ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
ยอเกียรติ VS วิจารณ์ “พระ ว.วชิรเมธี"

สุรพศ ทวีศักดิ์

อ่านข้อเขียนของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ชื่อ “คารวะพระ ว.วชิรเมธี” ในมติชนสุดสัปดาห์ (18-24 ก.พ.54) รู้สึกเหมือนได้อ่าน “บทยอเกียรติพระ” โดยเฉพาะบทกวีสรุปท้ายบทความที่ว่า
“พระผู้สร้างกุศลธรรมนำครรลอง พระผู้ครองสันโดษสมถะ
พระถึงพร้อมวิชชาจรณะ คารวะ พระ ว.วชิรเมธี”


แน่นอนว่าธรรมชาติของ “บทยอเกียรติ” หรือ “ยอพระเกียรติ” ย่อมมีลักษณะ “เกินจริง” ดังบทเทศนายอพระเกียรติกษัตริย์ ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโรรส ที่ว่า

“สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า เสด็จอวตารมาสู่สยามภพพอเหมาะแก่กาลสมัย ราวกับเรื่องพระประถมสมโพธิว่า เหล่าเทวดาสันนิษฐานเห็นเป็นเวลา จึงพร้อมกันไปทูลเชิญอาราธนาพระโพธิสัตว์เพื่อจุติจากดุสิตพิภพมาอุบัติในมนุษยโลก แลยังสัตว์นิกรผู้มีอุปนิสัยให้ข้ามพ้นโอฆสงสารฉะนั้นฯ...” (อ้างใน ปฐม ตาคะนานันท์.คณะสงฆ์สร้างชาติ สมัยรัชกาลที่ 5. [กรุงเทพฯ: มติชน, 2551], หน้า 28)

เช่นเดียวกันข้อความว่า “พระถึงพร้อมวิชชาจรณะ” ในบทกวีข้างต้น ชาวพุทธย่อมรู้ว่าข้อความนี้เป็นคำแปลมาจากภาษาบาลีว่า “วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน” ซึ่งเป็นบทสวดสรรเสริญ “พระพุทธคุณ” ที่ระบุว่าคุณลักษณะของพระพุทธเจ้าประการหนึ่งคือ “ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ” (หมายถึงมีปัญญาดับทุกข์สิ้นเชิงและมีความประพฤติบริสุทธิ์สะอาด)

การยอเกียรติพระไม่น่าจะเป็นเรื่องที่นิยมทำกันในสมัยพุทธกาล แม้จะปรากฏในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาอยู่บ้างว่า มีอุบาสกบางคนเปล่งวาจาสรรเสริญพระพุทธคุณหลังจากฟังพระพุทธองค์แสดงธรรมจบลงและเขาเกิดความปลื้มปีติในธรรม

ส่วนการยกย่องคุณความดีของพระสาวกก็เป็นเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงประกาศยกย่องให้เป็นแบบอย่าง โดยพิจารณาจากความสามารถตามที่เป็นจริงของพระสาวกรูปนั้นๆ ดังที่ทรงยกย่องพระสาวกเป็น “เอตทัคคะ” หรือมีความเป็นเลิศด้านต่างๆ เช่น พระสารีบุตรมีความเป็นเลิศด้านสติปัญญา เป็นต้น

การยอเกียรติพระในสังคมไทยน่าจะนิยมทำกันในยุคสมัยที่ “พระกับเจ้า” ถูกผนึกรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจนเกิดประเพณีแต่งตั้ง “สมณศักดิ์” หรือศักดินาของพระ ทำให้พระสงฆ์เข้าไปอยู่ในระบบความสัมพันธ์เชิงอำนาจและผลประโยชน์อย่างเต็มรูปแบบ ดังข้อเขียนของ จิตร ภูมิศักดิ์ ในหนังสือ “โฉมหน้าศักดินาไทย” ที่ว่า

“ศักดินา (กษัตริย์) แบ่งปันที่ดินให้แก่ทางศาสนา แบ่งปันข้าทาสให้แก่วัดวาอาราม ยกย่องพวกนักบวชให้เป็นขุนนางมีลำดับยศ มีเครื่องประดับยศ มีเบี้ยหวัดเงินปีและแม้เงินเดือน...ศาสนามีหน้าที่สั่งสอนให้ผู้คนเคารพยำเกรงกษัตริย์ พวกนักบวชทั้งหลายกลายเป็นครูอาจารย์ที่ให้การศึกษาแก่กุลบุตรกุลธิดา ซึ่งแน่นอนแนวทางการจัดการศึกษาย่อมเป็นไปตามความปรารถนาของศักดินา”

