บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
15 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

ชีวิต-เป้าหมายและทางเดินข้างหน้า





น้ำตกศรีดิษฐ


หัวข้อวันนี้ดูจริงจังและมีความหมายมาก ๆ
และจริง ๆ ก็อยากให้เป็นเช่นนั้น

ชีวิตในช่วงนี้ดูจะขาดการวางแผนและปล่อยให้วันเวลาเคลื่อนหนีไปเรื่อย ๆ
แต่ความคิดและความตั้งใจต่าง ๆก็ยังคงมีอยู่ในใจ
แต่บอกกับตัวเองว่าอย่าปล่อยให้สภาพนี้ดำรงอยู่อย่างยาวนาน

เมื่อวานรับรู้ปัญหาของเพื่อนใหม่คนหนึ่ง
ถึงปัญหาครอบครัวต่าง ๆ ที่เขาประสบ
ได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า

"ความสำเร็จทางการเงินอาจไม่ใช่หนทางของความสุข
และมันเป็นตัวการหนึ่งของการทำลายชีวิตรักในครอบครัว

"การกดขี่ทางเพศในสังคมไทยของผู้ชายไทยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้หญิงไทยเบื่อผู้ชายไทยมาก ๆ ความหมายก็คือ "ความเจ้าชู้ที่มีอย่างไม่สิ้นสุด" อันนำไปสู่การหย่าร้างในที่สุด"

ถามตัวเองเหมือนกันว่า "เราติดเชื้อเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน และจะหนีห่างในสิ่งเหล่านี้อย่างไร?"


แน่นอนมันคือนิสัยและสันดานที่เปลี่ยนยากและจะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนได้ แต่เวลาและบทเรียนที่ได้รับในชีวิตก็น่าจะทำให้คนเราหลีกหนีทางเดินเหล่านี้

โลกไซเบอร์ที่เข้ามาในชีวิตในห้วงเวลาห้าหกปีที่ผ่านมา ให้บทเรียนทั้งในด้านดีและด้านร้าย รวมทั้งความแปลกใหม่ ข้อมูลข่าวสาร ปัญญา มิตรภาพที่งดงาม และการได้รู้จักผู้คนกลุ่มหนึ่ง

การท่องเน็ตในห้วงเวลาที่ผ่านมาอาจทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการเคลื่อนตัวของความคิดและวัฒนธรรมใหม่ของผู้คน-การต่อสู้ทางการเมืองผ่านจออินเตอร์เน็ตและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้อย่างไม่น่าเชื่อ

และในอนาคตบ้านเมืองของเราก็จะเดินไปอย่างมีทิศทางมากขึ้น ด้วยสติปัญญาของพวกเราที่จะสร้างบ้าน
แปงเมืองขึ้นมาใหม่!!

จากเรื่องส่วนตัวแล้ววกมาสู่ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร?


ชีวิต-เป้าหมายและทางเดินข้างหน้า....

มันยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจของคุณหรือไม่?

อุปสรรคใดที่มันยังไม่สามารถทำให้เราไปถึงฝั่งฝันได้เสียที?

ความคิด-ชีวทัศน์โลกทัศน์ใดที่ต้องปรับเปลี่ยน-เรียนรู้และสร้างตัวขึ้นมาใหม่?

มีการบ้านให้คิดหลายข้อหากเรายังต้องเดินไปข้างหน้า

ด้วยความหวังและศรัทธาที่จะมีชีวิตและใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

เวลาเคลือนไปเรื่อย ๆ
หากใจสงบนิ่งและคิดทบทวน-เป็นฝ่ายกระทำมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงที่ดีในชีวิตของเราต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ!!















บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่

















 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2550
20 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 8:08:36 น.
Counter : 2420 Pageviews.

 

ถ้าเอา "ความสุขของชีวิตครอบครัว" ไปผูกไว้กับ "ความสำเร็จทางการเงิน" ความพยายามสร้างฐานะก็สามารถสร้างความไม่เข้าใจกันระหว่างคู่สามีภรรยาได้ค่ะ

ฝ่ายหนึ่งอาจแก้โจทย์ปัญหาชีวิตคู่อย่างง่ายๆ ด้วยเหตุผลที่ฟังบ่อยว่า "ทำงานหนักอย่างนี้ก็เพื่อครอบครัว" ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องถูกทอดทิ้งอยู่ด้านหลัง ด้วยเหตุผลที่ดูเหมือนชอบธรรม... แต่ทุกอย่างย่อมมีจุดสิ้นสุด

