ธันวาคม 2548

 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
แดดสายในปลายหนาว
แสงแดดยามสายจัดจ้าเสียจนตองต้องใช้สมุดเล่มหนาที่ถืออยู่มาบังแดด ก่อนที่จะตรงไปยังม้าหินตัวเดิมที่เคยคุ้น ในวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันแห่งการพักผ่อนสำหรับหลายคน ขณะที่อีกหลายชีวิตก็ยังต้องแสวงหาเพื่อการดำรงอยู่ วิถีทางของชีวิตคน แตกต่างกันเสมอ

สวนสาธารณะกว้างใจกลางเมืองหลวง ตองชอบที่จะพาตัวเองมาหลบเร้นผู้คนและความวุ่นวายทั้งหลายทั้งมวลในนี้เสมอ

ในมุมหนึ่งที่ห่างไกลจากเสียงรถยนต์ เสียงเครื่องจักรกลและความพลุกพล่าน ระหว่างทางเดินในสวนฯ กลุ่มหญิงชายสูงวัยกำลังใช้สมาธิกับการฝึกไท้เก็ก สองหนุ่มสาววิ่งเหยาะๆ ออกกำลังกายผ่านหน้าตองไปตามถนนสายยาวที่ทอดโค้งรอบๆ สวน เด็กชายวัยรุ่นกับสเก็ตบอร์ดคู่ใจ และพ่อแม่ลูกกำลังหยอกเอินกันบนสนามหญ้าเขียวขจี เป็นภาพเจนตาในทุกๆ สัปดาห์ที่ตองมาที่นี่

ในวันหยุด เวลาของตองมักหมดไปกับการจ่อมจมอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ตองชอบเพราะมันเป็นที่แห่งเดียวที่ตองได้อยู่กับตัวเองอย่างสงบ นานครั้งตองจะพาตัวเองขึ้นรถไฟแล้วมองออกนอกหน้าต่างดูความเป็นไปของผู้คนระหว่างทาง ภาพชีวิตการทำมาหากิน บ้านเรือนและทุ่งข้าวเป็นภาพที่ประทับใจ หากเมื่อถึงปลายทางแล้วตองก็ตีตั๋วกลับพร้อมกับจดจำในสิ่งต่างๆ ที่พบพาน นั่นเองตองก็มีความสุขแล้ว มีหลายคนเคยไถ่ถาม ตองเหงาบ้างไหม? แต่ไม่เคยมีใครได้คำตอบของคำถามนี้สักทีนอกจากรอยยิ้มบางๆ ที่ตองมีให้กับทุกคน ตองอาจจะคุ้นชินกับความโดดเดี่ยวจนไม่รู้ว่าความเหงาเป็นอย่างไรแล้วก็ได้ เพราะในขณะที่ตองทำงาน ลมหายใจเข้าออกก็คืองาน หากเมื่อใดพักจากงานตองก็ชอบที่จะอยู่คนเดียวเงียบๆ ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ จนลืมเวลาไปเลยก็มี

และเมื่อหยุดสุดสัปดาห์ตองก็จะพาตัวเองมาที่นี่ ใต้ร่มจามจุรีที่แผ่กิ่งก้านกั้นปิดเปลวแดด สายลมอ่อนๆ พัดปะทะผิวกาย ปลายฤดูหนาวอากาศยังเย็น แม้ในยามสายที่แดดเริ่มจัด ตองอยู่กับตัวเอง ครุ่นคิดและขีดเขียน
..............................

สวัสดีจ้ะภี

จดหมายฉบับนี้ตองเขียนยามสาย ปลายหนาวของ กรุงเทพฯ แสงแดดแผดกล้าบาดผิว อิจฉาภีจังที่ได้อยู่กับภูเขา ต้นไม้และสายหมอก ตองได้จับจดหมายที่ภีบอกเล่าปลายหนาวเชียงรายแล้วอยากมาเห็นด้วยตาของตัวเอง ตองคงจะหลงรัก..อย่างถอนตัวไม่ขึ้น….....

