พฤษภาคม 2557

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
เรื่องสั้น : ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว มันเกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว



มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก แค่เรื่องความรักที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้ว เพียงแต่ยังมีบางส่วนที่ค้างคาในใจไม่สามารถกำจัดออกไปได้ เท่านั้นเองจึงเป็นสาเหตุให้ “ศิริณ” ต้องออกเดินทาง ถ้าไม่ขับรถไกลๆ อย่างไร้จุดหมาย ก็เก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าไปที่สถานีขนส่งหรือสถานีรถไฟ เลือกโดยสารรถที่ออกจากสถานีในเวลานั้น ไปยังปลายทาง หาที่พัก ตกเย็นเดินรอบๆ เมืองหาของกิน กลับที่พัก นอน ตื่นเช้าก็หารถกลับกรุงเทพฯ ศิริณสบายใจขึ้นทุกครั้งที่ได้เดินทาง หรือถ้าหากจำกัดด้วยเวลาเธอก็จะเปลี่ยนวิธีการรักษาใจด้วยการใช้พลังงาน ว่ายน้ำบ้าง ปั่นจักรยานบ้างให้เหนื่อยจนแทบลมจับแล้วค่อยหลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาพบกับเรื่องราวของวันใหม่ รับมือกับความปวดร้าวใจไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทุเลาลงและหายดีในที่สุด

แต่คราวนี้อาการบาดเจ็บทางใจสาหัสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ก็มีประสบการณ์ในการซ่อมใจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนแต่ดูเหมือนจะหายช้ากว่าทุกคราวโดยไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด เสาร์ถัดมาเธอจึงหมายใจว่าจะออกเดินทางอีกสักครั้ง การได้พบเจออะไรใหม่ๆ บ้างอาจทำให้รู้สึกดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็น่าจะลืมเรื่องราวร้าวใจไปได้บ้างชั่วครั้งชั่วคราวก็ยังดี และระหว่างที่กำลังหาข้อมูลในการทำวิจัยเรื่องภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่กองทัพบกต้องเตรียมพร้อมในการรับมือ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ต้นสายเป็นชายหนุ่มรุ่นพี่ทหารเรือ ชื่อ นาวาเอกจักรนรินทร์เป็นผู้บังคับกองพันอยู่กองกำลังรักษาความมั่นคงทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งดูแลริมขอบชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ยาวไปถึงผืนทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา เขาโทร.มาถามว่าเมื่อไหร่จะลงไปเที่ยวจังหวัดตราดเสียที รอมาหลายปีจนจะย้ายกลับกรุงเทพฯ อยู่รอมร่อแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะพอดีหรือเทวดาดลใจ ศิริณตกปากรับคำอย่างว่าง่าย พี่จักรบอกว่าพรุ่งนี้วันเสาร์ตื่นแต่เช้าขับรถไปสายมอเตอร์เวย์ โหน่งแกละ โหน่งแกละ ไปประเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้วตราด ศิริณรับคำเป็นมั่นเหมาะแต่เธอไม่ไม่โปรดปรานการขับรถทางไกลคนเดียวเพราะนอกจากจะเหนื่อยมากแล้วอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตเนื่องจากเธอนอนไม่หลับมาหลายอาทิตย์ติดต่อกัน – ความรักนี่นะ, ช่างโหดร้ายเหลือเกินสิ 

หมอชิตมีเชิดชัยทัวร์ กรุงเทพฯ-ตราด รถออกเจ็ดโมงเช้า ส่วน บขส.รถออกสิบเอ็ดโมง ก่อนออกเดินทางเธอส่งข้อความบอกพี่จักรว่าให้ไปรับเธอที่สถานีขนส่งจังหวัดตราด เธอจะรอที่นั่น แต่แล้วเมื่อถึงปลายทาง ศิริณโทร. หาพี่จักรอีกครั้ง เขาบอกว่าตอนนี้กำลังประชุมอยู่ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จังหวัดชลบุรี ซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ศิริณจำเป็นต้องรอเพราะไม่มีรถกลับเข้ากรุงเทพฯ สามสิบนาทีผ่านไประหว่างที่เธอครึ่งหลับครึ่งตื่นรอพี่จักรที่สถานีขนส่งก็มีใครคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงหน้า ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเงยหน้าขึ้นก็เจอกับชายหนุ่มร่างสูง ผิวคล้ำแดดแต่หล่อมาก สวมเครื่องแบบทหารเรือเต็มยศ ป้ายชื่อเขียนว่า “อรรถวิทย์ นฤชานนท์” 

