คุณมองเห็นอะไรในตัวคุณ.... หลังจากอ่านบทความนี้จบลง ?

































ภาพลวงตา-ความคิดลวงใจ
...
ทุกวันนี้ผู้คนในสังคมเรามีแต่ความแตกแยก มีแต่พวกเขาพวกเรา
มีแต่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ตัดสินใจจากสิ่งที่ตามองเห็น
วันนี้เลยอยากจะให้เพื่อนๆ ลองดูภาพต่อไปนี้แล้วบอกว่าเพื่อนๆ มองเห็นอะไร?



















1. ลองดูรูปข้างล่าง อ่านได้ว่าอะไรเอ่ย ?























2. รูปนี้คือคำว่าอะไร?





















3. ภาพสุดท้าย เห็นรูปนี้แล้วอ่านว่าอะไร ?










เฉลย...
รูปที่ 1

ถ้าอ่านแต่ตัวอักษรสีดำ ก็จะได้คำว่า "GOOD" แต่ถ้าสังเกตดีๆ
อ่านแต่ตัวอักษรสีขาวที่ซ่อนอยู่ข้างใน จะได้เป็นคำว่า "EVIL" ทั้ง 2
คำความหมายตรงข้ามกันไปเลยจริงไหมคะ



รูปที่ 2

มองผ่านๆ อาจจะอ่านไม่ออก แต่ถ้าลองสังเกตเฉพาะตรงที่ว่างสีขาวๆ
จะได้เป็นคำว่า "OPTICAL" แต่ถ้าอ่านแต่ตัวอักษรที่เป็นรูปภาพจะได้เป็น
"ILLUSION" ...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมรูปนี้ถึงชื่อ "OPTICAL ILLUSION" หรือ
ภาพหลอกตา ไงล่ะ



รูปที่ 3

เพื่อนๆ อาจจะเห็นเป็นคำว่า "Me" แต่ถ้ามองดีๆ ผ่าน "Me" ก็จะเห็น "You"
อยู่ข้างใน ที่จบลงด้วยภาพนี้เพราะคนเรามองอะไรด้วย “ตา”
มักจะเข้าข้างตนเองอยู่เสมอแต่หากมองด้วย “ใจ”
แล้วคุณจะมองเห็นว่ามันมีผลกระทบกับคนรอบข้างหรือสังคมอย่างไรบ้าง



เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ขอนำเรื่องราวของขงจื๊อกับศิษย์มาให้อ่านดังนี้



วันหนึ่งขงจื๊อ พร้อมศิษย์เดินทางรอนแรมลี้ภัยการเมืองอยู่กลางป่า
พอได้เวลาอาหาร ลูกศิษย์เตรียมตักข้าวใส่จานพร้อมสำรับอาหาร
ขณะกำลังตักข้าวอยู่ห่างๆ นั้น ท่านขงจื๊อสังเกตเห็นว่า
ลูกศิษย์หยิบข้าวจากจานของท่านขึ้นมาใส่ปากเคี้ยว



ท่านจึงสอนและชี้ให้เห็นว่าการหยิบอาหารจากสำรับของครูบาอาจารย์มารับประทาน
ก่อนได้รับอนุญาตนั้น แสดงถึงความ “อนารยะ” ที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง
ลูกศิษย์จึงขอโอกาสชี้แจง “อาจารย์ครับ
ที่กระผมหยิบข้าวจากจานของอาจารย์ขึ้นมารับประทานก่อน
หาใช่กระทำด้วยความเขลาหรือขาดคารวะก็หาไม่
แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในจานข้าวของ อาจารย์มีผงถ่านสีดำปนเปื้อนข้าวอยู่
ครั้นจะยกมาให้อาจารย์เลยก็เกรงว่าคงไม่เหมาะ
จะหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นทิ้งก็เสียดายเพราะข้าวหายากและ
จำเป็นมากสำหรับการอยู่รอดในยามวิกฤติ
กระผมก็เลยหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นขึ้นมารับประทานเสียเองขอรับ”



แววตาที่ฉายแววดุของผู้เป็นอาจารย์ค่อยๆ ทอประกายอ่อนโยนด้วยเมตตา
ก่อนเอ่ยวาจาขอโทษผู้เป็นศิษย์อย่างไม่ถือตัว



บ่อยครั้งที่เรามักตัดสินอะไรผิดพลาดอย่างง่ายดายจนเสียทั้งคน เสียทั้งงาน
และบางทีก็เสียผู้เสียคน
เสียเกียรติภูมิที่สู้สั่งสมมาทั้งชีวิตในชั่วพริบตา
เพียงเพราะเราเชื่อในสิ่งที่สายตารายงาน
ขณะที่บางด้านของความจริงกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง



สามีทะเลาะกับภรรยา พ่อแม่ทะเลาะกับลูก นายเข้าใจผิดลูกน้อง
เพื่อนแตกจากเพื่อน คนที่เกิดร่วมแผ่นดินเดียวกันทะเลาะกันเอง
คนรักหันหลังให้กันทั้งที่ต่างฝ่ายก็แสนดี เพียงเพราะต่างก็เชื่อใน
“สิ่งที่ตาเห็น” แต่ละเลยการ “เมียงมอง” อย่างพินิจแยบคายโดยใช้
“ปัญญาจักษุ” อันสุขุมเราจึงติดอยู่ใน “ภาพลวงตา” อันเป็นมายาคติ
พลอยทำให้หลงลืม “ความจริง” ที่เป็นจริงอีกด้านหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย



จงมองด้วย “ตา” แล้วปล่อยให้ “ปัญญาและใจ” เป็นผู้วินิจฉัย
สิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ปัญญาและใจประจักษ์ ไม่แน่ว่าจะสอดคล้องกันเสมอไปนะ



จงใช้ ตา สำหรับ “ดู”

แล้วจงใช้ ปัญญาและใจ สำหรับการ “เห็น”

เพราะทุกสิ่งบนโลกใบนี้มีอะไรมากกว่าสิ่งที่ตาของคนเรามองเห็น

อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจและใช้ปัญญาในการมองมากน้อยเพียงไร....

