|
เรื่องธรรมดา (๔) ชีวิตบนถนน
เรื่องธรรมดา (๔)
ชีวิตบนถนน
เพทาย
ผมออกจากวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด นนทบุรี เมื่อเวลาใกล้เที่ยงของวันอาทิตย์ ตั้งใจจะเดินทางไปยังศูนย์กลางของกรุงเทพ คือท้องสนามหลวง เพื่อข้ามฟากจากท่าพระจันทร์ ไปวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร วัดอันมีชื่อเสียงของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เพื่อร่วมงานฌาปนกิจศพ ภรรยาของเพื่อนนักเรียนเก่าโรงเรียนเดียวกัน ซึ่งประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต ที่หน้าบ้านของตนเอง การเผื่อเวลาไว้มาก ๆ จึงทำให้เดินทางไปด้วยใจอันสงบเยือกเย็น ไม่เร่าร้อนกระวนกระวาย หรือขุ่นข้องหมองมัวหงุดหงิด ให้เสียสุขภาพจิตโดยไม่จำเป็น
วันนี้ถนนสายกรุงเทพ-นนทบุรี ค่อนข้างจะว่าง ผมจึงปล่อยใจให้คิดถึงเรื่องกรรม ที่ได้รับฟังจากปาฐกถาธรรมของหลวงพ่อเมื่อเช้าที่ผ่านมานี้ สรุปว่ามนุษย์เราเกิดมาได้ด้วยกรรม อยู่ได้ด้วยกรรม ผู้ใดทำกรรมอะไรไว้ ไม่กรรมดีหรือกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอน ซึ่งท่านได้ขยายความออกไปยืดยาวมาก ซึ่งผมก็จำไม่ค่อยได้
ความคิดคำนึงของผมสะดุดหยุดลง เมื่อมีเสียงหวีดร้องของผู้โดยสารข้างหน้า พร้อมกับรถประจำทางที่ผมนั่งก็หยุดลง หลายคนบนรถลุกขึ้นยืนชะเง้อ เมื่อเห็นชายคนหนึ่งแต่งกายแบบธรรมดา เหมือนผู้ใช้แรงงานทั่วไป วิ่งหน้าตั้งฝ่าเข้าไปบนพื้นที่ว่างข้างถนน ซึ่งเดิมเคยเป็นอาคารที่ถูกไฟไหม้ไปนานแล้ว โดยมีชายในเครื่องแบบผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างวิ่งตามไปสองสามคน ทั้งสองฝ่ายต่างเร่งฝีเท้าอย่างสุดชีวิตหายลับไปในกลุ่มต้นไม้ที่ขึ้นระเกะระกะอยู่บนที่รกร้างนั้น
ทุกคนบนรถโดยสารคงจะคิดเหมือนผม คือไม่แน่ใจว่าจะเอาใจช่วยฝ่ายหนีหรือฝ่ายไล่ดีเพราะยังไม่รู้สาเหตุ แต่มีชายสองคนท่าทางเป็นผู้ใช้แรงงานเหมือนกัน ลุกขึ้นยืนและตะโกนออกไปอย่างลืมตัวว่า
" จับเขาทำไม.....ไปจับเขาทำไม "
ผมจึงเบนสายตาออกนอกหน้าต่างรถไปบนถนน และก็พบว่าตรงแนวกึ่งกลางถนน มีรถสิบล้อคันหนึ่งจอดอยู่ ใต้ล้อหน้าซ้ายมี รถมอเตอร์ไซค์ ตะแคงอัดอยู่พร้อมด้วยชายผู้ขับขี่ สวมกางเกงขาสั้นและเสื้อกล้าม นอนจมกองเลือดร่างกายบิดเบี้ยว ไม่มีทีท่าว่าจะหายใจ
เมื่อรถคันที่ผมโดยสารค่อย ๆ แล่นเลยไป จึงเห็นว่าด้านท้ายรถสิบล้อคันนั้น มี เด็กชายคนหนึ่งอายุไม่เกินห้าขวบนอนแน่นิ่งสนิท แม้จะมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ไม่มากนัก ถัดไปใกล้ขอบทางเท้า ก็ยังมีร่างของ สตรีวัยกลางคน แต่งตัวแบบชาวบ้านนอนอยู่ และกำลังพยายามที่จะพลิกตัวขึ้น ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก
ผู้คนที่อยู่ริมถนนบนฝั่งที่ใกล้เหตุการณ์นั้น ต่างยืนตลึงกันหมด ผู้หญิงบางคนเอามือปิดหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ไม่มีใครทำอะไร นอกจากชายคนหนึ่ง เดินเข้าไปหาสตรีที่กำลังขยับตัวอยู่กลางถนน เขายื่นสิ่งหนึ่งซึ่งคงจะเป็นหลอดยาดมไปรอที่จมูกของเธอ อย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น
รถประจำทางที่ผมโดยสาร แล่นออกจากที่เกิดเหตุมาไกลแล้ว ผมจึงไม่ทราบว่าเรื่องราวเหล่านั้น ดำเนินต่อไปอย่างไร คนขับรถสิบล้อที่วิ่งหนีไปจะพ้นมือผู้ติดตามหรือไม่ สตรีคนที่นอนอยู่กลางถนนจะพ้นอันตรายหรือเปล่า สาเหตุที่ชนกันอย่างรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตนั้น เกิดขึ้นเพราะความประมาทของฝ่ายใด
พวกที่วิ่งไล่จับผู้ขับขี่รถสิบล้อ ก็ทำไปเพราะสงสารครอบครัว ที่ขับรถจักรยานยนต์ด้วยกัน พวกที่ตะโกนห้ามไม่ให้จับนั้น ก็ทำไปเพราะสงสารผู้ขับรถสิบล้อ ซึ่งอาจอยู่ในอาชีพ หรือฐานะเดียวกัน
ในระหว่างผู้น่าสงสารทั้งสองฝ่ายนี้ ใครจะผิดหรือใครจะถูก ผมก็คงไม่มีโอกาสที่จะทราบได้ แต่ก็มีข้อคิดอยู่ว่า สิ่งที่มีคุณประโยชน์มาก ก็ย่อมจะมีโทษทัดเทียมกันด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือพุทธพจน์ที่ว่า มนุษย์ย่อมเป็นไปตามกรรม นั้นย่อมเป็นสิ่ง จริงแท้ แน่นอนที่สุด.
