาลไทยได้ประกาศให้เป็นวันแรงงานแห่งชาติตามแบบฉบับของต่างประเทศ เพื่อระลึกถึงกลุ่มบุคคลส่วนใหญ่ที่ใช้แรงงานทั้งแรงงานสมองและแรงงานกายเป็นทุนในการประกอบอาชีพเพื่อแลกกับการดำรงชีวิตในสังคม
ปี 2549 ก็เป็นเช่นเดิม วันที่ 1 พฤษภาคม ยังคงเป็นวันแรงงานแห่งชาติ โดยก่อนที่จะถึงวันดังกล่าวได้มีผลการสำรวจที่น่าสนใจปรากฏออกมาสู่สายตาประชาชนผ่านทางสื่อมวลชน โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ได้ทำการสำรวจเรื่อง "คุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงาน : กรณีศึกษาลูกจ้างโรงงานเขตนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ" ระหว่างวันที่ 18 มกราคม-2 เมษายน
การสำรวจครั้งนี้ใช้กลุ่มประชากรจำนวน 2,656 ตัวอย่าง อายุตั้งแต่ 18-59 ปี ผลการสำรวจพบว่า แรงงาน 22% มีนายจ้างเป็นคนไทย 34.3% มีนายจ้างเป็นคนไทยร่วมกับต่างชาติ และ 43.7% มีนายจ้างเป็นชาวต่างชาติ ทั้งนี้ นายทุนชาวต่างชาติพร้อมจะย้ายฐานการผลิตไปหาประเทศที่มีแรงงานราคาถูกกว่า จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไม่ได้รับการดูแลคุณภาพชีวิตเท่าที่ควร
แรงงาน 31.8% หรือ 6-7 แสนคน จาก 2 ล้านคน โดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมเป็นเพียงลูกจ้างรายวันและลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งหากไม่มีงานก็หมายถึงไม่มีค่าตอบแทน สวัสดิการต่างๆ ก็แตกต่างจากพนักงานประจำ อาทิ ป่วยหรือลาก็ไม่ได้เงิน ผลสำรวจพบว่าแรงงานไทย 11.5% ต้องทำงานไม่มีวันหยุด 7 วันต่อสัปดาห์ 59.2% ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ สะท้อนถึงปัญหาไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ขณะที่การดำเนินชีวิตยังเต็มไปด้วยอบายมุข คือ 48% ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 29.6% สูบบุหรี่และสูบหนักมากกว่า 10 มวนต่อวัน ถึง 14.4%
เมื่อถามถึงการมีคู่หรือเพศสัมพันธ์ ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่า 33% ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่แฟน ซึ่ง 14% มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนมากกว่า 1 คน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ คนที่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่แฟนมีเพียง 36.7% ที่ใช้ถุงยางอนามัย อีก 42.4% ไม่ใช้ ซึ่งเสี่ยงต่อโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
ผลสำรวจค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนพบว่า 79% หมดไปกับค่าโทรศัพท์มือถือ เฉลี่ย 1,761 บาทต่อเดือน ค่าเหล้า เบียร์ 45.1% ค่าซื้อหวย การพนัน 35.1% และค่าบุหรี่ 26.7% อีกทั้งยังพบว่า 55.8% มีหนี้สินติดตัวเฉลี่ยประมาณ 80,962 บาทต่อคน โดย 41.2% ระบุเครียดจากการทำงาน และ 4.7% ยังเคยคิดฆ่าตัวตายเนื่องจากปัญหาหนี้สิน 13.6% และปัญหาครอบครัว 16.9% อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่าง 91% ต้องการให้จัดสรรเงินกองทุนประกันสังคมมาใช้ดูแลสร้างเสริมคุณภาพชีวิตของพนักงานให้มากขึ้น และ 89.6% เห็นด้วยกับการเพิ่มจำนวนแพทย์ที่ดูแลด้านการเจ็บป่วยจากการทำงานโดยเฉพาะ และ 92.3% ต้องการให้มีการประเมินผลภายหลังการให้บริการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลที่ให้บริการแก่พนักงานลูกจ้างในโครงการประกันสังคม
สำหรับนโยบายหรือมาตรการอื่นๆ ที่กลุ่มตัวอย่างอยากให้รัฐสนับสนุน อาทิ 46.7% ต้องการให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 20.4% เพิ่มสวัสดิการสำหรับคนงาน 16% ดูแลสุขภาพของคนงาน 4.5% เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร 4.2% เพิ่มสถานที่ในการรักษาพยาบาล 3.9% ต้องการเป็นพนักงานประจำ 2.4% ช่วยเหลือในเรื่องของการกดขี่แรงงานไทย และ 1.3% ต้องการให้ประกันสังคมเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีทำฟันมากขึ้น