ในหนังสือเล่มดังกล่าว จิตรยังอธิบายต่อไปว่า ข้าทาสที่ศักดินาแบ่งปันให้แก่วัด เรียกว่า “เลกวัด” หรือ “ข้าพระโยมสงฆ์” และในกฎ “พระอัยการตำแหน่งทหารและพลเรือน” ซึ่งพระบรมไตรโลกนาถ ประกาศใช้เมื่อ พ.ศ.1998 นอกจากจะกำหนดให้บรรดาเจ้าขุนมูลนายตามชั้นยศต่างๆ ได้รับผลประโยชน์จากที่ดินแล้ว ยังจัดส่วนแบ่งผลประโยชน์ดังกล่าวให้แก่พระสงฆ์ด้วย ตามอัตราส่วนดังนี้
พระครูรู้ธรรม เสมอนา 2,400 ไร่
พระครูไม่รู้ธรรม เสมอนา 1,000 ไร่
พระภิกษุรู้ธรรม เสมอนา 600 ไร่
พระภิกษุไม่รู้ธรรม เสมอนา 400 ไร่
สามเณรรู้ธรรม เสมอนา 300 ไร่
สามเณรไม่รู้ธรรม เสมอนา 200 ไร่


แน่นอนว่า การพูดถึงข้อเท็จจริงของ “เจ้ากับพระ” ในท่วงทำนองแบบจิตร ย่อมเป็นที่ “แสลงหู” ชาวพุทธไทย แต่สำหรับผู้เขียนแล้วนึกถึงคำสำคัญในพุทธศาสนาคำหนึ่ง คือ “ธรรมานุสสติ” หมายถึงการระลึกถึงธรรม หรือการตระหนักรู้ ตื่นรู้ใน “ธรรม” คือความจริงความถูกต้อง

แต่คำถามคือ บทยอเกียรติพระ กับบทวิจารณ์พระ (เช่น ที่จิตร ภูมศักดิ์ ทำ) อะไรคือสิ่งที่กระตุ้นให้เราเกิด “ธรรมานุสสติ” ได้แจ่มชัดกว่า!

คงจำกันได้ว่า เมื่อปี 53 คำ ผกา วิจารณ์ท่าน ว.วชิรเมธี (ผ่านการให้สัมภาษณ์ วิจักขณ์ พานิช) ค่อนข้างแรงว่า

“งานของท่าน ว.วชิรเมธี มันเป็นยากล่อมประสาท หลอกขายกันไปวันๆ ไม่ได้ทำให้คนตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม มันเป็นการเอาตัวรอดคนเดียว...แขกเลยมองว่ามันเป็นการมอมเมาทางปัญญา สอนให้คนหลีกหนีปัญหา แล้วก็ทำให้มืดบอดต่อปัญหาของคนอื่นในสังคมด้วย คำพูดของ ว.วชิรเมธี มีอะไรที่ลึกซึ้งบ้าง ไม่มี แต่ทำไมคนถึงให้ความสำคัญ เพราะมันออกมาจากพระที่บอกว่าตัวเองอ่านพระไตรปิฎกเจนจบ เป็นศิษย์พุทธทาส” (มติชนออนไลน์ 19 ส.ค.53)

คำวิจารณ์ดังกล่าวท้าทายจารีต “ยอเกียรติพระ” อย่างจัง แต่จริงๆ แล้วการวิจารณ์เช่นนี้วิจารณ์จากจุดยืนวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ถือว่า “ทุกคนมีความเป็นคนเท่าเทียมกัน” แม้สถานะทางสังคมจะต่างกัน โดยเฉพาะบุคคลสาธารณะย่อมควรแก่การวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ

ในทางพุทธศาสนาพระพุทธองค์ก็ยอมรับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ ดังที่พระองค์วางหลักปฏิบัติแก่ชาวพุทธว่า “หากมีใครติเตียนพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชาวพุทธไม่ควรโกรธ ควรรับฟังอย่างมีสติ และจี้แจงไปตามความเป็นจริง”

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมานานในบ้านเราคือ เวลาเกิดปัญหาทางพุทธศาสนา หรือแม้แต่ปัญหาบ้านเมือง สังคมมักนึกถึงพระสงฆ์ แต่ไม่ได้นึกถึงพระสงฆ์ที่เป็น “องค์กรสงฆ์” มักนึกถึงพระสงฆ์ที่เป็นปัจเจกบุคคล เช่นเมื่อสมัย 6 ตุลา 19 ในยุคที่รัฐปราบปรามนักศึกษาด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น “คอมมิวนิสต์” สื่อมวลชนก็ไปสัมภาษณ์ กิตติวุฑฺโฒภิกขุ ทำนองว่าฆ่าคอมนิสต์บาปหรือไม่ ท่านก็ตอบว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ได้บุญมากกว่าบาป”