##########
นิตยสารโล่เงิน พฤศจิกายน ๒๕๔๐
ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป ๒๔ มกราคม ๒๕๔๘
Create Date : 29 สิงหาคม 2550 Last Update : 27 กันยายน 2550 18:57:30 น.
Counter : 1 Pageviews. 4 comments
Add to
พ่อของโพดก้อโดนรถสิบล้อชน เค้ากลับรถแล้วไม่ดู รถพ่อมาทางตรงโดนเข้าเต็มๆ คนขับหนีไปตามระเบียบ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พี่ชายสะโพกหลุดต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน คุณอากระดูกสันหลังเคลื่อน ทำงานหนักไม่ได้ ส่วนพ่อนอนอยู่ไอซียู6วันและสิ้นลมหายใจ ก้อไม่รู้จะทำยังงัยกับพวกขับรถโดยประมาทพวกนี้ดี
โดย: ข้าวโพด IP: 202.123.145.203 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:12:53:51 น.
น่าเศร้ามากครับ ผมเคยอยู่ในเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง เมื่อไปเที่ยวชะอำนานมาแล้ว รถบันทุกทรายถอยหลังมาโไม่ได้มองกระจกหลัง ชนกระจกหน้ารถตู้แตกละเอียดทั้งบาน แต่คนไม่เป็นไรครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:13:29:37 น.
ทับคนเห็นกันจะ จะ แบบนี้ เห็นแล้วคงสลดและตกใจในเคราะห์กรรมของเขา
โดย: พี่แต้ วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:02:08 น.
คนขับรถบรรทุกส่วนใหญ่ไม่รอขึ้นโรงพักหรอก เผ่นเอาตัวรอดไว้ก่อนครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:20:51:28 น.
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 24 มีนาคม 2553 9:53:47 น. |
Counter : 349 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องธรรมดา (๓) คนมีครู
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา (๓)
คนมีครู
เพทาย
เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมไปแต่งงาน สมพัน ลูกน้องคนโปรดของผมที่บ้านของ เจ้าสาว ซึ่งสวยระดับนางงามสงกรานต์ ที่หนองแค อยุธยา ผมเอารถสองแถวเล็กสมัยก่อนซึ่งมีที่นั่ง ด้านหลังสองแถวหันหน้าเข้าหากัน จุคนได้เกือบ ๒๐ คน ของลูกน้องอีกคนหนึ่ง บรรทุกเพื่อนพ้องของเจ้าบ่าวจากที่ทำงานไปกันแน่นเอี้ยด
เราไปถึงบ้านงานในตอนบ่ายทันกำหนดพิธีรดน้ำสังข์ ต่อด้วยงานเลี้ยงตอนเย็นเลยไปถึงค่ำ ตามแบบไทย ๆ ซึ่งพวกเราก็ล่อกันเข้าไปจนดึก เพราะเจ้าบ่าวไม่ยอมให้กลับ บอกว่า เจ้าภาพฝ่ายเจ้าสาวได้จัดที่ไว้ให้ค้างคืน บนเรือนใหญ่แล้ว พวกเราล้วนแต่ดี ๆ กันเข้าไปแล้วทั้งนั้น รวมทั้งคนขับด้วย ก็เลยไม่มีใครขัดศรัทธา
แต่ผมเองนึกสะกิดใจอยู่นิดหน่อยว่า แขกรุ่นหนุ่มในงานหลายคนซึ่งเป็นชาวบ้านท้องถิ่นนั้น ออกจะมีท่าทีนักเลงอยู่ไม่น้อย และดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับพวกเราสักเท่าไร สาเหตุสำคัญนั้น ผมเดาเอาเองว่าคงเป็นเพราะเจ้าสมพัน ซึ่งเป็นคนกรุงเทพดันไปคว้าเอาไม้งามประดับหมู่บ้านของเขาไปครองนั่นเอง
ผมกำชับพวกเราทั้งหลายว่า ตัวผมเป็นเจ้าภาพฝ่ายชาย และเราทั้งหมดก็เป็นแขกผู้มีเกียรติของงานนี้ ใครจะอย่างไรก็ช่าง อย่าพยายามให้มีเรื่องเป็นอันขาด ต้องรักษาศักดิ์ศรีของเราไว้ให้ดี
ดังนั้นเหตุการณ์จึงผ่านไปโดยเรียบร้อย จนกระทั่งงานอย่างเป็นทางการได้เลิกราไปเมื่อประมาณสองยาม และต่างฝ่ายต่างก็เมากันได้ระดับแล้ว ผมกับพวกเพื่อนคออ่อนก็เข้ามุ้งนอน ในห้องที่เจ้าภาพเขาจัดไว้ให้ พวกลูกน้องหนุ่ม ๆ คอแข็งก็คงโจ้กันต่อไปที่ห้องชั้นล่างไม่กี่คน