อย่าให้สิ่งที่เห็นลวงตาของคุณและอย่าให้ความคิดที่ลำเอียงและขาดเหตุผลลวง
ใจของเรานะ...



ขอบคุณที่มา:สีสรรสาระ








Free TextEditor








































































 

Create Date : 30 เมษายน 2553    
Last Update : 30 เมษายน 2553 14:39:04 น.
Counter : 335 Pageviews.  

ความสมหวัง...ความผิดหวัง






























คนเรารู้จักโลกและชีวิตไม่เท่ากัน

บาง
คนมองโลกในแง่ดี (มาก)

ขณะที่บางคนเห็นเฉพาะความมืดหม่นของชีวิต

การ
มองและการเห็นดังกล่าวไม่ได้มาจากสายตา

หากเกิดจากความรู้สึกนึกคิด
ซึ่งเป็นเรื่องภายใน

คนเรามีพลังในการเผชิญกับแรงเสียดทานในชีวิต
ไม่เท่ากัน

บางคนสิ้นหวังง่ายและบางคนสิ้นหวังยาก

แต่การมี
ชีวิตอยู่บนโลกจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไม่หมดหวังง่าย ๆ

การสร้าง
ความหวังนั้นบางทีก็คล้าย ๆ การหลอกตัวเองอย่างแนบเนียน

เพราะถ้า
ไม่แนบเนียนเราจะไม่เชื่อเรื่องความหวังหรืออาจเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ทั้ง
สองสิ่งไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ เลย...

ความสมหวัง...ความผิดหวัง

การ
มีความหวัง...การหมดหวัง

การสู้...การยอมแพ้

ความเบิกบานใจ
...ความหดหู่ใจ

คือสองฝั่งในชีวิตที่คนเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย


สำหรับคนที่ไม่สู้ก็ไม่ค่อยจะมีหวัง...และเมื่อหมดหวังเราก็จะ
รู้สึกหดหู่ใจ...

ผู้คนไม่สามารถสมหวังได้ตลอดเวลา...แต่เราเลือก
ที่จะมีความหวังอย่างต่อเนื่องได้

หรือถ้าเลือกไม่ได้ก็อย่าสิ้น
หวังแบบยืดเยื้อยาวนาน

ผลข้างเคียงของการสิ้นหวังจะทำให้เราหมด
เรี่ยวแรง...ขาดแรงบัลดาลใจ ไร้ชีวิตชีวา...

เป็นการง่ายมากในการ
บอกว่า... "จงมีความหวัง"...

แต่ค่อนข้างยากในการทำให้ได้เช่นนั้น
จริง ๆ ...

การมีความหวังต้องอาศัยพลัง...และความอดทนมากพอสมควร...


หลังจากออกแรง "หวัง" และสู้ทน "หวัง" แล้วอาจจะไม่สมหวังก็ได้

เพราะ
การมีหวังและการสมหวังไม่ใช่เรื่องเดียวกัน...

มันเป็นเพียงแค่
เรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง..

สำหรับการมีความหวังนั้น
...แม้มันจะไม่มีสิ่งที่ดีกว่ารออยู่จริง

แต่การหวังว่าเรื่องต่าง ๆ
จะไม่เลวร้ายเกินไปกว่าเดิม...

ก็ถือว่าเป็นความหวังชนิดหนึ่ง
เหมือนกัน...



"ความใฝ่ฝัน...ไม่เคยหยุดยั้ง" โดย...โยชิดะ เคนโกะ



แหล่งที่มาจากทำดีดอทเน็ต(ป้าแก้ว)







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 เมษายน 2553    
Last Update : 30 เมษายน 2553 14:37:17 น.
Counter : 271 Pageviews.  

ในเวลา - คุณค่าชีวิต>>> ว.วชิรเมธี



ในเวลา - คุณค่าชีวิต>>> ว.วชิรเมธี


คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความโลภ
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการหาเงิน
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความแค้น
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความริษยา
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความหลังอันหดหู่
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับความรัก

โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับกามารมณ์
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการทำธุรกิจ
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับการบ้าอำนาจ
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับเกียรติยศ
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับอุดมการณ์
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน
ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับสุรายาเสพติด
โดยลืมไปว่า
ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตให้หมดไปกับอบายมุข

โดยลืมไปว่า ตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร


มีคนไม่กี่คน !
ที่ตระหนักรู้ว่า
แท้ที่จริงนั้นเรามีเวลาอยู่ในโลกเพียงน้อยนิด, เราเกิดมาทำไม,
และเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงเวลาอันแสนสั้นนั้น ?



โดย........ว.วชิรเมธี

๕ พฤษภาคม ๒๕๕๑





Free TextEditor







































































































 

Create Date : 30 เมษายน 2553    
Last Update : 30 เมษายน 2553 14:06:42 น.
Counter : 310 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.