ในยุคปัจจุบันไม่รู้ว่าสื่อไปสัมภาษณ์ท่าน ว.วชิรเมธี อย่างไร ถึงมีการนำเสนอคำตอบออกมาว่า “ฆ่าเวลาบาปมากกว่าฆ่าคน” แต่เท่าที่ผู้เขียนมีโอกาสสัมภาษณ์ท่านได้รับคำอธิบายว่าท่านพูดประโยคนี้ในบริบทการสนทนาเรื่อง “การรู้คุณค่าของเวลา” โดยในการสนทนานั้นไม่ได้มีการพูดถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แต่เมื่อสื่อนำไปเสนอกลับนำเอาไปโยงกับการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อวิจารณ์ของคำ ผกา ที่ว่า “คำพูดของ ว.วชิรเมธี มีอะไรที่ลึกซึ้งบ้าง...” ผู้เขียนคิดว่าคำวิจารณ์นี้อาจนำไปตั้งคำถามกับการแสดงทัศนะทางการเมืองในบางประเด็นของท่าน ว.วชิรเมธี ได้ เช่นที่ท่านเคยให้สัมภาษณ์ทีวีไทย (ช่วงปลาย ปี 51) ตอนหนึ่งว่า

“เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราเอาแต่พระราชอำนาจมา แต่ไม่เอาทศพิธราชธรรมมาด้วย” หรือ“ประชาธิปไตยอำนาจเป็นของประชาชน แต่เราลืมไปว่าประชาชนมีศักยภาพในการใช้อำนาจหรือยัง” หรือ“ทหารพยายามเข้ามาแก้ปัญหาคอร์รัปชัน” เป็นต้น

ทัศนะทางการเมืองดังที่ยกตัวอย่าง (เป็นต้น) นี้ย่อมหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ “แบบ คำ ผกา” ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะใครที่เคยอ่าน “ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1” ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ฉบับเต็มย่อมทราบว่า ประกาศฉบับดังกล่าวโจมตีการคอร์รัปชันและการกดขี่ของระบบกษัตริย์อย่างรุนแรง
ส่วนคำถามถึงศักยภาพการใช้อำนาจของประชาชน หรือวาทกรรม “ประชาชนยังไม่พร้อม” ก็เป็นวาทกรรมที่ ท่านรัฐบุรุษปรีดี พนมยงค์ วิจารณ์มานานแล้ว (ทำนอง) ว่า “เป็นคำพูดที่ชนชั้นนำชอบดูถูกประชาชน”

ยิ่งวาทกรรม“ทหารพยายามเข้ามาแก้ปัญหาคอร์รัปชัน” ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นวาทกรรมที่ไร้ความหมายแค่ไหน

และข้อเท็จจริงในปัจจุบันยิ่งชี้ชัดว่า ประชาชนที่ถูกดูถูกว่าโง่ ไม่รู้ประชาธิปไตย ถูกซื้อ ฯลฯ กลับเป็นฝ่ายที่เรียกร้องการเลือกตั้ง หรือยืนยัน “เสรีภาพในการปกครองตนเอง” แต่ฝ่ายที่อ้างว่า มีการศึกษาดี มีศีลธรรมสูงส่ง กลับเป็นฝ่ายที่เรียกร้อง “อำนาจนอกระบบ” หรืออำนาจที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับ “เจตจำนงทั่วไป” ของประชาชน

ฉะนั้น เมื่อพระพูดการเมืองก็เป็นเรื่องที่ชาวบ้านอย่างเราๆ มีสิทธิ์วิจารณ์ “คำพูด” ของพระได้เช่นกัน จะให้นั่งพนมมือสาธุๆ!! หรือเอาแต่ “ยอเกียรติพระ” ไปทุกเรื่องคงไม่ดีแน่ๆ

ที่มา ประชาไท


Create Date : 20 มีนาคม 2554
Last Update : 20 มีนาคม 2554 0:49:35 น. 3 comments
Counter : 728 Pageviews.

 
โดยหลักการแล้ว รู้เขา รู้เรา ชนะแน่ๆ

รู้แต่เรา ไม่รู้เขา อะไรจะเกิดขึ้น คิดกันเอาเอง


โดย: คนจริง IP: 58.9.61.138 วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:7:40:15 น.  

 
เมื่อมีสิ่งใดๆ เกิดขึ้น
ความเสื่อมย่อมปรากฎ
เกิดมาชาตินี้...ควรละอกุศลทั้งปวง
มุ่งทำความดี รักษาศีล ภาวนา เพื่อจิต สงบเย็น
การภาวนา..นั่งสมาธิ ถือเป็นการปฎิบัติ
ได้กุศลสูงสุดคือ การไม่เบียดเบียนกันและกัน
ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัวใดๆอย่างที่เข้าใจกัน
พุทธศาสนาที่แท้จริง ลึกซึ้ง ละเอียด
เปลี่ยนโลกให้สงบ สันติ ได้ ถ้าเราเข้าใจอย่างถ่องแท้


โดย: ศิษย์ตถาคต IP: 124.121.88.41 วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:8:24:15 น.  

 
ผ่านมาอ่านครับ


โดย: คนเมืองตำน้ำกิน (comnow1234 ) วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:20:51:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.