ผมม่อยหลับไปได้สักพัก ก็มีคนมาสะกิดข้าง ๆ มุ้ง ลืมตาขึ้นมาก็พบนาย สะอาด ลูกน้องอีกคนหนึ่งของผม ยื่นหน้าตุงเข้ามาในมุ้ง
" หัวหน้าครับ ผมขออนุญาตไปตีกันหน่อยครับ "
" เฮ้ย "
ผมร้องเหมือนโขน ผุดลุกขึ้นนั่งตาสว่างทันที
" ว่าไงนะ "
" ไอ้พวกบ้านนี้มันท้าให้ออกไปตีกันข้างนอกบ้านครับ "
เขาพูดเสียงเหี้ยมหาญ
" อ้าวมันเรื่องอะไรกันล่ะ ก็สั่งแล้วว่าให้อยู่แต่ในกลุ่มของพวกเรา อย่ามีเรื่องกับใคร " " ผมทำตามคำสั่งหัวหน้าแล้วครับ กินอยู่วงของเรา มันมาสะกิดให้ผมออกไปข้างนอกครับ "
" แล้วไง "
" ผมก็ออกไปกับมันที่หน้าบ้าน มันถามผมว่าลูกศิษย์อาจารย์ไหน ? "
" อ้าว ไหงงั้นล่ะ "
" มันเห็นรอยสักที่คอผมครับ "
ผมลืมบอกไปว่าเจ้าสะอาดนี่ตัวมันเล็กนิดเดียว แต่สักเต็มพรืดไปหมด ทั้งหน้าอกและแผ่นหลัง แต่ฉลาดที่ไม่แลบออกมานอกเสื้อเลย แม้แต่จะใส่เสื้อคอกลมตัวเดียว จึงไม่มีใครรู้ มีโผล่อยู่นิดเดียวคือ อุณาโลม ที่ใต้ลูกกระเดือก ผมเองเพิ่งจะเห็นเมื่อมันบอก
" ผมบอกชื่ออาจารย์ให้ มันก็บอกว่าขอลองหน่อยได้มั้ย ว่าเหนียวจริงไม่จริง ผมบอกเอาเลย "
" เฮ้ย เอามาแล้วเรอะ "
" ยังครับ เพื่อนบอกว่า ถ้าจะเอากะมันจริง ๆ ต้องไปขออนุญาตหัวหน้าก่อน ให้ผมไปนะครับ ผมไปคนเดียวไม่ให้ใครเดือดร้อน "
ถึงอย่างไรผมก็ไม่อนุญาต เพราะเราเป็นแขกของเจ้าบ่าว จะยกพวกไปตีกับญาติของเจ้าสาวในวันแต่งงาน แล้วผัวเมียมันจะมองหน้ากันได้อย่างไร แต่ผมก็ไม่อยากให้ลูกน้องเสียใจ หรือถูกสบประมาทว่าขี้ขลาด
" เอางี้แล้วกัน แกนอนเสียก่อน เช้าค่อยออกไปล่อกะมัน ออกไปเดี๋ยวนี้ เราไม่รู้ลู่ทางเกิดมันรุมเอา ก็เสียเปรียบ "
" แหมหัวหน้า มันก็ดูถูกผมแย่ซีครับ ผมรับปากกะมันแล้วนี่ "
" เอาน่า " ผมปลอบ
ขณะนั้นหลายคนที่นอนข้าง ๆ ผมเต็มมุ้ง ต่างลุกขึ้นมานั่งฟังหน้าสลอน
" เชื่อหัวหน้าเถอะถ้าเราเสียเปรียบจะไปตีมันทำไม พรุ่งนี้เอากันแจ้ง ๆ ตัว ๆ เลย "
สะอาดยกมือไหว้
" ขอผมสักครั้งไม่ได้หรือครับ "
" ไม่ได้....นี่เป็นคำสั่ง ไป...ไปนอนเดี๋ยวนี้ " ผมเล่นไม้แข็ง
ตกลงคืนนั้น ลูกน้องนักเลงของผม ก็เลยต้องยอมนอนซุกอยู่ข้างมุ้งของผมไม่ช้าพวกเราก็หลับกันเงียบ
วันรุ่งขึ้นเราตื่นสายโร่ หลังจากที่ถอนกันคนละเล็กละน้อย ตามด้วยข้าวต้มหมูร้อน ๆ คนละถ้วยสองถ้วยแล้ว ก็ร่ำลาเจ้าของบ้านขึ้นรถย้อนกลับทางเดิมที่มา ทุกคนต่างนั่งเงียบ ระวังกันรอบตัว จนกระทั่งโผล่ออกถนนพหลโยธิน จึงค่อยมีเสียงคุย
เพื่อน ๆ ต่างก็แซวสะอาดกันคนละคำสองคำ เจ้าตัวก็ไม่ว่าอะไร นอกจากขอเหล้า ที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่งแบนมากระดกเสียกรุ๊บหนึ่ง แล้วปรารภว่า
" แย่เลยครับหัวหน้า เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืน "
"ทำไมวะ "
ผมอดรนทนไม่ได้
" ไม่ได้ตีกะเขาแล้วนอนไม่หลับเรอะ "
" เปล่าครับหัวหน้า ยุงมันกัดผมทั้งคืน "
ว่าแล้วก็ถกเสื้อยืดขึ้น ให้ดูรอยยุงกัดเป็นจุดแดงทั้งตัว โดยเฉพาะที่สีข้าง แถว ๆ รอยสักรูปเสือเผ่นมีจุดแดงแผ่เป็นปื้นใหญ่ พวกเพื่อนหัวเราะครืนทั้งคันรถ
" เฮ้ย สักออกเต็มตัว ยุงยังกัดเข้า แล้วจะไปตีกะเขาได้ยังไงวะ "