“ผมชื่ออรรถ เป็นลูกน้องพี่จักร ผมมารับคุณไปรอพี่จักรที่ฐาน” 

“เอ่อ... แล้วรู้ได้ไงว่าเป็นฉันน่ะ คนตั้งเยอะ”

“นี่ไง” เขายื่นโทรศัพท์มือถือที่มีรูปเธอมาให้ดู นั่นแปลว่าพี่จักรส่งรูปเธอให้เขา แล้วให้เขามารับเธอที่ขนส่ง 

“งั้นขอโทร. ไปบอกพี่จักรก่อนนะคะ ว่าคุณอรรถมารับแล้ว” ศิริณโทร. ไป พี่จักรไม่รับแต่ส่งข้อความกลับมาว่ากำลังประชุมฯ และจะโทร.กลับหลังจากประชุมเสร็จ เธอจึงไม่มีโอกาสได้บอกเรื่องที่อรรถไปรับ 

ฐานที่มั่นของกองกำลังฯ ซึ่งพี่จักรเป็นผู้บังคับกองพันอยู่นั้นน่าจะอยู่ไกลมาก เพราะระหว่างนั่งเงียบๆ มาสักครึ่งชั่วโมง หัวสั่นหัวคลอนเพราะถนนหนทางขรุขระ พลขับซึ่งก็คือเรือเอกอรรถวิทย์ก็เอ่ยขึ้น

“ฟังเพลงมั้ย” 

“ตามสะดวกเลยค่ะ ฉันฟังได้” แล้วเขาก็กดเปิดเครื่องเสียงรถยนต์ เป็นเพลงของนูโวชื่อ หมดคำถาม ในขณะที่เขาเริ่มตั้งคำถาม

“คุณเป็นน้องสาวพี่จักรเหรอครับ”

“เอ่อ เปล่าค่ะ พอดีฉันเคยไปอบรมเรื่องงานประกันคุณภาพการศึกษาที่ สปท. รุ่นเดียวกับพี่จักรน่ะค่ะ” 

“สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศน่ะเหรอ”

“ใช่ค่ะ, เราอยู่กลุ่มเดียวกัน พี่จักรเป็นประธานกลุ่ม เลยได้รู้จักกันน่ะค่ะ”

“อ้อ... ใช่ที่ไปรุ่นเดียวกับ ณท ป่าว นั่นเพื่อนผม เรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกัน”

“อ้าว โลกกลมจัง เพื่อน ณทเหรอเนี่ย” 

“ฮ่ะๆ วงการทหารก็งี้แหละ รู้จักแค่ชื่อกับรุ่นก็รู้แล้วว่าใครเป็นใคร เอ้อ ว่าแต่คุณมีธุระสำคัญเหรอครับถึงได้มาหาพี่จักรที่นี่”

“อืมม์...ฉันก็แค่...”

“อกหักชัวร์”

“ทำไมคุณรู้ล่ะคะ”

“โห หน้าเศร้าออกอย่างนี้ เอางี้ผมจะพาคุณเที่ยวระหว่างรอพี่จักรกลับมา โอเคมั้ย อีกอย่างฐานของเราไม่ได้อยู่ในตัวเมือง แต่อยู่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านไกลจากที่นี่ร้อยโลนิดๆ”

“อ้าว ฉันนึกว่าฐานส่งกำลังบำรุง ทร.”

