ต้นทุนการค้าและส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ
โดย กานดา นาคน้อย แปลโดย สรินณา อารีธรรมศิริกุล
ที่มา: บทบรรณาธิการจดหมายข่าว สมาคมเศรษฐศาสตร์และการเงินไทยในต่างประเทศ ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (Overseas Thai Economic and Finance Association: OTEFA Volume 2 Issue 2: //www.krannert.purdue.edu/faculty/knaknoi/otefa/OTEFA_Newsletter_Dec_2010.pdf )
เดือนตุลาคมที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการตัดสินใจไม่อนุมัติให้พัฒนาภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของไทย โดยให้เหตุผลว่านโยบายนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ว่าประเทศไทยเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งในอดีต[1] การตัดสินใจดังกล่าวชี้ชัดว่ากระทรวงศึกษาฯไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัจจัยทางด้านเทคโนโลยีและทักษะอาชีพที่มีผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดโลกมากไปกว่าเรื่องอาณานิคมในอดีต
ทำไมภาษาอังกฤษถึงสำคัญนัก?
ภาษาอังกฤษคือภาษาที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในการค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการค้าสินค้า การค้าบริการ การค้าทรัพย์สินและธุรกรรมระหว่างประเทศ เมื่อเร็วๆนี้ผลงานวิจัยหลายชิ้นพบว่าอุปสรรคด้านภาษาทำให้ต้นทุนการค้า (Trade costs) ในตลาดสินค้าสูงขึ้นถึง 7% [2] ขนาดของผลกระทบของอุปสรรคด้านภาษาที่กล่าวมานี้เทียบได้กับครึ่งหนึ่งของผลกระทบต่อต้นทุนการค้าที่มาจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหรือการใช้สกุลเงินต่างกัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการกำจัดอุปสรรคด้านภาษาจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันได้ประมาณครึ่งหนึ่งของการใช้เงินสกุลเดียวกัน [อย่างเช่นในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโร และในขณะนี้รัฐบาลไทยก็แสดงความสนับสนุนให้มีการใช้เงินหยวนเพื่อลดค่าธุรกรรมการค้าในภูมิภาคเอเชีย - ผู้แปล]
แม้ว่าขนาดของอุปสรรคด้านภาษาในภาคบริการ งานด้านการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และงานบริการเฉพาะทางอื่นๆ ยังไม่ได้รับการประเมินออกมาเป็นตัวเลขในงานวิชาการ อย่างไรก็ดี ในกรณีของไทย เราอาจคาดการณ์ตัวเลขได้จากอัตราค่าจ้างและต้นทุนด้านการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษแทน
"ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ"มีราคาเท่าไร? โดยพื้นฐานแล้วเศรษฐกิจไทยสะท้อนความสำคัญของภาษาอังกฤษ อัตราค่าจ้างในไทยแสดงให้เห็นถึง "ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ" (English premium) ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งหมายถึงช่องว่างระหว่างอัตราค่าจ้างสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษได้และอัตราค่าจ้างสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ในปี 2552 ความแตกต่างระหว่างเงินเดือนผู้บริหารกับพนักงานธุรการในไทยอยู่ที่ 1,140% ซึ่งติดอันดับ 4 จาก 56 ประเทศในกลุ่มสำรวจ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าความแตกต่างระหว่างอัตราค่าจ้างในไทยนั้นขึ้นอยู่กับทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก ส่วนในสิงคโปร์นั้นความแตกต่างของอัตราค่าจ้างอยู่ที่ 500%[3] ถ้าเราสมมติให้การกระจายทักษะอาชีพในกลุ่มประชากรเหมือนกันในทุกประเทศ(ยกเว้นทักษะด้านภาษา)"ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ"ในไทยจะอยู่ที่ 640% ตัวเลข"ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ"ของไทยนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งก็ตอบคำถามว่าทำไมคนไทยจึงนิยมเดินทางไปศึกษาในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษกันนัก ถึงแม้ว่าข้าราชการและรัฐบาลไทยจะยังคงลังเลไม่ยอมรับภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองก็ตาม นอกจากนี้ ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเสมือนเป็นบัตรผ่านไปสู่สังคมระดับสูง นักการเมืองที่พูดภาษาอังกฤษไม่คล่องแคล่วมักจะโดนสบประมาทโดยคู่แข่งทางการเมืองและคนชั้นกลางในเมือง