" โธ่...หัวหน้า "
เสียงไม่เหมือนตอนเข้าไปปลุกผมเมื่อคืนนี้เลย
" ครูของผม ไม่ได้สักมาให้ตีกะยุงนี่ครับ "
##########
นิตยสารโล่เงิน สิงหาคม ๒๕๔๐
ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป ๒๑ เมษายน ๒๕๔๘
Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550 Last Update : 10 มีนาคม 2551 10:27:16 น.
Counter : Pageviews. 6 comments
Add to
ตลกดีจัง
โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:17:11:10 น.
เดี๋ยวนี้วัยรุ่นที่เขาส่งไปพักในบ้านเมตตา เมื่อถอดเสื้อแล้วเห็นลายสักหลายคน ไม่ทราบว่ากันยุงได้หรือเปล่าครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:20:04:57 น.
คนที่กวมเค้าสักกันเป็นแฟชั่น เห็นแล้วน่ากลัว ขนาดตำรวจยังสักเต็มแขนเลย
โดย: ข้าวโพด IP: 202.123.145.203 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:8:43:54 น.
คนต่างประเทศเขาสักเป็นรูปเรื่องราว ไม่ได้สักยันต์ให้ขลังแต่อย่างใดครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:5:43:06 น.
รอยสัก ไม่ได้เอาไว้ตีกะยุง 55555
รอยสักถ้าอาจารย์ดี ๆ ก็เหนียวและเผาไม่ไหม้ด้วยนะครับ
โดย: พี่แต้ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:18:24:07 น.
จริงหรือครับ ผมยังไม่เคยเจอเลย.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:05:13 น.
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 24 มีนาคม 2553 9:53:11 น. |
Counter : 399 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องธรรมดา (๒) คนใจบุญ
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา (๒)
คนใจบุญ
" เพทาย "
รถโดยสารประจำทางสายนั้นแล่นมาจอดที่สนามหลวง ด้านกระทรวงยุติธรรม ผมลงจากรถคันนั้นแล้วก็ข้ามถนนราชดำเนิน เดินผ่านถนนผ่ากลาง เข้าถนนที่อยู่ระหว่างวัดมหาธาตุกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลาะเลียบกำแพงสูงใหญ่ มุ่งหน้าไปท่าพระจันทร์ เพื่อลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปขึ้นท่าพรานนก
สองฟากถนนทั้งด้านวัดและมหาวิทยาลัย ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ใบหนา จนแสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องลงมาไม่ถึง บนทางเท้า เต็มไปด้วยแผงสินค้าแบกะดิน มากมายหลายสิบเจ้า
ขณะที่ผมกำลังสนใจผู้ซื้อที่ใช้กล้องขยายดูพระบูชาองค์ใหญ่ หน้าตักร่วมคืบอย่างละเอียด ทั้งด้านหน้าด้านหลัง แม้กระทั่งใต้ฐาน ก็มีหญิงคนหนึ่ง อายุไม่น้อยแต่ก็ยังไม่แก่ หน้าตาเรียบร้อยแม้ว่าผมเผ้าจะรุงรังอยู่สักหน่อย แต่งกายแบบชาวบ้านธรรดา สะพายกระเป๋าใบย่อม ๆ มีข้าวของบรรจุเต็มจนโป่ง เธอไม่ได้เดินมาเหมือนอย่างผู้คนทั่วไป แต่เธอเคลื่อนที่ด้วยสะโพกและมือทั้งสอง ดูคล้ายกับว่าจะถัดไป เพราะเท้าทั้งสองข้างบิดเก ไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างเราทั้งหลาย
ผมเองก็มองเห็นไม่ชัด ว่ามันเป็นลักษณะอย่างไรแน่ เธอเลื่อนตัวมาหยุดอยู่เป็น ระยะ ๆ ไม่ได้พนมมือ ไม่ได้พูดจาขอร้องอะไร แต่ใช้สายตามองตรงไปยังดวงตา ของผู้ที่เธอต้องการจะสื่อความรู้สึกด้วย บางคน ทั้งผู้ขายและผู้ที่กำลังเดินชมสินค้า พากันเบือนหน้าหลบหลีกสายตาที่ใสซื่อ มีแวววิงวอนนั้น เสไปทำอะไรอย่างอื่น หรือเดินเลี่ยงหลบไป มีบางคนที่ควักเหรียญบาทใส่ลงในมือข้างที่ว่าง เพราะอีกมือหนึ่งติดอยู่กับรองเท้าฟองน้ำ ที่ใช้รองยันพื้นเวลาเคลื่อนตัวแทนเท้าทั้งสอง