“ไม่ใช่ละ, หน่วยของเราเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นกองพันเล็กๆ อยู่ห่างจากหน่วยบัญชาการไกลมากๆ ผมก็เลยแปลกใจมากที่คุณมาถึงนี่”

“ตั้งใจจะมาเยี่ยมพี่เค้านานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที นี่เป็นจังหวะที่เหมาะสมดีแล้ว”

“อืมม์ จังหวะดีหรือผีดลใจ” ชายหนุ่มเอ่ยทีเล่นทีจริงก่อนหักพวงมาลัยเลี้ยวไปยังปลายทางซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด นั่นคือ วัดโยธานิมิตร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดมหานิกาย ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเรียกว่าวัดโบสถ์ไม่มีหลักฐานการสร้างที่แน่นอน เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของเมืองตราด ในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงรวบรวมบรรดารี้พลที่วัดแห่งนี้ เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลังคุมทัพเรือมาทำสงครามกับเขมร และระหว่างที่พักกองทัพอยู่นั้น ได้พร้อมใจกันสร้างวัดขึ้นขนานนามว่าวัดโยธานิมิตเพื่อเป็นเครื่องเตือนใจระลึกถึงการที่เคยได้ร่วมรบ ร่วมกิน ร่วมนอนมาด้วยกัน โบราณสถานที่สำคัญของวัดนี้ ได้แก่ พระวิหาร (พระอุโบสถหลังเก่า) ซึ่งเป็นศิลปะแบบอยุธยา ภายในพระวิหารมีภาพเขียนจิตกรรมฝาผนังที่น่าสนใจ เช่น ภาพเขียนเรื่องเวสสันดรชาดก ฯลฯ และเคยเป็นสถานที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองตราด

“ผมไม่เข้าไปนะ ผมไม่ชอบเข้าวัด คุณไปทำบุญให้สบายใจเถอะ แล้วเราค่อยไปที่อื่นต่อ” หลังจากที่เข้าวัดไหว้พระ ทำบุญ แล้วศิริณก็พร้อมที่ออกเดินทางต่อในทันที

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่สองที่ผู้กองอรรถพาเธอไปเที่ยวคือ โบราณสถานเรสิดังกัมปอร์ต เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 3 ชั้น หลังคาปั้นหยาลดชั้น เคยใช้เป็นที่พำนักของข้าหลวงฝรั่งเศส ผู้ได้รับการมอบหมายจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ปกครองจังหวัดตราด ในระหว่างปี พ.ศ.2453-2464 แล้วได้กลายเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อปี พ.ศ.2450-2471 ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นสำนักงานคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม แต่ยังคงรูปแบบและประติมากรรมเดิมไว้ ซึ่งสถานที่แห่งนี้เธอไม่ได้เข้าไปชมด้านในเนื่องจากปิดทำการในวันหยุด จึงได้เพียงถ่ายภาพและเดินชมภายนอกบริเวณ

“หิวมั้ย ไปหาอะไรกินริมทะเลกัน เผื่อบางทีคุณอาจจะสบายใจเมื่อได้ฟังเสียงคลื่นเสียงลมบ้าง” 

“ฉันทำให้คุณลำบากไปมั้ยคะเนี่ย” 

“โอ๊ย ไม่เลย มันเป็นหน้าที่ แขกมาเยือนถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ยิ่งเป็นแขกของพี่จักรด้วยแล้วต้องดูแลอย่างดีเลย” 

“ขอบคุณมากนะคะ” 

“ยินดีครับ, รับอะไรดีระหว่างน้ำเปล่า น้ำหวาน อ่อ ไม่ต้องบอกนะว่าขอน้ำใจ เพราะผมมีให้เต็มร้อยอยู่แล้ว”

“แหม... เจ้าคารมจริงนะคะ”

“นานๆ ทีน่ะ... ว่าแต่คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือถึงได้มารักษาใจไกลถึงชายแดนเนี่ย”

“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรื่องความรัก มันจบไปแล้วแต่รู้สึกว่ามีอะไรคาใจอยู่ก็เลยลืมไม่ลง ปลงไม่ได้สักที”

“หือ? คาใจ พี่เจน่ะเหรอ”

“วุ้ย รู้จักเพลงคาใจ ส่วนใหญ่มีแต่พวกอายุเกินสามสิบแล้วเท่านั้นนะ”

“พี่จักรเปิดกรอกหูทุกวันเหอะ” 

