Group Blog
 
All Blogs
 
ของฟรี

บันทึกของคนเดินเท้า

ของฟรี

เทพารักษ์

ตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นไปจนเลยลิตรละสี่สิบบาท จนต้องหาทางแก้ไขด้วยการเอาสารต่าง ๆ มาผสมให้เป็น แก๊สโซฮอลล์ และ ไบโอดีเซล เหมือนอย่างที่เคยใช้กันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ประชาชนคนยากคนจนในบ้านเมืองก็หน้าจ๋อยไปตาม ๆ กัน เพราะของทุกชนิดทั้งอุปโภคและบริโภค ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาขึ้นราคาโดยพร้อมเพรียงกัน

รัฐบาลที่มีหน้าที่แก้ไขในเรื่องนี้ ก็มีมาตรการหลายอย่างหลายประการ ที่ออกมาโฆษณา แต่ก็ยังไม่เห็นผลที่เป็นรูปธรรมได้จริง จนต้องใช้มาตรการชั่วคราวที่ช่วยให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้รับผลทันทีรวมหกประการ คือ การลดค่าน้ำประปา ลดค่าไฟฟ้า ลดค่าภาษีน้ำมัน ขึ้นรถเมล์หรือรถประจำทางฟรี และขึ้นรถไฟชั้นสามฟรี ทั้งนี้จะใช้มาตรการนี้เป็นเวลาหกเดือน ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ถึง ๓๑ มกราคม ๒๕๕๒

ตัวผมเองเป็นประชาชนชั้นล่าง มาตั้งแต่เกิด กว่าจะได้กระเถิบขึ้นมาเป็น ชนชั้นกลางค่อนข้างต่ำ เมื่อก่อนที่จะเกษียณอายุราชการไม่กี่ปี ก็พอดีเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งก่อน เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ แต่ก็ยังสามารถรักษาระดับชนชั้นต่ำค่อนข้างกลางไว้ได้อย่างหวุดหวิด ในครั้งนี้จึงได้รับอานิสงค์จากการแก้ปัญหาของรัฐบาลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

พอถึงวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ เวลาตีห้าครึ่งก็รีบลุกขึ้นจากที่นอน ล้างหน้าล้างตาอาบน้ำแปรงฟันและแต่งตัวพร้อมที่จะออกจากบ้าน จนมีผู้ถามว่าจะไปไหนแต่เช้าหรือ ผมก็ยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจว่า จะไปขึ้นรถฟรี แต่ผมยังไม่ได้ออกจากบ้านตั้งแต่ตอนที่ยังมืดอยู่นั้นหรอก กลัวว่ารถเมล์จะยังไม่ออกจากอู่จึงเข้ามานั่งหน้าคอมพ์ เปิดดูข่าวคราวบ้านเมืองจากห้องราชดำเนิน เพื่อให้แน่ใจว่า เขาจะเริ่มมาตรการดังกล่าวในวันนี้จริง ๆ แล้วก็เลยดูเรื่องจีนที่เอาไปวางไว้ในห้องไร้สังกัด ตั้งแต่เมื่อวาน ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาอ่านสามคนแล้ว และเลื่อนไปดูกระทู้นอกเรื่องในห้องสมุด ก็มีผู้เข้ามาออกความเห็นถึงสี่คน จึงเอาเรื่องจีนตอนใหม่มาวางต่อพร้อม ๆ กับเก็บไว้ในบล็อกด้วย ก็พอดีได้เวลากินข้าวเช้า

ผมซื้อแกงถุงมากินกับข้าวที่หุงด้วยหม้อไฟฟ้า ซึ่งก็กินเพียงมื้อละทัพพีเดียว เพราะผมเป็นมนุษย์กินข้าวทั้งสามมื้อ แต่ต้องซื้อแกงซึ่งเมื่อก่อนวิกฤติขายถุงละ ยี่สิบบาท หลังจากที่ขายถุงละสิบบาทมาตั้งนานนม เวลานี้เป็นถุงละยี่สิบห้าบาท คืออย่างที่ท่านว่า ขึ้นราคาทีละยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ ขนมถุงละสิบบาทก็เป็นสิบสองบาท ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไข่ต้มไม่ต้องพะโล้ฟองละห้าบาทเป็นหกบาท ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน แต่ที่น่าเกลียดก็คือ ขนมจีนไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากหยิบใส่ถุง จากห้าบาทเป็นสิบบาท