"สวัสดีฮะ ขอนั่งด้วยคนนะฮะ" ชายหนุ่มร่างสูง ผอม เก้งก้าง ทักทายด้วยรอยยิ้ม ตองถือปากกาค้างอยู่อย่างนั้น เขานั่งลงตรงข้ามโดยไม่รอคำตอบ

"ทำอะไรอยู่เหรอฮะ" เขายังถามไถ่ ด้วยไมตรี

"เขียนจดหมายค่ะ" จดหมายถึงภี เพื่อนทางตัวอักษรจากแดนไกลที่ตองไม่เคยพบหน้าค่าตา เรารู้จักกันจากเรื่องสั้นของตอง ที่อยู่ของตองท้ายเรื่องสั้นที่ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร เกือบสองปีทีเดียวกับการติดต่อทางจดหมายและโทรศัพท์ หากเราไม่เคยพบเจอกันเลยแม้เพียงสักครั้งเดียว กระนั้นก็ดี นั่นไม่ใช่ปัญหาในการคบหา อย่างเพื่อนคนหนึ่ง…

"ผมเห็นคุณมาที่นี่ทุกอาทิตย์เลย" ตองเพียงขมวดคิ้วสงสัย เพราะตองไม่เคยรู้เลยว่ามีใครมองดูอยู่

"คุณไม่เห็นผมหรอกฮะ ส่วนใหญ่ผมจะอยู่ฟากโน้น" เขาชี้ไปที่โต๊ะม้าหินที่ห่างออกไป ตองยิ้ม..

"มาอ่านหนังสือหรือคะ" ตองถามบ้าง

"ฮะ จะสอบแล้ว"

"เรียนอยู่หรือคะ ปีไหนแล้ว"

"ปีสุดท้ายแล้วฮะ อีกไม่กี่เดือนก็จบ คุณไม่อ่านหนังสือเหรอเดี๋ยวก็สอบไม่ได้ เรียนที่ไหนฮะ" คำถามของเขาทำให้ตองยิ้ม ก็ตองจบปริญญาตรีมาเกือบสองปีแล้วเขายังเข้าใจว่าตองยังเรียนอยู่อีก

"อ่านเหมือนกันค่ะ อ่านสอบเรียนต่อปริญญาโท" ตองพูดพลางยิ้ม

"อ้าว จบแล้วเหรอฮะ เห็นหน้าเด็กๆ นึกว่ายังเรียนอยู่" ชายหนุ่มลูบท้ายทอย หน้าแดง หูแดง ท่าทางเขินอายนั้นทำให้ตองยิ้มขัน

"จบมาเกือบสองปีแล้วล่ะ ตอนนี้ทำงานแล้ว" ตองขยายความ

"ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องเรียกพี่สิ พี่ชื่ออะไรฮะ" เขาถามหน้าเฉย อาการเขินอายหายไปแล้ว

"ชื่อตองค่ะ ก้านตอง"

"ชื่อแปลก ผมชื่อรถฮะ วรท แต่เพื่อนๆ ชอบเรียกพระรถเสนตามหานางเมรี" ว่าพลางหัวเราะตาหยี

"แล้วหาเจอหรือยังคะ"

"ยังเลยฮะ พระฤาษียังแปลงสารไม่เสร็จเลยยังไม่ได้ไปหา" แล้วเรื่องราวมากมายก็กลายเป็นหัวข้อสนทนาระหว่างสองคน

"ผมเห็นตองชอบมองไปกลางบึงนานๆ เสมอแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรก็ไม่รู้" คำพูดนี้หมายความว่าเขาสังเกตแม้แต่พฤติกรรมของตอง

"ตองชอบอยู่คนเดียวอย่างนี้เสมอเหรอฮะ" เขาไม่เรียกตองว่าพี่อย่างทีแรก

"สงบดี หรือรถไม่ชอบ"

"บางครั้งฮะ เพราะการอยู่คนเดียวมันทำให้เรามีโอกาสได้คิด ได้รู้จักตัวเอง แต่ผมไม่ค่อยชอบนักหรอก ผมไม่ชอบความเหงา" เขาพูดด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง และตองก็ชอบมองเพลิน--

"เวลาอยู่คนเดียวคือเวลาที่เรารู้จักตัวเองมากที่สุด" เหตุผลของตองมีเท่านี้ และเราก็สนทนากันอีกหลายเรื่องราว แดดบ่ายเริ่มลามเลีย

"ตองหิวไหม เดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาทาน รอนะฮะ" เขาตั้งท่าจะลุกไปแต่ตองห้ามเอาไว้ก่อน

"เดี๋ยวค่ะ เราว่าไปด้วยกันดีกว่า" ตองชอบใช้สรรพนามแทนตัวเองแบบนี้มากกว่าใช้ชื่อ นอกจากกับภี ที่ตองแทนตัวเองด้วยชื่อ ตองยังจำน้ำเสียงอบอุ่นของภีได้เสมอ

"ตองฮะ เชียงรายหน้าหนาว สายหมอกปกคลุมเต็มยอดดอยเลย อยากให้ตองมาเห็นจัง" ในคราวครั้งที่ภีโทรศัพท์มาหาตอง ค่อนคืน