“อ่อ, มิน่า... เรื่องของฉันน่ะเหรอคะ คร่าวๆ คือฉันรู้จักกับเขาตอนที่เราไปปั่นจักรยานทริปนึงซึ่งต้องจับคู่บั๊ดดี้ระหว่างหญิงชาย ทุกคนมีคู่หมดยกเว้นเราสองคน เพราะคี่ทั้งคู่เลยต้องมาเป็นคู่จะได้ไม่ต้องคี่ เขาชื่อวรรจน์ เป็นนักศึกษาปริญญาเอกด้านคณิตศาสตร์ อายุยี่สิบเจ็ด บ้านอยู่บางปะกง และปั่นจักรยานชื่อ อีหนืด ซึ่งจริงๆ ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะ แค่มีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนเป็นเรื่องที่ดี ฉันชอบมีเพื่อนเยอะๆ แต่ก็ไม่รู้ไปตกหลุมรักเขาเมื่อไหร่ อาจเพราะความใกล้ชิดมั้งคะ เราเจอกันเกือบทุกวันไปถ่ายรูปด้วยกัน ปั่นจักรยานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ร้องเพลงด้วยกัน แล้วเราก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกัน แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะคะ เพราะว่าเราอายุห่างกันเกินไปน่ะ”

“เขาแก่กว่าคุณเหรอ มายก้อด พี่จักรสี่สิบคุณเรียกเขาว่าพี่แสดงว่าผู้ชายคนนั้นต้องแก่มาก”

“จะฟังต่อมั้ยคะ”

“ฟังครับฟัง... แหม ทหารบกนี่ดุจริงแฮะ”

“เค... เขาไม่ได้แก่กว่าค่ะ แต่เขาเด็กกว่า เด็กกว่ามากเกินไปและมันเป็นไปไม่ได้ระหว่างเรา คือต่อให้รู้สึกดีๆ ต่อกันแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็บอกเขาไปว่าฉันพอใจในสถานะแบบนี้คือไม่ต้องเป็นคนรักกัน แต่อยู่ใกล้ๆ กันแล้วมีความสุขดีน่ะ แล้วยังบอกด้วยนะว่า อย่าเพิ่งทิ้งกันไปตอนนี้”

“แล้วเขาโอเคมั้ย”

“ก็ดีนะคะ ชีวิตของฉันตอนนั้นเป็นสีชมพูหวานแหววแต๋วแตกเลยแหละ ฉันชอบมากและอยากหยุดเวลานั้นไว้นานๆ แต่อยู่มาวันนึงเขากลับบ้านต่างจังหวัด ราวๆ สองสัปดาห์ เป็นสองสัปดาห์ที่ฉันทรมานใจเหมือนหนูถูกขังในรังมดแดง โทร.ไปเขาก็ไม่รับ ถึงรับก็ไม่ค่อยพูด ถามอะไรก็ไม่ค่อยตอบ ถึงตอบก็แค่คำต่อคำ เอาง่ายๆ คือเขาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเขาต้องเร่งเรียนหนังสือให้จบภายในปีนี้ก็เลยไม่มีเวลาให้ฉันน่ะ ซึ่งฉันก็เข้าใจนะคะ”

“แล้ว”

“แต่ไม่รู้เพราะความแปลกไป หรือผีดลใจ วันนึงฉันก็เลยถามเขาผ่านข้อความทางโซเชียลมีเดียว่าทำไมเขาหมางเมินและเฉยชากับฉัน ไม่เหมือนคนเดิม เขาบอกกับฉันว่าเขากำลังชอบผู้หญิงอยู่คนนึง”

“โชคดีจริงที่เขาไม่ได้บอกว่ากำลังชอบผู้ชายอยู่คนนึง”

“บ้าเหรอคุณก็”

“ผมเดาว่าคุณระเบิดลง”

“เปล่าค่ะ ฉันแค่สตันท์ไปสิบวิ แล้วตอบกลับไปอย่างนางฟ้าว่า ดีใจด้วยนะ ขอให้เธอมีความสุขกับความรักที่เธอตั้งใจ ฉันยังเป็นเพื่อนและเป็นพี่เธอเสมอถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจฉันก็ยังพร้อมจะอยู่ข้างเธอ” 

“นางฟ้าสุดๆ”

“แล้วคืนนั้นฉันก็นอนไม่หลับ ฉันเขียนเรื่องสั้นจนถึงเช้าแล้วก็ไปวัดทำบุญ จากนั้นก็ไปกินข้าวซึ่งก็ไม่น่าจะเรียกว่ากินเพราะมันออกทางเดิม แล้วฉันก็ซื้อตั๋วเข้าโรงหนังเพื่อไปหลับในนั้น แต่ฉันก็ไม่หลับ”