ผมเหลียวไปเห็นเธอโดยบังเอิญ เพราะอยู่ด้านหลังผมไปไกลพอควร ผมชลอการ เดินแวะดูโน่นดูนี่ พลางควานมือลงไปในกระเป๋ากางเกง พยายามหาเหรียญอันเล็กซึ่งเป็นเหรียญบาท ก็ไม่มีทั้งสองข้าง รวมทั้งในกระเป๋าเสื้อด้วย และที่ติดมือขึ้นมาก็คือเหรียญห้าบาท ซึ่งทำให้ผมต้องชะงัก
ญาติผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่งสอนไว้ว่า
" เช้าขึ้นให้เอาเหรียญห้าสิบสตางค์ หรือเหรียญบาท หรือมากกว่าก็ได้ ใส่ในกระป๋องหรือกระปุก ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน เพื่อสะสมไว้ทำบุญ เมื่อมีใครเรี่ยรายผ้าป่า หรือกฐิน ก็ให้เขาไปตามสมควร หรือไม่ก็รวบรวมเอาไปทำบุญใส่ตู้รับบริจาคตามวัด เพื่อช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟฟ้า ของวัดนั้น ๆ เดือนหนึ่งก็ไม่กี่บาท ไม่เดือดร้อนอะไรแต่ได้ทำจิตให้เป็นบุญเป็นกุศลทุกวัน การบริจาคทำบุญหรือทำทาน เป็นการขจัดความโลภให้ลดน้อยลง "
ผมก็เชื่อท่าน แต่สะสมไว้แล้วก็ไม่ค่อยได้เอาไปทำบุญที่ไหน ใครเรี่ยรายเรื่องอะไร ก็ควักธนบัตรใส่ซองไปทุกที ถ้าเกิดขาดแคลนค่ารถเมล์ หรือค่าโทรศัพท์สาธารณะ ก็กลับมาควักเอาไปใช้เสียอีก ต่อมาผมจึงตั้งใจของผมเองว่า ไม่ต้องเอาเงินใส่กระป๋องหรือกระปุกก็ได้ แต่พยายามทำทานให้ได้ทุกวัน พบขอทานคนไหน ที่ไหน ถ้ามีเหรียญบาทก็รีบควักให้ไปทันที โดยไม่ต้องมัวลังเลว่าพิการหรือเปล่า ไปเช่าลูกใครเขามาอุ้มหรือเปล่า มีรถตู้ขนเอามาส่งตามจุด เหมือนอย่างที่เขาเล่า ๆ กันหรือเปล่า
ให้เพราะอยากจะให้เท่านั้นก็พอใจแล้ว เขาจะเอาไปทำอะไรก็ช่างเขา ถ้าเอาไปเลี้ยงตัวเลี้ยงครอบครัว ก็เป็นบุญของเขา ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิด ก็เป็นกรรมของเขาเอง เราไม่เกี่ยว ผมจึงถือปฏิบัติมาเป็นประจำวัน จนบางครั้งไปแถวศูนย์การค้าใหญ่ ๆ แค่ขึ้นสะพานลอยฟากนี้ ข้ามไปลงฟากโน้นเพียงเที่ยวเดียว หมดไปเกือบสิบบาทก็เคย นอกจากเหรียญบาทจะหมดกระเป๋าเสียก่อน
แต่ถ้าเป็นประเภทถามหนทางไกล แล้วขอค่ารถหรือค่าข้าวอย่างนี้ ผมก็มักจะโบ้ย ให้ไปขอคนอื่นบ้าง เพราะผมก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน ทำนองนี้
ผมหยุดเดินรอแม่สาวคนที่กระถดตามมาข้างหลัง ด้วยความลังเลว่าจะตัดใจให้ ทีเดียวห้าบาทจะเหมาะสมหรือไม่ กระดากตัวเองว่าถ้าเป็นเด็กหรือคนแก่ ก็เคยให้ทีละบาท คราวนี้รู้สึกว่าจะใจบุญเกินไปหน่อยกระมัง พอดีเธอก็เลื่อนตัวมาถึง จึงหย่อนเหรียญห้าบาท ที่ล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง ลงในมือที่ชูขึ้นนั้น ทำให้เธอต้องเหลียวมามองตามมือของผม ซึ่งเธอไม่ได้ตั้งใจจะขอ ผมรีบหันกลับแล้วเดินต่อไปตามเส้นทางเดิม เพราะไม่อยากประสานกับสายตาที่น่าสมเพชนั้น