ตัวอย่างหนึ่ง ที่กำลังมองเห็นอยู่ตอนนี้เหมือนกันค่ะ


ส่วนเรื่องความเจ้าชู้
อืมมม.... เราว่าต้องปลูกฝังค่านิยมที่ดีที่ถูกต้องตั้งแต่เด็กๆ เลย ไม่เพียงเฉพาะผู้ชายหรอก สมัยนี้ผู้หญิงก็เหมือนกัน

"ครอบครัว" สถานที่ความสุขพื้นฐานและสูงสุด ถูกทำลายลงไปอย่างง่ายดาย เพราะเรื่องนี้

อันนี้ก็เป็นอีกตัวอย่าง ที่เพิ่งเห็นเร็วๆ นี้

 

โดย: ริมยมนา 15 กรกฎาคม 2550 10:01:31 น.  

 


ชีวิต เป้าหมาย ทางเดิน ยังชัด(แจ่ม)ชัดค่ะ

 

โดย: p_tham 15 กรกฎาคม 2550 11:59:32 น.  

 



แวะมาอ่านด้วยความรู้สึกดีดีค่ะ
แวะมาทักทายในยามฝนกำลังโปรย
สบายดีเน๊าะ

 

โดย: อุ้มสี 15 กรกฎาคม 2550 12:18:28 น.  

 

พี่ชายจ๋า

ชีวิต คู่ มันไม่ใช่แค่ ไม่เจ้าชู้ หรือทำสิ่งดีๆ ต่อกัน
แล้วความรักจะยืนยาว เสียเมื่อไหร่
มันเป้นเรื่องของคนที่มี ศีล มี จาคะ และ มีศรัทธา
หรือเมตตา เป็นตัวประกอบ ....

พิม คิดถึง พี่ นะ
อยากให้ พี่ มีความสุข มีหัวใจดีงาม อย่างที่เคย
ไม่ให้ ความบอบช้ำใดๆ มา อาศัยในหัวใจ ค่ะ
พิม ไม่รู้ บางครั้งรู้สึกว่า ผู้ชายไม่ยอมอ่อนแอ ...ซะบ้าง
นิดๆ หน่อยๆ ให้ได้ พักใจ

บุญรักษา พี่ ค่ะ

 

โดย: ประกายดาว 16 กรกฎาคม 2550 9:16:35 น.  

 

คัดจากกรุงเทพธุรกิจ-คอลัมน์กายใจ

มหาสมุทรแห่งปัญญา



สรยุทธ รัตนพจนารถ asia@sorrayut.com

บรรลุได้ด้วยจินตนาการและความหวัง


สองสัปดาห์ก่อน ผมเพิ่งจะชักชวนพวกเราเดินขึ้นบันไดสู่ทีมที่มีประสิทธิภาพกันทีละขั้น จนพบกับวิสัยทัศน์บนบันไดขั้นสุดท้าย ไม่กี่วันต่อมาผมกลับมีโอกาสได้ไปเข้าร่วมการประชุม จัดทำวิสัยทัศน์ขององค์กรแห่งหนึ่งอีกด้วย

ผมเข้าใจว่า ทีมงานผู้จัดเลือกสถานที่ประชุมในรีสอร์ทชายทะเล ริมชายหาดที่ค่อนข้างเงียบสงบ เพื่อผู้เข้าร่วมทุกคนสามารถมีสมาธิและผ่อนคลาย พอให้ร่วมคิดร่วมทำเรื่องยากๆ อย่างวิสัยทัศน์ของหน่วยงานได้ราบรื่น

ดูเหมือนฟ้าฝนไม่เข้าข้างเลยครับ เย็นวันแรกที่เราไปถึงมีพายุฝนลมแรง คนส่วนใหญ่ไปถึงรีสอร์ทช้า เพราะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถ ตลอดทางเลียบหาดยังมีต้นไม้ล้ม กิ่งไม้ใบไม้กระจัดกระจายไปทั่ว ซ้ำร้ายที่สุด คือ ไฟดับทั้งหาด เพราะแผ่นป้ายล้มทับสายไฟฟ้า ทำให้เราต้องนั่งรับประทานข้าวเย็นกลางแสงเทียน ไม่สามารถเริ่มประชุมตามกำหนดการเดิมที่วางไว้ได้

หลายคนหวั่นใจว่า ภารกิจหาวิสัยทัศน์ครั้งนี้ อาจจะยากกว่าที่คาด เพราะไม่เพียงแต่ลมฟ้าเป็นอุปสรรค ตัวองค์กรเองยังประกอบไปด้วยคนสองกลุ่มที่ค่อนข้างแตกต่างกัน หนึ่งนั้นเป็นกลุ่มอาจารย์และนักวิชาการ ส่วนอีกกลุ่มเป็นเจ้าหน้าที่ แม้ไม่มีความขัดแย้งกัน แต่กลุ่มเจ้าหน้าที่ก็ไม่ใคร่จะมีส่วนร่วมให้ความเห็นในที่ประชุมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะเนื่องด้วยกลุ่มอาจารย์พูดเก่งเกินไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้