“หนังเรื่องอะไรอ่ะครับ”

“รู้สึกจะเป็น โนอาร์”

“โวะ... ถ้าเป็นผมคงหลับไปตั้งแต่สิบนาทีแรก หนังโคตรน่าเบื่อ” 

“อ่ะ โอเค หลังจากนั้นฉันก็เริ่มใช้ชีวิตแบบทุลักทุเลพอสมควร เพราะกินข้าวกินปลาไม่ลงอยู่เป็นสัปดาห์ น้ำหลักลดฮวบฮาบ ตาโบ๋เป็นแพนด้าเพราะนอนไม่หลับ เป็นอย่างนั้นอยู่เกือบเดือน ทั้งๆ ที่ฉันเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น... แต่ฉันก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี ไม่ใช่เพราะเสียใจที่เขาไป แต่เพราะรู้สึกมึนงงสงสัย บางทีอาจจะเพราะความเคยชินของฉันคือการได้เจอเขาเกือบทุกวัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน อยู่ใกล้ๆ กันและยิ้มให้กันเสมอ อยู่ๆ เรื่องเหล่านั้นก็หายวับไปในทันที เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนแผงวงจรชีวิตฉันมันช็อต เหมือนเขาเล่นเกมน็อคแล้วเขาก็ปิดโปรแกรมแล้วลบเกมนั้นทิ้ง”

“คุณโกรธเขาหรือเปล่า”

“ไม่นะคะ ฉันก็ยังคุยกับเขาอยู่ แต่ก็แค่เรื่องกล้อง เรื่องเลนส์ เทคนิคการถ่ายภาพอะไรพวกนั้น เขาไม่ตอบถ้าฉันถามเรื่องอื่น ซึ่งก็พอเข้าใจได้ นั่นเพราะเขาไม่ชอบตอบคำถามที่เขาไม่อยากตอบ เขาเคยบอกว่า ทำไมเขาต้องคอยคิดคำตอบของคำถามพวกนี้ด้วย มันทำให้เขาอึดอัดใจน่ะค่ะ”

“คุณคงทำบุญร่วมกันมาแค่นี้”

“ฉันไม่ได้คิดหวังจะอยู่กับเขาอย่างคนรักนะคะ ตอนนี้ที่ฉันมีปัญหาคือ ฉันทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า หรือเขามีอะไรในใจที่บอกไม่ได้ แต่การเลือกหักดิบด้วยการขอไม่พบกันอีกนี่มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเกินไป” 

“แล้วทำไมคุณไม่ถามเขาไปตรงๆ ล่ะครับ”

“ฉันพอจะรู้จักนิสัยใจคอเขาบ้างนิดหน่อย เขาคงหงุดหงิดใจ หรือไม่สบอารมณ์แน่ๆ ถ้าไปถาม อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าจะถามไปเพื่ออะไรด้วย ถึงจะแปลกใจแต่ก็พยายามทำใจ”

“แต่ความสงสัยของคุณไม่ได้ลดลงไปเลยนิ่”

“ใช่ค่ะ แค่การที่เขาไปรักคนอื่น พอเข้าใจได้ แต่ตัดขาดฉันไปเลย ไม่มาหาอีกโดยไม่มีสาเหตุ อันนี้ฉันยังไม่เข้าใจค่ะ” 

“เป็นผม ผมก็คงไม่ไปหาคุณหรอก ก็ในเมื่อผมรักคนอื่นแล้วผมจะไปหาคุณทำไม” 

“แล้วมิตรภาพที่เคยเกิดขึ้นล่ะคะ ความเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง มันหายไปไหนหมด”

“มันคงยังไม่หายไปไหน แค่ยังไม่พร้อมเท่านั้นมั้ง คุณอย่าคิดมากเลย ถ้าวันนึงเขาพร้อมที่จะกลับมาเป็นเพื่อน เป็นน้องของคุณอีกครั้งเขาก็จะกลับมา หรืออาจจะไม่กลับมาเลยก็เป็นได้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” 

“เฮ่อ...”