ผมเดินมาจนถึงท่าเรือข้ามฟากไปพรานนก ซึ่งเขาเรียกว่าท่าวังหลัง พอผ่านช่องทางที่จะเสียค่าเรือ ที่มีเครื่องกั้นเสียงดังแก๊ก ๆ ผมก็ล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบเงินให้เป็นค่าเรือ แต่กระเป๋ากางเกงว่างเปล่า ล้วงทุกกระเป๋าก็ไม่เจอ เพราะมีอยู่เพียงเหรียญเดียว ที่ให้สาวผู้พิการคนนั้นไปแล้ว ชักเกรงใจคนข้างหลัง จึงล้วงหยิบธนบัตร ในกระเป๋าหลังออกมาส่งให้ เจ้าหน้าที่หญิงเงยหน้าขึ้นค้อนขวับ แล้วก็ทอนเหรียญบาทมาให้ทั้งหมดเต็มกำมือ
คราวนี้ผมมีเหรียญบาท สำหรับให้ทานตั้ง ๔๘ บาทแน่ะครับ.
########## จาก นิตยสารโล่เงิน กรกฎาคม ๒๕๔๐
ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป ๑๒ เมษายน ๒๕๔๙
Create Date : 12 ตุลาคม 2550 Last Update : 12 ตุลาคม 2550 12:54:36 น.
Counter : 1 Pageviews. 4 comments
Add to
อิอิอิ ทำทานจนลืมตัว คิดอย่างคุณเจียวต้ายก้อดีนะ เราทำทานไปแล้วก้ออย่าไปคิดอะไรมาก
โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:9:07:11 น.
ครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:19:22:39 น.
ค่าเรือสองบาท ให้ตั้งร้อย อิ อิ
มันน่าให้ค้อนเหมือนกันนะ
โดย: พี่แต้ วันที่: 14 มีนาคม 2551 เวลา:20:12:49 น.
วรรคสุดท้ายนี้เขียนให้ขำน่ะครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:9:22:25 น.
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 11:22:31 น. |
Counter : 515 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เรื่องธรรมดา (๑) จังหวะชีวิต
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา (๑)
จังหวะชีวิต
เพทาย
เมื่อเดือนก่อน ผมอ่านคอลัมน์ จังหวะชีวิต ในนิตยสารโล่เงิน เฉพาะราศีมีน อันเป็นเดือนเกิดของผมได้ความว่า
" ตัวท่านเองจะมีทุกข์ใจ ร้อนใจ ไม่สงบ มีเคราะห์กรรมแต่ปางก่อนมารบกวน ทำสิ่งใดก็มักจะผิดหวัง "
พอถึงเดือนนี้ก็ทำนายว่า
" ขอให้ท่านทำบุญ สวดมนต์บูชาพระเสาร์อยู่เสมอ การงานและการเสี่ยงโชคก็ทำท่าจะดี แต่ก็อย่าเพิ่งไว้ใจ จะผิดหวังได้ง่าย ๆ ความสูญเสียยังคงมีมาจากมิตรสหายของท่าน "
ผมอ่านแล้วก็เฉย ๆ เพราะผมเชื่อตามคำ ที่พระท่านเทศน์อยู่เสมอว่า การทำดีเป็นฤกษ์ดี ดวงดาวจะทำอะไรได้ ผมเองก็เกิดมานานมากแล้ว พระเสาร์ก็คงจะเคยมาเสวยอายุหลายครั้งแล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้างผมก็ไม่ได้จดจำ อะไรจะเกิดก็เกิด ถ้าดีผมก็ชอบ ถ้าร้ายผมก็ทนเอาไม่ว่า ดีว่าร้าย ลงท้ายมันก็ผ่านเลยไปหมด
ผมนึกของผมอย่างนี้ ขณะที่ออกจากบ้าน จะเดินทางไปตรวจสุขภาพยังโรงพยาบาล เมื่อถึงศาลาพักผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทาง ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มจะสว่าง ผมรีบไปแต่เช้ามืดก็เพื่อหลีกเลี่ยงการจารจรที่แออัดขัดข้อง ผมมองไม่เห็นมีคนรอรถที่ศาลานั้น แต่เมื่อเพ่งดูที่ช่องว่างระหว่างม้านั่ง ก็เห็นชายผู้หนึ่งนอนอยู่ ไม่ทราบว่าด้วย ความเพลีย หรือความง่วง หรือความเมา เพราะเห็นแต่ขาโผล่ออกมาเท่านั้น
แต่ที่สะดุดใจวูบใหญ่ ก็คือเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุไม่เกินห้าขวบ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หนูน้อยคงจะรอให้พ่อตื่น แล้วจะได้กลับไปบ้านด้วยกัน แม่คงจะรอมาตลอดคืนแล้ว
แต่ไม่ทันที่ผมจะตัดสินใจทำอะไร รถประจำทางสายที่ผมต้องการจะไปด้วย ก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้า มีคนลงเพียง ๒-๓ คน ผมจึงก้าวขึ้นไป แล้วเหลียวกลับมาดูข้างล่าง ทุกคนที่ลงจากรถก็เดินผ่านหนูน้อยไปอย่างเฉยเมย ไม่มีใครสนใจมากกว่าผมเลย