"ตองยังไม่นอนอีกหรือฮะ ดึกแล้วนะ ทำอะไรอยู่" ภีมักจะถามไถ่ด้วยความห่วงใยเสมอ

"ก็คุยโทรศัพท์กับภีนี่ไงคะ" ตองหยอกเย้าเมื่อเราคุยกันทางโทรศัพท์ แต่หากเขียนจดหมายเรื่องราวหม่นเหงาก็มักจะถูกระบายให้ภีได้รับรู้เสมอ

"เมื่อไหร่ตองจะขึ้นเชียงรายฮะ" หลายครั้งหลายคราที่ภีชวนตองไปเที่ยวบ้านที่เชียงราย

"แล้วเมื่อไหร่ภีจะเข้ากรุงเทพฯ ล่ะคะ" ตองยอกย้อน แต่ในใจแล้วตองบอกตัวเองเสมอ รอนะภี สักวันตองจะขึ้นเชียงราย

"ตองฮะ" ชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างเรียกขานเมื่อเห็นตองเงียบงันและเหม่อลอย

"คิดถึงใครอยู่หรือเปล่าฮะใจลอย" ตองไม่ตอบคำถาม มีเพียงรอยยิ้มเท่านั้นให้กับชายหนุ่ม หลังจากทานข้าวแล้วเราก็กลับเข้ามาที่สวนม้าหินใต้ต้นจามจุรีถูกแสงแดดสาดส่องครอบคลุมทั่วพื้นที่

"ว้า เราโดนยึดทำเลแล้วล่ะ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าเบื่อหน่าย

"ไปนั่งที่เดิมที่ผมเคยนั่งนะ ตรงนั้นแดดไม่ร้อน" ตองเพียงผงกศีรษะรับแล้วเดินตามเขาเงียบๆ ชายหนุ่มร่างสูงเก้งก้าง ตองสูงเพียงไหล่เขาเท่านั้นเอง

"ดีใจจังที่ได้คุยกับตอง"

"รถไม่เคยคุยกับใครแบบนี้หรือ"

"ไม่ฮะ ตองคนแรก ผมมาที่นี่ทุกอาทิตย์เจอตองทุกครั้งแต่ไม่กล้าคุย"

"เราแปลก"

"ฮื่อ แปลกมากเลยล่ะ จนตอนนี้ผมก็ยังว่าแปลก บทจะเงียบตองก็เงียบไปเลย เหมือนมีอะไรในใจอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นแหละ" ตองเองก็เพิ่งรู้ว่าในสายตาคนอื่นตองเป็นคนแปลก

"ก็รถมองเท่านี้รถก็เห็นแค่นี้สิจ๊ะ บางทีถ้ารถรู้จักเรามากกว่านี้รถอาจจะไม่คิดว่าแปลก"

"นั่นสินะ ผมคงต้องรู้จักตองมากกว่านี้" ว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ตองรู้ เขาไม่มีสมาธิหรอก เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง หากความขลาดกลัวที่จะพูดมากมายจนทำให้ไม่กล้าหาญ

"ค่ำแล้ว เราจะกลับล่ะ" ตะวันลับเหลี่ยมตึกสูงไปแล้ว แสงไฟนีออนเริ่มสาดส่อง ป่านนี้หนอเหนือสุดของเมืองไทย ตะวันจะลับยอดดอยไปหรือยังก็ไม่รู้ บางทีตะวันดวงเดียวกันนี้เอง คนเราก็อาจจะมองเห็นไม่เหมือนกัน

"ผมไปส่ง" เสียงของชายหนุ่มทำให้ตองตกใจ

"ไม่เป็นไรค่ะ เรากลับเองได้"

"แต่ ผมอยากไปส่งนี่ฮะ" เขาอ้อนเหมือนเด็กๆ จริงสินะ ตองก็ลืมไปสนิทว่าเขายังเด็ก อายุก็น้อยกว่าตองตั้งเกือบสองปี ตองมองสบตา แววตาของเขาทำให้ตองต้องอ่อนใจ แต่การให้ใครไปส่งถึงที่พักนั้นตองยังไม่เคยทำสักทีและตองก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนแรก

"เอาไว้ คราวหน้าดีกว่า ให้เรารู้จักกันมากกว่านี้ก่อนดีไหม?" ตองเหมือนเตือนเขากลายๆ ชายหนุ่มเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าควร-ไม่ควร

"ฮะ ไม่เป็นไร ผมหวังว่าเราคงได้พบกันอีก ผมจะรอตองตรงนี้"

"แล้วไม่ไปตามหาเมรีแล้วเหรอ" ตองทิ้งท้ายไว้พร้อมๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก่อนโบกมือลา