“ผมแนะนำว่าให้ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แบกน้อยก็ลอยสูง อะไรที่มันรกใจมากก็ปัดกวาดมันบ้าง ไม่ต้องคิดในเรื่องที่มันเกินกำลังในการตัดสินใจ ความคิดคือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนเราได้มากที่สุด ยิ่งคิดมากยิ่งยุ่งเหยิง คิดน้อยๆ กินเยอะๆ” พูดจบก็เลื่อนจานกับข้าวมาใกล้ๆ ศิริณค่อยๆ ตักข้าวเข้าปากและเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะกลืนลงคออย่างลำบาก

“คุณน่ะ, ยังมีโอกาสทำอะไรอีกมากมายหลายอย่าง ยังมีโอกาสได้เจอคนที่รักคุณจริงๆ มีโอกาสที่จะได้ทำความดีเพื่อชาติบ้านเมืองอีกตั้งนาน... กว่าจะเกษียณอย่างน้อยก็เกือบยี่สิบปีใช่มั้ย?”

“บ้า... มาว่าเราแก่”

“คนเรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไม่นานนักหรอก อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นน่ะ ทำเถอะ ไม่เสียหายหรอก ไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว มันเกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว เราทำอะไรมันไม่ได้ ผมให้กำลังใจคุณนะ” 

ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่จักรโทร.เข้ามาบอกว่ากำลังเดินทางกลับ และบอกให้รอที่สถานีขนส่งอีกสักพักจะแวะไปรับก่อนกลับฐานฯ ศิริณงง แต่ก็ตอบตกลง หลังจากวางสายแล้วให้ผู้กองอรรถไปส่งเธอที่เดิม พร้อมกับขอบคุณเขาที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีตั้งแต่มาถึง 

เขาบอกว่า ถ้าหากเธอยังไม่กลับเขาจะพาเธอไปเที่ยวที่อ่างเก็บน้ำเขาระกำ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่เป็นเสมือนหัวใจของชาวตราด เกิดจากพื้นที่ธรรมชาติที่เป็นหุบเขา ประกอบด้วย เขาระกำ เขาไม้ชี้ และเขามะปริง ตั้งอยู่ในเขตสามอำเภอ ก็คือ อ.เมืองตราด อ.เขาสมิง และ อ.แหลมงอบ เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เก็บกักน้ำไว้เพื่อการเกษตร ลดปัญหาน้ำท่วม เป็นแหล่งน้ำผลิตน้ำประปาในตัวจังหวัดและ อ.แหลมงอบ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและแพร่พันธุ์ปลาให้เติบโตตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นที่อยู่อาศัยของนกน้ำจำนวนนับพันในบางฤดูกาล และอีกสถานที่สำคัญพลาดไม่ได้คือ อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง จัดสร้างขึ้นบริเวณชายทะเลแหลมงอบ มีพระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดตราด 

ไม่นานนักพี่จักรก็มาถึง ศิริณขึ้นรถเสร็จก็เจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วโด๊ปยาบ้าทันที ชมเปาะว่าลูกน้องพี่จักรน่ารักนิสัยดี นอกจากพาเที่ยวแล้วยังให้กำลังใจทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากจนอยากจะขอบคุณเขาอีกครั้ง พี่จักรงงเป็นไก่ชนถูกถีบเมื่อศิริณเอ่ยถึงลูกน้องของเขา ถามกลับว่าเจ้าหมอนั่นชื่ออะไร ศิริณบอกว่าชื่อ อรรถวิทย์ พี่จักรเบรครถจนหัวทิ่มคันหลังบีบแตรใส่เสียงดังลั่นถนน... พี่จักรเข้าจอดรถข้างทางก่อนหยิบไอแผ่ดขึ้นมาเปิดเข้าไปที่แกลเลอรี่รูปถ่ายแล้วให้เธอดูรูป ศิริณชี้ไปยังรูปของชายหนุ่มรูปหล่อยิ้มสวยในเครื่องแบบเต็มยศทหารเรือสีขาว บอกว่าคนนี้แหละ - - พี่จักรหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือดบนใบหน้า เขาติดเครื่องยนต์หักรถเข้าถนนหลักเหยียบคันเร่งขึ้นอย่างเร็ว

“พี่จะรีบไปไหน”

“ไปวัด” 

“ไปทำไม น้องเพิ่งมาจากวัด”

“อยากรู้จริงเหรอ?”