ทว่าเมื่อการประชุมค่อยๆ เริ่มดำเนินจากคืนแรกผ่านไปจวบจนสิ้นสุดลงในเย็นของสองวันถัดมา พวกเรากลับพบว่า ไม่เพียงแต่บรรลุตามเป้าหมายได้วิสัยทัศน์ออกมาเท่านั้น ยังเป็นวิสัยทัศน์ที่เราทุกคนพึงพอใจ บ้างถึงกับออกปากว่าชอบวิสัยทัศน์ และกระบวนการที่ร่วมกันคิดร่วมกันทำครั้งนี้มาก

ยิ่งไปกว่านั้น เวทีประชุมครั้งนี้ยังได้เข้าถึงปมปัญหาที่สร้างความอึดอัดคับข้องในการทำงานของทุกคน และยกประเด็นปัญหาขึ้นมาหาทางออกร่วมกัน สุดท้ายนอกจากวิสัยทัศน์ เรายังได้ความกลมเกลียวเข้าใจกัน อีกทั้งนัดวันตั้งวงสนทนากันเป็นประจำทุกสัปดาห์เสียด้วย

แปลกแต่จริงครับ เพราะหากดูผิวเผินแล้ว การประชุมครั้งนี้ก็ดูวุ่นวายอยู่มิใช่น้อย แม้ว่าเราจะช่วยกันตระเตรียมกำหนดการแต่ละช่วงไว้เป็นอย่างดี เลือกใช้เทคนิควิธีการแบ่งกลุ่มพูดคุย การจัดกิจกรรมให้ผ่อนคลาย ได้ใช้ทั้งสมอง กายและใจไปพร้อมกันอย่างสมดุล แต่สถานการณ์ไฟดับ ทำให้เรื่องราวเปลี่ยนไป กิจกรรมที่ตระเตรียมไว้ในเย็นวันแรกไม่ได้ใช้ ทำให้กระบวนการในวันถัดมาไม่เป็นไปตามที่วางไว้

สิ่งที่น่าจะต่างออกไปจากการประชุมอื่นๆ เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ยากๆ อย่างนี้ก็คือ ผู้ร่วมประชุมทุกคนไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดหัวเสีย ผู้จัดไม่ถูกกดดัน ถูกตำหนิที่เลือกสถานที่ โดยไม่ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้า (ฮา) แม้ว่าเมื่อไฟฟ้ากลับมาใช้การได้ในคืนแรก แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดประชุมตามวาระให้ได้ตามกำหนดการที่วางไว้

ตรงกันข้าม กระบวนการกลับเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีโอกาสเปิดให้ได้คุยกันมากๆ ทั้งในวงใหญ่และวงย่อย ไม่มีใครทำหน้าที่ดำเนินการประชุมหรือเป็นกระบวนกร (facilitator) เพียงคนเดียว แต่เราผลัดกันทำหน้าที่นำกิจกรรมในแต่ละช่วง แม้ว่าจะไม่เคยซักซ้อมกันมาก่อน ทั้งการภาวนาร่วมกัน การระดมสมองกลุ่มย่อย และสุนทรียสนทนา (Dialogue)

เป็นเพราะกลุ่มมีความไว้วางใจและสร้างความปลอดภัยให้แก่กันและกันสูง ไม่มีใครรู้สึกว่ากำลังแบกภาระ "ต้อง" บรรลุทำวิสัยทัศน์ให้สำเร็จ ไม่มีใครคาดหวังว่ากระบวนกร 'ต้อง' ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ทำให้ความผ่อนคลายเกิดขึ้นจริง เอื้อให้เปิดการสนทนากันได้เปิดเผยและลึกซึ้งมากขึ้น ถ้ากลับไปดูโมเดลบันไดสู่ทีมที่มีประสิทธิภาพแล้วละก็ เราผ่านขั้นต้นๆ ที่ว่าด้วยความปลอดภัยและความไว้วางใจมาแล้วแน่ๆ