บนรถประจำทางคันนั้นมีคนเต็ม ทั้งนั่งทั้งยืน ผมเห็นปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่งตกอยู่บนพื้นรถ ใกล้ ๆ กับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ด้านข้างทางเดิน ผมจึงชี้บอก แกสั่นศรีษะว่าไม่ใช่ของแก ผมจึงบอกว่าเก็บเอาไว้เถอะ ไม่มีเจ้าของแล้วละ แกจึงหยิบขึ้นมาถือไว้อย่างไม่เต็มใจ ผมก็ทำเมินเสีย
ผมลงจากรถประจำทางที่หน้าโรงพยาบาล พอดีเห็นตู้จ่ายเงินอัตโนมัติ ตรงหน้า ธนาคาร อยู่ริมถนน คิดได้ว่าเงินในกระเป๋ามีน้อย อาจไม่พอค่ายาก็ได้ จึงหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมา จากกระเป๋าแล้วเดินเข้าไป ผมจึงเห็นชายคนหนึ่ง ผมยาวประบ่า แต่รุงรังยุ่งเหยิง หน้าบวมฉุ ตาแดงเรื่อ ๆ นั่งกอดเข่าอยู่ที่ขั้นบันไดทางขึ้นธนาคาร ใกล้ตู้เอทีเอ็มนั้น ในอ้อมแขนมีถุงกระดาษใบหนึ่งเก่ายับเยินเต็มที
เวลานั้นสายแล้วผมจึงไม่สนใจเขาเท่าไร เมื่อกดเอาเงินออกมาจากตู้แล้วหันกลับ ก็ได้ยินเขาเรียกเบา ๆ
" ลุงครับ ขอเงินผมกินข้าวสักสิบบาทเถอะครับ "
ผมเคยชินกับการบริจาคเงินให้ขอทานอยู่เป็นประจำ เพียงแต่ให้คนละบาทสองบาทเท่านั้น แต่ผมก็ล้วงกระเป๋ากางเกงด้วยความเคยมือ ได้เหรียญสิบบาทกับเศษอีก ๒-๓ อัน ผมส่งเหรียญสิบบาทให้เขาแต่โดยดี ไม่พูดว่ากระไร ไม่ได้มองด้วยซ้ำ ว่าเขายกมือไหว้ และขอบคุณหรือเปล่า
หลังจากตรวจโรคและซื้อยาเสร็จแล้วก็ใกล้เที่ยง ผมจึงหาอาหารกิน แล้วก็เถลไถลเรื่อยเปื่อยไป กลับมาลงรถที่ป้ายเก่าเมื่อบ่ายสองโมงกว่า ระหว่างที่เดินเข้าซอยหน้าบ้าน ผ่านร้านขายหนังสือเจ้าประจำ จึงแวะดูหัวข่าวหนังสือพิมพ์รายวันตามประสาคนที่สนใจข่าวสารบ้านเมือง แต่ไม่ชอบซื้อให้เสียเงิน
กำลังพลิกเพลินก็มีเสียงเรียกลุง หันไปดูข้างหลังเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง เธอชี้ให้ผมเก็บสลากกินแบ่งใบหนึ่งที่พื้นทางเท้า คงเข้าใจว่าผมทำหล่น แล้วก็เดินเลยไป โดยผมไม่ทันจะบอกว่าไม่ใช่ของผมหรอก ผมก็ลังเลที่จะหยิบขึ้นมา เหมือนกับเด็กนักเรียนหญิงบนรถประจำทางนั้นเช่นเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้จะเอาไปคืนให้ใคร จึงเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ แต่อดที่จะเหลือบดูเลขท้ายไม่ได้ เป็นเลข ๘๓ ก็นึกในใจว่า เมื่องวดที่แล้ว เพื่อนข้างบ้านรุ่นน้าถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ๘๓ ปี ผู้ที่ไปฟังสวดถูกเลขท้ายกันหลายคน คราวนี้คงไม่มีทางที่จะออกซ้ำ
เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน แม่บ้านกำลังเปิดวิทยุฟังประกาศ ผลของการออกสลาก กินแบ่งอยู่พอดี จวนจะจบรายการแล้ว เสียงโฆษกชายประกาศว่าเจ้าหน้าที่หมุนวงล้อเพื่อออกรางวัลเลขท้าย ๒ ตัว แล้วก็มีเสียงออดตามด้วยเสียงแกรกกราก ของอุปกรณ์การออกรางวัลแซ่ด ออกมา ก็ได้ยินเสียงลูกชายร้องตะโกนลงมาจากข้างบน
" คุณพ่อครับ รับโทรศัพท์ "
ผมจึงก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบน รับหูโทรศัพท์แล้วก็บอกชื่อไปตามธรรมเนียม ก็ได้รับ ตอบว่า
" คุณอาขา พ่อหนูเสียเมื่อคืน รดน้ำศพเย็นนี้ที่วัด......."
ผมถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่โดยไม่ได้พูดว่าอะไร บิดาของหญิงสาวที่แจ้งข่าวร้ายนั้น เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผม ที่สนิทสนมกันมานานหลายสิบปีปี เขาตายเสียแล้วด้วยโรคสมองเสื่อมที่เป็นอยู่นานมาก โดยที่ผมไปเยี่ยมเขาทุกปี เว้นแต่ปีนี้มัวผัดวันประกันพรุ่งอยู่จนใกล้จะสิ้นปี เขาคงเบื่อที่จะคอยผมแล้วก็ไม่รู้
เสียงผลการออกสลากรางวัลเลขท้ายสองตัวดังแว่ว ๆ หมายเลขที่ออก สามแปด
ผมนึกถึงคำทำนาย ของคอลัมน์จังหวะชีวิต ขึ้นมาในทันทีนั้นเอง.
#########
นิตยสารโล่เงิน กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐
ถนนนักเขียน ห้องสมุดพันทิป ๑๒ เมษายน ๒๕๔๘
Create Date : 25 สิงหาคม 2550 Last Update : 20 กันยายน 2550 9:25:16 น.
Counter : 117 Pageviews. 6 comments
Add to
สวัสดีค่ะ คุณเจียวต้าย จำกันได้ไหมคะ มิสซิสอาร์โนลด์ หายหน้าไปจากถนนนักเขียนสักพักใหญ่เลย เพราะมัวแต่ทำงานและสร้างบล็อกตัวเองอยุ่ วันนั้นจัดห้องหนังสือยังเจอเรื่องสั้นของคุณเจียวต้ายที่ส่งมาให้อยู่เลยค่ะ
ดีใจจัง คุณเจียวต้ายมีบล็อกของตัวเองแล้ว มิสซิสอาร์โนลด์จะแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ นะคะ ว่างๆ แวะไปเยี่ยมกันที่บล็อกได้นะคะ
โดย: มิสซิสอาร์โนลด์ วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:18:26:34 น.
ผมเคยย่องเข้าไปอ่านแล้วครับ แต่ตอนนั้นยังทำอะไรไม่ถูกเลยครับ.
โดย: เจียวต้าย (เจียวต้าย ) วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:9:49:51 น.
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่โพดมีดวงการพนันมาก ไปกินข้าวกะเพื่อนมีคนตาบอดเอาล็อตเเตอรี่มาขาย เป็นชุดสิบใบสุดท้าย บอกว่าไม่เล่น ลุงแกก้อคะยั้นคะยอให้ซื้อ สุดท้ายก้อตัดใจซื้อเพราะแกบอกว่าแกเดินมาหลายกิโลแล้วขายไม่ได้ซักที ปรากฏว่าถูกเลขท้ายสองตัวได้มาหมื่นกว่า หลังจากได้ตังส์ก้อไปตามหาแกแถวๆนั้น ไปวนเวียนทุกอาทิตย์จนวันหวยออกรอบต่อๆมาแต่ก้อไม่เคยเจอแกเลย กะว่าจะแบ่งตังส์ให้แกที่แกนำโชคมายัดเยียดให้ ปกติไม่ชอบเล่นหวยแต่เพื่อนที่ขายหวยชอบบังคับให้ซื้อทุกครั้งที่เล่นก้อถูกทุกที จนเพื่อนที่ขายหวยเถื่อนหรือหวยสร้อยไม่กล้าให้โพดซื้อแล้ว
โดย: ข้าวโพด IP: 121.55.242.19 วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:14:51:46 น.
คุณข้าวโพดมีพื้นจิตเป็นคยใจบุญ แม้ไม่ชอบการพนัน แต่ตั้งใจทำบุญก็มีโชคได้
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อนครับ ค่อย ๆ เขียนแล้วอ่านทานหลาย ๆ รอบก่อนครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 มีนาคม 2551 เวลา:10:27:25 น.
กลับเลขให้เสียวเล่นซะอย่างนั้นนะครับ
โดย: พี่แต้ วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:14:24:59 น.
ผมไม่มีโชคทางการพนันครับ.
โดย: เจียวต้าย วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:20:41:24 น.
Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553 | | |
Last Update : 24 มีนาคม 2553 9:51:47 น. |
Counter : 1234 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|