ผมกินข้าวเช้าหมดไปหนึ่งทัพพี ข้าวเหนียวหน้าสังขยา(อ่านว่าสังขะหยา)หนึ่งห่อ และกาแฟใส่นมเย็นหนึ่งถุง เรียบร้อยแล้วก็สวมถุงเท้ารองเท้า เปิดประตูรั้วหน้าบ้านออกไปเจอเพื่อนบ้าน ก็ถามประโยคเดิมว่าไปช็อปปิ้งที่ไหนล่ะคุณตา ผมก็ต้องรีบบอกว่า จะไปขึ้นรถฟรีเขาก็ยิ้ม คงจะดีใจด้วยที่จากลดครึ่งราคาในฐานะผู้เฒ่า เป็นไม่ต้องเสียเลย

ผลประโยชน์ที่ผมควรจะได้นั้นน่าจะเป็นรถไฟมากกว่ารถเมล์ เพราะเมื่อรับราชการอยู่ ก็ใช้บัตรข้าราชการลดราคาค่าโดยสารเพียงครึ่งเดียวตลอดทั้งปี พอเกษียณอายุแล้ว เขาก็ลดครึ่งให้แค่สี่เดือน คือ มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน เท่านั้น เรียกว่านอกฤดูตากอากาศนั่นแหละ คราวนี้ถ้าขึ้นชั้นสามฟรีก็คงจะดีไม่ใช่น้อย ถ้าจะเดินทางไปเที่ยวแค่น้ำตกในจังหวัดกาญจนบุรี หรือเทศกาลต่าง ๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม อยุธยา นครสวรรค์ เป็นต้น

ผมนั่งอยู่ที่ป้ายจอดรถประจำทางหน้าปากซอย เพื่อสังเกตการเดินรถ ว่าบริษัทเขามีวิธีปฏิบัติอย่างไรในกรณีนี้ ปรากฏว่าคันแรกที่เห็นคือรถสีครีมแดง ที่ปัจจุบันเรียกกันติดปากว่ารถร้อนสาย ๖๕ จากเมืองนนท์ไปสนามหลวง ติดสติกเกอร์ทั้งด้านหน้า ข้างบันได และด้านหลัง ว่า รถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน ตัวใหญ่เห็นชัดแต่ไกล เมื่อมาจอดตรงหน้าผม ก็มีคนลงคนขึ้นเป็นปกติ ไม่มากไม่น้อย แต่สังเกตว่าไม่มีกระเป๋าหรือกระปี๋ ที่คอยเร่งว่าก้าวหน่อยครับ สองประตูครับ อย่างที่เคยได้ยินเป็นประจำ

อีกครู่หนึ่งสาย ๓๒ ก็เข้ามาเทียบ สายนี้ยาวจากปากเกร็ดถึงวัดโพธิ์ ฟรีเหมือนกัน และคนก็ไม่ได้เบียดกันแอ้ดเหมือนช่วงเย็น ต่อไปเป็นสาย ๓ สถานีขนส่งจตุจักรไปคลองสาน คันนี้ไม่ฟรี คันต่อมาเป็นสาย ๖๖ จากถนนสามัคคีเมืองนนท์ไปสายใต้ใหม่(เอี่ยม) คันนี้ก็ฟรีแต่ไม่ได้จอดป้ายที่ผมนั่ง เพราะจะต้องเลี้ยวขวาที่แยกซังฮี้ขึ้นสะพานกรุงธน ตอนนี้ทิ้งช่วงไปหน่อย รถที่ผมรอจะขึ้นคือสาย ๔๙ จากขนส่งจตุจักรถึงหัวลำโพง ปกติสายนี้จะไม่ค่อยมีรถครีมแดง วันนี้ก็เช่นกัน โผล่มาก็เป็นรถปรับอากาศสีน้ำตาล ก็เลยต้องขึ้นโดยใช้สิทธิ์ผู้เฒ่าลดครึ่งราคา ตามปกติ