เมื่อนึกทบทวนดูว่า ยังมีปัจจัยเกื้อหนุนอะไรที่นำการประชุมครั้งนี้ไปบรรลุเป้าหมายและประสบผลจนเกินคาดได้ อะไรที่อยู่เบื้องหลังภาพบรรยากาศแบบสบายๆ บางครั้งก็ครึกครื้น และหลายครั้งก็คุยเตรียมกันตรงนั้นเลยว่า ช่วงต่อไปของการประชุมจะจัดคุยจัดกระบวนการอย่างไรดี

ผมพบว่า สิ่งที่มีผลเหนี่ยวนำเราทั้งกลุ่มเป็นอย่างมาก คือ การสร้างจินตนาการ การได้เผยความฝันของแต่ละคนที่มีต่องานของเรา

กระบวนการที่ให้แต่ละคนเขียนวิสัยทัศน์ ความฝัน ความในใจ หรืออะไรก็ได้ในภาษาของเรา แบบง่ายๆ หรือเป็นทางการก็ได้ ครั้นเมื่อเขียนเสร็จเราเวียนส่งผลัดกันอ่าน ระหว่างนั้นมีเสียงระฆังดังทุกระยะ 10 นาที เป็นสัญญาณให้มีสติรู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นเราวางกระดาษลงกลางวง แต่ละคนต่างมีอิสระเลือกหยิบวิสัยทัศน์บนแผ่นที่เราชอบ จะเป็นของเราหรือของเพื่อนก็ได้ หยิบขึ้นมาบอกเล่าว่า เรารู้สึกอย่างไร คิดเห็นอย่างไร

กระบวนการนี้ทำให้จินตนาการถูกปลดปล่อยออกจากวงล้อมของรูปแบบภาษา และทำให้ภาพฝันไม่ถูกปิดกั้นจากตำแหน่งหน้าที่ ความเป็นผู้รู้ ผู้บังคับบัญชา หรือเจ้าหน้าที่การเงินที่เราเป็น ล้วนไม่มีผลกดดัน เราจินตนาการถึงองค์กรที่เราอยากเห็น และองค์กรที่เราอยากเป็นได้อย่างเต็มที่ ยังพบว่าหลายคนมีฝันร่วมกัน แม้ว่าบางข้อความจะสั้น บางข้อความจะยาว แต่ก็เห็นทิศทางร่วมกัน นำไปหาจุดร่วมและสร้างเป็นวิสัยทัศน์ของเราทุกคนได้ ที่สำคัญคือ ไม่รู้สึกว่าเป็นไอเดียของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ต้องรู้สึกแอนตี้วิสัยทัศน์ของบางคน ห่วงกังวลดันวิสัยทัศน์ที่ตัวเองเขียน หรือขุ่นข้องหมองใจเวลาใครมาแก้หรือตัดคำที่เราคิดมา จึงสามารถพิจารณาทุกข้อความ ทุกความฝันได้อย่างใจเป็นกลาง

ผลเกินคาดหมายอีกเรื่องหนึ่งคือ การได้ร่วมคิดร่วมกันยกปัญหาความกดดันในการทำงานขึ้นมาหารือร่วมกัน ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในแผนกำหนดการเดิมเลย แต่เรื่องนี้กลับมาช่วยเติมเต็มความเป็นทีมให้อย่างถูกที่ถูกเวลา

ผมเชื่อมั่นว่า เป็นเพราะสมาชิกในวงประชุมแต่ละคนให้ความตั้งใจ สนใจและรับฟังกันและกันอย่างลึกซึ้ง มีสภาพความเป็นวงสุนทรียสนทนาที่มีคุณภาพ ก่อให้เกิดการรับรู้ความทุกข์ความอึดอัดของเพื่อน ได้แบ่งปันความรู้สึกกัน ทำให้เรากล้าระบุถึงปัญหาที่เผชิญกันอยู่อย่างตรงไปตรงมา

การนำปัญหาขึ้นมาคุยหลายครั้งอาจทำให้ผู้เข้าประชุมอึดอัด หรือรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจจะมุ่งไปข้างหน้าต่อ ประมาณว่าทำวิสัยทัศน์ไปก็เท่านั้น เพราะปัญหายังคงอยู่ ทว่าในครั้งนี้เราได้แนวทางการแก้ไขร่วมกัน แต่ละคนก็มีสีหน้าที่แช่มชื่น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะได้ระบายเรื่องทุกข์ในใจออกมา แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่นำพาเราผ่านสถานการณ์นี้กันไปได้ เพราะว่าเรามีความหวังครับ