กระดาษใบหนึ่งคั่นแทรกอยู่ในหน้าหนังสือ

หากคืนนี้ดวงดาวพราวพรายฟ้า
ให้เธอรับรู้ว่า เหล่านั้นคือดวงตาของฉัน
คอยมองเธออยู่ในค่ำคืนอันยาวนาน
กล่อมเธอนอนหลับฝันถึงดวงดาวนับพันบนท้องฟ้า…


ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง วันนี้เขาไม่ได้อ่านหนังสืออย่างที่ตั้งใจ แต่สิ่งที่เขาได้มากมาย กว่านั้นนัก หญิงสาวคนหนึ่งที่เขาเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ นาน จนวันนี้จึงได้พูดจา

ตองกลับมาอยู่กับตัวเอง กับความเงียบเหงาเปล่าดายของค่ำคืน ความอ้างว้างเยี่ยมเยือน

ตองกลับมาเขียนจดหมายถึงภีต่อ หลังจากที่แดดสายได้ขโมยเวลาเขียนจดหมายของตองไป วันนี้ตองมีเพื่อนใหม่ เพื่อนใหม่ในรอบหลายๆ ปี 'เพื่อน' ตองห่างเหินคำๆ นี้ไปนานเท่าไรแล้วนะ

กริ๊ง…. เสียงโทรศัพท์กรีดดังทำลายสมาธิการเขียนจดหมายของตอง

"สวัสดีค่ะ ตองค่ะ"

"ภีครับ ตองทำอะไรอยู่" เสียงที่ดังมาตามสายนั้นเป็นเสียงที่คุ้นเคยยิ่งนัก

"กำลังเขียนจดหมายถึงผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกลและตองก็ไม่เคยพานพบรู้จัก มากไปกว่าจากน้ำเสียงและอักษร"

"ภีเดาว่าชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นคือภี ท้องฟ้าตอนนี้สวยจัง ตองลองมองออกไปนอกหน้าต่างซี"

"ท้องฟ้าผืนเดียวกันแต่สิ่งที่เรามองเห็นอาจไม่เหมือนกัน ดวงดาวทางโน้นอาจแจ่มจ้าสวยงาม แต่สำหรับกรุงเทพฯ ดวงดาวกำลังร้องไห้จ้ะ"

"ตองก็อย่ามองว่าดวงดาวกำลังร้องไห้สิจ๊ะ เพราะนั่นหมายถึงหัวใจของตองกำลังหม่นหมอง ทุกอย่างอยู่ที่เราคิดทั้งนั้นแหละตอง สวยงามหรือโหดร้ายอยู่ที่เราให้ความหมายต่างหากละจ๊ะ" มากมายถ้อยความสนทนาก่อนร่ำลาด้วยคำพูดดีๆ

"หลับฝันดีนะจ๊ะตอง" แล้วคืนนั้นตองก็ฝันเห็นดวงดาวมากมายทอแสงเจิดจ้าสวยงาม

ชีวิตของตอง เท่านี้เองคือความสุข ตองไม่เคยคิดแสวงหาสิ่งใดมากมายกว่านี้ มีงานทำที่มั่นคง มีบางคนเป็นเพื่อนพูดคุย ให้กำลังใจ และสุดสัปดาห์จะมีชายหนุ่มร่างสูง ผอมเก้งก้างมานั่งเป็นเพื่อนพูดคุยใต้ร่มจามจุรีกลางสวนสาธารณะ วันเหงาๆ ก็สดใสขึ้นมาได้ไม่ยากเย็นนัก

จากความสนิทสนมก่อเกิดเป็นความผูกพันขึ้นในใจเงียบๆ หากตองยังไม่เรียกว่าความรัก ตองเป็นคนอ่อนไหวและชมชอบอะไรง่ายๆ เสมอ แต่ความรักสำหรับตองมักจะมีให้กับใครหรือสิ่งใดไม่ง่ายนัก

ในหลายสัปดาห์ต่อมาชายหนุ่มร่างสูง ก็กลายเป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างทุกคราวครั้งที่ตองไปไหนมาไหน เขาจะคอยเอาใจใส่ ห่วงใย ดูแล ตองรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน จากการที่ไม่เคยมีใครเลย แล้วมีใครคนหนึ่งคอยอยู่เคียงข้าง ตองเกือบจะเผลอใจรักเขาไปแล้วเมื่อได้ยินพูด