ดังนั้น "ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ" จึงกลายเป็นปัจจัยเบื้องหลังการเติบโตของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติและหลักสูตรภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยไทย ถ้ากระทรวงศึกษาฯอนุมัติให้ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาที่สอง การสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษจะกลายเป็นหลักสูตรกระแสหลักซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยงบประมาณรัฐ ดังนั้นนโยบายนี้จะลดความต้องการที่มีต่อโรงเรียนนานาชาติและหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ดำเนินงานโดยความสมัครใจ ด้วยเหตุนี้เองส่วนต่างระหว่างค่าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษและค่าเรียนหลักสูตรภาษาไทยจะกลายเป็นตัวเลขที่แสดง"ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ"
ตัวอย่างเช่น เราสามารถเปรียบเทียบค่าเทอมประจำปีของหลักสูตรเศรษฐศาสตร์ในระดับปริญญาตรีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรภาษาอังกฤษที่คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯราคา 149,000 บาทต่อปี[4] ส่วนหลักสูตรภาษาไทยที่คณะเดียวกันราคา 29,000 บาทต่อปี[5] จากข้อมูลนี้ "ส่วนต่างจากภาษาอังกฤษ" คือ 149/29 หรือ 514%
มองอนาคต ใน 20 ปีข้างหน้า ภาษาจีนอาจมีความสำคัญเทียบเท่ากับภาษาอังกฤษในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ภาษาอังกฤษจะยังคงมีความสำคัญอยู่เพราะประเทศอาหรับ ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ไม่มีท่าทีสนใจที่จะเปลี่ยนภาษาธุรกิจจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีน นอกจากนี้ คงเป็นไปได้ยากที่ภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนด้วยเช่นกัน
อันที่จริงแล้ว การตัดสินใจของกระทรวงศึกษาฯนับว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้วางนโยบายสาธารณะในประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สำหรับคนเอเชียที่ปรารถนาจะพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นตัวเลือกต้นทุนต่ำที่มีไว้ทดแทนการศึกษาในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา หรือแคนาดา เพราะระยะทางที่ใกล้กับเอเชีย ผู้วางนโยบายสาธารณะในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จึงตระหนักดีถึงข้อได้เปรียบนี้และยินดีต้อนรับจำนวนนักเรียนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากทวีปเอเชีย การส่งออกบริการด้านการศึกษาไปสู่ประเทศในเอเชียรวมทั้งไทยทำรายได้มูลค่ามหาศาลให้สถาบันการศึกษาจำนวนมากในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ดิฉันหวังว่ากระทรวงศึกษาธิการจะพิจารณานโยบายนี้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้
อ้างอิง
[1] "Plan to make English 2nd language vetoed," Bangkok Post, October 20, 2010: //www.bangkokpost.com/news/local/202224/plan-to-make-english-2nd-language-vetoed [2] Anderson, James E. and Eric van Wincoop (2004), "Trade costs," [i]Journal of Economic Literature[/i] 42, pp. 691-751: //ideas.repec.org/p/boc/bocoec/593.html [3] "Global Management Pay Report 2009," [i]Hay Group[/i]: //www.haygroup.com/Downloads/ww/misc/Global_Management_Pay_Report_2009_final.pdf [4] "International Programs Offered at Bachelor Degree Level," Chulalongkorn University: //www.inter.chula.ac.th/inter/internationalstudents/frame.htm [5] "Fees for Thai Students," Office of the Registrar, Chulalongkorn University: //www.reg.chula.ac.th/fee1.htm
Create Date : 06 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 6 ธันวาคม 2553 17:20:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 646 Pageviews. |
|
|
|
| |