“อื้อ”

“เปิดรูปต่อไปสิ” แล้วคนที่ช็อคคนต่อมาคือศิริณ เพราะภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าคือภาพของโลงศพคลุมธงชาติรอบๆ ข้างเต็มไปด้วยพวงหรีด พี่จักรและคนอื่นๆ ยืนอยู่หน้าโลง ภาพขนาดใหญ่ในกรอบที่พี่จักรถืออยู่ในมือคือภาพของเรือเอกอรรถวิทย์ นฤชานนท์ 

“พี่คะ...”

“อือ นั่นแหละ อย่างที่เข้าใจ” 


--------------------------------------------------------------------------


เสียงกริ่งดังเหมือนอาก้า ถล่ม ศิริณงัวเงียไปเปิดประตูหน้าบ้าน, ชายหนุ่มเจ้าของจักรยานชื่ออีหนืด ยืนยิ้มหน้าแป้นจมูกบานอยู่หน้าบ้าน 

“มาไงเนี่ย”

“ปั่นจักรยานผ่านมา คิดถึงก็เลยแวะมาดูว่าอยู่หรือเปล่า”

“นี่มันกี่โมงแล้วอ่ะ... ตายละ ตั้งใจจะไปหาพี่จักรที่จังหวัดตราด อยากไปมากเลยนะเนี่ยจังหวัดนี้เกิดมาไม่เคยไปเลย เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้”

“ไปทำไมอ่ะครับจังหวัดตราด”

“ก็...ไม่รู้สิ, คิดว่าคงไม่ไปแล้วล่ะ เธออยู่นี่แล้วนิ่”

“เอ๊ะยังไง”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว, เราไปวัดกันเถอะ ฉันอยากไปทำบุญให้ใครบางคน” ระหว่างปั่นจักรยาน ครั้งนี้เธอเลือกปั่นอยู่ข้างหลังแล้วมองเขาอยู่ห่างๆ ชีวิตของชายหนุ่มอายุยี่สิบเจ็ดที่กำลังจะเรียนจบปริญญาเอกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาคือกำลังสำคัญของชาติด้านการศึกษา เขาจะเป็นครูที่ดีแน่ๆ เธอเชื่ออย่างนั้น -- 


ที่มาข้อมูล :  จังหวัดตราด

หมายเหตุ : ผู้เขียนยังไม่เคยไปจังหวัดตราด และฐานฯ ของพี่จักรไม่มีอยู่จริงในจังหวัดตราด ที่เหลือโปรดใช้วิจารณญาณในการเดา 





Create Date : 20 พฤษภาคม 2557
Last Update : 20 พฤษภาคม 2557 10:25:01 น.
Counter : 3059 Pageviews.

4 comments
  
อย่าลืมกรวดน้ำด้วยหละ อิอิ
โดย: canx IP: 118.174.206.219 วันที่: 20 พฤษภาคม 2557 เวลา:8:37:43 น.
  
ถ้าเดาไม่ออก จะมาเฉลยมั๊ยคะ ^__^
โดย: สุภาพร IP: 171.96.33.200 วันที่: 31 พฤษภาคม 2557 เวลา:22:24:07 น.
  
ขนาดในฝันยังขยันอกหัก ... นางเอกเรื่องนี้เนี่ย
โดย: รายารีย์ IP: 171.6.172.141 วันที่: 10 มิถุนายน 2557 เวลา:12:47:39 น.
  
อ่านมาถึงกลางๆ เรื่องคิดถึงว่าตัวเองก็อกหัก อยู่ดีก็เฉยไป
ไม่ห่วงใย ไม่ดูแล แม้แต่วันที่ลาเกิดอุบัติเหตุเจ็บเขายังไม่ถามซักคำว่าเจ็บไหม ไม่โทรมาถามเลยว่าเป็นไงบ้าง...


แต่พอใกล้จบกลับรู้สึกขนลุกไงไม่รู้ เฮ้อ...

อกนี้ไม่ดีเลย หักแล้วเจ็บจัง...
โดย: สาวภูไท IP: 27.55.136.20 วันที่: 14 มิถุนายน 2557 เวลา:20:13:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