"ผมชอบตองจัง ตองไม่ช่างพูด ผมชอบผู้หญิงเงียบๆ เรียบง่าย" ตองเพียงยิ้ม ไม่มีความคิดเห็นในความรู้สึก ชายหนุ่มพูดอะไรตรงไปตรงมาเสมอ เขามักจะไม่เก็บความคิดและความรู้สึก ผิดกับตองซึ่งจะเป็นฝ่ายฟังเขาพูดและแสดงความคิดเห็นมากกว่าจะโต้แย้งหรือสนับสนุน อาจเพราะวัย
ที่แตกต่าง ทั้งๆ ที่ก็ไม่ห่างเท่าใดนัก นี่เองกระมังที่เป็น 'ข้อแม้' ทำให้ตองยังไม่กล้า… รัก

ในวันที่แดดหม่น ตองยังมีชายหนุ่มร่างสูงคนเดิมเคียงข้าง เขาถามถึงภี เพื่อนที่รู้จักกันทางจดหมาย หากพูดคุยเข้าใจกันยิ่งนัก ตองกำลังจะบอกอยู่แล้วถ้าหากว่าไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเสียก่อน

"รถ มาอยู่ที่นี่เองนะเหรอ มิน่าล่ะวันหยุดทีไรไปหาที่หอไม่เคยเจอ ถ้าวันนี้ไม่ถามรูมเมทของรถโอ๋ก็คงไม่รู้ว่ารถมีอะไรที่นี่" เธอยืนกอดอกพูดจาและเพียงชำเลืองหางตามองตอง วรททำหน้าเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

"โอ๋" เขาทำได้เพียงเท่านี้เอง

"จะไม่แนะนำหน่อยหรือ" หญิงสาวยืนกอดอกพูดอย่างเหยียดๆ ตองมองท่าทางนั้น "เด็ก" ตองสรุปให้ตัวเอง เพราะจากลักษณะท่าทางและหน้าตา เด็กเอาแต่ใจตัวเองเสียด้วย…

"เอ่อ คือตองฮะ พี่ก้านตอง เป็นพี่สาวที่รู้จักกัน" คำพูดของเขาทำให้ตองเหยียดยิ้มที่มุมปาก แน่นอน เขาไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของตอง

แล้วตองก็จากมา ไม่มีน้ำตา นอกจากความสับสนในใจมากมาย ตองกลับมาอยู่กับตัวเองกับความเงียบและโดดเดี่ยว นั่งมองออกนอกหน้าต่าง ความสับสนวุ่นวายของเมืองหลวงยังเหมือนเดิม ตองถอนหายใจเชื่องช้าและเดินกลับมาที่โทรศัพท์ กดหมายเลขที่เคยคุ้น

"สวัสดีค่ะ ขอสายภีค่ะ"

"ฮะ กำลังพูดอยู่ ตองหรือเปล่าฮะ นี่เพิ่งสามโมงเย็น มีอะไรหรือเปล่า?" ภียังเป็นห่วงเสมอ

"ตองกำลังจะเก็บเสื้อผ้า พรุ่งนี้เจอกันที่ขนส่งเชียงรายนะภี ตองมีอะไรจะเล่าให้ภีฟังเยอะแยะเลย แล้วอย่าลืมเตรียมพาทัวร์ให้ทั่วเชียงรายนะ"

"ตองเดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งวางสาย" ไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรตองก็วางสายไปก่อน

อาจเพราะหัวใจเริ่มไหวหวั่น
กลัวความผูกพันจะทำให้หวั่นไหว
จึงหลีกหนีไปไกลแสนไกล
อาจไม่ต้องเสียใจเพราะรักเธอ…/


พิมพ์ครั้งแรก : วัยน่ารัก 17 ; 254




Create Date : 08 ธันวาคม 2548
Last Update : 10 สิงหาคม 2549 13:19:29 น.
Counter : 1105 Pageviews.

2 comments
  
รีบเดินจาก...ก่อนจะเริ่มความสัมพันธ์
รีบทิ้งความฝัน...ก่อนจะเริ่มวาดหวัง
รีบไป...ก่อนที่...หัวใจจะพลาดพลั้งหมดกำลัง
ทิ้งความหวัง ฝังความทรงจำ ก่อนจะชอกช้ำหัวใจ


ปล.อ่านแล้วก็นึกอยากแต่งกลอนมั่วๆบ้าง
โดย: PANDIN วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:15:03:07 น.
  
เพราะสับสนวนเวียนเปลี่ยนความคิด
จึงป้องปิดตัวตนพ้นความฝัน
เพราะกลัวใจหลงละเมอเผลอผูกพัน
จึงไหวหวั่น...จนห่างไกลหัวใจตน
โดย: sovo (http://kangalala.spaces.live.com) IP: 218.43.49.9 วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:20:06:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