สายนี้แล่นไปเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกบางขุนพรหม ผ่านแยก จปร. แยกหลานหลวง ภูเขาทอง วัดสระเกษ แยกแม้นศรี เลี้ยวซ้ายที่แยกสามยอดเข้าถนนเจริญกรุง ผ่านวงเวียน ๒๒ กรกฎา ระหว่างทางได้ผ่านสถานีบริการขายน้ำมัน หรือที่เรียกกันติดปากว่าปั๊มน้ำมัน ผมจึงสังเกตเห็นป้ายราคาน้ำมันที่มีตัวเลขราคาอยู่สี่แถว ไม่มีราคาเกินสามสิบบาทเลย ต่างจากที่เคยเห็นเมื่อเดือนก่อน ที่แถวบนมีราคาสูง สุดถึงสี่สิบบาท ขออภัยที่ไม่ได้ระบุชื่อน้ำมัน เพราะผมเป็นคนไม่มีรถจะขับ จึงไม่ทราบว่าน้ำมันชื่ออะไรบ้าง เพียงเห็นผ่าน ๆ จากหน้าต่างรถเมล์โดยอ่านไม่ทัน แต่ที่ราคาต่ำลงนั้นก็คงจะเป็นเพราะนโยบายหนึ่งใน หกข้อนั้นเอง สุดท้ายก็ข้ามสะพานนพวงษ์ ไปจอดที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ผมจึงลงจากรถโดยมีประโยคฮิตตามหลังว่า ก้าวหน่อยลุง สองประตูนะจ๊ะ

ผมตั้งใจมาสถานีหัวลำโพง ก็เพื่อที่จะสังเกตการณ์ว่า ทางการรถไฟมีมาตรการปฏิบัติอย่างไร ต่อนโยบายฟรีสไตล์นี้ สิ่งแรกที่เห็นก็คือป้ายสีเขียวใหญ่เบ้อเริ่ม ติดไว้ต้อนรับผู้ใช้บริการ มีข้อความว่า รถไฟฟรีเพื่อประชาชน แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คอยแจกคำชี้แจง เป็นใบปลิวที่มีรายละเอียดว่า

รถไฟฟรีเพื่อประชาชน สนองนโยบายรัฐบาล ๖ มาตรการ ๖ เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน

การรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม เปิดให้ประชาชนใช้บริการรถไฟเชิงสังคม (PSO) ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลจ่ายเงินชดเชยรายได้ มีวันละ ๑๖๔ ขบวน ประกอบด้วย รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น และรถรวม ซึ่งพ่วงตู้โดยสารชั้นสามล้วน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๑ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๒

ขบวนรถ PSO มีข้อสังเกตที่ป้ายข้างรถจะมีสีเชียว และมีข้อความ “รถไฟฟรีเพื่อประชาชน” หรือตรวจสอบรายชื่อขบวนรถได้ที่ป้ายประกาศตามสถานีรถไฟทุกแห่ง ทั่วประเทศไทย หรือ //www.RAILWAY. CO.TH

และมีข้อความล้อมกรอบว่า ขอความร่วมมือโดยสารในที่ที่จัดให้เท่านั้น ไม่ห้อยโหน ขึ้นหลังคา และโดยสารบริเวณข้อต่อระหว่างตู้

เมื่อได้เดินดูสถานที่โดยทั่วไป เพราะไม่ได้มาเยี่ยมเสียนาน ตั้งแต่รถไฟแล่นเลยรางครั้งหลังแล้ว ก็ออกมาหาบะหมี่น้ำรองท้อง แล้วก็ตกลงใจที่จะเดินทางกลับไปสถานีสามเสน โดยไม่รอขบวนรถไฟฟรี ตามที่ตั้งใจไว้เดิม

ผมเดินเลี้ยวซ้ายไปทางถนนพระรามสี่ ตรงหัวมุมถนนนั้นเองก็พบสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่แล่นจากต้นทางสถานีหัวลำโพงถึงปลายทางสถานีบางซื่อ เมื่อลงบันไดเลื่อนที่ค่อนข้างชันและแล่นเร็ว จนผู้อาวุโสต้องจับราวไว้แน่น ถึงพื้นก็พบห้องขายตั๋วค่าโดยสารพอดี ผมเข้าไปบอกว่าจะไปบางซื่อ พนักงานหญิงก็บอกสั้น ๆ ว่า ยี่สิบเอ็ดบาท ผมก็ล้วงมือไปควานหาบัตรประขาขาจากกระเป๋าหลัง ปากก็บอกว่า ผู้เฒ่านะครับ เธอก็บอกว่า ราคาเต็มสามสิบเอ็ดบาท ผมก็เลยเลิกควักบัตร ยอมรับเหรียญกลม ๆ สีดำ ที่ทำด้วยวัสดุเบากว่าเหรียญบาท แล้วออกจากห้องขายตั๋วมาที่ทางเข้าซึ่งแบ่งเป็นช่อง ๆ เหมือนรถไฟลอยฟ้า แต่ไม่มีช่องที่จะใส่เหรียญ เพียงเอาไปแตะประตูก็เปิดให้เราผ่านเช่นเดียวกัน