สรุปจากผลการสำรวจดังกล่าวพบว่า ปัญหาแรงงานไทยยังวนเวียนอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปนิสัยการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดปัญหา ปัญหาเรื่องหนี้สิน และปัญหาสุขภาพ เสียดายที่การสำรวจครั้งนี้ยังไม่รวมถึงปัญหาเก่าๆ เช่น ปัญหานายจ้างหลอกลวง เอาเปรียบผู้ใช้แรงงาน และปัญหาอื่นๆ
ปัญหาเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่กับผู้ใช้แรงงาน แม้ว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านแรงงานจะพัฒนาขึ้นจากเดิมเป็นเพียงกรมและขยายใหญ่กลายเป็นหน่วยงานระดับกระทรวง แม้จะมีการผ่าตัดโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมใหม่ งานทางด้านแรงงานก็ยังมีความสำคัญที่ต้องมีหน่วยงานระดับกระทรวงดูแล
และหากยังจำกันได้ กระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีบ่อยที่สุด แถมรัฐมนตรีที่ผลัดกันมานั่งนั้นส่วนใหญ่จะเป็นรัฐมนตรีที่ผิดหวังจากกระทรวงใหญ่ และบางยุคบางสมัยรัฐมนตรีก็เปิดโอกาสให้ที่ปรึกษาทำมาหากินกับแรงงานอย่างโจ๋งครึ่ม ณ วันนี้ปัญหาแรงงานจึงเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาแม้จะมีหน่วยงาน แม้จะมีกำลังพล หรือแม้จะมีนโยบายเพื่อผู้ใช้แรงงาน แต่ก็มีคนที่จะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เห็นผลน้อยเต็มทน
นี่จึงเป็นภาระอีกหนึ่งภาระที่รอคอยรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหา เรื่องความเป็นอยู่หนึ่ง เรื่องสวัสดิภาพแรงงานหนึ่ง เรื่องความปลอดภัยในการทำงานหนึ่ง ตลอดจนการให้ความรู้ในการดำรงชีวิต การรณรงค์เพื่อเตือนสติในการใช้จ่าย เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อกับสิ่งยั่วยุ ทั้งโทรศัพท์มือถือ ทั้งหวยและการพนัน สิ่งเหล่านี้คือภารกิจหลักของกระทรวงแรงงาน ซึ่งยังไม่มียุคใดที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงานได้ลุล่วงไปได้เลย
....................................................................
|
|
|
|
|
|
บทความจากคุณสุทธิชัย หยุ่น --กาแฟดำ ลงในกรุงเทพธุรกิจรายวัน
จากนี้ไป "อารยะขัดขืน" จะเป็นเรื่องของทุกคน
28 เมษายน 2549 19:36 น
ถ้านักการเมืองผู้ยึดมั่นแต่เพียง "เทคนิคการเลือกตั้ง" เมื่อยึดครองอำนาจรัฐยังยืนยันที่จะปกครองประเทศด้วยวิธีการ "รวมอำนาจ" อย่างที่เห็นจากระบอบทักษิณ ก็เชื่อเถอะว่าจากนี้ไปคำว่า "อารยะขัดขืน" จะกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย
เราต้องสอนลูกสอนหลานว่า การร่วมมือกับคนชั่ว, คนโกง, คนเลวที่มีอำนาจและเงินนั้น เป็นความผิดพลาดร้ายแรง
ลูกหลานคนไทยจะต้องได้รับการสั่งสอน ว่า คนรุ่นเดียวกับเขาที่เป็นลูกเป็นหลานของนักการเมืองและเศรษฐีผู้ร่ำรวยจากการเอารัดเอาเปรียบสังคมนั้น เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะต้องต่อต้านพฤติกรรมเช่นนั้นด้วยตนเอง
คนรุ่นต่อไปของประเทศไทยจะต้องต่อต้านการโกงกิน และจะต้องต่อสู้ด้วยวิธีการของผู้ที่ไร้อำนาจรัฐจะพึงต่อสู้
มีลูกสอนลูก, มีหลานสอนหลานว่ากฎหมายที่เขียนโดยผู้เอาเปรียบสังคม ย่อมจะเอื้อต่อประโยชน์ของคนมีฐานะได้เปรียบเท่านั้น ดังนั้น หากจะสร้างสังคมที่เป็นธรรม และหากจะเป็นพลเมืองผู้รับผิดชอบ ต้องร่วมกันต่อต้านกฎหมายที่ล้าหลังเหล่านั้น
และหากจำเป็น คนไทยยุคใหม่ต้องพร้อมที่จะประกาศว่าจะไม่ทำตามกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้น
คำว่า "อารยะขัดขืน" แปลว่าเราจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของความเลวร้ายของผู้มีอำนาจ ซึ่งมีผลต่อชีวิตประจำวันของสมาชิกในสังคมด้วย
นั่นย่อมแปลว่าเราจะถามเหตุผลของกติกาทุกข้อ ซักไซ้ไล่เลียงที่มาที่ไปของกฎข้อบังคับที่ผู้มีอำนาจสั่งลงมา
เราจะไม่ยอมทำตามกฎข้อใดเพียงเพราะคนมีอำนาจสามารถหว่านล้อมให้ "เสียงส่วนใหญ่" ที่เขาคุกคามได้, ซื้อได้, บังคับได้ ลงมติเพื่อใช้บังคับให้พวกเขาได้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว
เพราะการร่วมมือกับโจรปล้นบ้านของเรา ก็คือการเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันทำลายสังคมนั่นเอง
การเรียกร้องให้ประท้วงด้วยการไม่เสียภาษีนั้น เกิดขึ้นเพราะประชาชนเห็นว่าผู้นำประเทศและครอบครัวยังพยายามหาหนทางหลีกเลี่ยงการเสียภาษีก้อนยักษ์ได้
นี่มิใช่การพยายามส่งเสริมให้ผู้คนทำผิดกฎหมาย หากแต่เป็นการชี้ให้เห็นว่า สังคมจะต้องลุกขึ้นแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวที่จะไม่ยอมให้คนบางคนบางกลุ่มอาศัยอำนาจและช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อเลี่ยงกฎหมาย
การเรียกร้องให้กาบัตรไม่เลือกใคร มิใช่การทำผิดหลักการประชาธิปไตย ตรงกันข้าม นี่คือการแสดงออกถึงความสิ้นหวังในความไร้คุณภาพทางการเมืองของสังคม
แม้การฉีกบัตรเลือกตั้งก็มิได้แปลว่าไม่เห็นพ้องกับความเป็นประชาธิปไตย หากแต่หมายถึงการยืนยันในการที่จะไม่ทำตามกติกาของผู้บ้าอำนาจที่ยึดครองประเทศชาติให้เกิดความตื่นตัว
คนทำเช่นนั้นประกาศ "ขัดขืนอย่างมีอารยะ" นั่นคือพร้อมจะขึ้นศาลและสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อพิสูจน์ว่าอะไรมาก่อน...กฎหมายเลือกตั้ง หรือมาตราในรัฐธรรมนูญที่ปกป้องสิทธิของประชาชนในอันที่จะต่อต้านความเลวร้ายในสังคมอย่างสันติกันแน่?
ดังนั้น จากนี้ไปกระทรวงศึกษาจะต้องพิจารณานำเอา "อารยะขัดขืน" เข้าไปอยู่ในหลักสูตรของเรียนรู้ตั้งแต่ระดับมัธยมต้น
เพราะการต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมอย่างสันติและแน่วแน่คือวิญญาณแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริงที่นักเลือกตั้งที่ใช้เงินและอำนาจเพื่อให้ได้ที่นั่งในสภามากที่สุดเท่านั้น ไม่อาจจะเข้าใจได้เป็นอันขาด
ธนาธิปไตยย่อมมิใช่ประชาธิปไตย
..........................................................
|
|
|
|
|
|
@บล็อกเมื่อวาน คลิก
@@ฟังเพลงวันหยุดตามลิ้งค์นี้ครับ@@
@เพลงโมรา : มาลี ฮวนน่า คลิก
@เพลงหัวใจพรือโฉ้ : มาลี ฮวนน่า คลิก
@เพลงจิตร ภูมิศักดิ์ : คาราวาน คลิก
@เพลงทะเลใจ : คาราวาน คลิก
@บล็อกวันนี้(ล่าสุด) คลิก
Create Date : 01 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 2 พฤษภาคม 2549 9:09:52 น. |
|
18 comments
|
Counter : 1018 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:03:51 น. |
|
|
|
โดย: Xenosaga วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:51:51 น. |
|
|
|
โดย: กระจ้อน วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:55:58 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:00:26 น. |
|
|
|
โดย: ป้ามด วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:23:05 น. |
|
|
|
โดย: erol วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:55:15 น. |
|
|
|
โดย: Xenosaga วันที่: 1 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:01:45 น. |
|
|
|
โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 2 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:17:29 น. |
|
|
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 2 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:46:38 น. |
|
|
|
โดย: สนธิ IP: 221.128.97.166 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:48:17 น. |
|
|
|
โดย: สัตว์ 5 ตัว IP: 221.128.97.166 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:52:00 น. |
|
|
|
โดย: หยุดเสียที IP: 221.128.97.166 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:55:14 น. |
|
|
|
โดย: หยุดเสียที IP: 221.128.97.166 วันที่: 3 พฤษภาคม 2549 เวลา:10:59:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เขอให้ กรรมาธิการพิจารณาอนุมัติขึ้นค่าแรงต่อวัน..ด้วยครับ