ภาวะที่การประชุมมีความเอื้อเฟื้อโอบอุ้มดูแลกัน ผู้เข้าประชุมต่างไว้เนื้อเชื่อใจและมั่นใจในกัน ต่างเห็นว่าเราต่างเป็นกัลยาณมิตรของกันและกัน ทั้งวงจึงได้เกิดความหวัง หันมาช่วยฝ่าข้ามปัญหาร่วมกันไปสู่ทางออก แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ทางออกที่สมบูรณ์ แต่เราก็เรียกศรัทธาและความมุ่งมั่นจากทุกคนขึ้นมาได้

การประชุมที่น่าจะอลเวง แต่กลับลงเอยอย่างงดงามได้เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะว่าอากาศดี ห้องประชุมสวย ห้องพักสะอาด กำหนดการรัดกุม เอกสารละเอียดชัดเจนหรอกครับ ปัจจัยที่ว่ามาล้วนเป็นเรื่องนอกตัว ซึ่งยังไม่มีผลมากพอให้เกิดคุณภาพก้าวขึ้นบันไดไปสู่ขั้นสุดท้ายมีวิสัยทัศน์ร่วมกันได้ แต่ยังมีปัจจัยภายในจิตใจเราเอง ที่ได้ปลดปล่อยจินตนาการให้เกิดภาพอนาคต ได้รับรู้ฝันของกันและกัน รับฟังอย่างลึกซึ้งจนได้เผยปมปัญหาออกมา มีความหวังร่วมกันที่จะร่วมฝ่าอุปสรรคไปตามเส้นทางที่เราเชื่อ และจุดหมายที่เราฝันถึง

 

โดย: คนเดินดินฯ 16 กรกฎาคม 2550 9:25:34 น.  

 

สวัสดีค่ะ มาอ่านบทความดีๆ ค่ะ
เป้าหมายเห็นอยู่ไม่ไกล แต่ทำไมเราไปไม่ถึงซักที

 

โดย: เนระพูสี 16 กรกฎาคม 2550 11:28:48 น.  

 

มาแอบอ่าน คับ

 

โดย: เทวดาเดินถนน 16 กรกฎาคม 2550 13:36:57 น.  

 

สวัสดีค่ะ...

ขอบคุณที่เป็นห่วงเรื่องเพื่อนที่จากไป ยังหาสาเหตุการตายของเธอไม่ได้ บางก็ว่าติดเชื้อในกระแสเลือด บางก็ว่าเป็นไส้ติ่งแตก บางก็ว่าอาจเกิดจากทานลูกชิ้นปลาปักเป้า ไม่ได้มีการพิสูจน์ศพกัน เพราะไม่อยากเอาเพื่อนมาขึ้นเขียงอีกครั้ง ปล่อยให้เธอพักผ่อนให้สบายดีกว่า...

เมื่อวานนี้ไปทำบุญบวชชาวเขา800รูปที่วัดเบญจฯ กทม. เลยเอาบุญมาฝากเพื่อนๆค่ะ รับไว้ด้วยนะค่ะ

 

โดย: คนผ่านทางมาเจอ 16 กรกฎาคม 2550 18:36:35 น.  

 

พี่ชาย ...

วันนี้พิม เขียนเรื่องแรงงานหญิง
พี่ไปเยี่ยมพิมหน่อย

 

โดย: ประกายดาว 17 กรกฎาคม 2550 9:49:05 น.  

 

มาขอบคุณค่ะ

ดีใจจัง
ฝนตกหนักทุกๆวันพี่ชายดูแล เต็น ดีๆ นะคะ

 

โดย: ประกายดาว 19 กรกฎาคม 2550 15:39:08 น.  

 

ปล่อยปลงบางอย่างลงบ้าง ชีวิตจะน่ารื่นรมย์ขึ้นอีกเยอะค่ะ

 

โดย: ju IP: 58.147.125.231 20 กรกฎาคม 2550 9:49:15 น.  

 


สวัสดีค่ะ...

แวะเข้ามาทักทายกันวันศุกร์ ก่อนที่จะหายไปอีกหลายวัน

พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของอุ้มสี จะซื้อของขวัญอะไรให้เธอดี

ช่วยคิดหน่อยซิค่ะ...

 

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) 20 กรกฎาคม 2550 13:37:05 น.  

 

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย
บทความให้ข้อคิดดีจังค่ะ

 

โดย: ฟ้า (ฟ้ากระจ่าง ) 20 กรกฎาคม 2550 18:38:44 น.  

 

ความเปลี่ยนแปลง เป็นไปได้เสมอค่ะ
แต่ความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ก็ต้องใช้ความตั้งใจสูงสักหน่อย

สบายดีนะคะ

 

โดย: rebel 22 กรกฎาคม 2550 21:40:01 น.  