รถไฟใต้ดินมุดอุโมงค์ผ่านสถานีต่าง ๆ จากสถานีสามย่าน สีลม ศูนย์สิริกิตติ์ เพชรบุรี ศูนย์วัฒนธรรม ห้วยขวาง ลาดพร้าว พหลโยธิน จตุจักร กำแพงเพชร ประมาณนั้นเท่าที่จำได้โดยไม่ได้จด มีผู้โดยสารขึ้นลงตามสถานีรายทางพอสมควร ไม่ถึงกับยืนเบียดเหมือนรถลอยฟ้า ผมจึงสามารถใช้สายตาดูเรื่อยเปื่อยไปรอบ ๆ ตัวจึงพบว่า
ข้อความที่ชักชวนให้เอื้อเฟื้อต่อผู้โดยสารนั้นมีภาพประกอบเป็น ภิกษู สามเณร เด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา ซึ่งต่างกว่าข้อความบนรถเมล์ที่ไม่มีภาพประกอบว่า โปรดเอื้อเฟื้อแก่ เด็ก สตรี คนชรา และคนพิการ ซึ่งผมจะได้รับความเอื้อเฟื้อทั้งสองรายการ

ชั่วเวลาเพียงสี่สิบนาทีรถใต้ดินก็มาถึงบางซื่อ ออกจากตัวรถแล้วก็เดินลงบันไดเลื่อนผ่านทางออก คราวนี้ต้องเอาเหรียญหย่อนใส่รู ประตูจึงจะเปิดให้ผ่านได้ จากนั้นก็ต้องเดินตามทางใต้ดินมาอีกร่วมพันเมตร จึงโผล่มามาสูดอากาศที่เต็มไปด้วยมลภาวะอย่างเดิม ขณะนั้นก็เป็นเวลาประมาณบ่ายโมง หรือสี่ชั่วโมงกว่านับแต่ออกจากบ้าน

ผมเดินจากสถานีรถไฟใต้ดิน ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟบนดินสายใต้(บางซื่อ๒) ด้านเหนือของสถานีเก่า มานั่งอยู่ที่ผู้โดยสารพักคอย หน้าสถานีบางซื่อ(เก่า) ขณะนั้นมีขบวนรถ บชส.หรือโบกี้ชั้นสามจอดอยู่เจ็ดตู้ โดยไม่มีหัวรถจักรพ่วงทั้งสองด้าน ด้านข้างรถมีป้ายสีเขียวความว่า รถไฟฟรีเพื่อประชาชน ตามใบโฆษณาทุกตู้ บนรถมีผู้โดยสารนั่งอยู่ตามเก้าอี้อย่างโปร่งสบายไม่ยัดเยียด เป็นรถขบวนจาก กรุงเทพ ถึง ตะพานหิน ผมก็เดินไปดูตารางรถไฟของสถานี ก็พบว่าขบวนนี้ จากสถานีกรุงเทพหรือหัวลำโพง เวลา ๑๒.๕๕ น. ถึงบางซื่อ ๑๓.๑๖ น. และจอดสองนาทีออกจากบางซื่อเวลา ๑๓.๑๘ น.

รออีกไม่นานก็มีรถจักรมาต่อที่หัวขบวน เสียงโฆษกประจำสถานีประกาศว่าเป็นรถไฟฟรีเพื่อประชาชน เดินจากไหนถึงไหน ผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทางไปกับรถขบวนนี้ ให้รีบขึ้นไปบนรถ เพราะรถจะออกแล้ว แต่ผมเหลียวดูรอบตัวก็ไม่มีขยับเขยื้อน คงจะขึ้นไปรอบนรถกันหมดแล้ว แล้วรถไฟก็เปิดหวูด และค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป ผมอยากรู้ว่าตรงเวลาตามตารางหรือไม่ จึงเดินไปดูนาฬิกาของสถานีทั้งสามเรือน ต่างก็มีกระดาษปิดบอกว่านาฬิกาเสียทุกเรือน

ขณะนั้นบริเวณข้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็มีรถเมล์เข้ามาจอดรับผู้โดยสารเป็นระยะ ทั้งรถร่วมสีขาวและรถครีมแดงที่ไม่ฟรี สลับกับรถเมล์ฟรีตลอดเวลาไม่ต้องรอนานนัก แต่รถเมล์ที่ผมจะต่อจากสถานีบางซื่อไปยังสถานีสามเสนนั้น เป็นรถร่วมมีสองสายคือ สาย ๙ ไปประตูน้ำภาษีเจริญ กับสาย ๑๒๕ไปศาลายา ผมขึ้นสาย ๑๒๕ มาลงสถานีสามเสนโดยใช้บัตรผู้เฒ่าตามเคย เสียค่ารถเพียง ๔.๒๕ บาท พอถึงสถานีสามเสนก็พอดีมีรถไฟสายเหนือฟรีจากไหนก็ฟังไม่ชัด เข้ามาจอดพอดี มีผู้โดยสารลงมามากมาย และมีประชาชนที่ยืนอยู่บนชานชลา ขึ้นรถเพื่อจะไปลงที่สถานีหัวลำโพงหลายคน ผมเองก็อยากขึ้นเหมือนกัน แต่เกรงว่าจะเป็นการเห่อเอามาก ๆ เพราะเพิ่งมาจากหัวลำโพงเมื่อกี้นี้เอง จึงรีรออยู่จนรถแล่นออกจากสถานีไป

ผมนั่งที่เก้าอี้ยาวหน้าสถานีอีกสักพักหนึ่ง ก็มีรถไฟจากหัวลำโพงเข้ามาจอด คราวนี้พอจะฟังเสียงประกาศรู้เรื่อง จึงได้ทราบว่าเป็นขบวนที่ ๒๐๗ จากกรุงเทพปลายทางนครสวรรค์ รถจักรหมายเลข ๔๐๔๗ พ่วงรถโดยสารชั้นสาม ๕ ตู้ และมีผู้โดยสารนั่งกันอยู่อย่างหลวม ๆ เช่นเคย เมื่อรถไฟออกจากสถานีไปแล้ว โฆษกก็ประกาศประชาสัมพันธ์ เช่นที่เคยได้ยินมาแล้ว แต่ต่อท้ายว่ารถโบกี้ชั้นสาม ที่พ่วงในขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถเร็ว ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าโดยสารและค่าธรรมเนียม ตามปกติ คือไม่ฟรี ซึ่งรถขบวนถัดไปก็เป็นตัวอย่าง คือรถเร็วสายกรุงเทพ – เชียงใหม่ แต่ไม่มีการพ่วงโบกี้ชั้นสาม คงจะเปิดโอกาสให้ไปขึ้นขบวนอื่นที่ฟรีก็ได้

ผมดูเวลาจากนาฬิกาของสถานี เห็นเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าเกือบบ่ายสามโมง เลยเวลาที่เขาอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์แล้ว อยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงออกมาขึ้นรถเมล์สาย ๙ ที่หลังสถานีสามเสน กลับบ้านสวนอ้อย

โดยยังไม่ได้ใช้บริการรถฟรีเลยแม้แต่สายเดียว.

##################



Create Date : 03 สิงหาคม 2551
Last Update : 3 สิงหาคม 2551 9:51:17 น. 7 comments
Counter : 445 Pageviews.

 

อืมม์
ถ้ายอมเห่อของใหม่ๆบ้างก็ไม่เสียหลายนะครับ ฮ่ะๆ


โดย: GTW IP: 58.8.154.160 วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:10:51:42 น.  

 
อ้่าว อ่านมาตั้งนานนึกว่าจะได้นั่งรถฟรี แต่ไม่เป็นไรมีเวลาอีกตั้งหลายเดือนนะค้าบ แง๊วววว


โดย: ข้าวโพดแมวติสต์แตก วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:11:33:54 น.  