 

คุณคนเดินดินฯ

ไม่ได้แวะทักทายกันนานเลย ขอบคุณที่ยังแวะไปทักทายกันอยู่เสมอ คุณสบายดีนะคะ หวังว่ากำลังใจยังคงเต็มเปี่ยมอยู่ ยังไงซะทุกอย่างก็จะผ่านไป เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่ไม่มีสิ่งใดคงอยู่กับเราอย่างถาวรสักอย่างเดียว

ขอให้สำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจนะคะ ทิวลิปจะคอยเอาใจช่วยค่ะ

 

โดย: ทิวลิปสีน้ำเงิน IP: 202.6.107.60 23 กรกฎาคม 2550 8:30:09 น.  

 

สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ

ช่วงนี้รับศึกหนักหลายด้าน ไม่ค่อยสบายเท่าไร เพิ่งกลับจากโรงพัก พยายามจะเข้มแข็งและให้อภัยกับการถูกกล่าวหาอย่างไร้เหตุผล

จะพยายามอัพบล็อกเท่าที่จะมีเวลานะครับ

ความตายก็เคยเผชิญมาแล้ว
คุกก็เคยติดมาแล้ว
ชีวิตนี้ยังมีอะไรจะต้องกลัว
สำหรับนักโทษการเมืองคนนี้อีก

ถ้ายังไม่ตายชีวิตต้องมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตทุก ๆ ด้านให้ได้

สัญญานะสัญญาว่าจะทำให้ได้

เป็นห่วงทุก ๆ ท่านนะครับ

ดูแลตัวเองให้ดีด้วย

โลกนี้อาจโหดร้ายเกินไปในบางครั้ง
แต่ยิ่งเราอ่อนแอ โลกก็จะยิ่งทำร้ายเรามากยิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้นต้องสู้ชีวิตครับ
ต้องกร้านต่อชีวิต

แล้วความสดใสในชีวิตจะตามมาครับ !!

 

โดย: คนเดินดินฯ 23 กรกฎาคม 2550 18:22:08 น.  

 

สวัสดีค่ะ
โหดร้ายเกินไปหรือเปล่านะชีวิต

แต่อย่างไรก็ยังต้องยืนหยัดและก้าวต่อไปและต่อไป นะคะ

เป็นได้เพียงกำลังใจ ....ที่มาจากใจ

 

โดย: นกแสงตะวัน 23 กรกฎาคม 2550 23:10:29 น.  

 

พี่ชายที่รัก ....

ทำไมไม่ส่งข่าว โมโหแล้ว
น้องพิมไป ทำบุยที่พะเยามา เพิ่งกลับค่ะ พี่
อ่านบล๊อกวันนี้เป็นห่วงมากๆ ....

มรสุม พายุ และ ลมแรง ....
มันเกิดขึ้นแล้วก็ จบลงค่ะ พี่
เชื่อน้องพิม มั่นใตในทุกก้าวย่าง

บุญรักษา พี่ของหนู
พิมเอาบุญมาฝากค่ะ ให้คุ้มครองทั้งกายทั้งใจ ให้พี่

 

โดย: ประกายดาว 24 กรกฎาคม 2550 7:33:35 น.  

 

คัดจากกรุงเทพธุรกิจ Bizweek

การแก้ปัญหาบาทแข็ง : วาระ(แห่งชาติ)ทางเศรษฐกิจที่เร่งด่วน

ECO-NO-MISS : ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย



“ค่าเงินบาทแข็งมากเกินไปและแข็งเร็วเกินไป” คือปัญหาทางเศรษฐกิจที่คนไทยพูดมากที่สุดในระยะนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี นักธุรกิจใหญ่ ไปจนถึงนักธุรกิจเล็กๆ รวมทั้งนักวิชาการ และประชาชนทุกภาคส่วน


ค่าเงินบาทไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจเท่านั้น แต่การแข็งค่าของเงินบาทยังถูกผูกรวมไปถึงปัญหาทางสังคมโดยเฉพาะเรื่องการจ้างงานอีกด้วย

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้พูดไปแล้วเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทที่มาอยู่ที่ระดับ 33 บาทกว่าต่อดอลลาร์สหรัฐ

สัปดาห์ที่แล้ว ผมสรุปว่าการที่บาทแข็งค่าขึ้นเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง แม้ว่าเราจะยังไม่พบสัญญาณการเก็งกำไรมากนัก เพราะการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 1 บาทกว่าๆ ต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียง 10 กว่าวันนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา

แน่นอนว่าการที่บาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ทำให้โอกาสที่บาทจะแข็งค่าสู่ระดับ 32.5-33.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้หากมีสถานการณ์การเก็งกำไรในค่าเงินบาทเข้ามาผสมมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 12.5% และ 4.0% ตามลำดับ และจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอีกหรืออาจฟื้นตัวช้าลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นในปลายไตรมาสที่สามหรือต้นไตรมาสที่สี่ของปีนี้

จะเห็นได้ว่าในสัปดาห์นี้ หลายฝ่ายได้เข้ามาเสนอแนวทางการหยุดยั้งการแข็งค่าของเงินบาทหลายประเด็น อาทิเช่น ข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวม 11 มาตรการ

กกร.มีข้อเสนอให้ภาครัฐแก้ปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนในระยะสั้น 7 ข้อ ที่รัฐสามารถดำเนินการได้ทันที และใช้จนกว่าเงินบาทอ่อนค่าลง คือ 1.อนุญาตให้ผู้ส่งออกถือครองเงินดอลลาร์ หรือบัญชีเงินต่างประเทศสกุลอื่นได้ไม่จำกัดระยะเวลา จากเดิมที่กำหนดให้ถือได้ไม่เกิน 14 วัน 2.อนุญาตให้บุคคลธรรมดาถือครองบัญชีเงินต่างประเทศได้มากขึ้น 3.อนุญาตให้ผู้ส่งออกชำระค่าระวางเรือ หรือค่าวัตถุดิบที่ซื้อในประเทศเป็นเงินดอลลาร์ได้ โดยไม่ต้องทอนกลับมาเป็นเงินบาทอีกครั้ง

4.ขอให้คืนภาษีแก่ผู้ส่งออกรวดเร็วยิ่งขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงพิกัดศุลกากร ส่งผลให้ผู้ส่งออกยังไม่ได้คืนภาษี และหากผู้ส่งออกได้คืนภาษีกลับคืนมา จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ 5.รัฐควรมีนโยบายเร่งให้รัฐวิสาหกิจชำระหนี้ต่างประเทศก่อนกำหนด รวมทั้งควรให้รัฐวิสาหกิจนำเงินบาทออกไปซื้อดอลลาร์สหรัฐแล้วฝากในต่างประเทศ 6.สนับสนุนให้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่สามารถเก็บสต็อกได้ เช่น น้ำมัน ในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า และ 7.จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงนี้

มาตรการดูแลค่าเงินในระยะสั้นที่ภาคเอกชนเสนอ คือ การชะลอนำเงินดอลลาร์สหรัฐของภาคเอกชนไทย มาแลกเป็นเงินบาท (ในข้อที่ 1-3) เพื่อไม่ให้บาทแข็งค่าขึ้นเร็ว รวมถึงการนำเงินบาทไปแลกเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อสินค้าและบริการหรือใช้หนี้ เพื่อทำให้บาทอ่อนลง (ข้อที่ 5-6) และการช่วยลดภาระต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาปัญหาการปิดกิจการของธุรกิจ (ข้อที่ 3 และ 7)

สำหรับข้อเสนอในระยะกลางและระยะยาวของ กกร.มี 4 ข้อ คือ 1.รัฐบาลควรตั้งกองทุนขึ้นมาบริหารจัดการเงินดอลลาร์ส่วนเกินหรือส่วนขาดในประเทศ โดยถ้าพบว่ามีเงินดอลลาร์จำนวนมากให้หาแนวทางนำเงินดังกล่าวออกไปลงทุนในต่างประเทศ และหากมีเงินดอลลาร์น้อยให้หาทางแนวเพิ่มเงินดอลลาร์ 2.รัฐควรมีแนวทางส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น 3. ภาครัฐและภาคเอกชนควรร่วมมือกันปรับประสิทธิภาพการผลิตของอุตสาหกรรมไทยอย่างจริงจัง และ 4.รัฐบาลควรเร่งลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจค)

มาตรการดูแลค่าเงินในระยะยาวของภาคเอกชน จะมุ่งเน้นการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (ที่คาดว่าจะมีการไหลเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นในระยะยาว) ไปในต่างประเทศอย่างเหมาะสม เนื่องจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะยาว และการที่เงินทุนจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาในไทยมากขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยมีการเลือกตั้งนั้น จะทำให้บาทมีค่าแข็งขึ้นอีกในอนาคต

ดังนั้นรัฐบาลควรดำเนินการวางแผนการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่คาดว่าจะมีมากขึ้นอย่างเหมาะสม และจะต้องปรับปรุงกฎระเบียบในการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศของไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์

นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นแนวหน้าของไทย 2 ท่าน ที่ได้เสนอแนะเรื่องค่าเงินบาทได้อย่างแยบยล ท่านแรกคือ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สถาบันวิจัยเศรษฐกิจการคลัง ที่เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดกรอบการเคลื่อนไหวการแข็งค่าเงินบาทไม่เกิน 5% ต่อปี เช่นเดียวกับธนาคารกลางของจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนมากและแข็งมากกว่าประเทศอื่นๆ

แนวคิดนี้ผมเห็นด้วยกับหลักการ (สำหรับตัวเลข 5% นั้น ผมไม่มีความเห็น) ที่ว่า ทางการไทยควรบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้เงินบาทไม่แข็งมากไปกว่าที่อื่น เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ดีในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการฝืนกลไกการตลาด แต่เป็นการบริหารกลไกราคาด้วยความชาญฉลาดเหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ใช้ค่าเงินอ่อนกระตุ้นการส่งออกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ท่านที่สองคือ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การแก้ไขค่าเงินบาทต้องทำ 2 เรื่องใหญ่ คือ 1.ต้องเข้าแทรกแซงตลาดโดยไม่ให้ขาดทุน ซึ่งวิธีการที่จะไม่ให้ขาดทุนคือลดอัตราดอกเบี้ยลง 1.0-1.5% เพื่อให้สามารถออกพันธบัตรในต้นทุนต่ำมาดูดซับสภาพคล่องและเอาเงินบาทไปซื้อดอลลาร์ ซึ่ง ธปท.ต้องแทรกแซงให้มากพอจนมั่นใจว่าเงินบาทนิ่ง โดยเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 36 บาทต่อดอลลาร์ และ 2.ให้รัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจกู้เงินบาทและชำระหนี้ดอลลาร์ออก หากทำได้ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จะช่วยให้เงินบาทหยุดแข็งค่าได้

แนวคิดนี้ผมเห็นด้วยกับหลักการนะครับ แต่สิ่งที่เห็นด้วยที่สุดก็คือ การแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทต้องทำอย่างจริงจัง และต้องหยุดการแข็งค่าของเงินบาทที่ผิดปกติได้ทันท่วงที และไม่ควรปล่อยให้เงินบาทไหลไปตามกลไกการตลาด (ซึ่งผิดปกติ) แล้วทำให้ค่าเงินบาทแข็งไปสู่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาต่อการส่งออกและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

แน่นอนครับ การแก้ไขปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทเบื้องต้นได้เริ่มขึ้นแล้ว จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งล่าสุดในวันพุธที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีมติลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน (หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย) ลงอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากประเมินความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังมีอยู่

การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ กนง.เชื่อว่าจะช่วยภาคเอกชนให้มีต้นทุนด้านดอกเบี้ยต่ำลง สามารถรีไฟแนนซ์เงินกู้และหันมากู้เงินในประเทศ หรือออกหุ้นกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลทางอ้อมที่จะช่วยทำให้ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลง และเป็นการบรรเทาภาระด้านอัตราดอกเบี้ยให้กับภาคเอกชนและผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา

คงจะเห็นได้ชัดเจนครับว่า การแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทเริ่มเปิดฉากแล้วด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบาย หลังจากที่มีข่าวอย่างชัดเจนว่ากระทรวงการคลังและธปท. เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายไม่น่าจะลดลงอีกแล้ว (ข่าวที่ปรากฏตามสื่อในสัปดาห์ที่แล้ว) แต่การเริ่มต้นด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของ กนง. ครั้งนี้ คือจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งในระยะสั้น

ละครเรื่องนี้ยังอีกยาวครับ ต้องมีมาตรการอื่นๆ ออกมาเสริมอีก เพื่อยับยั้งการแข็งค่าของเงินบาท

ต้องเอาใจช่วยและให้กำลังใจกับรัฐบาล ในการออกมาตรการทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อดูแลค่าเงินบาทเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาวครับ



"การเริ่มต้นด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของ กนง.ครั้งนี้ คือจุดเริ่มต้นในการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทแข็งในระยะสั้น ละครเรื่องนี้ยังอีกยาวครับ ต้องมีมาตรการอื่นๆ ออกมาเสริมอีกเพื่อยับยั้งการแข็งค่าของเงินบาท"

 

โดย: คนเดินดินฯ 25 กรกฎาคม 2550 8:43:33 น.  

 

มีของดีอยู่ในตัว ค้นหาตัวเองให้เจอก็เป็นสุข
เรียนรู้ใจจากจิต ฝึกจิตด้วยใจ

 

โดย: lungsem IP: 117.47.63.122 30 กันยายน 2551 11:03:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.