 
ธุ สวัสดีค่ะคุณเจียวต้าย
ขอมาปะโป้งไว้ก่อนนะคะ
แว่บไปทานกลางวันก่อนมาจ๊ะเอ๋ค่ะ


โดย: พรายทราย วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:12:05:17 น.  

 
มาจ๊ะเอ๋แล้ว
โหหหห คุณเจียวต้าไปเซอร์เวย์เกือบรอบเมืองจริง ๆ
พรายทรายเพิ่งรู้ว่ามีรถไฟฟรีเสียด้วย
น่านั่งเล่นไปคลายเครียดเสียจริง ๆ
ตะพานหิน นี่พิจิตรหรือเปล่า
ไปไกลพอสมควร ถ้าจำเมืองไม่ผิด

อีกอย่างที่ได้รู้เพิ่มคือ
สำหรับผู้เฒ่านี่ รถไฟฟ้าครึ่งราคาด้วยแหะ
ว่าไปอยากเป็นผู้เฒ่าเร็ว ๆ
จะได้ยืดใช้บัตรราคาพิเศษกับเขาบ้าง

ส่วนใหญ่แล้วก็ใช้รถประจำทางเสียเป็นส่วนมาก
สะดวก คล่องตัวดี
แต่กลัวใจเวลาต้องรอ
ยิ่งรอรถฟรีนี่ สงสัยจะมานานอยู่ไม่น้อย

อีกอย่างรถแน่นทรมานสังขารไม่ไหว
จำใจยอมรอรถว่าง ๆ ต่อไป
แม้จะไม่ค่อยมีบุญเรื่องรถเก๋ง ให้ต้องปวดใจเรื่องน้ำมัน
แต่ก็โชคดีที่เวลาเดินทางไปไหน
รถเมล์ส่วนใหญ่เป็นสายว่าง ๆ
ที่คนไม่ค่อยขึ้นแล้วทั้งนั้น
สบายไป...

เว็บของรถไฟนี่เข้ายากเข้าเย็นทุกทีเลย
จำได้ว่าเคยเช็คกดเข้าไปก็ไปไม่ถึงด้านใน
ยิ่งโทรศัพท์แล้วยิ่งเหนื่อยใจ

จนบางทีนึกว่าเมืองไทยไม่มีรถไฟบริการแล้ว
แหง แหง ...


โดย: พรายทราย วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:13:33:01 น.  

 
อะโห ท่านผู้อาวุโสเดินทางไปซะรอบเมือง ยังไม่ได้เห่อกับชาวบ้านชาวช่องซะงั้น

เอาไว้คราวหน้า (หรือคราวหลัง) แล้วลองบรรยายบรรยากาศให้ดูอีกทีนะครับ

เห็นจากหัวข้อด้านซ้ายแล้ว ผมจะแวะมาบ่อยๆครับ ชอบแนวๆนี้เหมือนกันครับ


โดย: dingadinga วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:18:51:39 น.  

 
คุณตาเจ้าขา


นั่งรถฟรีเผื่ออิชั้นสักวัน นะเจ้าคะ วันไหนก็ได้เจ้าค่ะ




อิอิ


โดย: เจ้าป้ามหาภัย IP: 124.157.177.126 วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:19:10:53 น.  

 
อาจารย์จีคงไม่มีวาสนาได้นั่งรถฟรีนะครับ
แต่ก็ได้อานิสงค์กับค่าน้ำมันที่ลดลงบ้างก็ยังดีครับ.

คุณข้าวโพดรีบกลับมานั่งรถฟรีซีครับ.

คุณพรายทรายคงจะหาโอกาสยากเหมือนกันนะครับ
เพราะอยู่ไกลมาก แลมีผู้โดยสารแน่นทุกคัน
ถ้าโหนรถฟรีเกรงจะหมดลม เอ๊ย.......เป็นลมเสียก่อนนะครับ.

ขอบคุณ คุณdingadinga ที่จะติดตามอ่านเรื่องของเจียวต้าย ค่อย ๆ อ่านไปได้เป็นปีเชียวครับ.

รู้สึกว่าบ้านของคุณเจ้าป้ามหาภัย
จะไม่มีทั้งรถเมล์ และรถไฟฟรีนะครับ
ผมจะนั่งเผื่อครับ.



โดย: เจียวต้าย วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:20:25:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.